เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 23-24
บทที่ 23 เป็นเทพจริงๆเหรอ
“เย่เทียน รู้สึกเป็นไงบ้าง? มันกว้างกว่าข้างนอกใช่ไหม?”
โจวหมิงฮุยไม่พอใจ อยากให้เย่เทียนขายหน้า
“ก็ใช้ได้!”
เย่เทียนนั่งอยู่นิ่งๆ พูดออกมาสองคำ
ก็ใช้ได้?
คิ้วของโจวหมิงฮุยกระตุก เกือบไอเป็นเลือดออกมา
ทั่วทั้งหรงเฉิง ไม่เห็นมีห้องส่วนตัวที่ไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว
ไอ้หมอนี่กลับแค่รู้สึกว่าก็ใช้ได้?
“หึ่ม ถ้าไม่พอใจล่ะก็ คุณสามารถไปทานที่ข้างนอกได้ ไม่มีใครบังคับคุณ”
ซุนเหวินพูดอย่างเยาะเย้ย เล็งไปที่เย่เทียน
“พอแล้วพอแล้ว สั่งอาหารก่อน!”
เย่น่ารีบกู้สถานการณ์กลับมา เธอมีความเสียใจเล็กน้อย ถ้ารู้แต่แรกก็ทานกันที่ข้างนอกกับเย่เทียนแล้ว
เย่เทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่ามีท่าทางที่แปลกๆเท่านั้น
เขาก็ไม่ได้พูดโกหกจริง!
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ยังมีสถานที่ระดับสูงที่ไหนที่เขายังไม่เคยไปล่ะ?
ลงไปถึงห้องจัดเลี้ยงของจังหวัดและเมืองต่างๆ ไปถึงงานเลี้ยงต้อนรับของเขตทหารที่สำคัญ!
ยังมีพระตำหนักสีแดงที่มีการจัดเลี้ยงในระดับสูงสุด งานประจำปีของประเทศ เย่เทียนก็ได้ถูกรับเชิญทั้งนั้น
ก่อนหน้าและหลังนั้นไปมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง!
ห้องส่วนตัวในตรงหน้า ถึงแม้อยู่ในหรงเฉิงจะเป็นที่ที่หรูหรามากที่สุด
แต่เทียบกับพวกนั้นแล้ว บอกว่าก็ใช้ได้ ก็ถือว่าให้หน้าโจมหมิงฮุยแล้ว
“เหวินเหวิน ช่างเถอะ ฟังเสี่ยวน่า สั่งอาหารไปก่อน”
โจวหมิงฮุยแกล้งใจกว้างกู้สถานการณ์กลับมา แต่ในใจกลับเกลียดชังเย่เทียนที่ได้ทำลายเวทีไปแล้ว
“พี่เย่เทียน พี่อยากกินอะไร? ฉันช่วยพี่สั่ง” เย่น่าหยิบเมนูไว้ แล้วถามไปเบาๆ
เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อย: “แล้วแต่เลย ขอแค่อาหารอ่อนๆก็พอ!”
มุมปากของโจวหมิงฮุยกระตุก: “ก็บอกแล้วว่าผมเลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจกับผมนะ ของของที่นี่พวกเราทานกันจนเลี่ยนละ คุณสามารถสั่งเยอะๆหน่อย ยังไงซะโอกาสไม่ได้มีง่ายๆ”
คำพูดของโจวหมิงฮุยแรกๆอาจฟังดูหวานๆ ที่จริงเป็นการเสียดสีไอ้คนบ้านนอกเย่เทียนนี้
“ก็ใช่!” ซุนเหวินก็พูดตามไปด้วย: “น่าน่า สั่งอาหารเยอะหน่อย ดูท่าทางของเขาน่าจะทานเก่งอยู่ อย่ามาหาว่าทานไม่อิ่มเพราะพวกเราเลี้ยงไม่ดีล่ะ”
สีหน้าของเย่น่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยสั่งไปพอประมาณ ก้มหัวไม่พูดอะไร
“ใช่แล้ว พี่เย่ ตอนนี้ทำงานที่ไหนเหรอ? ค่าแรงในการทำงานหนักในเมืองคงไม่ต่ำใช่ไหม?”
โจวหมิงฮุยพูดทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ อยากคิดแน่นอนว่าให้เย่เทียนเป็นคนงาน
เย่เทียนส่ายหัวเบาเบา: “ก็แค่กลับมาทำธุระอะไรนิดหน่อย ไม่มีงานทำ”
“ไม่มีงานทำ?” โจวหมิงฮุยมองข้ามคำแรกที่พูดไปโดยตรง: “ผู้ชายในสมัยนี้ ไม่มีงานทำได้ไงล่ะ?”
ซุนเหวินเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ยิ่งไม่ชอบเย่เทียนเข้าไปใหญ่: “งั้นคุณก็กินของน่าน่า พักที่บ้านน่าน่างั้นเหรอ? คุณไม่อายเหรอ?”
เมื่อฟังคำพูดนี้แล้ว เย่น่ารีบไสหัว: “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว พี่เย่เทียนไม่ได้พักอยู่ที่บ้านฉัน”
“งั้นเขาพักที่ไหนล่ะ?” โจวหมิงฮุยยิ้มมากขึ้นที่มุมปาก: “ใต้สะพานลอย? ถ้ำสะพาน?”
ซุนเหวินหัวเราะเย็นชาสองครั้ง: “ไม่อย่างนั้นล่ะ? ยังสามารถพักที่ไหนได้อีก? มีที่ให้พักก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังกลัวคนอื่นเห็นอีก ไม่อย่างนั้นต้องถูกไล่ออกจากหรงเฉิงแน่”
โจวหมิงฮุยกับซุนเหวินพูดเป็นเสียงเดียวกัน: “ก็ถูก ยังไงซะ หรงเฉิงของเราก็เป็นเมืองที่มีอารยธรรม ไม่ใช่ที่พักพิงสำหรับผู้ไร้บ้าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เย่น่าทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ในใจก็ประหลาดใจนิดหน่อย
“ใช่แล้ว พี่เย่เทียน ตอนนี้พวกคุณพักอยู่ที่ไหนเหรอ? ก่อนหน้านั้นก็เคยถามพ่อของฉันแล้ว แต่พ่อของฉันก็ไม่รู้!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เย่เทียนก็ได้เอาปากกาและกระดาษออกจากกระเป๋า เขียนที่อยู่ที่หนึ่งอย่างไว
สำหรับผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ได้พกปากกาและกระดาษติดตัวไว้ จะถือว่าละเลยหน้าที่
“จากที่อยู่นี้แล้ว หรือว่าโทรหาฉัน ก็สามารถหาฉันเจอได้!”
เย่น่าดีใจ รีบไปรับมา เหลือบมองไปแวบๆ ตกตะลึงทันที ปากก็อ้ากว้าง
“เป็นอะไรไป? คงไม่พักอยู่ในถ้ำสะพานจริงๆนะ?”
ซุนเหวินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม เอาที่อยู่มาดู อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ต่อด้วยเสียงหัวเราะที่เสียงดัง
“คฤหาสน์เทียนเชว่เบอร์หนึ่ง? ฮ่าฮ่าฮ่า! ทำไมคุณไม่บอกว่าพักอยู่ในเมืองต้องห้ามล่ะ? น่าขำจริงๆเลย!”
โจวหมิงฮุยเหลือบไปมองกู ยิ่งมีความสุขเข้าไปอีก!
“เย่เทียน คุณนี่มันแน่จริงๆเลย! คฤหาสน์เทียนเช่ว ยังเป็นเบอร์หนึ่งอีก! แม้แต่ตระกูลสวีก็ไม่มีสิทธิ์ได้พัก กับคุณเนี่ยนะเกรงว่าจะไปขอทานที่นั่นก็ไม่มีสิทธิ์”
ซุนเหวินยิ่งหัวเราะจนสั่นเข้าไปใหญ่: “เสี่ยวน่า ถ้ามีเวลาพาพี่ชายแกไปตรวจสมองหน่อยนะ จะชักช้าไม่ได้นะ”สองคนตระหนี่ใจกว้างออกมาดูถูกเย่เทียน
เดิมก็นึกว่าเป็นคนบ้านนอก ไม่นึกว่ายังเป็นคนเสียสติอีก!
มีแค่เย่น่า ที่ทำใจได้ไม่นาน!
