เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 21-22
บททที่ 21 คิดถึงผู้ตายและเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อทุกอย่างจบลง
“สวีเทียนเฉิง สู้เพื่อประเทศชาติ ทำสำเร็จได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสนามรบ! เขา เป็นวีรบุรุษของประเทศชาติ วีรบุรุษแห่งตระกูล!”
“เขายังเคยช่วยฉันบางกระสุนหลายนัด เป็นพี่น้องที่ดีของฉัน! ไม่มีเขา ก็จะไม่มีเย่เทียนในวันนี้!”
“แค่ว่า ในหนึ่งปีก่อน เขากลับตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ถึงแม้ว่าตายแล้ว ยังต้องแบกรับกับโทษที่คิดมิดีมิร้ายกับพี่สะใภ้อีก”
“สำหรับเรื่องพวกนี้แล้ว คุณไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอ?”
เย่เทียนกล่าวถามหยางไห่ซานแบบคำต่อคำ จนเขาพูดไม่ออก
หยางไห่ซานยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ไม่กล้าสบตากับเย่เทียนเลยแม้แต่นิดเดียว
เย่เทียนในตอนนี้ ก็เหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง กดทับเขาจนหายใจไม่ออก
“ในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ฉันคิดที่จะให้ความเป็นธรรมแก่เทียนเฉิงอยู่ตลอดเวลา และในวันนี้ ฉันกลับมาแล้ว ความแค้นในปีนั้น มันต้องชำระอยู่แล้ว ทุกคนที่เคยทำร้ายเทียนเฉิง ฉันจะให้เขาคืนกลับมาร้อยเท่า!”
พูดไป สายตาของเย่เทียนเย็นชาทันที ทำให้หยางไห่ซานกลัวจนตัวสั่น ล้มไปนั่งอยู่กับพื้นจนเต็มก้น
กี่ปีแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หยางไห่ซานรู้สึกอับอายอย่างนี้
“เย่ เย่เทียน คุณอย่าหยิ่งผยอง! มามีเรื่องกับตระกูลหยางในหรงเฉิง มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย นอกจากนี้ยังมีตระกูลสวีอีก คุณลองคิดให้ดีนะ”
หยางไห่ซานในปากจะไม่พอใจ แต่คำนั้นพูดแทบไม่หายใจแล้ว
แน่นอนได้ว่า เขาเริ่มกลัวแล้ว
เย่เทียนนี้ ช่างแข็งแกร่งมากเกินไปละ
เย่เทียนเหลือบมองเขาเบาๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ
“ก็แค่ตระกูลหยาง แม้ว่าจะเพิ่มตระกูลสวีมาอีก สามารถทำอะไรฉันได้?” เย่เทียนกวาดสายตาเสือ ทำให้หยางไห่ซานตกใจกลัว
“วางใจ ตอนนี้ฉันไม่ทำอะไรพวกคุณหรอก เพราะมันจะดูง่ายเกินไปสำหรับพวกคุณ วันที่หกของเดือนหน้า เป็นวันครบรอบวันตายของเทียนเฉิง! คนในตระกูลสวี ต้องมุ่งหน้าไปกราบไหว้หลุมศพของเทียนเฉิง!”
“และในวันนั้น ก็จะเป็นวันตายของตระกูลหยาง!”
เสียงของเย่เทียนดังมาก จนไม่มีที่ให้โต้แย้งกลับ
เมื่อม่านตาของหยางไห่ซานหดตัว สมองก็ว่างเปล่า!
ในตอนนี้ เขาก็เข้าใจสักที!
หยางเจียวเจียว ก็แค่ตัวนำเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเย่เทียน คืออยากโจมตีตระกูลหยางต่างหาก
เพราะว่า เขารู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดแล้ว!
เขา จะแก้แค้นแทนสวีเทียนเฉิง!
