เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 35
บทที่ 35 แกไม่คู่ควร!
นํ้าหูนํ้าตาเต็มใบหน้าหลินเสว่ ริมฝีปากกัดจนเลือดซึม แม้แต่แรงที่คิดจะต่อต้านสักนิดก็ไม่มี
เป็นหนี้คนอื่น ยังไงก็ต้องชดใช้
และสิ่งที่เธอเป็นหนี้เทียนเฉิง อย่าว่าแม้แต่สามปี จะสามสิบปี หรือทั้งชั่วชีวิตนี้…..
ก็ชดใช้ไม่เพียงพอ!
พูดจบ เย่เทียนก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่คนของตระกูลหลิน
“ตระกูลหลิน มีจิตใจชั่วร้าย และโลภมาก! ยังไม่รีบมาคุกเข่าคำนับขอขมาอีก!”
เย่เทียนตะโกนเสียงออกมาเบาฯ ตระกูลหลินนำโดยหลินกว่างเซิน แต่ละคนนั้นกล้าฯกลัวฯ
นึกถึงคำเตือนของเย่เทียนเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แล้วมองไปทางสีหน้าที่ท้อแท้ของท่านหญิงสวี
รู้ว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่กล้าโต้แย้งใดฯ
ตึง!!!
ตึง!!!
คนของตระกูลหลินแต่ละคน คุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพของสวีเทียนเฉิง
เพื่อประจบตระกูลสวี พวกเขาใช้เส้นสายของหยางไห่ซาน ใช้ลูกสาวปองดองกับตระกูลสวี
เพื่อที่จะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของสวีเทียนเฉิง ช่วยเหลือสวีเทียนหมิงวางแผนทำลายสวีเทียนเฉิงอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากสวีเทียนเฉิงตาย ตระกูลหลินถึงแม้จะได้รับมรดกมากพอสมควร
และหลินเสว่ก็กำลังจะได้ขึ้นเป็นท่านผู้หญิงของตระกูลสวี
และทั้งหมดนี้ ได้มาด้วยการเหยียบศพกระดูกของสวีเทียนเฉิง ที่ค่อยฯสะสมขึ้นมา
แต่แรกนั้นคิดว่าตระกูลหลินกำลังจะเจริญรุ่งเรือง!
แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นเย่เทียนมาถึง เรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้สืบมาอย่างชัดเจนแน่แล้ว
การกระทำของตระกูลหลิน หลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือของเย่เทียนแล้ว
ด้วยวิธีการจัดการของเย่เทียน ตระกูลหลิน ไม่น่ารอดชีวิตออกไปได้
และแม้แต่การที่อยากมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ ก็อาจจะเป็นแค่ความเพ้อฝัน
หลินกว่างเซินสีหน้าซีดเซียว ในใจนั้นหมดเรี้ยวแรง
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นจะไม่ข้องเกี่ยวเลย
หากหลินเสว่แต่งงานกับสวีเทียนเฉิง ตระกูลหลินแม้จะไม่เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วนัก แต่ในอนาคตก็ใช่ว่าจะไม่มี
น่าเสียดาย เพราะความโลภชั่ววูบ ได้กระทำความผิดไปแล้ว
วันนี้ ทุกสิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นแค่ละอองฟอง
ตระกูลหลินไปยึดครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ควรถูกลงโทษ
เย่เทียนยืนกอดอก ใบหน้ายังคงไร้ซึ่งอารมณ์
ทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่ เพียงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
คนที่ควรคุกเข่าขอขมาสำนึกผิดจริงฯนั้น คือตระกูลสวี
ถ้าพูดตามตรง ก็คือสวีเทียนหมิงและท่านหญิงสวี!
ตามคาด เย่เทียนหันตามอง ทำให้สวีเทียนเทียนหมิงตกใจล้มลงกับพื้น
“เย่… เย่เทียน แกจะแตะต้องตัวฉันไม่ได้ ฉันคือนายน้อยของตระกูลสวี แกจะแตะต้องตัวฉันไม่ได้…….”
สวีเทียนหมิงตกใจจนพูดไม่ออก หลบอยู่ข้างหลังของท่านหญิงสวี จิตใจแทบแตกสลาย
“ท่ายย่า ช่วยผมด้วย ผมยังอ่อนเยาว์ ผมยังไม่อยากตาย ท่านย่า ช่วยผมด้วย…..”