หลังที่เห็นความสามารถของเย่เทียนแล้ว ไม่ว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไร ขอแค่เกิดในตัวของเย่เทียน เธอก็เชื่อหมด
ช่วงที่สองคนนั้นไม่ทันสังเกต รีบๆแอบเก็บที่อยู่ไว้
สีหน้าของเย่เทียนก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนอื่นไม่เชื่อ เขาก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง
และก็ในเวลานี้ จู่ๆประตูห้องส่วนตัวก็ได้เปิดออก
ชายหนุ่มที่ไว้ผมยาว วัยรุ่นที่แต่งกายด้วยไม่ตามกระแสคนหนึ่งเดินเข้ามา
ชายหนุ่มเหลือบไปมอง สายตาไปอยู่ที่เย่น่าโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสว่าง
“จ้าวหยาง ทำไมนายถึงเพิ่งมา? รอนายจนครึ่งค่อนวันแล้ว!”
โจวหมิงฮุยโบกมือทักทายกับชายหนุ่ม ท่าทางดูคุ้นเคยกันมาก
เย่น่ากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“รีบร้อนอะไรกัน ยังเช้าอยู่ไม่ใช่เหรอ?” จ้าวหยางเหลือบมองไปที่โจวหมิงฮุยแวบหนึ่ง นั่งลงข้างๆเย่น่าโดยไม่ต้องคิด
“หึหึ เมื่อกี้ฉันไปดูความสนุกมา! คุณรู้ไหม ว่าตระกูลหูแย่แล้ว! หูเหยียนไอ้หมอนั่นถูกทำลายรากชีวิตแล้ว ตอนนี้คนของตระกูลหูยังคุกเข่าอยู่ภูเขาซิ่วเสว่อยู่เลย”
“อะไรนะ?”
เมื่อคำนี้ออกมา เย่เทียนกับเย่น่าก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
โจวหมิงฮุยก็อ้าปากกว้าง ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง นี่แค่ครึ่งวันเอง ตระกูลหูว่าจะจบก็จบลงได้ยังไง? ไปมีปัญหากับทั้งสี่ครอบครัวครอบครัวไหนล่ะ?”
โจวหมิงฮุยกับซุนเหวินก็ยังไม่เชื่อ เป็นครอบครัวอันดับที่สองเหมือนกัน ตระกูลหูจะแกร่งกว่าพวกเขาหน่อย
จะจบลงเพียงในครึ่งวันอย่างนี้ได้ยังไง?
ถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลสวี ก็ไม่มีความสามารถเช่นนี้ไหม?
“ครอบครัวทั้งสี่ใหญ่อะไรกัน ครั้งนี้ แม้จะเป็นครอบครัวทั้งสี่ใหญ่ก็ยังต้องยืนชิดซ้าย”
จ้าวหยางโบกมือ จงใจที่จะเอ่ยถึงจุดสำคัญ
“ห๊ะ? แกนี่กินยาผิดหรือเปล่า?”
โจวหมิงฮุยกับซุนเหวินงงไปอีก
ไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ทั้งสี่ แล้วในหรงเฉิงใครกันที่มีความสามารถ ที่สามารถทำลายตระกูลหูในเวลาเพียงสั้นๆ?
หรือว่า ไอ้จ้าวหยางนี้กำลังพูดมั่วอยู่ตรงนี้!
“ทำไมยังไม่เชื่ออีก?”
จ้าวหยางทำปากมุ่ย: “คนที่ทำงานตระกูลหูนั้น ได้ยินมาว่าเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เป็นหนุ่มน้อยที่เหมือนเทพท่านหนึ่ง!”
“ห๊ะ? คนเดียว? ยังเป็นหนุ่มน้อยอีก?”
โจวหมิงฮุยงงไปอีก!
ลำพังด้วยแรงคนคนเดียว ก็ทำลายครอบครัวอันดับสองที่เป็นหัวหน้าของตระกูลหู?
ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ความสามารถของผู้นั้น ต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
จะว่าเป็นเทพ ก็ไม่แปลกเลย
“จ้าวหยาง นายแน่ใจว่านี่เป็นเรื่องจริง? แล้วทำไมฉันถึงไม่ได้รับข่าวอะไรเลย?”