แต่ว่า เย่เทียนไม่เพียงแต่จะให้คนตระกูลสวีไปกราบไหว้สีวเทียนเฉิงเท่านั้น และยังจะทำลายตระกูลหยางในวันนั้นเหมือนกัน นี่มันจะแปลกไปหน่อยไหม
“เย่เทียน คุณ……”
กำลังจะพูดแล้ว แต่กลับถูกสายตาของเย่เทียนจ้องกลับ
“จำไว้เลยนะ วันที่หกของเดือนหน้า พาทุกคนในตระกูลหยาง มุ่งหน้าไปหลุมศพของเทียนเฉิงเพื่อขอโทษ!ไม่อย่างนั้น ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบเอง!”
“ไสหัวไปซะ!”
สีหน้าของหยางไห่ซานขาวซีดหมด ไม่กล้าโต้แย้งอะไร
มองไปที่เย่เทียนลึกๆแวบหนึ่ง พาลูกสาววิ่งจุกตูดหนีไปแล้ว
เย่เทียน ผู้ไม่มาดี เขาต้องกลับไปที่ตระกูลหยาง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเป็นอย่างมาก
ที่ร่วมงานกับตระกูลสวี ก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่แล้ว
ในศาลาเล็ก เย่เทียนก็ลุกยืนขึ้น มองไปในที่ไกลๆ
หรงเฉิง ก็เงียบมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็สมควรที่จะมีความสนุกสนานกลับคืนมาได้แล้ว!
สักพัก จู่ๆเย่เทียนก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็ก้าวเดินลงเขาไปอย่างทีละก้าว
หลินขุยกำลังจะตามไปด้วย กลับเห็นเย่เทียนโบกมือ ถึงจะหยุดก้าวเท้าไป
สิบกว่าปีที่ไม่ได้กลับมา หรงเฉิงมีความเปลี่ยนไปมาก
ในช่องตรอกซอยของเมื่อก่อน ก็กลายเป็นถนนคนเดินเชิงพาณิชย์ไปแล้ว สถานที่เคยทะเลาะตีกัน ก็ได้สร้างตึกสูงออกมาแล้ว
เย่เทียนเดินอยู่ในท่ามกลางของผู้คน ก็ไม่ได้เป็นที่สังเกตของใคร
ขับรถเบาๆผ่านถนนที่คุ้นเคย มาถึงหน้าร้านอาหารซีฟู้ดหนึ่ง
ร้านอาหารหวังจี้ซีฟู้ด มีมานานแล้ว เมื่อสิบปีก่อน
ในปีนั้น เย่เทียนกับสวีเทียนเฉิงมักใช้ลูกปัดแก้วเป็นของเดิมพัน
คนที่แพ้ ก็ต้องเลี้ยงอีฝ่ายมากินปูกันที่ร้านนี้
ปูในตอนนั้นก็ไม่ได้แพงเหมือนในตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถกินได้
ตอนนั้น คนที่แพ้บ่อยสุดก็คือสวีเทียนเฉิง ก็ได้เลี้ยงเย่เทียนบ่อยครั้งเหมือนกัน
แน่นอน เย่เทียนรู้ ทักษะลูกปัดแก้วของสวีเทียนเฉิงก็ไม่ได้แย่ ก็แค่จงใจยอมให้ตัวเองก็เท่านั้น
ในวันนี้ ก็ผ่านไปสิบปีแล้ว ร้านอาหารซีฟู้ดก็ได้ปรับปรุงใหม่หมดแล้ว แต่เย่เทียนก็ยังอยู่ที่นี่
แต่สวีเทียนเฉิง กลับกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
โธ่!
สิ่งของเหมือนเดิม แต่คนเปลี่ยนไป ทั้งหมดจบลง!ก็คืออย่างนี้นี่เอง!
เย่เทียนเดินเข้าไปในร้าน พื้นที่ข้างในไม่ใหญ่มาก ลูกค้าก็ไม่ได้น้อย
ก็ยังเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยเมื่อสิบปีก่อน
เย่เทียนก็ได้หาที่นั่งหนึ่งนั่งลง ยังไม่ได้สั่งอาหาร แต่กลับได้ยินเสียงเซอร์ไพรส์ดังเข้ามา
“พี่เย่เทียน ทำพี่ก็อยู่ตรงนี้ล่ะ?”