สวีเทียนหมิงเขย่าเก้าอีหวายอย่างรุนแรง ภายใต้สายตาของเย่เทียน ความกล้ากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงฯ
สีหน้าของท่านหญิงสวีมืดครึ้ม
สี่ตระกูลใหญ่ พ่ายแพ้แน่แล้ว แล้วนางจะมีปัญญาทำอะไรได้อีก?
แต่นางรับไม่ได้ ที่ตระกูลสวีที่สูงส่ง จะต้องก้มหัวให้กับเย่เทียน
รับไม่ได้ ที่ตระกูลสวีที่สูงส่ง จะต้องล่มสลาย เพียงเพราะคนตายแค่คนเดียว
“เย่เทียน แกอย่าทำเกินไปนักเลย! สิ่งที่แกพูดมาทั้งหมด มีหลักฐานหรือไม่!”
ท่านหญิงสวีรับไม่ได้จริงๆ จึงตะโกนถามเย่เทียนด้วยนํ้าเสียงที่เกรี้ยวกราด
“หลักฐาน?” เย่เทียนยิ้มเยาะ:“พวกท่านทำอะไรไว้บ้าง ใจพวกท่านย่อมรู้ดี ถามหาหลักฐานกับฉัน ช่างน่าขำจริงฯ!”
พูดไป ก็มองไปที่สวีเทียนหมิงด้วยสายตาที่เย็นชา
“สวีเทียนหมิง บาปกรรมที่แกก่อไว้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรชดใช้แล้ว!”
แค่ประโยคเดียว ก็ทำให้สวีเทียนหมิงตกใจจนร่างกายอ่อนแรง หลบอยู่ด้านหลังของท่านหญิงสวี ไม่กล้ามองเย่เทียนเลย
ทุกคนต่างรู้สึกเหยียดหยาม นายน้อยที่ขี่อวดและหยิ่งยโสของตระกูลสวี ตอนนี้กลับขี่ขลาดและอ่อนแอถึงเช่นนี้
ตระกูลสวี ก็แค่นี้
“สวีเทียนหมิง คุกเข่าลง!”
คำพูดที่สงบนิ่งของเย่เทียน ทำให้สวีเทียนหมิงเกิดอาการบ้าคลั่ง ส่ายหน้าอย่างแรง
“ไม่……. ฉันไม่ขุกเข่า ฉันไม่คุกเข่า….”
“เย่เทียนแก……”
ท่านหญิงสวีจะเอ่ยปากพูด แต่เย่เทียนตวัดสายตาจ้องกลับไป
“บัญชีของของท่าน เดียวฉันค่อยมาชำระกับท่าน! ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ท่านพูด!”
สีหน้าของท่านหญิงสวีแข็งทื่อ รอยย่นบนใบหน้าจับตัวเป็นก้อน พูดอะไรไม่ออกสักคำ
เย่เทียนแค่นเสียง แล้วยกมือขึ้น พร้อมกับตัวของสวีเทียนหมิง รามกับกำลังถือลูกเจี๊ยบ
จากนั้นก็โยนออกไป ร่างกายของสวีเทียนหมิงฟาดล้มลงบนพื้น และคุกเข่าลงที่หน้าหลุมฝังศพของสวีเทียนเฉิงพอดี
สวีเทียนหมิงสั่นไปทั้งตัว เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็น“สวีเทียนเฉิง”สามตัวบนป้ายชื่อนั้น เขาก็ตกใจสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หันหลังจะหนี แต่รู้สึกว่าร่างกายเหมือนมีพลังบางอย่างควบคุมไว้ ทำให้ไม่สามารถลุกยืนได้
หรือแม้แต่ จะเอียงหัวยังทำไม่ได้ แม้จะหลับตาก็ยังเป็นแค่ความหวังลมฯแล้วฯเลย
ทำได้เพียงจ้องมองไปยังป้ายชื่อหลุมฝังศพ มีความเย็นยะเยือกบางอย่าง ทำให้ร่างกายเย็นไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
ซือ…
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาอยากเห็นนักว่า เย่เทียนจะใช้วิธีการใด จัดการกับผู้ที่เป็นต้นตอของเรื่องนี้
“สวีเทียนหมิง แกรู้ตัวว่าผิดหรือยัง!”
