เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 33
บทที่ 33 ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง
ขณะที่พูด เย่เทียนเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อหลบหลีกฝ่าท้าวจากการโจมตีของสวีเว่ยเฟิง
ขณะเดียวกัน สะบัดมือขวาเบาฯ และกระแทกโดนหมัดมือของท่านหลี่พอดี
ท่านหลี่รู้สึกราวกับว่าเขาตีโดนกระเบื้องเหล็ก มือของเขาเจ็บอย่างปวดแสบปวดร้อน จนต้องกัดฟันกราม
เมื่อเห็นว่าทั้งสองถูกต้อนจนมุม สีหน้าท่านหยางเปลี่ยนไป กำลังจะดึงหมัดกลับคืนมา ตรงหน้ากลับไม่มีแม้แต่เงาของเย่เทียน
“เกิดอะไรขึ้น?”ท่านหยางขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกตื่นตระหนก!
“ระวัง!”
เสียงหวาดกลัวของสวีเว่ยเฟิงดังขึ้น ท่านหยางรู้สึกไม่ดี จะหันหลังกลับ หมัดของเย่เทียนก็ได้ชกตกไปที่หน้าอกของเขาแล้ว
“พรวด!”
ท่านหยางโดนกระแทกอย่างหนัก จนกระอักเลือดพุ่งออกมา และกระเด็นตกอยู่ตรงหน้าของท่านโจว
ร่างกายกระตุกไปทั่ว ดูทีท่าแล้ว ไม่น่ารอด
“บ้าเอ่ย หนี!”
ท่านหลี่เห็นสถานการณ์ไม่ดี ด้วยความหวาดกลัว กำลังจะหันหลังหนี เงาร่างของเย่เทียนดุจดั่งภูตผีก็ได้ปรากฏขึ้น
อยู่ตรงหน้าเขา
“อยากหนีเหรอ? มันสายไปแล้ว!”
ท่านหลี่ตกใจมาก เห็นเพียงเย่เทียนใช้นิ้วจี้เบาเบา ทันใดนั้นหน้าอกของเขาก็กลายเป็นรูเลือดที่ฉีกขาดและแสนจะทรมาน
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องอันน่าสยดสยองของทั้งสามได้ดังขึ้น ทำให้หนังศีรษะทุกคนรู้สึกชาขึ้นมา
สวีเว่ยเฟิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เมื่อสังเกตดูใกล้ใกล้ ก็เห็นหน้าอกของท่านหลี่ที่กลายเป็นรู และมีเลือดสดสดไหลออกมา
ทันใดนั้น ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
สีหน้าท่านหลี่ซีดเซียว เขากดปิดแผลไว้แน่น และหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน
เงียบ!
เงียบแบบไม่เคยเงียบมาก่อน!
หัวภูเขาทั้งลูก เสมือนเป็นแค่ภาพวาดใบนึง
ในภาพวาด ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ตลึงจนพูดไม่ออก!
โดยเฉพาะท่านหยาง ท่านหลี่ ท่านโจว ผู้นำของสามตระกูลใหญ่
สีหน้านั้นทั้งเขียว ทั้งซีดเซียว
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งสี่ตระกูลใหญ่ร่วมมือกันโจมตี แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็โดนเย่เทียนกำจัดไปแล้วสามคน
เหลือเพียงสวีเว่ยเฟิง นั้นก็เป็นผู้แพ้ภายใต้นํ้ามือของเย่เทียนอยู่แล้ว
เย่เทียน ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?
รอยย่นบนใบหน้าของท่านหญิงสวีม้วนกันเป็นก้อน ในดวงตาไม่มีความเย่อหยิ่งและเหยียดหยามเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไป
ความแข็งแกร่งของเย่เทียน มันเหนือเกินกว่าที่เธอรู้มามาก
ตอนนี้ ใจของเธอเริ่มกระวนกระวาย
สำหรับสวีเทียนหมิงและหลินเสว่ที่อยู่ข้างฯ พวกเขาตกใจจนหน้าซีด และสั่นไปทั้งตัว
โดยเฉพาะสวีเทียนหมิง ทั้งแผ่นหลังนั้นชุ่มเย็นและเปียกไปด้วยนํ้าเหงื่อ
หากทั้งสี่ตระกูลพ่ายแพ้ คนที่ต้องโดนเย่เทียนจัดการเป็นคนแรก ต้องเป็นเขาแน่
“ทีนี้ นายจะคุกเข่าได้หรือยัง?”