เย่เทียนหันมา แน่นอนว่า เย่น่าผู้สวยงามยืนอยู่ตรงหน้า
วันนี้เธอ ได้ใส่ชุดกระโปรงสั้นสีชมพูทั้งตัว คู่กับเสื้อยืดสีขาวเหมือนหิมะ การแต่งตัวแบบสาวน้อยวัยสดใส
“มันไม่ง่ายเลยที่วันนี้ไม่มีงาน ก็เลยออกมาเดินเล่นหน่อย มาทานด้วยกันหน่อยไหม?” เย่เทียนหัวเราะเล็กน้อย ไม่ได้มีความเย่อหยิ่งและไม่ใส่ใจต่อไป
เย่น่ายิ้มหวาน ยังไม่ได้เอ่ยปาก จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“น่าน่า นี่เป็นเพื่อนของแกเหรอ? ทำไมไม่แนะนำหน่อยล่ะ?”
เย่น่ากับเย่เทียนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เห็นแค่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่จับมือด้วยกัน มองสองอย่างน่าสนใจ
ผู้ชายในชุดสูท ใส่แว่น มองดูแล้วกูถือว่าเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่โดดเด่น
ผู้หญิงก็น่าจะแค่ยี่สิบต้นๆ หน้าตาก็ใช้ได้ ใส่กระโปรงสั้นเอี๊ยมทั้งตัว เห็นหัวไหลที่ขาวหอมเหมือนหิมะและขาเรียวยาวที่ขาว ไม่รู้ว่าดึงดูดสายตาอื่นๆไปแล้วกี่สายตา
และคนที่พูดเมื่อกี้ ก็คือผู้หญิงคนนั้น
ทั้งสองคนมองไปที่เย่เทียน เห็นเขาแต่งตัวเรียบง่าย หน้าก็ไม่คุ้นเลย เลยรีบละสายตาไป
“เสี่ยวน่า นี่คงไม่ใช่แฟนของแกหรอกนะ? ทำไมไม่เคยได้ยินแกพูดมาก่อนเลย?”
ผู้หัวเราะด้วยความสนใจ ตามถามขึ้น
เย่น่าเขินอายจนหน้าแดง แอบมองไปที่เย่เทียนแวบหนึ่ง
“เหวินเหวิน แกพูดบ้าอะไรเนี่ย คนนี้คือ……พี่ชายของฉัน ไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดซะหน่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดก่อนหน้า เหวินเหวินรีบเก็บรอยยิ้มที่มุมปากทันที แต่เมื่อได้ยินคำว่าเย่เทียนแล้ว สายตาก็กลับมาสนใจอีกครั้ง
“เย่เทียน? ก็คือพี่เสี่ยวเทียนที่แกพูดถึงบ่อยๆใช่ไหม? เฮ้ รสนิยมของแกช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฮึฮึ!”
ใบหน้าเย่น่าแดงไปหมด อยากจะห้าม แต่ก็สายไปแล้ว
ได้แต่ส่ายหน้ากับเย่เทียนด้วยความเขินอายเล็กน้อย:“เธอ เธอพูดไปเรื่อยค่ะ คุณอยากเก็บเอาไปคิดนะ”
เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ เด็กๆแค่ล้อเล่นกัน แน่นอนเขาก็ไม่ได้อะไรมากมายอยู่แล้ว
“เฮ้ ฉันพูดไปเรื่อยที่ไหน? แกเองไม่ใช่……” เหวินเหวินยังจะพูดต่ออีก แต่กลับถูกเย่น่าปิดปากไว้
“ปิดปากพล่อยๆของแกไปเลย!”
เย่น่ากัดฟันแน่น ถ้ายังไม่ห้ามอีก นังนี่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีก
“แค๊กแค๊ก!”
