เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 36
บทที่ 36 จะพูด คุกเข่าลงแล้วค่อยพูด!
สวีเทียนหมิงนิ่งอยู่สักพัก เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ จู่ๆ ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว หันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว
“สวีเทียนหมิง ดวงตาคู่นี้คุณใช้มานานแล้ว นับว่าคุ้มราคาแล้ว”
เสียงอันเยือกเย็นของเย่เทียนดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สวีเทียนหมิงหนาวสั่นไปทั้งตัว
“ตอนนี้ คุณควรคืนมันมาได้แล้ว!”
เย่เทียนพูดแล้วสะบัดมือขวา
“อ๊าก!”
สวีเทียนหมิงหวังจะหลับตา แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เลือดสีแดงสดสองเส้นไหลออกมาจากดวงตาของสวีเทียนหมิง
ภายในเบ้าตา เหลือเพียงความว่างเปล่า!
“อ๊าก! ตาฉัน เย่เทียน แกคืนดวงตามาให้ฉัน คืนดวงตาฉันมา…”
สวีเทียนหมิงกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนดั่งปีศาจที่บ้าคลั่ง ใบหน้าน่ากลัวอย่างมาก
ห่างออกไป เหล่าผู้คนที่เฝ้าดูอย่างตื่นเต้นต่างพากันหันหน้าหนี
พวกเขาต่างคิดว่าวิธีการลงมือของเย่เทียนนั้นค่อนข้างจะโหดร้ายเกินไป
แต่ว่า กลับไม่มีใครเห็นใจสวีเทียนหมิงเลย
นี่คือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ แม้ว่ายังห่างไกลที่จะชดใช้ความผิดที่เขาทำไว้กับสวีเทียนเฉิง
ท่านหญิงสวีทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หวาย ใบหน้าซีดจางไร้เส้นเลือด
เธอหอบหายใจ จนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเธอหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด
“นี่ไม่ใช่ดวงตาของแก!”
เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ ยกเท้าขวาขึ้น และเหยียบไปที่เท้าทั้งสองข้างของสวีเทียนหมิง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน เท้าทั้งสองข้างของสวีเทียนหมิงถูกเหยียบอย่างแรง ตลอดชีวิตนี้เขาคงทำได้แค่นั่งบนรถเข็นเท่านั้น
สวีเทียนหมิงอ้าปาก ยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมา มือทั้งสองข้างก็ถูกหักทิ้งอีก
ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ทำให้เขากัดฟันด้วยความทรมาน และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ตอนนี้ แม้สวีเทียนหมิงจะยังมีชีวิตอยู่ ทว่าชีวิตต่อจากนี้ เขาเป็นเพียงคนตาบอด ไม่สามารถขยับตัวได้ กลายเป็นคนพิการอย่างแท้จริง!
“เย่เทียน แกฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันเถอะ!”
สวีเทียนหมิงสิ้นหวัง บัดนี้เขาปรารถนาเพียงความตาย
ทว่าเย่เทียนกลับส่ายหัว : “ความตายมันน้อยเกินไปสำหรับคุณ! คุณควรชดใช้โดยใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้อย่างทรมานเสียเถอะ!”
เย่เทียนและถอนหายใจยาวๆออกมา
“สวีเทียนหมิง ตอนนี้คุณรับรู้แล้วหรือยังว่าก่อนตายเทียนเฉิงรู้สึกยังไง”
เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว ทำให้สวีเทียนหมิงหมดคำพูด!
“การดูถูกเหยียดหยามและความทรมานที่เทียนเฉิงได้รับนั้น มันเลวร้ายมากกว่าที่คุณเจอตอนนี้อีกเป็นสิบสิบเท่า!”
“สิ่งที่คุณได้รับในตอนนี้ มันเพียงหนึ่งถึงสองส่วนเท่านั้น!”
เย่เทียนมองไปที่หลุมฝังศพอันหนาวเหน็บของสวีเทียนเฉิง รู้สึกว่ายังไม่สาสมกับพี่น้องเขาได้รับ
“สวีเทียนหมิง ฉันบอกไปนานแล้ว สิ่งที่เทียนเฉิงได้รับ ฉันจะเอาคืนให้คุณเป็นร้อยเท่า! คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ฆ่าคุณ! ฉันจะปล่อยให้คุณใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดทรมานและความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!”
