เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 34
บทที่ 34 นาย ยอมรับผิดหรือยัง!
ทุกคนต่างตกตละลึงอีกครั้ง
ขนาดยมราช ยังโดนเย่เทียนทำให้ตกใจกลัว จนหนีไปง่ายฯเช่นนี้
หรือว่า เย่เทียนจะน่ากลัวมากกว่ายมราชงั้นหรือ?
ในความตกใจ คนของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ใบหน้าซีดเซียวเหมือนเถ้าถ่าน ในใจคิดได้แต่ว่า
“แย่แล้ว!”
แม้แต่ยมราชยังทำอะไรเย่เทียนไม่ได้ ดูท่าทั้งเมืองหรงเฉิง ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียน ได้?
ในตอนนี้ แม้ว่าทั้งสี่ตระกูลใหญ่จะร่วมมือกัน ต่อสู้กับเย่เทียน ก็คงพ่ายแพ้อยู่ดี
ภายในใจของพวกเขานั้น ถึงกับหมดความสิ้นหวัง
การที่ต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนนั้น แม้แต่ความคิดที่จะต่อต้านก็ไม่มี
“บอกฉันมาทีว่า ยมราชผู้นั้น เชิญมาจากที่ใด?”
นํ้าเสียงเย็นชาได้ดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเย่เทียน ยังคงเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
แก็งโครงกระดูก คือองค์กรที่กำเนิดขึ้นเมื่อตอนเกิดสงคราม
แม้จะก่อตั้งไม่นานนัก แต่ความแข็งแกร่งนั้นอย่าได้ดูถูกเป็นอันขาด ไปมาไม่เคยแน่นอน ช่างน่าลึกลับนัก
ในนั้นมีคนมากรูปหลายแบบ สมาชิกนั้นก็มาจากประเทศที่แตกต่างกันไป
บางคนเป็นทหารที่เกษียณอายุแล้วบางคนคือผู้ที่หนีคดี ความแข็งแกร่งนั้นอย่าได้ดูถูกเป็นอันขาด
ตามที่สืบประวัติมา ฐานของแก็งโครงกระดูกไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของประเทศหลง
ผู้นําของพวกเขาก็คือ ผู้ที่เป็นไส้ศึกบุกรุกประเทศหลงนั้นเอง
เมื่อตอนสงคราม แก็งโครงกระดูกก็ได้ลอบทำลายนักรบของประเทศหลง
สร้างความศูนย์เสียและความทุกข์ให้กับประเทศหลงอย่างมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น วีธีการของแก็งโครงกระดูกนั้นโหดร้ายยิ่งนั้น เย่เทียนเองหลายครั้งก็เคยเห็นกับตา
ถึงวิธีการทรมานทารุณกรรมที่ทำต่อนักรบเหล่านั้น
บีบก็ตาย คลายก็รอด
ดังนั้น เมื่อใดที่เอ่ยถึงแก็งโครงกระดูก เย่นั้นก็เกลียดชังยิ่งนัก อยากกำจัดมันให้เร็วที่สุด
ณ วันนี้ ผู้นําทั้งสี่ตระกูลใหญ่ได้ร่วมมือกับแก็งโครงกระดูก เย่เทียนเหมือนโดนเหยียดหยาม
มังกรมีเกร็ดคมแหลม สัมผัสโดนก็ตายได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของเย่เทียน ผู้นําทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะสบตาเขา
โดยเฉพาะสวีเว่ยเฟิง
ยมราช เขาเป็นคนเชิญมา ตอนนี้ยมราชได้แพ้และหนีไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องคิดที่จะรอดตัวไปได้
“ท่าน บอกผมมา ยมราช ใครเป็นคนเชิญมันมา?”
เย่เทียนมองไปที่ท่าโจว นํ้าเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้ท่านโจวตกใจเสมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไป
“ฉัน ฉันไม่รู้ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยมราช ไม่เกี่ยวจริงๆ!”
“ท่านแน่ใจนะ?”
แววตาของเย่เทียน ดุจราวกับภูเขากดทับท่านโจวไว้ กดทับจนท่านโจวหายใจไม่ออก
“ฉัน ฉันแน่ใจ…..?.”
ท่านโจวกัดฟันพยายามพูดออกมา ในใจนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แล้วพวกคุณละ?”