โจวหมิงฮุยก็เชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ต้องยืนยันอีกรอบ
ถ้าหากเป็นอย่างนี้จริง งั้นผืนฟ้าของหรงเฉิง คงต้องเปลี่ยนแล้ว
“เป็นความจริงแน่นอน ฉันยังอัดคลิปวิดีโอไว้เลย”
จ้าวหยางกระตุกมุมปาก เปิดคลิปอันแรกบนมือถือยื่นให้สองคนไป
เห็นแค่ผืนดำๆในคลิปที่เต็มไปด้วยผู้คน ใต้ภูเขาซิ่วเสว่ คนของตระกูลหูคุกเข่ากันอย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยจนสุดทนแล้ว แต่ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย
ช่างงดงามมาก!
“นี่เป็นอาสองของไอ้หูเหยียนนั่นไม่ใช่เหรอ? จริงๆเลย อี๋.……”
โจวหมิงฮุยกลับสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที เป็นซะอย่างนี้แล้ว ตระกูลหู จบลงแล้วจริงๆ!
“ฉันได้ยินว่า มีคนตั้งใจจะปิดข่าว แม้กระทั่งคลิปที่ถ่ายในตอนนั้น ก็ถูกลบออกทั้งหมดโดยไม่รู้สาเหตุ”
“สำหรับหนุ่มน้อยคนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครกัน หลังจากที่ทำลายตระกูลหูแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาไปไหนแล้ว”
จ้าวเก็บมือถือลง ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ดูเหมือนว่า ตระกูลหูต้องไปแตะโดนไม้แข็งแล้ว”
โจวหมิงฮุยตกใจจนอ้าปากกว้าง จากนั้นก็เลิกคิ้ว ท่าทางก็ดูวิเศษมาก
“หึหึ ไอ้หมอหูเหยียนนั่น ก่อนหน้านั้นหยิ่งผยองมาก ตอนนี้ดีแล้ว กรรมตามสนองแล้ว? นี่เป็นสิ่งที่เขาควรโดน”
พูดไป จู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนไป: “ก็ไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นใครกัน คงไม่เป็นเทพจริงๆหรอกนะ? ถ้าหากเขายอมรับฉันเป็นลูกศิษย์ ต้องก้มกราบคำรับเขาฉันก็ยอม”
ฟู่!
เย่น่ากำลังดื่มน้ำอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของโจวหมิงฮุยนี้ น้ำก็พ่นออกมาจากปากเย่น่าทันที
“คือ……ต้องขอโทษด้วย”
เย่น่าทั้งอายและทั้งกระอักกระอ่วน รีบก้มหัวลง
ในใจคิดว่า ถ้าหากโจวหมิงฮุยรู้ว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าของเขา
จะตกใจจนตายไหม?
เมื่อนึกถึงนี้แล้ว ก็มองไปที่เย่เทียนโดยไม่รู้ตัว
เขา เป็นเทพจริงๆงั้นเหรอ?
ใบหน้าของเย่เทียนก็ยังคงสงบนิ่ง แอบกล่าวหลินขุยว่าทำได้ดีมาก
ตอนนี้ ยังทำตัวสูงไม่ได้ ไม่อย่างนั้น จะทำให้พวกหนู่ที่ทำความผิดตกใจวิ่งหนีไปหมด
หากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ตระกูลสวีต้องเป็นบ้านที่ได้รับข่าวเป็นคนแรกทันทีใช่ไหม?
และก็ไม่รู้ว่า ท่านหญิงหมิงกับสวีเทียนหมิง จะกลัวแล้วไหม?
นึกถึงตรงนี้แล้ว มุมปากของเย่เทียนกระตุกเป็นรูปโค้ง
“คุณหัวเราะอะไร? หัวเราะน่าน่าของพวกเราเหรอ?”
ฉากนี้ ก็ถูกจ้าวหยางเห็นเข้าพอดี ถึงจะสังเกตได้ว่า ในห้องส่วนตัวนี้ยังมีคนแปลกหน้าด้วยหนึ่งคน
“จะว่าไปแล้วคุณเป็นใคร? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เย่เทียนไม่เงยหน้าขึ้นเลย กลับรินน้ำชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
“ฉันหัวเราะอะไร เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับคุณไหม?”