ผู้ชายรู้สึกว่าถูกมองข้ามไป เลยแกล้งไอออกมา
“เสี่ยวน่า พวกเรารู้จักกันก็นานแล้ว ทำไมไม่เคยได้ยินแกบอกว่ามีพี่ชายด้วยคนล่ะ?”
เย่น่าได้ปล่อยมือ: “พี่เย่เทียนเพิ่งกลับมาวันก่อน พวกแกจะรู้ได้ยังไง”
อย่างนี้เหรอ? เพิ่งทำงานกลับมาวันก่อน? ก็ว่าล่ะ!
ผู้ชายกำลังยืดเนกไทให้ตรง แล้วยื่นมือขวาไปทางเย่เทียน
“รู้จักกันหน่อยไหม ผมโจวหมิงฮุย!”
โจวหมิงฮุยยิ้มที่มุมปากของเขา วางตัวสูงแล้วมองไปที่เย่ทียน
จากที่เขาดูแล้ว ขอแค่ได้ยินชื่อของเขานั้น ไอ้หมอนี้ก็จะเข้ามาประจบเอง
ยังไงก็ตาม เป็นถึงคุณชายของตระกูลโจวเป็นครอบครัวอันดับที่สองแห่งหรงเฉิง โจวหมิงฮุยสามคำนี้ก็ยังเป็นที่รู้จักกัน
เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะได้มีหน้ามีตาต่อหน้าแฟนสาวและเย่น่าได้
แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้ เขาคิดผิดไป
“เย่เทียน!”
เสียงของเย่เทียนเรียบนิ่งมาก หยุดคิดไปสักพัก ก็ได้ยื่นมือขวาออกไป
โจวหมิงฮุยเห็นสีหน้าเขาแบบไม่มีความแยแสอะไร ในใจรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
นี่มันอะไรกัน? ทำเป็นไม่รู้จักตัวเองเหรอ? หรือว่า ไอ้หมอนี่เป็นคนบ้านนอก?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ รีบดึงมือกลับทันที ไปจับเหวินเหวินที่อยู่ข้างๆไว้
“เหวินเหวิน เสี่ยวน่า ไอ้จ้าวหยางนั้นเดี๋ยวก็ถึงละ เราเข้าไปที่ห้องส่วนตัว สั่งอาหารไว้ก่อน ”
โจวหมิงฮุยได้เปลี่ยนเรื่องไป มองข้ามมือที่เย่เทียนได้ยื่นออกมาโดยตรง
บรรยากาศรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นทันที
บทที่ 22 คนบ้านนอก
กับสิ่งนี้แล้ว เย่เทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก รีบดึงมือกลับอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับลูกเล่นของเด็กเล็กอย่างนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่นิด
แต่กลับกันกับโจวหมิงฮุยนี้ หากรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้น คือเทพสงครามหลิงเทียนที่มีชื่อเสียงล่ะก็ เกรงว่าจะต้องเสียใจมากแน่ๆในตอนนั้น
มองดูไปที่ทั้งประเทศ และโลกทั้งใบ คนที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะจับมือกับเย่เทียน ก็แค่ผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้น
ในโลกนี้ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่อยากจับมือกับเย่เทียน ทุกคนล้วนพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางเลย
ได้แต่แอบเสียใจ
ก็แค่โจวหมิงฮุย บอกตามตรง ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในสายตาของเย่น่าหมด ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
เธอรู้นิสัยของโจวหมิงฮุยดี ชอบอวดเก่งและวางอำนาจต่อหน้าผู้หญิง
แต่ว่า นี่มันก็รังแกคนมากไปไหม?
“พี่เย่เทียน นี่เป็นเพื่อนเรียนของฉัน ซุนเหวิน! คนนี้เป็นแฟนของเขา! คุณ.……”
ยังพูดไม่จบ ก็ถูกเย่เทียนขัดจังหวะโดยกันโบกมือ
“ไม่เป็นไร พวกคุณไปเถอะ ผมนั่งที่นี่แบบสบายๆก็พอ!”
