เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 39
บทที่ 39 ยังเหลืออีกหนึ่ง
แม้ว่าจอมพลมังกรจะอยู่ห่างไกลเมืองอันห่างไกลอย่างจิงเฉิง ทว่าสี่คำนี้มีอิทธิพลอย่างมากในหรงเฉิง
สามปีก่อน ตอนที่ตระกูลหลิ่วล้มละลาย จอมพลมังกรเคยให้เกียรติมาเยี่ยมเยือนหรงเฉิง!
และมีบุญคุณอันล้นพ้น ช่วยกำจักกวาดล้างกองกำลังศัตรูให้หรงเฉิง
ในเวลานั้น ประชาชนทุกคนในหรงเฉิงตกอยู่ในอันตรายและความหวาดกลัว
อีกทั้งวิธีการของจอมพลมังกร ก็ไม่ต่างกับที่เย่เทียนใช้สักเท่าไหร่
ตอนนั้นแม้แต่จอมพลเต่าที่เป็นเจ้าบ้าน ยังต้องหลบซ่อนตัวจากศัตรู
หยางไห่ซานคิดฟุ้งซ่านในใจ ในปีนั้นที่ตระกูลหลิ่วถูกทำลาย เกือบครึ่งหนึ่งของกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้อง
แม้แต่เขาเองก็ยังเกือบถูกกำจัด แต่เพราะเห็นแก่หน้าพ่อตาเขา ตระกูลหยางจึงรอดมาได้สามปีกว่าแล้ว
ทว่าตอนนี้ตระกูลหยางก็ยังคงต้องพึ่งพาชื่อจอมพลมังกร เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย!
“จอมพลมังกร…”
เย่เทียนพึมพำ คาดการณ์อารมณ์จากน้ำเสียงไม่ออก ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่หันกลับมา
เฝิงหย่วนดีใจ เขาคิดว่าเย่เทียนเริ่มเอนเอียงบ้างแล้ว
สุดท้ายแล้ว ทั้งประเทศหลง คนที่กล้าไม่ไว้หน้าจอมพลมังกร มีไม่เกินสองหยิบมือแน่นอน
“คุณเย่ หากคุณไว้ชีวิตพี่เขยกับหลานสาวผม คุณมีข้อเสนออะไร ตระกูลเฝิงของผมยอมรับทั้งนั้น”
ในที่สุด เย่เทียนก็หันกลับมา
แต่สิ่งที่ทำให้เฝิงหย่วนฮุยประหลาดใจคือ สีหน้าของเย่เทียนยังคงเรียบนิ่ง ไม่ปรากฏความรู้สึกเช่นเดิม
“เฝิงหย่วนฮุย คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือ? เรื่องปล่อยหรือไม่ปล่อยพวกเขา ผมก็พูดชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ”
เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ : “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง เรื่องนี้ ตระกูลเฝิงของคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซง แม้ว่าจอมพลจะมาพูดด้วยตนเองก็ไม่รอด
ตระกูลหยางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของตระกูลหลิ่วและแก๊งโครงกระดูก
นี้เป็นสิ่งต้องห้าม
ใบหน้าหยางไห่ซานซีดเผือด หมดสิ้นความหวัง
เย่เทียนไม่ไว้หน้าแม้แต่จอมพลมังกร แล้วนับประสาอะไรกับตระกูลเฝิง?
“หย่วนฮุย ช่างมันเถอะ!” หยางไห่ซานท้อแท้ใจหมดกำลังใจ!
“คุณเย่ ผมจะอธิบายให้ทุกอย่างให้คุณฟัง ขอแค่ปล่อยเจียวเจียวไป เธอเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น!”
เย่เทียนมองเฝิงหย่วนฮุยอย่างไร้ความรู้สึก : “ก็ได้ แต่ต้องเป็นหลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง!”
“เย่เทียน คุณไม่คิดจะไว้หน้าตระกูลเฝิงของผมและจอมพลมังกรบ้างเลยหรือ?”
