เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 7 งานเลี้ยงตระกูลหลัน
“จำไว้ พวกคุณมีเวลาแค่เจ็ดวันเท่านั้น……”
พูดจบ หยางเฟิงก็พาภรรยาและลูกเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ทุกคนในตระกูลเย่นับร้อยคน ไม่มีใครกล้าขวาง ยืนมองหยางเฟิงเดินจากไปตาปริบ ๆ
หลังจากหยางเฟิงจากไปแล้ว ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อมองดูบรรดาบอดี้การ์ดที่นอนอยู่บนพื้น ทุกคนในตระกูลเย่ต่างรู้สึกกลัวขึ้นมาชั่วขณะ
หยางเฟิงแข็งแกร่งจนน่ากลัว !
หลายปีมานี้เขาผ่านอะไรมากันแน่ ?
เย่กวงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด : “คุณพ่อครับ พวกเราควรทำอย่างไรดีครับ ?”
เย่เทียนส่งเสียงฟึดฟัด : “เวลาเจ็ดวันอะไรกัน ? ฉันว่าหยางเฟิงคนนี้คงเสียสติไปแล้ว เรียนการต่อสู้มานิดหน่อย ก็ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาแล้ว !”
“จริงด้วย ก็แค่ลูกเขยคนเดียว กล้ามาข่มขู่ตระกูลเย่ของเรา บ้าสิ้นดี”
“ฉันว่าไอ้สวะนี่ คงจะหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชแน่นอน ต่อไปพวกเราคงต้องระวังตัวสักหน่อย ผู้ป่วยทางจิตฆ่าคนไม่ผิดกฎหมายนะ !”
หลังจากเย่เทียนพูดจบ คนในตระกูลเย่ก็คลายความตกใจลง
ในความคิดของพวกเขา หยางเฟิงก็เป็นเพียงแค่คนเสียสติเท่านั้น
คนบ้าย่อมพูดภาษาของคนบ้า จะถามหาเหตุผลอะไรกัน ?
“ทุกคนว่าระฆังใบนี้ หลอมมาจากทองคำจริงไหม ?”
หวางลี่เดินตรงมาที่ระฆัง และใช้มือเคาะ จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อย่าพูดจาไร้สาระไปหน่อยเลย ระฆังใบนี้ คงเป็นโลหะเก่าผุพังที่หยางเฟิงหามาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นจึงใช้สีทองทาทับ”
“คนบ้าก็คือคนบ้า เขาคงคิดว่าเอาภูเขามาทาสีทองก็จะกลายเป็นภูเขาทองแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ !”
คนของตระกูลเย่ หัวเราะให้กันอีกครั้ง
“เย่กวง เมื่อไหร่บุคคลสำคัญจะมาถึง ? รีบย้ายระฆังโสโครกนี่ออกไปเร็ว จะได้ไม่ขวางหูขวางตาบุคคลสำคัญเข้า !”
เย่เทียนรีบปรับอารมณ์ แล้วหันไปถามเย่กวง
“จะว่าไปก็น่าจะมาถึงนานแล้ว ผมจะลองโทรศัพท์ไปถามดู……”
พูดจบ เย่กวงก็กดต่อสายโทรศัพท์
ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่กวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธเอง : “คุณพ่อ อีกฝ่ายพูดว่า เมื่อครู่บุคคลสำคัญมาถึงแล้ว แต่ก็กลับไปแล้ว”
“บุคคลสำคัญยังบอกอีกว่า คนของตระกูลเย่เราโง่เขลาเหมือนหมูกันทุกคน เกินที่จะเยียวยา !”
“อะไรนะ บุคคลสำคัญมาแล้วแต่กลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ ?”
“ฉันรู้แล้ว บุคคลสำคัญคงจะกลับไปเพราะตกใจเจ้าบ้าหยางเฟิงแน่นอน”
“ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ตระกูลเย่ของเรามีคนบ้าเช่นนี้อยู่ ถือเป็นโชคร้ายของตระกูลจริง ๆ !”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เย่เทียนก็ตะคอกด้วยความโกรธ : “หยางเฟิง ฉันจะฆ่าแก !”
