เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 27-28
บทที่ 27 คุณท่านบ้านฉัน มาจากทางเหนือ!
เมื่อเสียงพูดจบลง คนรับใช้เล็กของตระกูลสวีสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบไปพยุงสวีเทียนหมิงให้ลุกขึ้น
“กลับไปบอกคนของตระกูลสวี วันที่ครบรอบวันตายของเทียนเฉิง ต้องไปกราบไหว้! ไม่อย่างนั้น ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบเอง”
สีหน้าของสวีเว่ยเฟิงหนักจนสามารถมีน้ำหยดลงมา มองไปที่เย่เทียนอย่างดุเดือด โบกมือขวา พาคนของตระกูลสวีจากไปอย่างคอตก!
หลินเสว่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของสวีเทียนหมิง กำลังจะไป ก็ถูกเย่เทียนหยุดไว้
“คุณ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของตระกูลสวีนะ!”
“ฉัน……” หลินเสว่กำลังจะอธิบาย จ้องกับสายตาของเย่เทียน รีบก้มหัวลงทันที ไม่กล้าพูดอะไร
สายตาเย่เทียนเปลี่ยนไป มองไปที่ผู้นำของตระกูลหลินที่ตกใจจนวิญญาณหลุดออกไปไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลินกว่างเซิน!
“ฉันอยากรู้ว่า งานแต่งของหลินเสว่กับเทียนเฉิง ใครที่เป็นคนทำมันกับมือ!”
เทียนเฉิง? สวีเทียนเฉิง?
สีหน้าของหลินกว่างเซินเปลี่ยนทันที ชื่อนี้ เขาไม่ได้เอ่ยถึงมาเป็นปีแล้ว
“เขา พวกเขารักกันอย่างอิสระ พวกเราก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้!”
สวเทียนหมิงไปแล้ว ดูออกเลยว่าน้ำเสียงของเย่เทียนไม่ดีเอาซะเลย
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าภายในใจของหลินกว่างเซินกลัวและเสียใจภายหลังขนาดไหน
“รักกันอย่างอิสระ?”
เย่เทียน หึ่ม ไปเสียงหนึ่ง
“แล้วทำไมหลังที่เย่เทียนตายแล้ว หลินเสว่กลับกลายเป็นคู่หมั้นของไอ้คนโง่สวีเทียนหมิงนั่นล่ะ? และก็ไม่ได้สนใจการตายของเทียนเฉิงเลย?”
เงียบ!
ความเงียบดั่งความตาย!
ทุกคนในตระกูลหลินก้มหัวกันหมด บนใบหน้าของหลินเสว่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเลือด ริมฝีปากเกือบมีเลือดออกมา
เย่เทียนก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าของหลินกว่างเซิน แรงอำนาจที่แข็งแกร่งกดดันเขาจนยืนไม่นิ่ง
“เวลาของคุณไม่เยอะแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ถือสาให้คุณกับลูกชายคุณเจอหน้าอยู่ด้วยกัน!”
ฟู่!
หลินกว่างเซินตกใจจนถอยไปสองสามก้าว ร่างกายพิงอยู่บนโลงศพสีดำ!
“ฉันบอกว่า ฉันบอกว่า……คือหยางไห่ซานเองที่มาหาถึงที่ ในตอนแรกเราก็ไม่เห็นด้วย แต่เพราะกว่างฝูเพื่อที่จะประจบประแจงตระกูลหยาง เลยยืนยันตกลง มันเลย……”
พูดถึงตอนสุดท้าย เสียงของหลินกว่างเซินยิ่งอยู่ยิ่งเบา อดไม่ไหวที่จะฝังศีรษะตัวเองเขาไปในดิน
“หลินกวางเซิน ต้องพูดด้วยจิตสำนึกนะ! เรื่องนี้ฉันเป็นคนตอบตกลงอย่างแน่นอน แต่คุณก็ได้รับข้อดีไปแล้วไหม?หลังจากนั้นหลินเสว่หมั้นกับสวีเทียนหมิง ไม่ใช่คุณเองเหรอที่จัดการขึ้นมา?”