เย่เทียนกวาดตาไปรอบรอบ ทำให้ท่านหลี่และท่านหยางตกใจขวัญเสีย
“ท่าน… ท่านเย่ พวกเรากับยมราชไม่มีความเกี่ยวข้องกันจริงฯ!”ท่านหยางรีบพูดพร้อมตัดความสัมพันธ์
“ใช่แล้ว ยมราช คือสวีเว่ยเฟิงเชิญมา พวกเราก็ไม่รู้มาก่อน”ท่านหลี่ปฏิเสธ พร้อมปัดความรับผิดไปที่สวีเว่ยเฟิง
เย่เทียนมองไปที่สวีเว่ยเฟิง แค่แวบเดียว สวีเวนเฟิงก็ตกใจจนเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไป
“นี่ ฉัน…. ฉันเองก็ไม่รู้ว่ายมราชคือใคร แค่ แค่…”
สวีเว่ยเฟิงหมดคำแก้ตัว แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในใจนั้นแอบด่าผู้นำทั้งสามว่าพึ่งพาไม่ได้
เย่เทียนไขว้มือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง นํ้าเสียงยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก:“บอกฉันมาสิว่า เมื่อสามปีก่อน ที่หรงเฉิงทำลายล้างตระกูลหลิ่ว มันเกี่ยวข้องกับทั้งสี่ตระกูลใหญ่ และยมราช หรือไม่?!
ทุกคนสีหน้ามึนงง
ไม่เข้าใจว่า ทำไมเย่เทียนถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา
“ตระกูลหลิ่ว ทั้งตระกูลมีความจงรักภักดี ปกป้องรักษาเมืองหรงเฉิงมานับสิบฯปี ฉันคิดว่า อาจเป็นเพราะถูกยมราช
ยุยงใส่ร้าย จึงทำให้สี่ตระกูลใหญ่ลงมือใช่ไหม”
เย่เทียนพูดอย่างเฉยเมย ความเย็นชาในคำพูด แม้แต่คนที่มุงดูอยู่ทางไกล ก็รู้สึกได้
“เย่เทียน พวกเรา….”
สวีเว่ยเฟิงหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ อยากจะอธิบาย แต่โดนเย่เทียนตัดบท
“สมรู้ร่วมคิดกับแก็งโครงกระดูก วางยาผู้จงรักภักดี! ถือ… เป็นความผิดมหันต์!”
นํ้าเสียงเยือกเย็น ทำให้ร่างกายทุกคนในสี่ตระกูลใหญ่เย็นเยือกราวอยู่ในห้องแช่แข็ง
สวีเว่ยเฟิงร้อนรน เห็นเพียงเย่เทียนสะบัดมือ
ผู้นําทั้งสี่ตระกูลใหญ่สีหน้าแข็งทื่อทันที ร่างกายค่อยฯเย็นเฉียบ
พริบตาเดียว ก็หมดสิ้นลมหายใจและตายไป
เมื่อผู้นำทั้งสี่ผู้เป็นที่แข็งแกร่งและทรงพลังของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ได้ตายลง ก็ทำให้สี่ตระกูลใหญ่ ล่มสลายในชั่วพริบตา
หยางไห่ซาน หลี่ฉงหนิงและจ้าวหมิงเซิงทั้งสามคน ต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะหลี่ฉงหนิงและจ้าวหมิงเซิง
ใจนั้นทั้งหวาดกลัว ทั้งเสียใจ
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จะไม่มาข้องเกี่ยวด้วยเลย
นอกจากจะล่วงเกินเย่เทียนแล้ว ถ้าหากเรื่องเมื่อสามปีก่อนถูกเปิดเผยขึ้นมา ตระกูลหลี่และตระกูลจ้าว ก็ต้องจบสิ้นแน่
ส่วนท่านหญิงสวีนั้น ได้หมดความความมั่นใจและเย่อหยิ่งไปแล้ว
ทั้งตัวทรุดนั่งอยู่ตรงเก้าอีหวาย ในสมองมีแต่ความว่างเปล่า
สวีเทียนหมิงและหลินเสว่ ยิ่งเหมือนลูกไก่ในกำมือ อย่าได้พูดถึงว่าในใจนั้นทุกข์ทรมานแค่ไหน
ความรู้สึกที่ต้องรอคอยการสอบสวนนั้น วันราวกับปี
เมื่อจัดการผู้นำของทั้งสี่ตระกูลใหญ่แล้ว สิ่งที่เย่เทียนจะทำต่อไปก็คือ ชำระบัญชีให้กับสวีเทียนเฉิง!
เมื่อถึงเวลานั้น จุดจบของพวกเขา จะยิ่งเลวร้ายกว่า สวีเว่ยเฟิง!