สีหน้าของเฝิงหย่วนฮุยเริ่มบิดเบี้ยว หากเขาอาสาลงมือแล้ว แล้วไม่สามารถช่วยทั้งสองพ่อลูกกลับไปได้ ตระกูลเฝิงคงไม่มีหน้าจะอยู่ในจิงเฉิงแล้ว
“อาขุย ส่งแขก!”
เย่เทียนสะบัดมือ ท่าทางบงบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
“เชิญครับ!”
หลินขุยผายมือเชิญไปทางทางลงเขา ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก!
เฝิงหย่วนฮุยกัดฟันกรอด ลังเลอยู่นาน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง
“ผมจะโทรศัพท์ไปหาจอมพลมังกร ให้เขาช่วยคุยกับคุณด้วยตนเอง แบบนี้คุณว่าเป็นยังไง”
หลินขุยขมวดคิ้ว หวังเข้าไปหยุด แต่เย่เทียนโบกมือห้าม
“ให้เขาโทรไป!”
หลินขุยยืนเงียบอยู่ข้างๆ
เฝิงหย่วนฮุยรออย่างใจจดใจจ่อ ที่เขากล้าต่อสายโทรหา เป็นเพราะว่าจอมพลมังกรคิดหนี้บุญคุณตระกูลเฝิงอยู่
ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีสิบความกล้าหาญเขาก็ไม่กล้าโทรอย่างแน่นอน!
“ติ๊ด!”
“ว่ามา!”
ปลายสายกดรับ มีเสียงอันเยือกเย็นของชายคนหนึ่งดังออกมา
“ท่านจอมพล ผมเอง เฝิงหย่วนฮุย!”
เฝิงหย่วนฮุยยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว กล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพนับถืออย่างไม่เคยทำมาก่อน
“ให้เวลาคุณห้านาที ฉันมีเวลาไม่มาก” แม้น้ำเสียงของปลายสายจะเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้เฝิงหย่วนฮุยเหงื่อกายไหลพราก
“คือว่า ผม…”
ขณะกำลังจะพูด จู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกเย่เทียนกระชากไป
“เย่เทียน คุณ…”
เฝิงหย่วนฮุยร้อนรน แต่เย่เทียนไม่มีท่าทีสนใจ เขาถือโทรศัพท์แล้วนั่งลงด้วยท่าทางสบายอกสบายใจไม่รีบร้อน
“มังกร นี้ฉันเอง! เย่เทียน!”
เย่เทียนค่อยๆลดเสียงคุยลง เฝิงหย่วนฮุยได้ยินเพียงเสียงป๊าบจากในสาย
ใบหน้าของเขาแข็งค้างทันที ร่างกายก็พลันสั่นสะท้าน
เนื่องจากเขารู้ดีว่า นั่นเป็นเสียงการทำความเคารพ!
ในหัวของเฝิงหย่วนฮุยว่างเปล่าในทันที ในใจยิ่งสั่นไหว
ทำให้ท่านจอมพลมังกรทำความเคารพได้ อีกทั้งยังอายุน้อยแค่นี้
ทั้งประเทศ เกรงว่าคงมีเพียงผู้เดียว
ตัวตนของเย่เทียน เริ่มปรากฏออกมาในใจเฝิงหย่วนฮุยชัดเจนมากขึ้น
ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีข่าวของเทพสงครามหลิงเทียนในงานเลี้ยงฉลอง ที่แท้ท่านเทพคนนั้นมาเยือนที่หรงเฉิง
ไม่แปลใจเลยจริงๆทีไม่พบข่าวคร่าวใดๆเลย
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!
สีหน้าเฝิงหย่วนฮุยขาวซีดไปอีก เกิดความคิดอยากตีตัวเองให้ตายไปเสีย!
คนคนนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลเฝิงเลย ต่อให้เป็นทั้งประเทศหลง ก็มีไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้
หากเขาต้องการทำลายตระกูลเฝิง เพียงพูดคำเดียวก็ทำลายได้แล้ว
พี่เขยที่ไร้ค่าคนนี้ของตน คิดยังไงถึงไปต่อกรกับพระพุทธองค์ท่านนี้?
เมื่อเห็นอย่างนั้น หยางไห่ซานก็เดาได้เช่นกัน
ใบหน้าเขาปราศจากเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยง
“มังกร สามปีก่อน ผลงานของคุณแย่มาก!”