นํ้าเสียงเย็นชาของเย่เทียนดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ราวกับว่า เขากำลังจะตัดสินบทลงโทษของสวีเทียนหมิง
“แกกับเทียนเฉิง เป็นพี่น้องที่มีพ่อคนเดียวกันแต่ต่างมารดา! แต่เพื่อแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพย์สมบัติของเทียนเฉิง
แกกลับลงมือฆ่าพี่น้องในใส้อย่างโหดเหี้ยม!”
“ก่อนอื่น สมรู้คิดกับหลินเสว่ วางแผนเพื่อหลอกล่อให้เทียนเฉิงไว้วางใจ และยักยอกสมบัติของเทียนเฉิง!”
“จากนั้น เพื่อรักษาดวงตาของเจ้า ใช้การแต่งงานเป็นข้ออ้าง หลอกล่อให้เทียนเฉิงกลับมาจากกองกำลังหน้า และบีบบังคับคว้านเอาดวงตาของเทียนเฉิง”
“จากนั้น ก็ทรมานทารุณกรรมเทียนเฉิงจนตาย!”
“ต่อให้ตายแล้ว ก็ยังโดนตราหน้าด่าว่าเป็นคนที่คิดมิดีมิร้ายกับพี่สะใภ้ตัวเอง!”
“หลังจากตายแล้ว ก็ถูกฝังอยู่ที่รกร้างเช่นนี้ ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนมากราบไหว้!”
ประโยคสุดท้าย เย่เทียนนั้นกัดฟันพูดออกมา
ทุกครั้งที่เขาจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเทียนเฉิง เย่เทียนรู้สึกเหมือนโดนมีดบาดใจ
เทียนเฉิง ยำเกรงและเคารพรักตระกูลสวีมาโดยตลอด
เขาอยากได้รับการยอมรับจากท่านย่า ยิ่งกับพี่ชายเพียงคนเดียวของเขานั้น เขาทั้งรักและเคารพยิ่งนัก
สำหรับหลินเสว่คู่หมั้นของเขา เขาทั้งรักและให้เกียรติกับเธอด้วยความจริงใจ
แต่…..
คนที่เขารักมากที่สุด ได้ทรยศเขามานานแล้ว หรือแม้แต่ เรื่องราวต่างฯที่ทั้งสองเคยเจอะเจอมันก็เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
เพราะการกำเนิดของ ท่านย่าที่เคารพ มักจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
และสิ่งที่สะเทือนใจไปมากกว่านั้นก็คือ พี่ชายที่เขาเคารพรัก คอยคิดแต่แผนการว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร
แม้กระทั่ง เพื่อตัวเองจะได้มองเห็น บีบบังคับเอาดวงตาของเขาไป
สวีเทียนเฉิง คนที่ซื่อตรงเช่นนี้ กลับต้องเจอจุดจบแบบนี้ ทำให้ช่างหดหู่ใจยิ่งนัก
ทุกครั้งที่เย่เทียนพูดจบ สีหน้าของสวีเทียนหมิงก็ยิ่งซีดลง
จนสุดท้าย เขาก็ได้มุดหน้าเข้าไปที่เป้ากางแกงเขาแล้ว
นอกจากตระกูลสวีแล้ว ผู้คนทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง แผ้นหลังหนาวเย็น
พวกเขาไม่คิดเลยว่า การตายของสวีเทียนเฉิง เบื้องหลังจะโหดร้ายถึงเช่นนี้
สายตาทุกคนที่มองตระกูลสวีได้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะสายตาที่มองสวีเทียนหมิง เกลียดชังยิ่งนัก
แม้กระทั่งน้องชายแท้ฯของตัวเอง ยังกล้าลงมือโหดร้ายได้ถึงปานนี้ นี่มันยังใช่คนอยู่ไหม?
นี่มันสัตว์เดรัจฉานชัดชัด!
“สวีเทียนหมิง ดวงตาของเทียนเฉิง แกใช้มันมาหนึ่งปีแล้วใช่ไหม?”
ประโยคนี้เย่เทียนพูดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้สวีเทียนหมิงสั่นไปทั้งตัว ในใจนั้นรู้สึกสังหรณ์ใจ
“แก แกจะทำอะไร…..”นํ้าเสียงที่พูด สั่นสะท้านอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เย่เทียนมองไปที่หลุมศพ ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
“สิ่งที่ไม่ใช่ของนาย มันก็จะไม่มีวันเป็นของนาย”
“ดวงตาของเทียนเฉิง แกไม่คู่ควรใช้!”