จู่ๆน้ำเสียงเย่เทียนเย็นขึ้นทันที : “จงมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายไปเสีย!”
หลังจากเย่เทียนประโยคสุดท้าย ราวกับฟางเส้นสุดท้ายที่อูฐหัก เขาสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง!
สวีเทียนหมิงตกอยู่ในวังวนของความหวาดกลัวและเสียใจอย่างสุดซึ้ง นอนแผ่บนพื้นดั่งสุนัขตาย ละอายใจหมดหนทาง จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี!
หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่ทำตั้งแต่แรก!
เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่เทียนเอียงคอ และหันไปทางตระกูลสวีอีกครั้ง!
ปรึบ!!!
สมาชิกตระกูสวีคุกเข่าลงกับพื้นทันที พากันก้มหัวลง หวาดกลัวสายตาที่จ้องมองมาของเย่เทียน
พวกเขายอมรับความจริงในที่สุด
ตระกูลสวี สูญสิ้นอำนาจแล้ว!
แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่แห่งหรงเฉิง ล้วนกลายเป็นอดีตไปแล้ว!
มีเพียงท่านหญิงสวีเท่านั้นที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้หวาย ใบหน้าขาวซีดเนื่องจากความหดหู่และตกใจกลัว!
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ลูกเมียน้อยที่ตายไปแล้วนานนับปี จะสร้างผลกระทบความเสียหายมากมายขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เย่เทียนกล่าวมา ทั้งหมดนั้นเป็นความจริง!
ทั้งถูกต้องแม่นยำ ทั้งถากถางแดกดัน!
“ฉันบอกแล้วไง ตระกูลสวีทุกคนต้องคุกเข่า! ทำไมคุณยังไม่ลงไปคุกเข่าอีก!”
เย่เทียนกวาดสายตามองทีละคน สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ท่านหญิงสวี
น้ำเสียงอันเยือกเย็น พาให้บรรยากาศรอบๆเย็นขึ้น
ท่านหญิงสวีปั้นหน้ายากยิ่งขึ้น เธอกล่าวอะไรไม่ออก
กี่ปีแล้วที่มีคนกล้าพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงแบบที่เย่เทียนใช้ตอนนี้!
“เย่เทียน เธอ…”
“จะพูด ก็คุกเข่าแล้วค่อยพูด!”
เย่เทียนพูดขัดเธอ เท้าขวาถีบไปที่เก้าอี้หวาย
เก้าอี้หวายตัวใหม่เอี่ยมพังลงฉับพลัน โดยไม่ได้ได้ตั้งตัว ท่านหญิงสวีล้มลงกับพื้นทันที น้ำโคลนกระเด็นโดนไปทั้งตัว สร้างความอับอายเป็นอย่างมาก
“เย่เทียน เธอ เธอ…เธอรังแกคนอื่นมากไปแล้ว!”
ทั้งตัวของท่านหญิงสวีตอนนี้ดูย่ำแย่มาก ใบหน้าเขียวคล้ำ นานกว่าจะพูดประโยคหนึ่งออกมาได้
“ฉันรังแกคนอื่น?”
เย่เทียนพูดด้วยเสียงเยือกเย็น : “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่พวกคุณทำกับเทียนเฉิงล่ะ เรียกว่าอะไร?”
“มาเสียใจสำนึกได้ตอนนี้ มันสายเกินไปแล้ว!”
เย่เทียนไม่แยแสต่อใบหน้าที่มืดครึ้มของท่านหญิงสวี เอามือขึ้นมา และนับความผิดของพวกเขา
“เพียงเพราะเทียนเฉิงเกิดจากบ้านที่สอง คุณจึงไม่สนใจเขา เมินเฉยเขา ดูถูกเขา! แต่กับเศษขยะอย่างสวีเทียนหมิงคุณกลับให้ความรักมัน! สวีเทียนหมิงเป็นหลาน แล้วเทียนเฉิงล่ะ ไม่ใช่หลานหรือ?”
“ตั้งแต่เด็กจนโต คุณเคยมองเขาเต็มสายตาบ้างไหม?”