หลินกว่างฝูกำแขนที่หักไว้ ถึงจุดขอบเขตที่พังทลายไปหมด กลับไม่มีใครเลยที่กล้าพาเขาไปโรงพยาบาล
เมื่อได้ยินพี่ชายแท้ๆของตัวเองโยนความผิดทุกอย่างมาให้ตัวเอง ถึงใช้แรงที่เหลือสุดท้ายขึ้นมาแย้งกลับ
“มีความเสียงดังเกิดขึ้น!”
เย่เทียนฮัมเสียงขึ้น โบกมือเบาๆ!
มีดพกลื่นไป หลินกว่างฝูหมดลมหายใจทันที นอนตายตาไม่หลับ
“นี่มัน.……”
หลินกว่างเซินตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไป พูดจาก็ติดๆขาดๆ
“เย่ เย่เทียน! เทียนเฉิงก็ตายไปหนึ่งปีแล้ว คุณว่า เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเถอะ! คิดซะว่าทำความดี ปล่อยตระกูลหลินไปเถอะนะ!”
หลินกว่างเซินได้กล่าวข้อร้องอ้อนวอน สบตากับลูกสาว พ่อลูกสองคนก็ร้องไห้ออกมา
ตระกูลหลิน กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เขาไม่ยอมให้เย่เทียนทำลายอย่างนี้แน่
“ปล่อยพวกคุณไปงั้นเหรอ? แล้วใครไว้ชีวิตเย่เทียนล่ะ?”
คำถามเดียวของเย่เทียน ถามเขาจนพูดไม่ออก!
คนของตระกูลหลิน ก็เหมือนไก่ที่พ่ายแพ้สงคราม แต่ละคนก้มหัวไว้ รอการพิจารณาโทษจากเย่เทียนกัน!
เย่เทียนมองไปรอบๆด้วยสายตาที่แผดเผา
“หลินกว่างเซินใช่ไหม คุณฟังให้ดีนะ! คนของตระกูลหลิน ภายในหนึ่งปี คนที่เคยไปกราบไหว้เทียนเฉิง สามารถออกจากตระกูลหลินได้ ออกจากหรงเฉิงได้ แล้วอย่ากลับมาอีกตลอดกาล!”
น้ำเสียงของเย่เทียนธรรมดามาก แต่กลับสามารถตัดสินความอยู่รอดของทุกคนในตระกูลหลินได้!
“ทรัพย์สินภายใต้ของเทียนเฉิงถูกยึด คิดว่าตระกูลหลินก็คงได้ไปไม่น้อยเหมือนกันใช่ไหม? ทุกคนล้วนที่เคยแตะต้องกับเงินนี้ทั้งหมด ยี่สิบหกวันหลังจากนี้ ก็ต้องตามตระกูลสวีไปกราบไหว้เทียนเฉิงที่หลุมศพเพื่อไปขอโทษทั้งหมด ! คนที่ไม่ไป จะฆ่าให้หมด!”
ในคำพูดของเย่เทียนเต็มด้วยแรงอาฆาต จะฆ่าคนคนหนึ่งสู้ไปเปิดเผยความชั่วร้ายของเขาจะดีกว่า!
“แน่นอน พวกคุณก็เลือกที่จะหนีได้ ขอแค่พวกคุณไม่กลัวตาย!”
พูดจบ พยุงเย่จิ้งซานไว้ หันหลังเดินเข้าตระกูลเย่ไป!
หลินกว่างเซินล้มลงอยู่ที่พื้นทั้งตัว ปากก็พึมพำ จบกัน จบกัน!
ทั่วทั้งตระกูลหลิน ก็เหมือนถูกปกคลุมด้วยเมฆ เป็นเวลานานไม่คลายสักที!
ออกมาจากตระกูลเย่ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
เย่เทียนเพิ่งขึ้นไปถึงภูเขาเทียนเช่ว ก็เห็นคนชราคนหนึ่งที่มีอารมณ์ค่อนข้างดีนั่งอยู่ที่โต๊ะหินตรงหน้าคฤหาสน์เบอร์หนึ่งอย่างเงียบๆ ราวกับว่านั่งรอมาเป็นเวลานานแล้ว
“คุณเย่ ชื่อเสียงเลื่องลือมานาน!”