หยางเฟิงทำให้บุคคลสำคัญตกใจจนหนีกลับไป ทำลายการใหญ่ของตระกูลเย่
นี่เท่ากับเป็นการดับฝันที่ตระกูลเย่จะได้ขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของตงไห่ !
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทุกคนในตระกูลเย่ต่างโกรธแค้น จนแทบอยากจะกลืนหยางเฟิงทั้งเป็น
……
หลังจากเดินออกมาจากโรงแรม เย่เมิ่งเหยียนยังคงอยู่ในอาการสับสน
ส่วนหยางพั่นพั่นก็ยิ่งมีสีหน้าตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หยางเฟิง พวกเรา……”
เย่เมิ่งเหยียนหันมองหยางเฟิง เหมือนมีบางอย่างจะพูดต่ก็ไม่พูดออกมา
หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “เมิ่งเหยียน ผมรู้ว่าคุณคงมีคำถามมากมายในใจ เมื่อก่อนคุณต้องพบเจอกับความทุกข์มากมาย แต่วันนี้ผมกลับมาแล้ว ผมจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับความทุกข์ที่คุณได้รับทีละอย่าง ๆ เริ่มที่ตระกูลเย่เป็นอันดับแรก !”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกซาบซึ้งมาก
ห้าปีที่ผ่านมา เย่เมิ่งเหยียนได้รับความทุกข์ทรมานจากตระกูลเย่ไม่น้อย
เธอคิดว่าคงต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ไปตลอดชีวิตเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อหยางเฟิงกลับมา จะทำให้เธอลืมตาอ้าปากต่อหน้าคนของตระกูลเย่ได้อีกครั้ง !
เย่เมิ่งเหยียนถามด้วยความสงสัย : “หยางเฟิง คนของตระกูลเย่จะยอมมาขอโทษฉันจริงหรือ ?”
หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “คุณวางใจเถอะ หากพวกเขาไม่มาคุกเข่า ผมจะให้พวกเขาหายสาบสูญไปจากโลกนี้ตลอดไป”
ขณะที่พูด ใบหน้าของหยางเฟิงก็ปรากฏเจตนาฆ่าออกมา
เย่เมิ่งเหยียนไม่ได้เก็บเอาคำพูดของหยางเฟิงมาใส่ใจ ตระกูลเย่เป็นตระกูลใหญ่ขนาดนั้น หยางเฟิงจะล้มล้างง่าย ๆ ได้อย่างไร ?
แต่เมื่อมีคำพูดเช่นนี้ของหยางเฟิง ก็ทำให้เย่เมิ่งเหยียนรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย
กรี๊ง !
ตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเย่เมิ่งเหยียนดังขึ้น
หลังจากนั้นสักพัก เย่เมิ่งเหยียนก็กดวางสายโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสับสน
หยางเฟิงเห็นดังนั้นจึงถามว่า : “เป็นอะไรไป ?”
เย่เมิ่งเหยียนลังเลอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นว่า : “เมื่อกี้คุณแม่โทรศัพท์มา บอกว่าวันนี้ที่ตระกูลของคุณตาจัดงานครอบครัวขึ้น ต้องการให้ฉันไปกล่าวอวยพรคุณตาสักหน่อย”
หยางเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม : “ก็ดีสิ ผมจะไปกับคุณเอง หลังจากกลับมาถึง ผมยังไม่มีโอกาสพบหน้าพ่อแม่ของคุณเลย”
“อืม !”
