เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 40
บทที่ 40 เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน
รถทั้งสองคันเคลื่อนตัวควบคู่กันออกไปจากเขาเทียนเชว่
รถหงฉีที่นำอยู่ขับกลับไปทางตระกูลหยาง และไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก
ส่วนรถแลนด์โรเวอร์ที่ตามหลังนั้น ขับแยกออกไปทางชานเมืองทิศตะวันออก
ภายในรถ มีเย่เทียนที่ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
เป็นความจริงที่เทียนเฉิงยังเหลือลูกสาวอีกคนหนึ่ง!
เย่เทียนคิดว่าตนเองรู้จักเทียนเฉิงเป็นอย่างดี แต่เรื่องนี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย
จากที่หยางเจียวเจียวบอก ห้าปีก่อน สวีเทียนเฉิงกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าบ้านได้ เพราะถูกท่านหญิงสวีกับสวีเทียนหมิงไล่ออกมา
ด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคืองจึงไปดื่มที่ร้านเหล้า และขณะกำลังกรึ่มๆนั้น ก็ได้มีความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานในร้านเหล้าที่พึ่งเรียนจบ
และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย หญิงสาวคนนั้นตั้งท้อง
สวีเทียนเฉิงบอกให้เธอเอาเด็กออก แต่หญิงสาวไม่ทำตาม และแอบคลอดเด็กออกมา
ขณะเดียวกันนั้น สวีเทียนเฉิงและหลินเสว่ก็ตัดสินใจยืนยันความสัมพันธ์กัน
ยิ่งกว่านั้น หากปล่อยให้คนในตระกูลสวีรู้ว่าเขามีลูกสาว เด็กคนนั้นก็จะไม่รอดแน่นอน
เขาไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงเอาเด็กไปฝากให้ญาติที่ชานเมืองทิศตะวันออกเลี้ยง
และมอบเงินเก็บทั้งหมดให้ญาติคนนั้น
เพียงหวังว่าเด็กคนนั้นจะเติบโตอย่างปลอดภัย และใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
แต่เพราะว่าเด็กสาวคนนั้น บังเอิญเป็นรุ่นน้องของหยางเจียวเจียวพอดี และหยางเจียวเจียวก็บังเอิญได้รู้จักกับคนระดับสวีเทียนเฉิง
จึงได้รู้ความลับนี้
สวีเทียนเฉิงขอร้องไม่ให้เธอเอาเรื่องนี้ไปแพร่พายบอกใคร
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงยังอยู่ข้างกายสวีเทียนเฉิง และใช้เงินที่ได้มาปรนเปรอทำตัวเลิศหรู
“ฮึ!”
เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ
สี่ปีก่อน มีครั้งหนึ่งที่จู่ๆสวีเทียนเฉิงกลับหรงเฉิงอย่างกะทันหัน
หลังจากกลับมาก็จิตใจเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่หลายวัน และมาขอยืมเงินเย่เทียนก้อนหนึ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หากคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็ลงตัว
อีกทั้ง หยางเจียวเจียวไม่กล้าโกหกเขาแน่
สวีเทียนเฉิง มีลูกสาวทิ้งไว้คนหนึ่ง
ตอนนี้คงจะอายุได้สี่ขวบแล้ว!
เย่เทียนเต็มไปด้วยความตื้นตันในใจ!
เทียนเฉิง ตอนนั้นพี่ชายไม่สามารถช่วยนายได้ แต่ตอนนี้ลูกของนาย ฉันจะเลี้ยงดูเธออย่างดีแน่นอน
เย่เทียนตั้งมั่นในใจ การตายของสวีเทียนเฉิง เป็นเรื่องเสียใจที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
แต่สำหรับลูกของสวีเทียนเฉิง เย่เทียนไม่อาจนั่งดูดายได้
“นายท่าน พวกเราถึงแล้ว!”
เสียงของหลินขุย ดึงเย่เทียนกลับสู่ความเป็นจริง
รถค่อยๆหยุดนิ่ง เบื้องหน้าเขาเป็นบ้านเล็กๆสไตล์ตะวันตก ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่
เป็นบ้านสองชั้น การออกแบบค่อนข้างประณีต
แม้ที่นี่จะไม่ใช่ใจกลางเมืองหรงเฉิง แต่หากจะสร้างบ้านแบบนี้ คงต้องใช้เงินอยู่ไม่น้อย
“นายท่าน ที่คุณหยางเจียวเจียวบอก คือหลังนี้แหละครับ”
เย่เทียนส่งเสียงตอบรับ พกพาความคาดหวังในใจมาเต็มเปี่ยม ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า
หลินขุยเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าว เคาะประตูเบาๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ
เคาะอีกครั้ง ยังเป็นเช่นเดิม
“ไม่มีใครอยู่เหรอ?”
หลินขุยขมวดคิ้ว กำลังจะเคาะแรงขึ้น
จู่ๆประตูก็ปิดออกดังปลั๊ก
“เคาะๆๆ เคาะอะไรนักหนา ถ้าประตูพังคุณจะจ่ายให้ไหม?”
หน้าประตู ปรากฏชายอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า และใบหน้าที่โกรธจัด
“พวกคุณเป็นใคร ไม่รู้หรือไงว่าฉันยุ่งอยู่ รีบๆไสหัว…”
เมื่อเห็นเย่เทียนและหลินขุย ชายคนนั้นก็ยิ่งพูดจาหยาบคาย
เย่เทียนขมวดคิ้ว คนแบบนี้ ไว้ใจได้หรือ?
หลินขุยระงับความโกรธ และกล่าว : “พวกเรามาหา…”
ปัง!