คนชราลุกขึ้นตรงไปที่เย่เทียน กับคำทักทายที่เข้าถึงได้ง่าย ได้ทำท่าทางขอออกมา
“เป็นเรื่องยากมากที่ท่านโจวหยุนเซียนจะรอด้วยตนเอง เย่เทียนรู้สึกซาบซึ้งมาก”
เย่เทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร นั่งลงอยู่ตรงข้ามของคนชราโดยธรรมชาติ
และหลินขุยก็ออกมาจากในคฤหาสน์ ขันเรียกคุณท่านไปคำหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลังของเย่เทียน ร่างตัวตรง!
เมื่อโจวหยุนเซียนเห็นเย่เทียนจำเขาได้ในครั้งแรก รู้สึกประหลาดใจมาก รีบตอบสนองกลับทันที
“ฮ่าฮ่า คุณเย่ถอมตัวมากไปแล้ว! สามารถที่จะรู้จักกับคุณเย่ เป็นวาสนาของคนวัยชราอย่างฉันจริงๆ!”
สีหน้าของเย่เทียนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้ของการควบคุม!
“ท่านโจวเกรงใจแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทำเอาคุณตกใจหมด เป็นผู้น้อยเองที่ไม่ได้คิดรอบคอบ!”
โจวหยุนเซียน ผู้ก่อตั้งของตระกูลโจวครอบครัวอันดับหนึ่งในหรงเฉิงเมื่อหลายปีก่อน
เป็นผู้ใหญ่ที่แก่นแท้ของหรงเฉิง!
ในวันนี้ ตระกูลโจวได้เข้าสู่เมืองหลวงแล้ว ส่วนโจวหยุนเซียนมีความรำลึกเรื่องเก่าๆมาก เลยเลือกที่จะพักอยู่ที่นี่!
ตอนนี้ ถึงแม้จะห่างหายกับความขัดแย้งไปหลายปี
แต่โจวหยุนเซียนสามคำนี้ ก็ยังมีน้ำหนักมากอยู่
“ก็แค่คนชราคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เดิมแค่อยากใช้ชีวิตวัยชราอย่างสงบสุข กลับเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้!”
โจวหยุนเซียนหัวเราะแหยๆไปที ตามด้วยถอนหายใจ มองไปที่เย่เทียนด้วยคำพูดที่หนักแน่น
“คุณเย่ ความรุ่งเรืองของหรงเฉิงที่มีในวันนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ! ไอ้หนุ่มของตระกูลสวีและตระกูลหยาง คุณก็ได้สั่งสอนไปแล้ว ความโกรธแค้นน่าจะลดลงแล้วไหม? ที่ให้อภัยได้ก็ปล่อยมันไป! ยังไงซะ เด็กของตระกูลสวีนั้นก็ตายไปแล้วหนึ่งปี เรื่องนี้ ก็ให้มันผ่านไปถอะ!”
ฮึ!
เย่เทียนเงยหน้าขึ้น ดวงตามองลึกลงไป
“ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ชดใช้ด้วยเงิน! เหตุผลนี้ท่านโจวน่าจะเข้าใจดีกว่าฉันนะ!”
“เทียนเฉิงเป็นพี่น้องของฉัน เป็นวีรบุรุษของประเทศ! แต่กลับตายไปแบบไม่รู้สาเหตุ ตายไปยังต้องแบกรับกับชื่อเสียงที่เสียหาย! ถ้าเราไม่ร้องขอยุติธรรมให้เขา เทียนเฉิงอยู่ที่ยมโลกจะสงบสุขได้ยังไง ? ในชาตินี้ ฉันก็ต้องมีชีวิตที่อยู่รอดด้วยความรู้สึกที่ผิด!”
สิ่งที่เย่เทียนพูดล้วนมีเหตุผลทั้งนั้น ทำให้โจวหยุนเซียนไม่สามารถขัดแย้งได้!
สักพัก ถึงพูดยาวว่า
“คุณเย่ สิ่งที่คุณจะต้องเผชิญในที่นี้ มันเป็นทั้งหรงเฉิงเลยนพ! คนแก่อย่างฉันขอพูดตรงๆนะ ลำพังคุณคนเดียว เกรงว่าคงไม่พอ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลินขุยยิ้มอย่างดูถูก ด้วยความภาคภูมิใจและความรุ่งเรือง
“ท่านโจว อย่าว่าแต่แค่หรงเฉิงเลย แม้ทั่วทั้งทิศตะวันตกเฉียงใต้ คุณท่านบ้านฉันก็ใช่ว่าจะกลัว?”