สีหน้าเย่น่าดูนิ่งไป เหมือนนึกอะไรออก: “พี่เย่เทียน พี่มาคนเดียวใช่ไหม? เอาอย่างนี้ไหม ไปพร้อมกับพวกเราไหม? หรือว่าฉันอยู่เป็นเพื่อนพี่?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เย่เทียนก็ยังไม่ได้ตอบอะไร ซุนเหวินกลับเปิดปากเยาะเย้ยขึ้น
“น่าน่า ถ้าเขาชอบตรงนี้ ก็ให้เขานั่งอยู่ตรงนี้แหละ ทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนี้ด้วย?”
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ซุนเหวินก็ได้เห็นอย่างชัดเจน
จากที่เธอดูแล้ว กลับเป็นเย่เทียนที่ได้วางท่าทางออกมาก่อน
สถานะของโจวหมิงฮุยคืออะไร ยังเริ่มจับมือกับเขาก่อนเลย
แต่เย่เทียนนี่ กลับมีสีท่าทางที่ไม่แยแสหรือสนใจอะไรเลย นี่มันหมายความว่ายังไง?
เป็นถึงแฟนสาวของโจวหมิงฮุย ในใจเธอก็ไม่พอใจเป็นธรรมดา
สีหน้าของเย่น่ากระอักกระอ่วน: “แต่ว่า.……”
“ไปเถอะ ผมแค่นั่งสบายๆเท่านั้น พวกคุณเที่ยวให้สนุกนะ!”
เย่เทียนพูดอีกครั้ง ไม่ได้มีความหมายว่าจะไปพร้อมกัน
ที่เขามาในครั้งนี้ ก็แค่อาลัยเพื่อนที่ตายไปแล้วเท่านั้น ไม่อยากพัวพันกับเด็กๆพวกนี้
ถึงแม้อายุของเย่เทียนจะมากกว่าไม่กี่ปีเท่านั้น แต่เทียบกับประสบการณ์และบุคลิกของเย่เทียนแล้ว พวกเขาก็คือกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่ง
เย่น่ามีความลำบากเล็กน้อย จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวาน เธอถึงได้รู้ว่า เย่เทียน แข็งแกร่งและลึกลับกว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่บนผิวหน้า
ดังนั้น เธออยากแก้ไขความสัมพันธ์กับเย่เทียนใหม่ ให้กลับไปสู่ความใกล้ชิดในวัยเด็กตอนนั้น
แต่เธอไม่กล้าติดต่อกับเย่เทียนก่อน ตอนนี้ได้เจอถือว่าไม่ง่ายแล้ว เธอไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป
แต่อีกด้าน ก็เป็นคำเชิญชวนของเพื่อนที่ดี
ณ เวลาหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีเหมือนกัน
“เขาก็พูดอย่างนี้แล้ว แกยังลังเลอะไรอีก? ไปได้แล้ว!”
ซุนเหวินอดไม่ได้ที่จะพูด ลากเย่น่าเตรียมจะไป
เธอคงไม่อยากกินข้าวพร้อมกับคนบ้านนอกอย่างเย่เทียนนี้หรอกนะ
เย่น่าหมดหนทาง กำลังจะยอมแล้ว ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆโจวหมิงฮุยก็พูดขึ้น
“เสี่ยวน่า ในเมื่อเขาเป็นพี่ชายของคุณ ก็ย่อมเป็นเพื่อนกับผมโจวหมิงฮุย! ในเมื่อกว่าจะได้เจอกันมันก็ยากแล้ว งั้นก็ทานข้าวพร้อมกันเลย ห้องส่วนตัวที่ผมจองในที่นี้เป็นห้องที่ดีที่สุด สามารถนั่งได้สิบกว่าคน”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา เย่น่ากับซุนเหวินต่างตกตะลึงกันหมด
ไอ้หมอนี่ ทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนไป? นี่มันไม่ใช่สไตล์ของเขาไหม?
โจวหมิงฮุยหัวเราะเล็กน้อย กระตุกมุมปาก มองไปที่เย่เทียนอีกครั้ง
“ใช่ไหมเย่เทียน ว่ายังไง? ให้หน้าหน่อย?”