เสียงเกือบคำรามของเย่เทียน ทำให้ท่านหญิงสวีใบหน้าเขียวคล้ำมากขึ้น
เธอไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างมันได้ เพราะสิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
“แต่ถึงอย่างนั้น เทียนเฉิงได้กล่าวโทษคุณสักประโยคไหม? เขาทำทุกอย่างมากมายขนาดนี้ เพียงเพราะเขาอยากจะได้คำชมจากคุณสักประโยค แต่ผลลัพธ์ล่ะ?”
น้ำเสียงของเย่เทียนเย็นขึ้นอีกครั้ง : “คุณให้ท้ายสวีเทียนหมิงซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วยังหลอกล่อเทียนเฉิงให้กลับไปหรงเฉิง บังคับและแย่งเอาดวงตาเขาไป ขนาดเทียนเฉิงถูกทรมานจนตาย คุณก็ยังไม่แม้แต่จะมองดูเขา”
“ในโลกนี้ จะมีคนใจหินเช่นนี้จริงหรือ”
คำพูดของเย่เทียนทุกคำ ทุกประโยค ล้วนทำให้ใบหน้าของท่านหญิงสวีที่ซีดอยู่แล้วซีดเข้าไปอีก
ท่านหญิงสวีกัดฟัน ในใจเริ่มปรากฏความเสียใจ
แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว!
“ตอนคุณบังคับเอาดวงตาของเทียนเฉิง ตอนคุณเมินเฉยต่อความตายของเทียนเฉิง คุณคิดไหมว่า ตนเองจะมีวันนั้นบ้าง?”
เย่เทียน มองตรงไปที่ท่านหญิงสวี และตะโกนถาม!
“ทุกสรรพสิ่งในโลก ต่างเกิดจาการกระทำ! ทำสิ่งใดไว้ ก็ได้รับสิ่งนั้น!”
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่มีตระกูลสวีในหรงเฉิงอีกแล้ว!”
ฟุบ!
ท่านหญิงสวีหลับตาแน่น ทรุดตัวลงกับพื้น และไอออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาปราศจากประกายชีวิต
สมาชิกตระกูลสวีคนอื่นๆ ต่างหน้าซีดตาจาง
คำพูดของเย่เทียน ไม่ต่างอะไรกับการประกาศโทษประหารชีวิตตระกูลสวี
ตระกูลอันดับหนึ่งของหรงเฉิง ในเวลานี้ได้ล้มละลายไปแล้ว!
“ในที่สุดความดีก็ชนะความชั่ว! ลำบากนายแล้วที่ต้องทนคับข้องใจและถูกกลั่นแกล้งตลอดมา!”
เย่เทียนถอนหายใจ หยิบธูปขึ้นมาสามดอก จุดไฟ และปักไว้หน้าหลุมศพของเทียนเฉิง!
“ฉันหวังว่านายจะรับรู้ได้ เทียนเฉิง หลับให้สบายนะ!”
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ละอองฝนหยุดลงเมื่อไหร่ไม่ทราบ
บนท้องฟ้า ค่อยๆปรากฏสายรุ้งขึ้น
ท่ามกลางก้อนเมฆหนาทึบ ในที่สุดก็ปรากฏแสงสว่างของดวงอาทิตย์ส่องรอดออกมา!
“สมาชิกตระกูลสวีและตระกูลหลิน ยกเว้นหลินเสว่และสวีเทียนหมิง ทุกคนต้องมาคำนับหลุมศพนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน!”
เสียงของเย่เทียนดังกึกก้องอยู่ในหูของทุกคนอีกครั้ง
“หลังจากเจ็ดวันนี้ไป ฉันไม่ได้ยินเรื่องใดๆของสองตระกูลนี้อีก!”
“ใครกล้าขัดคำสั่งนี้ เชื่อฉันสิ มันจะต้องเสียใจ!”
พูดจบ เย่เทียนก็หันหลับกลับ เอามือไขว่หลัง เดินไปหยุดตรงหน้าผู้นำสามตระกูลใหญ่ หยางไห่ซาน หลี่ฉงหนิงและจ้าวหมิงเซิงอย่างช้าๆ
“ตอนนี้ พูดได้หรือไม่ว่ายมราชและการพังพินาศของตระกูลหลิ่ว มันไม่เกี่ยวข้องกัน”