บทที่ 24 ทำให้ตระกูลจ้าวล้มละลาย
เมื่อได้ยินเย่เทียนพูดอย่างนี้แล้ว โจวหมิงฮุยก็มีความสุขขึ้นทันที
ด้วยนิสัยของจ้าวหยางแล้ว เย่เทียนนี้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว
“ไอ้หนุ่ม ทางที่ดีคุณอธิบายให้ชัดเจนหน่อยนะ ไม่อย่างนั้น คุณจะเสียใจภายหลังแน่”
แน่นอน จ้าวหยางหรี่ตาลง น้ำเสียงเริ่มแย่ขึ้นมาทันที
เย่น่ารีบร้อน กำลังจะพูดขึ้น แต่โจวหมิงฮุยกลับพูดขึ้นก่อน
“จ้าวหยาง อย่าใจร้อนเกินไป นี่เป็นพี่ชายของเสี่ยวน่า เย่เทียน!”
“พี่ชาย?” จ้าวหยางขมวดคิ้ว: “ทำไมฉันไม่เคยรู้ว่าเสี่ยวน่ายังมีพี่ชายอีกคน?”
ซุนเหวินดูความสนุกอยู่ไม่สนใจว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหน พูดเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“พี่รักก็เป็นพี่ชายเหมือนกัน แบบนี้คุณเข้าใจไหม?”
ปั้ง!
จ้าวหยางตบโต๊ะ กำหมัดมองไปที่เย่เทียนอย่างดุร้าย
“ไอ้หนุ่ม ที่ซุนเหวินพูดเป็นความจริงไหม?”
การตอบสนองของจ้าวหยาง ทันใดนั้นก็ทำให้โจวหมิงฮุยและหลายคนตกใจ มีแต่เย่เทียน แม้แต่ตาก็ไม่กะพริบเลย
“จ้าวหยาง คุณทำอะไร? นี่เป็นลูกเลี้ยงของพ่อฉัน แล้วจะมาเป็นพี่รักของฉันได้ยังไง?”
เย่น่ายืนบังไว้ที่ตรงหน้าจ้างหยาง ตอนที่พูดนั้น ยังจ้องไปที่ซุนเหวินอย่างดุเดือด
เพิ่งรู้สึกครั้งแรกว่า เพื่อนสนิทของตัวเอง จะน่ารังเกลียดขนาดนี้
“ลูกเลี้ยงเหรอ? ฉันรู้แล้ว!”
จู่ๆจ้าวหยางก็หัวเราะออกมา: “จะว่าไป เมื่อสิวกว่าปีก่อนคุณไปทหารไม่ใช่เหรอ? แล้วกลับมาทำตอนนี้? อยู่ต่อไม่ไหวแล้วเหรอ?”
เผชิญกับคำถาม เย่เทียนยกแก้วชาขึ้น จิบชาไปคำหนึ่ง
“อันนี้ ก็เหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับคุณนะ?”
สีหน้าของจ้าวหยางทรุดลงอีกครั้ง
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!
“พอได้แล้ว ทุกคนหยุดพูดกันเลย พวกเรามาทานข้าวกันนะ ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกัน!”
เย่น่าจ้องไปที่จ้าวหยางอย่างหงุดหงิด
นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้
ส่วนจ้าวหยางกลับเดินไปอยู่ที่ตรงหน้าเธอ
“น่าน่า หลายปีมาแล้ว คุณก็เข้าใจความรู้สึกของฉัน คุณจะให้โอกาสฉันครั้งเดียวไม่ได้เลยเหรอ?”