แน่นอนว่า โจวหมิงฮุยก็ไม่ได้ใจดีอย่างที่เห็นแน่นอน เขาเองก็ต้องมีแผนของเขาเอง
ไอ้หมอนี่เป็นคนบ้านนอกไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากพาเขาไปในห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดในที่นี้ จะรู้สึกแปลกใจหรืออิจฉาไหม?
อย่างนี้ ก็จะยิ่งทำให้ตัวเองดูโดดเด่นแลดูเป็นผู้ดีที่มีฐานะมากใช่ไหม?
ผู้ชายในอุดมคติของ สาวๆ ก็ต้องการการแสดงออกที่โดดเด่น
เขากับซุนเหวินก็คบหาดูใจกันมานานพอสมควร ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้กลับไม่เคยฝ่าฟันก้าวสุดท้ายได้ อย่างมากก็แค่จับมือกันแค่นั้น
บรรพบุรุษของครอบครัวซุนเหวินก็ไม่ได้เล็กไปกว่าตัวเองเท่าไหร่ ใช้ไม้แข็งไม่ได้
ดังนั้น เขาใช้ได้แค่วิธีอย่างนี้ พิสูจน์ฐานะที่สูงส่งของตัวเอง ให้ซุนเหวินหลงใหลในตัวเอง แล้วมอบทุกอย่างให้ตัวเองอย่างสิ้นเชิง
ขอแค่ให้บรรลุเป้าหมาย คนเพิ่มหนึ่งคนจะเป็นอะไรไป อย่างมากก็แค่เพิ่มชุดถ้วยตะเกียบหนึ่งชุดก็พอ
แต่น่าเสียดาย คำตอบกลับของเย่เทียน ทำให้เขาผิดหวังอีกครั้ง
“ไม่ล่ะ ตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน!” เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ ในสายตาดูมีความสงบ
อะไรนะ? ไอ้คนบ้านนอกนี้กล้าที่จะปฏิเสธตัวเอง?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซุนเหวินอยู่ที่นี่ เขาอยากจะถีบไอ้หมอนี่จริงๆเลย
มีแต่เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคนอื่น ใครจะไปคิดว่า วันนี้กลับมีเรือคว่ำในคูน้ำที่ซ่อนอยู่
“คุณวางใจเถอะ ก็บอกแล้วไงว่าผมจะเลี้ยงเอง ไม่ให้คุณคว้าเงินจ่ายแน่นอน”
โจวหมิงฮุยระงับความโกรธในใจของเขาลงไป อย่างนี้ น่าจะได้แล้วไหม?
เย่เทียนพูดอะไรไม่ออก กำลังจะลุกขึ้นจากไป ความกล้าของเย่น่าก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน กอดเข้าไปที่แขนของเย่เทียนอย่างจัง
“พี่เย่เทียน พี่ไปพร้อมกับพวกเรานะ ไม่อย่างงั้น ฉัน ฉันก็จะไม่กินเหมือนกัน!”
เห็นแววตาที่น่าสงสารของเย่น่า เย่เทียนยิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย
ได้แต่พยักหน้าตกลง!
เย่น่าดีใจ ลากเย่เทียนไว้แล้วมุ่งไปที่ห้องส่วนตัว กลัวเย่เทียนจะเปลี่ยนใจ
โจวหมิงฮุยทำเสียงเย็นชาใส่ เมื่อได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายก็เลยตกลงงั้นเหรอ? คนบ้านนอกจริงๆเลย
“เป็นเพราะคุณเลย ทำอะไรของคุณเนี่ย?”
ซุนเหวินจ้องไปที่โจวหมิงฮุยทีหนึ่ง ในใจรู้สึกไม่พอใจ
แม้ว่าเย่เทียนนั่นจะเป็นพี่ชายของเย่น่า แต่เขามีคุณสมบิตพอที่จะกินข้าวกับตัวเองไหม?