เย่เทียนกวาดตามองทุกคน ด้วยความโกรธเกี้ยว
สวีเว่ยเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกลึก แล้วมองไปทางเย่เทียน
“เย่เทียน นายนึกว่าชนะแล้วหรือ? ฝันไปเถอะ!”
พูดเสร็จ ก็ยกเงยหน้าขึ้น จ้องเข้าหาเย่เทียน
“ยมราช ถึงเวลาที่แกต้องลงมือแล้ว!”
ด้วยคำว่า ยมราช ที่เอ่ยออกมา
ทุกคนต่างตกใจสีหน้าซีดเซียว
เมื่อนึกถึงชายโหดเหี้ยมผู้นั้น กระดูกสันหลังทุกคนก็หนาวสั่น
ดูเหมือนว่า สวีเว่ยฟงจะฆ่าเย่เทียนตายให้ได้
ถึงอย่างไร การที่จะเชิญยมราชมาได้นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องราคาเท่านั้น
“ให้ตายซิ สวีเว่ยเฟิงทำไมถึงเชิญยมราชมา? ที่นี่ยุ่งยากแล้ว”เย่จิ้งซานเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าไม่สู้ดีนัก
เย่น่าไม่รู้ว่ายมราชคือใคร แต่ดูจากอาการของเย่จิ้นซานแล้ว ก็พอจะรู้ว่าไม่ธรรมดาแน่
ใจของเธอร้อนรน มองไปตามเงาร่างที่สูงใหญ่ แล้วอธิษฐานในใจ
สำหรับเหตุการณ์นี้ มีเพียงเย่เทียนเท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เพราะเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า สี่ตระกูลใหญ่ต้องมีแผนสำรองไว้อยู่แล้ว
ในสายตาของเย่เทียน ไม่ว่า สี่ตระกูลใหญ่จะเชิญใครมา ผลลัพธ์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้!
“ฮี่ฮี่(เสียงหัวเราะ) น่าสนใจอย่างยิ่ง การมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริงฯ”
เสียงแหบแห้งและเย็นชาได้ดังขึ้น
วินาทีต่อมา มีร่างสวมชุดคลุมดำยาวก็ปรากฏตัวออกมาโดยมิได้นัดหมาย
ภายใต้ชุดคลุมดำ มองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงแต่หน้ากากโครงกระดูกเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวัน ก็รู้สึกถึงความมืดมน
ใครที่ขี่ขลาด ไม่กล้าแม้แต่มองหรือสบตา
มองเพียงแป๊บเดียว ราวกับวิญญาณถูกดึงดูดเข้าไป
“ยมราช!”
ผู้นำของทั้งสามตระกูลพึมพำออกมา ดวงตาซ่อนไปด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีใครรู้มาก่อนว่า เมื่อสามปีที่แล้ว สี่ตระกูลใหญ่ที่สามารถเอาชนะตระกูลหลิ่วได้นั้น
ก็เป็นเพราะมียมราชช่วย เพียงเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ก็ฆ่าคนในตระกูลหลิ่วไปได้เกินครึ่ง
เมื่อใดที่นึกคิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ภายในใจของทั้งสามก็ยังคงหวาดกลัวอยู่
ยมราชผู้นี้ ก็คือปีศาจดีดีนี่เอง
“ฮี่ฮี่(เสียงหัวเราะ) เจ้าหนู นายนี่ไม่เลวเลยนะ แต่น่าเสียดาย มายุ่งกับคนที่ไม่ควรจะยุ่ง!”
หน้ากากที่หม่นหมองมองมาทางเย่เทียน นํ้าเสียงที่เย็นชานั้นทำให้สันหลังคนรู้สึกหนาวสั่น
“แต่ฉัน ก็ต้องขอบคุณนาย ไม่อย่างนั้น ฉันจะกลับมาเมืองหรงเฉิงอีกครั้งได้อย่างไร? ฮ่า ฯฯฯ”
เมื่อคำพูดสิ้นลง สามผู้นำของทั้งสามตระกูลใหญ่และสวีเว่ยเฟิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เพื่อจะรับมือกับเย่เทียน สวีเว่ยเฟิงนี่คือการปล่อยเสือเข้าป่าชัดชัด!