จ้าวหยางมองไปที่เย่น่า น้ำเสียงด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
แต่ว่า ความปรารถนาและความครอบครองในส่วนลึกของดวงตาเธอ หลบสายของเย่เทียนไม่ได้เลย
“ไอ้หนุ่มอู๋ทงนั้นฉันก็ไปเตือนมาแล้ว ต่อไปเขาไม่กล้ามารังควานคุณอีกแล้ว ฉันทำเพื่อคุณมามากขนาดนี้ ขอแค่คุณตอบตกลงเท่านั้น เป็นแฟนสาวของฉันนะ”
ดูฉากนี้แล้ว ในใจของเย่น่าวุ่นวายไปหมด
ก่อนหน้า เธอก็ได้ปฏิเสธจ้าวหยางไปแล้วไม่เพียงครั้งเดียว แต่จ้าวหยางนี้กลับรังควานเธอตลอด
เธอกลัว เพราะเธอเคยได้ยินนับครั้งว่า หลังที่จ้าวหยางทำคนอื่นท้องโตแล้ว ก็จะทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย
แม้กระทั่งสาวนักเรียนคนหนึ่ง ยังกระโดดตึกเพราะเหตุนี้
เธอรู้ จ้าวหยางก็แค่อยากเล่นๆเท่านั้น เมื่อหมดโปรเมื่อไหร่ ก็จะทิ้งตัวเองไปอย่างไร้เยื่อใย
แต่ในขนาดเดียวกันเธอก็กลัว ถ้าหากว่าตัวเองไม่ตอบตกลง จ้าวหยางก็จะแก้แค้นตระกูลเย่
ยังไงซะ ตระกูลจ้าว ตระกูลเย่มีเรื่องกันด้วยไม่ได้ทั้งนั้น
“จ้าวหยาง ขอโทษ คือฉัน.……”
ยังพูดไม่จบ กลับถูกจ้าวหยางขัดจังหวะซะงั้น
“เย่น่า คุณยังจะปฏิเสธฉันอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่ามีผู้หญิงมากมายแค่ไหนที่อยากคลานขึ้นบนเตียงฉันไหม? คุณรู้ไหมว่ามีแต่ฉันที่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคนอื่นเท่านั้น?”
จ้าวหยางโกรธจนอับอาย สีหน้าดุร้ายน่ากลัวขึ้นมาทันที
“หึ่ม ในเมื่อให้หน้าคุณ คุณไม่รักษามัน งั้นก็อยากมาโทษฉันแล้วกัน! ไม่ว่ายังไง วันนี้ คุณต้องกลายเป็นผู้หญิงของฉันแน่!”
พูดไป มุมปากเย็นลง เดินเข้าใกล้เย่น่าทีละก้าว
“จ้าวหยาง คุณ คุณจะทำอะไร? คุณอย่าเข้ามานะ……”
เย่น่ามีความกลัวเล็กน้อย มองไปที่ซุนเหวินเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซุนเหวินขมวดคิ้ว กำลังจะพูดออกมา กลับถูกโจวหมิงฮุยดึงไว้
“เขาสองคนกำลังดุด่ากันด้วยความรัก เราก็อยากเข้าไปยุ่งเลย!”
ซุนเหวินมึนงงอยู่สักพัก จู่ๆก็ก้มหัวลง ทำเป็นไม่เห็น
สีหน้าเย่น่าซีดขาว ภายในใจทั้งโกรธและสิ้นหวัง
“ฮึฮึ ที่นี่ยังเตียงหนึ่งเตียงใช่ไหม? พอดีเลย รีบๆทำเรื่องกันให้เสร็จๆ! คุณวางใจได้ ฉันจะทะนุถนอมรักคุณแน่นอน!”
พูดอยู่ ยื่นมือไปก็ลากเย่น่าเข้าห้องนอนเล็กไป
จากนั้น มือของเขายังแตะไม่โดนเย่น่า จู่ๆฝ่ามือของเขากลับรู้สึกปวดอย่างรุนแรง
“อ๊าก!”
จ้าวหยางได้กรีดร้อง รีบหดมือกลับไป มองดูชัดๆ ฝ่ามือกลับมีรูเลือดเล็กๆด้วยหนึ่งจุด
ในขณะเดียวกัน เส้นผมที่ติดคราบเลือด หล่นลงมาอย่างเบาๆ
“การลงไม้ลงมือนั้น เป็นนิสัยที่ไม่ดีเลยนะ!”
เสียงเบาๆของเย่เทียนดังขึ้น เหมือนกับว่าเป็นการเตือน มีความครอบงำเล็กน้อย ทำให้คนมองข้ามไม่ได้เลย
“แม่ง ไอ้เด็กเวร นึกว่ากูไม่กล้าทำมึงตายรึไง?”
ความสนใจถูกรบกวนแล้ว สุดท้ายความโกรธของจ้าวหยางก็ควบคุมไม่อยู่แล้ว
แต่เขาก็ไม่คิดดูเลย คนที่สามารถใช้เส้นผมเจาะเข้าฝ่ามือจนเป็นรูนั้น เป็นคนที่เขาควรด่าได้ไหม?