เย่เทียนพูดอย่างเฉยเมย ไม่สนใจเฝิงหย่วนฮุยกับหยางไห่ซานที่ตอนนี้วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว
กล้าพูดแบบนี้กับจอมพลมังกร ในโลกนี้คงมีเพียงเย่เทียนคนเดียวเท่านั้น
“เอาเถอะ คุณไม่ต้องอธิบายกับผม ถ้าจะพูดอะไรให้มาพูดต่อหน้า! ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องนี้ต้องได้รับการจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
เย่เทียนพูดอย่างไม่รีบร้อน : “แล้วคุณก็อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นให้มากล่ะ แค่ดูแลจัดการในส่วนของตัวเองให้ดีก็พอ!”
พูดจบ ก็โยนโทรศัพท์คืนให้เฝิงหย่วนฮุย
เฝิงหย่วนฮุยรีบรับมันอย่างสั่นเทา
“จอมพล ผม…”
พอเขาเอ่ยปากพูด ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร ถึงทำให้เฝิงหย่วนฮุยยืนตัวตรงทันที
“ครับ! ท่านจอมพลวางใจได้!”
“รับทราบ!”
เมื่อวางสายแล้ว เฝิงหย่วนฮุยเกือบล้มทั้งยืน
เมื่อหันไปมองเย่เทียน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือและเชิดชูบูชา!
“คุณเย่ ท่านจอมพลขอให้ผมช่วยคุณกวาดล้างแก๊งโครงกระดูก ท่านว่า…”
เย่เทียนส่ายหัวไร้อารมณ์ : “ไม่ต้อง คุณไปเถอะ!”
หน้าเฝิงหย่วนฮุยเปลี่ยนสีอีกครั้ง : “แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!”
เย่เทียนส่ายหัว : “นี้เป็นคำสั่ง!”
“รับทราบ!”
เฝิงหย่วนฮุยทำความเคารพ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
“อย่างนั้น ฉัน… พ่อของฉันจะยังไม่ตายใช่ไหม?”
มาถึงตอนนี้ หยางเจียวเจียวพึ่งจะเปิดปากพูด เกรงจะทำให้เย่เทียนไม่พอใจอีก!
“มันอยู่ที่ว่าสิ่งที่สารภาพนั้นจะมีประโยชน์หรือไม่” เย่เทียนยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หยางไห่ซานถอนหายใจ : “เจียวเจียยว ฟังนะ กลับไปอยู่กับคุณลุงที่จิงเฉิงซะ!”
มาถึงตอนนี้ หยางไห่ซานเข้าใจแล้ว
สิ่งที่เขาปล่อยไปไม่ได้ คือบุตรสาวคนนี้
ตอนนี้เฝิงหย่วนฮุยไม่กล้าเอ่ยปากใดๆแล้ว เพราะเขารู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์
หยางเจียวเจียวสีหน้าขาวซีด ในใจไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ทว่าจู่ๆก็นึกอะไรบ้างอย่างได้ จึงใช้ความกล้าทั้งหมดกำหมัดแน่น และมองไปที่เย่เทียน
“ฉัน ฉันรู้ความลับบางอย่าง ถ้าฉันบอกคุณ คุณช่วยปล่อยฉันกับคุณพ่อไปได้ไหม?”
เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งเฝิงหย่วนฮุยและหยางไห่ซานต่างหันมองหน้ากัน
“ลองบอกมาสิ!”
เย่เทียนกล่าวทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง : “บางทีอาจตกลง”
หยางเจียวเจียวกัดฟัน มองไปที่เย่เทียน : “ความจริง ความจริงแล้วสวีเทียนเฉิงยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง!”
“อะไรนะ?”
เย่เทียนเงยหน้าขึ้นมอง แรงกดดันที่ปล่อยออกมา ส่งผลให้ทุกคนหายใจติดขัดทันที
“สิ่งที่เธอพูด เป็นความจริงหรือ?” ดวงตาเย่เทียนลุกเป็นไฟ เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีก
“เทียนเฉิงยังมีลูกสาวอยู่อีกคนหนึ่งงั้นเหรอ?”