ตามที่คาดไว้ เย่เทียนกวาดตาไปรอบฯ ทุกที่ที่กวาดตาผ่าน ทุกคนต่างก้มหน้า ไม่มีใครกล้าที่จะสบสายตาของเขา
สุดท้าย สายตาจับจ้องไปที่ตัวหลินเสว่
“หลินเสว่ คุกเข่าลง!”
นํ้าเสียงเบาฯ แต่ดังดั่งฟ้าร้อง ดังไปยันใต้จิตสำนึกของหลินเสว่
หลินเสว่สั่นไปทั้งตัว ใจนั้นแตกเป็นเสี่ยงฯ และรีบคุกเข่าลง ที่หน้าป้ายชื่อหลุมฝังศพของสวีเทียนเฉิง
“หลินเสว่ เธอเป็นหญิงที่จิตใจชั่วร้ายนัก ถูกหยางไห่ซานและสวีเทียนหมิงยุยงให้ เข้าใกล้เทียนเฉิง
ใช้ความใกล้ชิดเพื่อให้เทียนเฉิงรักและไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วค่อยฯล้วงความลับจากเทียนเฉิง”
เย่เทียนพูดเสียงดัง และคอยสาธยายความชั่วร้ายของหลินเสว่ทีละข้อฯ
“เป็นถึงคู่หมั้นของเทียนเฉิง เธอกลับสมรู้ร่วมคิดกับสวีเทียนหมิง ยักยอกทรัพย์สมบัติของเทียนเฉิง”
“แม้แต่ การตายของเทียนเฉิง ก็ไม่แยแสใส่ใจ อีกทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีเทียนเฉิง ว่าคิดมิดีมิร้ายกับพี่สะใภ้!”
“น่าเสียดายที่เทียนเฉิงทั้งเชื่อใจ และรักเธอมาก แต่เธอกลับหลอกลวงเขาถึงปานนี้ชาวนากับงูเห่าชัดชัด!”
ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ความโกรธเคืองของเย่เทียนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยฯ นํ้าเสียงก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก!
“หลินเสว่ เธอ ยอมรับผิดหรือยัง!”
เธอ ยอมรับผิดหรือยัง!
ประโยคสั้นสั้น แต่ทำให้หลินเสว่ปราสาทเสีย ได้แต่ทรุดตัวคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลุมฝังศพของสวีเทียนเฉิง
ทุกคำพูดของเย่เทียน มันเหมือนดั่งฟ้าร้อง แล้วค่อยฯกัดกินความคิดของหลินเสว่
เมื่อนึกถึงวันวานเก่าฯเมื่อตอนคบหากับสวีเทียนเฉิง และสายตาก่อนที่สวีเทียนเฉิงจะตาย มีทั้งไม่พอใจ เจ็บใจ โกรธ
และเศร้าใจ หลินเสว่ก็ล้มลงกองกับพื้น และร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดัง
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา หลินเสว่รู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อย
และตอนนี้ ความละอายใจยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก และค่อยฯกลายเป็นความหวาดกลัว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเทียนเฉิง มันกลายเป็นฝันร้าย ที่ทรมานเธอ และติดตามเธอตลอดชีวิต
และนี่ก็คือ สิ่งที่เธอต้องชดใช้!
สิ่งที่เย่เทียนพูด ทำให้ผู้คนที่มุงดูต่างพากันตกใจ
หรือว่า การตายของเทียนเฉิงยังมีเรื่องอื่นแอปแฝงอยู่?
ไม่แปลกใจเลย ทำไมเย่เทียนถึงคิดหาวิธีการแก้แค้นทุกทาง เพื่อคนที่ตายจากไปเป็นปี
เย่เทียนเหลือบมองไปที่หลินเสว่ และพยายามระงับความอาฆาตของเขาไว้
เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้เทียนเฉิงตกลงไปในหลุมพรางและเสียรู้ไป อย่างไม่อาจกลับตัวกลับใจได้
น่าเศร้า และน่าเวทนานัก!
“หลินเสว่ เห็นแก่ที่เธอเป็นคนที่เทียนเฉิงรักมากที่สุด ฉันจะไม่ฆ่าเธอ แต่จะลงโทษโดยการให้เธอมาเฝ้าหลุมศพและดวงวิญญาณของเทียนเฉิงเป็นเวลาสามปี!”
เย่เทียนไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
“จำไว้นะ สามปีเต็ม น้อยไปวันเดียว หรือแม้สักชั่วโมง ก็ไม่ได้!”