เย่เทียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าไม่แสดงออกอะไร แต่กลับมีความกดดันบางอย่างที่บอกไม่ถูก
“ตอนนี้ ไสหัวไป! ไม่อย่างนั้น ก็ต้องใช้ชีวิตของนายมาถ่ายโทษให้เสี่ยวน่าแล้ว。”
“หึ่ม พูดซะเสียงใหญ่เลยนะ”
เมื่อจ้าวหยางได้ยินคำพูดนี้แล้ว กลับหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“นายก็แค่ลูกเลี้ยงของตระกูลเย่เท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? ถึงแม้ว่าเย่จิ้งซานอยู่ตรงนี้ ก็ไม่กล้าพูดกับฉันอย่างนี้!”
“ก็ใช่!” โจวหมิงฮุยไม่สบอารมณ์เย่เทียนมานานละ ตอนนี้ก็เริ่มการต่อต้านโดยตรง
“กูเลี้ยงพวกคุณทานขาวด้วยความตั้งใจ คุณกลับไม่รู้จักความเมตตาที่คนอื่นมีให้ ยังจะมาขู่พี่น้องฉันอีก จะให้เราสอนไหม ว่าคำว่าตายเขียนยังไง?”
เมื่อเห็นสถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้ เย่น่ากับซุนเหวินจนมึนไปเลย
พวกเธอเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหนกัน? ตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดสักคำ
สายตาที่เย็นชาของจ้าวหยางมองไปที่เย่เทียน: “ถ้ารู้ล่ะก็ รีบคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้ จัดการกับนายเสร็จฉันยังมีงานทางการรอทำอยู่ ถ้าวันนี้นายไม่ทำตาม ฉันก็จะทำให้ตระกูลเย่ตาย และยังจะปู้ยีปู้ยำเย่น่าอย่างดุเดือดต่อหน้านายอีก”
“และนี่ ก็เป็นผลที่มีเรื่องกับฉัน!”
คำพูดไม่กี่คำ ทำให้เย่น่ามีสีหน้าที่ซีดขาวเมื่อได้ยิน
แน่นอน นี่ถึงเป็นท่าแท้ของจ้าวหยาง?
ภายใต้ความสิ้นหวัง ได้แต่เอาสายตาที่อ้อนวอนมองไปที่เย่เทียน
ตอนนี้ มีแต่เย่เทียนเท่านั้นที่ช่วยตระกูลเย่ได้
สำหรับคำขู่ของทั้งสองคน เย่เทียนไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
กลับหยิบมือถือออกมา โทรหาสายหนึ่ง!
“อาขุย ภายในห้านาที ฉันจะให้ตระกูลจ้าวแห่งหรงเฉิง ล้มละลาย!”
พูดจบ ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ ก็ได้วางสายไป!
กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น มีความมั่นใจที่สุด
ณ ตอนนี้ เย่เทียน ดูเหมือนว่าเป็นผู้ครองของสวรรค์และโลก ควบคุมทุกอย่าง!
“หึ่ม น้ำเสียงไม่เบาเลยนะ! ยังจะให้ตระกูลจ้าวล้มละลายภายในห้านาที? ทำไมคุณไม่ขึ้นสวรรค์ไปล่ะ?”
โจวหมิงฮุยหัวเราะเย็นชา
ไอ้หมอนี้ ต้องมีปัญหาที่สมองแน่ๆ
ตระกูลจ้าว อยู่ในครอบครัวอันดับสองกูถือว่ามีชื่อเสียงอยู่
แม้กระทั่งตระกูลสวี เกรงว่าคงไม่กล้าพูดอะไร
“ไอ้หนุ่ม นายมันทำให้ฉันโกรธจริงๆ!”
เสียงแหบของจ้าวหยางดังขึ้น หยิบมือถือออกมาเพื่อโทรตามคน แต่มือถือดังขึ้นก่อน
เห็นคำว่าคุณพ่อที่กะพริบอยู่บนหน้าจอมือถือ จ้าวหยางก็อึ้งขึ้นมาทันที
พ่อของตัวเองน้อยมากที่จะหาตัวเอง หรือว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หรือว่า แค่ความบังเอิญ?
เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เทียนแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านไปแค่ประมาณสี่นาที!