โจวหยุนเซียนตกใจ: “ความจริงเหรอ? กล้าถามคุณท่านภูมิหลังที่ไหน?”
เย่เทียนลุกยืนขึ้น มือไขว้หลังแล้วมองไปที่ไกลๆ!
“ฉันเคยได้ยินหยุนเซิงพูดถึงคุณ ว่าคุณมีความกล้ามาก แต่กลยุทธ์ไม่เพียงพอ! พอมาเห็นในวันนี้แล้ว เป็นอย่างที่บอกจริงๆ!”
อะไรนะ?
โจวหยุนเซียนตกตะลึงทันที!
โจวหยุนเซิง พี่ชายแท้ๆของเขา ผู้นำของตระกูลโจวในเมืองหลวง อำนาจมหาศาล!
ฟังคำพูดนี้ของเย่เทียนแล้ว ไม่เพียงแต่จะรู้จักเขาเท่านั้น และยังกล้าเรียกชื่อเขาโดยตรง หรือว่า……
หลินขุยมองเขาเบาๆ จู่ๆก็พูดว่า: “คุณท่านบ้านฉัน มาจากทางเหนือ!”
ทางเหนือ?
ฟู่!
ดวงตาของโจวหยุนเซียนเบิกกว้างทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ ร่างกายก็รู้สึกสั่นเบาๆตามมา
ตัวตนของเย่เทียน กำลังปรากฏตัวอยู่ในใจของเขาแล้ว!
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส ……”
“ครับคุณท่าน!”
หลินขุยออกปากพูดให้ถูก!
“ใช่ใช่ใช่ คือคุณเย่! ผู้น้อยชรามีตาหามีแววไม่ ทำให้ท่านขุ่นเคือง ท่านอย่าได้ถือโทษโกรธเลยนะ!”
ชั่วขณะหนึ่ง คุณโจวทั้งเกรงทั้งกลัว
ดูเหมือนว่ากลายเป็นเด็กน้อยที่ทำผิดไปเลย ส่วนเย่เทียน เป็นคุณท่านที่ทรงพลังและรุนแรง!
ตลกมาก!
“พอได้ละ คุณกลับไปเถอะ! เรื่องที่ไม่ควรยุ่ง ทางที่ดีก็ไม่ต้องเข้ามายุ่ง!”
“ครับครับครับ!”
โจวหยุนเซียนรีบพยักหน้าทันที สำนึกผิดแล้ว จากนั้นก็จากไปอย่างเร่งรีบ
เวลาที่ไม่นานมาก มีเหงื่อเย็นท่วมไปทั้งตัว!
ออกไปไกลมาก ถึงได้กดเบอร์โทรหาหยางไห่ซานด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่ภายในใจไม่หาย!
“นี่เสี่ยวหยาง นายมีทางเลือกเดียวเท่านั้น มาขอโทษกับคุณเย่ที่ภูเขาเทียนเชว่เลย! นี่เป็นทางออกเดียวของนาย! ฉันพูดได้แค่นี้ นายต้องทำด้วยตัวเองแล้ว!”
พูดจบ โจวหยุนเซียนวางสายลงทันที แม้กระทั่งลบเบอร์ทิ้ง!
ให้คนเตรียมรถข้ามคืน เข้าในเมืองไปแล้ว!
ไม่ต้องมีข้อสงสัย เทพสงครามเป่ยเย่มาถึงหรงเฉิงแล้ว ท้องฟ้าของหรงเฉิง กำลังจะเปลี่ยนไป
บทที่ 28 ใครแพ้ ใครตาย!
“คุณท่าน ดึกแล้วครับ!”
เย่เทียนมองไปที่ไกลๆ เป็นเวลานาน ไม่หันกลับมา!
“อาขุย นายว่า ฟ้ามืดลง สิ่งสกปรกพวกนั้น ก็จะไม่มีอยู่แล้วใช่ไหม?”
น้ำเสียงของเย่เทียนสงบนิ่ง พร้อมอาการที่ซึมเศร้า
หลินขุยส่ายหัว: “คุณท่าน! ความเจริญรุ่งเรืองก็ปิดบางสิ่งสกปรกไม่ได้ ความมืดยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!”
เย่เทียนเงียบ และใช้เวลานานในการถอนหายใจ!