ยมราช ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่เทียนเลย และอาจจะโหดเหี้ยมกว่าเย่เทียนด้วยซํ้า
“ท่าน…”
ทันทีที่ยมราชโผล่ตัวมา หลินขุยขมวดคิ้ว และเดินไปหาเย่เทียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เย่เทียนไม่ตอบ ดวงตาที่เย็นชาของเขาจ้องเขม็งไปที่ยมราช
“บอกฉันมาสิ ว่าแกคือคนของแก็งโครงกระดูกหรือไม่”
เพียงประโยคเดียว ทำให้ยมราชตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เค่นเสียงแบบเย็นชา
“ใช่แล้วไง ไม่ใช่แล้วไง? คนตาย ไม่จำเป็นต้องรู้มากไป!”
“แก๊งโครงกระดูก!”
เย่เทียนกัดฟันบีบชื่อแก็งออกมา
“ในเมื่อแกไม่พูด งั้นฉันก็ต้องจับแกแล้วค่อยฯเค่นถามช้าฯ”
เย่เทียนพูดพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปทันที ไม่มีการเป่าหวีดเตรียมตัว พุ่งเข้าหายมราชเพื่อคว้าตัวไว้
“รนหาที่ตาย!”
ยมราชยิ้มอย่างเย็นชา พร้อมชักดาบปลายโค้งในมือขึ้นมา
สวีเว่ยเฟิงแสรยิ้ม ดาบปลายโค้งของยมราช ขึ้นชื่อว่าเป็นดาบที่คมแหลมยิ่งนัก
มันใช่เพื่อการเชือดคอเท่านั้น
“ยมราช ฆ่ามันซะ เงื่อนไงของแ ฉันยอมตกลง!”
สวีเว่ยเฟิงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขา อยากจะฆ่าเย่เทียนให้เร็วที่สุด!
ยมราชยิ้มอย่างเย็นชา และกระโดดร่างเข้าหา ดาบปลายโค้งชี้เข้าไปที่มือขวาของเย่เทียน
ครั้งนี้ เขาเปลี่ยนแผนแล้ว เขาตัดสินใจว่าจะตัดมือของเย่เทียนก่อน
ติ๊ง!
ดาบปลายโค้งปะทะกับมือเย่เทียน และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ดาบปลาบโค้งที่ทำมาจากเหล็กบริสุทธิ์
ถูกเย่เทียนหักเป็นสองท่อนในพริบตา
ไม่เพียงแค่นี้ พลังของเย่เทียน ยังทำให้ยมราชถอยหลังไปหลายก้าว เป็นที่น่าละอาย
ความดุร้ายบนใบหน้าของสวีเว่ยเฟิง แข็งทื่อไปในทันที
ทุกคนต่างตะลึง เย่เทียนแค่ปัดมือธรรมดา ก็สามารถทำให้ยมราชถอยหลัง อีกทั้งยังทำลายอาวุธของยมราชด้วย
มือของเขา ทำมาจากทองคำหรือ? ทำไมมันถึงแข็งกว่าเหล็กบริสุทธิ์?
ร่างกายสวีเทียนหมิงเริ่มอ่อนระทวย ยมราช คือความหวังสุดท้ายของเขา จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
“เจ้าหนู นายคือใครกันแน่?”
นํ้าเสียงของยมราชเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เขารับรู้ได้ว่า เย่เทียนนั้นต้องการจับเป็นตัวของเขา ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ เขาก็คงตายไปแล้ว
“คนของแก็งโครงกระดูก ฆ่าให้หมด!”
แววตาเย่เทียนเย็นชา ภายในจิตใจเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทันทีที่เขาพูดจบ ยมราชก็วิ่งหนีไปโดยไม่คิดอะไร
“ยมราช แกตกลงกับฉันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ จะกลับคำได้ยังไง?”สวีเว่ยเฟิงตะโกนออกมาอย่างโกรธเกี้ยว
“สวีเว่ยเฟิง ท่านนี่อยากจะให้ผมตายนักใช่ไหม! ผมว่าท่านรอตายอยู่นี่ดีแล้ว ครั้งนี้ ไม่มีใครช่วยท่านได้แล้ว”
เสียงโกรธเกรี้ยวและหวาดกลัวของยมราชดังขึ้น แต่คนนั้นได้หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
เขารู้สึกได้ว่าเย่เทียนนั้นน่ากลัวมาก ไม่คิดอะไร หนีอย่างเดียว
“อาขุย!”
“ครับ ท่าน!”
หลินขุยขานรับ พร้อมขยับกาย ไล่ตามไปทันที
ใครที่เป็นทหาร จะเกลียดชัง แก๊งโครงกระดูกยิ่งนัก
เมื่อเจอะเจอแล้ว ก็จะไม่ปล่อยให้รอดไปได้!