เย่เมิ่งเหยียนพยักหน้า ทั้งสองซื้อของขวัญเล็กน้อยและออกเดินทาง
……
ตระกูลหลัน
ถือเป็นตระกูลอันดับสามของตงไห่
วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวของตระกูลหลัน คนของตระกูลหลันต่างเดินทางมาถึงที่คฤหาสน์นานแล้ว
หลันซิน แม่ของเย่เมิ่งเหยียน รวมไปถึงพ่อของเธอ เย่ไห่ ตอนนี้ยืนอยู่ในมุมด้านในสุดของห้องโถงใหญ่ในคฤหาสน์
คนของตระกูลหลันแต่ละคน ต่างมองดูพวกเขาด้วยสายตาดูถูก
เมื่อเย่ไห่และหลันซินต้องเผชิญหน้ากับสายตาของทุกคน ก็มีสีหน้าเก้อเขิน
เมื่อห้าปีก่อน ในฐานะที่หลันซินเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่ตระกูลเย่ ทุกครั้งที่กลับมาบ้านเกิด มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีเยี่ยมเกินกว่ามาตรฐาน
แต่ตอนนี้……
เพราะหยางเฟิง พวกเขาจึงตกเป็นเป้าในการดูถูกเยาะเย้ยของตระกูลหลัน
“พวกคุณดูสิ เย่เมิ่งเหยียนกับลูกสาวมากันแล้ว !”
“เอ๊ะ ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่หยางเฟิงหรือ ? ทำไมเขากลับมาแล้ว ?”
หลังจากหยางเฟิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ คนของตระกูลหลันต่างมีสีหน้าประหลาดใจ
“คุณพ่อคุณแม่ !”
หยางเฟิงเพิกเฉยต่อสายตาที่แปลกประหลาดของทุกคน เขาเดินตรงไปหาเย่ไห่กับหลันซินและกล่าวทักทาย
เมื่อเห็นหยางเฟิง ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของหลันซิน
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฟิง ครอบครัวของพวกเขา คงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้
“หยางเฟิง แกจะกลับมาอีกทำไม ? หรือแกยังทำลายครอบครัวของเราไม่พอ ?” หลันซินตะคอกด้วยความโกรธ
หยางเฟิงแสดงสีหน้ารู้สึกผิด : “คุณแม่ครับ ตอนนั้นผมผิดเอง ตอนนี้ผมกลับมาเพื่อชดเชยความผิดที่เคยก่อเอาไว้ในตอนนั้น”
หลันซินหันมองหยางเฟิงที่สวมใส่เสื้อผ้าตามตลาดนัด แล้วหัวเราะเยาะ : “แกพูดได้น่าฟังดีนี่ แกคิดจะชดเชยอย่างไรล่ะ ?”
“แม่คะ อย่าพูดอีกเลยนะคะ ในเมื่อหยางเฟิงกลับมาแล้ว ครอบครัวของเรากลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งก็พอแล้วนี่คะ”
เมื่อเห็นหลันซินโมโห เย่เมิ่งเหยียนก็รีบก้าวเข้ามาทันที
ในใจของเธอ ไม่ว่าอย่างไรหยางเฟิงก็คือสามีของเธอ !
หลันซินกลับจ้องมองเย่เมิ่งเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เธอพูดด้วยความโกรธ : “ยัยเด็กโง่ หยางเฟิงทำร้ายลูกขนาดนี้แล้ว ลูกยังจะช่วยพูดแทนเขาอีกหรือ ลูกเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร !”
เมื่อคิดถึงความทุกข์ที่ได้รับมาตลอดห้าปี หลันซินก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
“คุณแม่ครับ ผมกลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อทำให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น !”
“ผมไม่มีวันจากเมิ่งเหยียนไปไหนอีกแล้ว ผมจะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกครับ”
“ส่วนตระกูลเย่ ผมเองก็ไปมาแล้ว ภายในเจ็ดวัน คนของตระกูลเย่ ถ้าหากภายในเจ็ดวันยังไม่ยอมมาคุกเข่าขอโทษเมิ่งเหยียนแต่โดยดี ผมก็จะทำให้ตระกูลเย่ทั้งตระกูลหายสาบสูญไป”
หยางเฟิงมีสีหน้าและแววตาที่จริงจัง