“จริงด้วย! ตั้งแต่สมัยเก่าจนถึงสมัยนี้ มีความดีย่อมมีความชั่ว เชื่อมโยงด้วยกัน เติบโตอย่างไม่สิ้นสุด กำจัดไม่สิ้นซาก”
“อย่างนั้น ที่ฉันทำอย่างนี้ มันทำถูกจริงๆใช่ไหม?”
หลินขุยพยักหน้าอย่างไม่ลังเล: “สิ่งที่คุณท่านทำไป ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว!”
เย่เทียนมองไปที่ไกลๆ ใบหน้าไม่มีท่าทางอะไร: “หวังว่าคงเป็นอย่างนั้น!ภายใต้ความมืดนี้ ต้องมีสิ่งที่สกปรกเท่าไหร่กัน?แม้กระทั่งความมืดยังไม่สามารถปกปิดมันได้!”
“ช่างเถอะ ยี่สิบหกวันหลังจากนี้ ไม่แน่อาจจะเห็นผลของเรื่องทั้งหมดได้!”
หลินขุยเงียบ ร่างกายยิ่งตัวตรงไปอีก!
เขาฟังออกว่าในคำพูดของคุณท่านพร้อมด้วยแรงอาฆาต!
ถ้าคาดเดาไม่ผิด ตระกูลสวีในตอนนี้ ต้องเรียกหาเพื่อนๆ สรรหาผู้ที่แข็งแกร่งอยู่
หารือกันว่าจะจัดการกับคุณท่านยังไง!
แต่แล้วยังไงล่ะ?
รอให้ถึงวันที่ครบรอบวันตายของสวีเทียนเฉิง ทุกอย่าง ก็จะศูนย์เปล่า!
……
“สมควรตายจริงๆ เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
ตระกูลหยาง เห็นสายที่ถูกตัด หยางไห่ซานฟาดมือถือลงที่พื้นอย่างโกรธ ใบหน้าหนักหน่วงไม่คงที่!
ตระกูลหยางกับเย่เทียน ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องฆ่าแกงกัน
ดังนั้น หยางไห่ซานอยากขอสันติภาพ!
เพื่อไปเชิญคุณโจว เขาก็ใช้ความพยายามไปมากไม่น้อย แม้กระทั่งใช้ของโปรดปรานของตระกูลหยางเพื่อแลกกับหนี้บุญคุณนี้!
แต่เห็นได้ชัดว่า เย่เทียนไม่คิดที่จะล้มเลิกไปง่าย!
เขาไม่ได้เข้าใจถึงจุดประสงค์ในคำพูดพิเศษของโจวหยุนเซียน คือจะให้ผู้ที่เป็นผู้นำของตระกูลหยางไปกล่าวขอโทษ เขายอมรับสิ่งนี้ไม่ได้!
“เย่เทียน คิดว่าตัวคุณมีอำนาจพอที่จะปกปิดหรงเฉิงได้จริงๆงั้นเหรอ? ประเมินตัวเองสูงไปแล้ว!”
น้ำเสียงของหยางไห่ซานเบาลง เหมือนสัตว์ดุร้ายที่บ้าไปแล้ว แรงอาฆาตพุ่งฟ้า
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็จะโทษฉันไม่ได้! อย่างมากก็แค่ มีใครตายกันไปข้างหนึ่ง!”
พูดไป โบกมือให้ผู้ระดับสูงของตระกูลหยางที่อยู่ด้านหลัง
“ไปบ้านตระกูลสวี!”
……
ตระกูลสวี ตอนนี้แสงไฟยังสว่างไสวไปทั่ว!
ในห้องโถง ระดับสูงของตระกูลสวีสองสามคนนั่งตามลำดับอยู่ ต่างคนต่างขมวดคิ้ว นานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
บรรยากาศที่เคร่งขรึม กดดันทุกคนจนพูดอะไรไม่ออก!
บนที่นั่งผู้นำ หน้าท่านหญิงสวีจมเหมือนน้ำ ที่อยู่ข้างๆเขา คือสวีเทียนหมิงที่มือขวาพันด้วยผ้าพันแผล ก้มหัวอยู่ ไม่กล้าพูดสักคำ
“นี่เป็นผลการที่ไปสืบหามาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา? สวีฝู ไอ้แก่นี่แกไปทำบ้าอะไรไม่ได้เรื่อง?”