ประตูถูกปิดไปแล้ว เสียงด่าทอของชายคนนั้นที่ดังจากข้างใน
“แม่คุณเถอะ ไอ้ประสาทสองคนนี้ มากวนฉันตอนยุ่งๆ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง!”
จากนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น : “อย่าไปสนใจเขาเลย พวกเรามาต่อกันเถอะ แล้วค่อยทำอาหารทีหลัง!”
“ฮิฮิ พูดถูก จากนั้นฉันมีนัดเล่นไพ่นกกระจอกต่อ”
ได้ยินถึงตรงนี้ ใบหน้าของเย่เทียนก็ดิ่งลงทันที
“อาขุย!”
หลินขุยตอบรับ เดินไปเตะประตู
เกิดเสียงดังสนั่น!
ประตูบานใหม่ แตกหักเป็นชิ้นๆ โครงเหล็กอย่างดีบิดงอเสียรูปทรง
“บัดซับ แกอยากตายมากใช่ไหม”
ทั้งสองคนในบ้านรีบวิ่งมาดูทันที ผู้ชายสวมเพียงกางเกงขาสั้น พูดสาปแช่งมาตามทาง
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ อยากสังหารเย่เทียนและหลินขุยใจจะขาด
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้หรือไง? ประตูบานนี้ฉันเพิ่งซื้อมาอาทิตย์ที่แล้วนี้เอง คุณต้องชดใช้ให้ฉัน”
ชายคนนั้นตกใจกลัวจนตัวเกร็ง สติแตกกระจาย
เขาคิดไม่ถึงว่าแค่การเตะทีเดียวจะทำให้ประตูเหล็กกลายเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เขาจะอวดเบ่งได้
“รีบชดใช้มา ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าพวกคุณ”
เย่เทียนไม่ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
เขากวาดตามองไปรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กน้อย
ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของการมีเด็กอยู่ในบ้าน
สักพัก สีหน้าของเย่เทียนมืดครึ้มลงเรื่อยๆ พาให้อุณหภูมิภายในบ้านลดต่ำลง
“บอกมา สวีฝันวี่อยู่ไหน”
เย่เทียนมองไปทางชายคนนั้น เสียงอันเยือกเย็น ทำให้เขาตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว
“สวีฝันวี่อะไร ฉันไม่รู้จัก!”
ดวงตาชายคนนั้นสั่นไหว แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“พวกคุณบุกรุกเข้ามากในบ้าน และทำประตูฉันพังอีก รีบชดใช้เงินมา แล้วฉันจะไม่แจ้งตำรวจ!”
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ชายคนนั้นจึงโมโห กำหมัดขึ้นหวังจะสั่งสอนบทเรียนให้เขา
แต่ก้าวได้เพียงหนึ่งก้าว ลำคอก็ถูกมือใหญ่บีบแน่น จนไม่สามารถขยับได้
“นายท่านถามคุณ คุณก็ตอบมาตามตรง!”
ใบหน้าหลินขุยเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก เพิ่มแรงบีบ ยกร่างชายคนนั้นจนลอยขึ้น
“แอ๊กๆ…”
สีหน้าของชายคนนั้นพลันซีดเผือด ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่อาจหนีจากโซ่ตรวนของหลินขุยได้
“ไอ้หย๊า พวกคุณทำอะไรกัน? ทำร้ายคนทำไม?”
ผู้หญิงอีกคนเดินออกมาจากด้านใน ทั้งเตี้ยทั้งอ้วน การแต่งหน้าอันหนาเตอะของเธอ ทำให้หลินขุยรู้สึกคลื่นไส้
เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าเธอจึงเปลี่ยนไป และเริ่มสาดคำด่าทอออกมา
“ไอ้บ้า ยังไม่รีบปล่อยมืออีก? แกจะบีบจนสามีฉันตายเลยหรือไง? ช่วยด้วย! มีคนจะฆ่าคนแล้ว! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
ในเวลานี้ ดวงตาของหลินขุยเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาสะบัดมือหนึ่งที ชายคนนั้นกระเด็นไปด้านหน้าผู้หญิง
ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน จนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
“สามี คุณไม่เป็นอะไรนะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองผู้ชายอย่างเป็นกังวล จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสาปแช่งเย่เทียนและหลินขุย
“พวกคุณสองคนไม่ตายดี ต้องการอะไรกันแน่? ถ้าสามีฉันเป็นอะไรไป พวกคุณต้องชดใช้”
ถึงอย่างนั้นเย่เทียนยังคงนิ่งเฉย
สายตามองเยือกเย็นจ้องมองไปที่ทั้งสองคน
“บอกมาฉันมา เด็กอยู่ไหน”
“เด็ก?” ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้ากลับมาเรียบขรึม
“เด็กอะไร? ที่นี่ไม่มีเด็ก!”
เธอพูด และพยายามไล่พวกเขาทั้งสองคนออกไป
“ไอ้คนบ้าสองคนนี้ รีบไสหัวออกไปจากบ้านฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ รีบไส้หัวไปซะ”
เธอพูด พร้อมกับจะผลักหลินขุยออกไป
หลินขุยถอนลมหายใจเย็นออกมา สะบัดมือขึ้นปัดมือที่เอื้อมมาออก
ป๊าบ!
ผู้หญิงคนนั้นถูกปัดกระเด็น ล้มลงข้างๆตัวผู้ชาย
เธอจับแก้มที่บวมแดงของเธอ และกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด
“แก แกกล้าดียังไงมาตีฉัน? ฉันจะฆ่าแก ฆ่าแก…”
ขณะนั้นชายคนนั้นก็หอบหายใจกระหืดกระหอบออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างโกรธแค้น
“บัดซบ คิดว่าฉันจะยอมให้รังแกง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าพวกแกเป็นใคร วันนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกจากประตูนี้เลย”