คิดอย่างรอบคอบ จ้าวหยางกลับไม่ค่อยกลับรับสายเลย
“ทำไม กลัวแล้วเหรอ?”
เสียงเบาๆของเย่เทียนดังขึ้น ดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยที่ไม่มีสิ้นสุด!
“ใครบอกล่ะ?”
จ้าวหยางก็ยังไม่เชื่อในความโชคร้าย กัดฟัน แล้วกดปุ่มรับสาย
“ไอ้ลูกเวร นายไปตายที่ไหนแล้ว?”
เพิ่งรับสาย ก็มีเสียงความโกรธของคุณพ่อดังออกมา
“พ่อ ผม ทานข้าวอยู่ข้างนอก……”
เสียงของจ้าวหยางมีความสั่น ในใจกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เมื่อเห็นท่าทางนี้ อีกสามคนที่เหลือก็มองหน้ากันทันที
มีแต่เย่เทียน จิบชาอยู่เงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ เงียบสงบดั่งภาพวาด!
“พ่อ เกิด เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เหงื่อเย็นของจ้าวหยางไหลออกมาทันที
“อย่ามาเรียนฉันว่าพ่อ ฉันไม่มีลูกชายอย่างนาย! นายยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ? ทั้งหมดเป็นเพราะนายคนเดียว ทั่วทั้งตระกูลจ้าว จบสิ้นหมดแล้ว!”
ฟู่!
ร่างจ้าวหยางอ่อนลง นั่งอยู่ที่พื้นอย่างเต็มก้น
“เป็นไปได้ยังไง? ฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย!”
จ้าวหยางนั่งอยู่บนพื้นเหมือนโคลนเน่า จวนจะร้องไห้แล้ว!
ตระกูลจ้าวที่ยังดีๆอยู่ ทำไมว่าจบก็จบลงอย่างนั้นล่ะ?
“ยังจะปากแข็งกับฉันอีก? ฝ่ายตรงข้ามบอกแล้ว คุณได้มีเรื่องกับคุณท่านบ้านเขา! ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร? ฉันไม่สนว่านายกำลังทำอะไรอยู่ นายรีบไปขอโทษเขาซะ ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้ก็ไปขอทานที่ตลาดกับไอ้แก่ฉันนี้!”
“ตูตูตู!”
อีกฝั่งวางสายโดยตรง ทั้งตัวจ้าวหยางมึนงงไปหมด!
ในใจมีแค่ความคิดเดียว จบกัน จบกันหมดแล้ว!
อย่ามองเขาว่าเย่อหยิ่งเวลาอยู่ข้างนอก ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากครอบครัวอยู่ข้างหลัง เขาก็ไม่ใช่อะไรเลย
แต่ว่า เขานึกจนสมองจะแตก ก็นึกไม่ออกว่าไปรุกรานใครเข้า มีความสามารถมากจนคาดไม่ถึงอย่างนี้
ตระกูลจ้าวที่ใหญ่ จบลงอย่างนึกไม่ถึง!
โจวหมิงฮุย ซุนเหวินได้ยินข่าวบางอย่างแผ่วเบา
ในหัวสมองมีแค่สี่คำ
ตระกูลจ้าว จบแล้ว!
หลังที่ตระกูลหูถูกทำลายไปครึ่งวัน ตระกูลจ้าว ไม่มีคำสัญญาณใดๆ ก็เดินตามรอยตระกูลหูไปแล้ว
แม้กระทั่งเย่น่าก็มีความประหลาดในใจ
ทั้งหมดนี้ หรือว่าเป็นฝีมือของเย่เทียนจริงๆ?
ทั้งสี่คนจ้องไปที่เย่เทียนพร้อมกัน
รวบรวมคำพูดที่เขาพูด และดูเขาตอนนี้ที่ดูเงียบสงบ ท่าทางที่ควบคุมทุกอย่าง
คำตอบ ดูเหมือนว่าก็ชัดเจนมากแล้ว!
“เป็นคุณใช่ไหม? เย่เทียน ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือคุณใช่ไหม?”
ตามด้วยคำถามด้วยความโกรธของจ้าวหยาง ในสมองของทุกคนมีเสียงปังทีหนึ่ง
กลับว่างเปล่าในชั่วเวลาหนึ่ง!