ท่านหญิงสวีโยนผลการสืบหาที่อยู่ในมือทิ้งไปด้วยความโกรธ เสียงโกรธทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจกลัว
บนหน้าผากสวีฝูเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เกือบตกใจตายในตอนนั้นเลย!
“คุณ คุณท่านหญิง เย่เทียนนี้จู่ๆก็เหมือนระเบิดออกมาจากก้อนหินอย่างนั้นแหละ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการที่เขาหายในสิบปีนั้น สืบหาข้อมูลใดๆไม่ได้เลยจริงๆ ……ฉัน ฉันก็จนปัญญาจริงๆ.……”
ท่านหญิงสวีไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก จ้องเขาด้วยความโกรธไปแวบหนึ่ง: “แกคิดว่าเขาเป็นไซอิ๊วรึยังไง ฉันไม่เชื่อหรอกนะ คนเป็นทั้งคน กลับสืบหาข้อมูลอะไรไม่เจอ!”
“สืบหาต่อไป ถ้ายังสืบหาไม่ได้อีก ก็ไสหัวจากตระกูลสวีไป!”
เผชิญกับเสียงตะโกนคำรามของท่านหญิง ในใจของสวีฝูได้ตายไปแล้ว!
วิธีการที่ใช้ได้เขาใช้ไปหมดแล้ว แต่ที่ในสิบปีเย่เทียนหายไป กลับว่างเปล่าหมดเลย ไม่พบข้อมูลใดๆเลย
แม้ว่าท่านหญิงทำเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีวิธีการใดๆ
ด้วยที่ไม่มีทางเลือกนั้น ก็ต้องตอบตกลงไปก่อน สามารถยื้อเวลาได้วันหนึ่งก็คิดวันหนึ่งไป!
อย่างมากก็แค่ ออกจากตระกูลสวีไป!
ในชั่วขณะ ทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบเหมือนความตายอย่างนั้น
คำว่าเย่เทียนสองคำ ก็เหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ห้อยอยู่บนหัวของผู้คน
ไม่รู้ว่าจะหล่นลงมาเมื่อไหร่ เมื่อโดนก็จะตายคาที่!
ท่านหญิงสวีกวาดสายตามองทุกคน สายตาที่จ้องเขม็งทำให้คนไม่กล้าสบตากัน
“ทำไม ลำพังเพียงเย่เทียนคนเดียว ทำให้พวกนายตกใจขนาดนี้เลย? ศักดิ์ศรีของตระกูลสวีอยู่ที่ไหน?”
ว่าไป มองไปที่สวีเทียนหมิง:“เทียนหมิง ฉันให้นายไปเชิญผู้นำของครอบครัวทั้งสาม ทำไมตอนนี้ยังไม่มา?”
เริ่มแรก ท่านหญิงสวีไม่ได้เอาเย่เทียนอยู่ในสายตาเลย
จากที่เขาดู เย่เทียนก็แค่เด็กน้อยที่มีความสามารถหน่อยก็เท่านั้น
แต่ว่า เวลาแค่วันเดียว กลับผ่านอำนาจเย่เทียนไม่ได้ ลบล้างตระกูลหูก่อน ต่อด้วยการทำลายตระกูลจ้าว!
แม้กระทั่งหยางไห่ซาน ก็มีความผิดพลาดบางอย่าง!
ท่านหญิงไม่สามารถนั่งนิ่งดูดายได้ เลยให้สวีเทียนหมิงใช้ความตายของหลินฮุยเป็นข้ออ้าง ไปรุกรานตระกูลเย่!
แต่ผลที่ได้ กลับไม่เป็นดั่งที่คิดไว้
แม้กระทั่งพี่ชายใหญ่สวีเว่ยเฟิงลงมือด้วยตนเอง ก็ไม่สามารถทำอะไรเย่เทียนได้!
จนถึงตอนนี้ ท่านหญิงสวีก็นั่งไม่ติดอยู่แล้ว
เลยได้เชิญผู้นำทั้งสามครอบครัวมาหารือกันเรื่องนี้ ปรึกษากันว่าจะจัดการกับเย่เทียนยังไง!