“ฮิฮิ เหวินเหวิน นี่ผมก็คำนึงถึงจ้าวหยางไอ้หมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
โจวหมิงฮุยอยากดึงมือของซุนเหวินกลับ แต่กลับถูกซุนเหวินหลบออกไป
“ผมมองว่าความสัมพันธ์ของไอ้หมอนี่กับเสี่ยวน่าไม่ธรรมดา น่าจะเป็นศัตรูของจ้าวหยาง! พวกเราต้องเสถียรเขาให้ได้ก่อน รอให้จ้าวหยางมาถึง ต้องจัดการเขาเป็นธรรมดา จ้าวหยางชอบเสี่ยวน่าก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ในตาเขาคงไม่ยอมจำนนแน่”
“ใช่เหรอ?”
ซุนเหวินเหลือบมองเขาอย่างสงสัย:“ฉันเชื่อคุณสักครั้งก็ได้ เร็วๆหน่อย ฉันหิวแล้ว”
พูดจบ หันหลังแล้วเดินเข้าข้างในไป
มองดูร่างกายที่สวยงามของซุนเหวิน ในใจของโจวหมิงฮุยเกิดไฟร้อนแรง เลียริมฝีปาก ในตาลุกวาวเป็นไฟ!
“เป็นยังไง? ยังใช้ได้ไหม? นี่เป็นห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดเลยนะ ผมใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะจองได้”
นำคนไม่กี่คนเข้าห้องส่วนตัว โจวหมิงฮุยได้ถามอย่างโอ้อวด
ร้านอาหารซีฟู้ดหวังจี้ อย่ามองภายนอกไม่ได้อะไรมาก
แต่อยู่ที่หรงเฉิง ถือว่าเป็นที่ที่วิเศษไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
ในทางด้านอาหารทะเลนี้ ถือได้ว่าเป็นผู้นำไปเลย
ห้องโถงไห่เหยี่ยน เป็นห้องที่ใหญ่ และเป็นห้องส่วนตัวที่หรูหรามาก มันก็ต้องเป็นที่นิยมกันโดยธรรมชาติ
โจวหมิงฮุยก็พึ่งบารมีของคุณพ่อ ถึงจะจองได้
“อืม มันก็ดีอยู่ แต่ว่าพวกเราแค่ห้าหกคน มันจะไม่ฟุ่มเฟือยมากไปหน่อยเหรอ?”
เย่น่าพูดเบาๆ
ห้องส่วนตัวใหญ่มาก สามารถนั่งได้ถึงสิบห้าสิบหกคนเลย
นอกจากโต๊ะเก้าอี้ข้างในที่หรูหราแล้ว และยังมี เตียงกับห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างดข้างในอีก อย่าว่าแต่กินข้าวเลย จะให้พักที่นี่ก็ยังได้เลย
“เสี่ยวน่าพูดถึงเรื่องอะไรกัน! กินข้าวน่ะ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือความสบาย! ที่สำคัญ ที่นี่ก็ไม่แพงมาก วันหนึ่งก็แค่ห้าหกพันเท่านั้นเอง!”
โจวหมิงฮุยก็ได้โบกมืออย่างสุภาพ จัดการให้ทุกคนนั่งลง
เมื่อเห็นคำอุทานในตาของเย่น่าและซุนเหวิน อย่าไปพูดถึงความภูมิใจภายในใจเลย
ฮึฮึ ดูเหมือนว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลจริง!
กำลังจะหาความปราศรัยจากตัวเย่เทียนนั้น
สายตาจ้องมองไป เขากลับผิดหวังอีกครั้งแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทีของเย่เทียนเฉยเมยตลอด สายตาดูสงบอยู่เสมอ แม้แต่แค่เศษเสี้ยวของความเซอร์ไพรส์ ก็ไม่มีเลย!
โจวหมิงฮุยขมวดคิ้ว
ไอ้คนบ้านนอกนี้ ในเวลาขนาดนี้แล้ว ยังจะเสแสร้งอีก?