แต่จนถึงตอนนี้แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วกลับไม่มีคนมาเลย
“คุณย่า ทั้งๆที่ผมได้คุยไว้หมดแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่า.……”
สีหน้าของสวีเทียนหมิงแย่มาก แม้ว่าจะยังพูดไม่จบ แต่ความหมายก็ชัดแจ้งแล้ว
ทั้งสามครอบครัวใหญ่ นอกจากตระกูลหยาง อีกสองครอบครัวที่เหลือก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเย่เทียน แล้วทำไมต้องเป็นศัตรูกับเย่เทียนเพราะตระกูลสวีล่ะ?
คิดที่อยากจะได้กำไรจากความเอาเปรียบก็จริงอยู่!
อย่าดูว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่มักมีความเกลียดชังแบบเดียวกัน พวกเขาดูเหมือนจะเหมือนกัน
แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่และตายของครอบครัวนั้น ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ สู้ทรายที่กระจาดกระจายไม่ได้เลย
ตระกูลหลี่กับตระกูลจ้าว ตอนนี้คงจะวางแผนอยู่ว่าจะได้รับกำไรจากความเอาเปรียบยังไง!
“สับสนไปหมด!”
ท่านหญิงตะโกนเสียงดัง: “พวกเขาคงคิดว่า ตระกูลสวีเราจะดับในมือของเย่เทียนงั้นเหรอ?”
“จะว่าไป ถึงแม้ว่าตระกูลสวีถูกทำลาย เย่เทียนคงปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ? ไร้เดียงสาจริงๆ!”
คนข้างล่างไม่กล้าพูดอะไร แต่รู้สึกหมดหนทางในใจ
ท่านหญิงสวี ก็ยังไร้เดียงสาเกินไป ยังดื้อเกินไปอีก!
หลี่ จ้าวสองตระกูล อยู่ดีดีใครเขาจะไปทำชั่วเพื่อตระกูลสวีล่ะ ?ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ดีเท่าไหร่แล้ว。
คำว่าเพื่อนไม่มีคำว่านิรันดรหรอก มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้นที่ตลอดไป!
ขอแค่ว่า ตระกูลหยางสามารถยืนที่ค่ายของตระกูลสวีได้!
ท่านหญิงฮัมเสียงเย็นชาออกมา โบกมือไปที่สวีเทียนหมิง:“เทียนหมิง ไป เชิญผู้นำของตระกูลหยางมาหารือกัน!”
สวีเทียนหมิงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ ยังไม่ทันก้าเท้าออก หยางไห่ซานก้าวใหญ่เข้ามาอย่างกับดาวอุกกาบาต!
“ไม่ต้องแล้ว ฉันมาแล้ว!”
ท่านหญิงสวีดีใจ: “ดีดีดี! ผู้นำหยางเป็นผู้รู้ธรรมจริงๆ ไอ้แก่สองหลี่ฉงหนิงกับจ้าวหมิงเซิง ทั้งสองคนสายตาสั้นไม่ดีไอ้คนงี่เง่าเท่านั้น!”
กับสิ่งนี้ หย่างไห่ซานว่าช่างเถอะช่างเถอะ บนใบหน้าไม่มีท่าทางอะไรเลย!
“ท่านผู้หญิง เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันตระกูลหยางกับตระกูลสวีก็ถือว่าเป็นตั๊กแตนบนเชือกเดียวกันแล้ว! ฉันอยากรู้ว่า เผชิญหน้ากับเย่เทียน ตระกูลสวีมีความมั่นใจแค่ไหนที่จะเอาชนะเย่เทียนได้?”
เผชิญกับสายตาที่แผดเผาของหยางไห่ซาน ท่านหญิงสวีได้หัวเราะเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหยาง มีความมั่นใจเต็มสิบ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนมองหน้ากันกะทันหัน ยังดึงสติกลับมาไม่ได้!
ไม่เข้าใจว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน!
หยางไห่ซานก็ขมวดคิ้วขึ้น ในใจเขา ไม่มีความมั่นใจเลย
เห็นอย่างนี้ ท่านหญิงสวีหึ่มเสียงเบาๆ: “ผู้นำหยาง คุณคงไม่ใช่ถูกเย่เทียนทำเอาตกใจจนกลัวแล้วนะ?”
หยางไห่ซานหึ่มเสียงเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรมาก:“ท่านผู้หญิง อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนคุณนะ เย่เทียนนี้ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด!การปะทะกันของพวกเรากับเขา มีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”
“ใครแพ้ ใครตาย!”