เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 45
บทที่ 45 ใครเป็นคนทำ
น้ำเสียงของเย่เทียนนิ่งสนิทจนถึงที่สุด ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ามีเด็กเล็ก ๆ มากมายอยู่ข้าง ๆ ละก็ สิ่งที่ระเบิดออกมาก็คือสมองของหลัวหย่งคัง!
“แล้วก็คุณ!” เย่เทียนเบนหน้าไป ดวงตาที่เย็นเยียบมองตรงไปยังหลัวเสียน
“ผมสามารถให้โอกาสคุณได้หนึ่งครั้ง อธิบายเรื่องทุกอย่างมา จากนั้นก็ไปมอบตัวซะ! บางทีอาจจะหลีกเลี่ยงการตายได้!”
หลัวเสียนขมวดคิ้ว ไม่สนใจคำพูดของเย่เทียน!
มอบตัว? มันก็คือตายนั่นแหละ!
ตัวเองทำอะไรเอาไว้ หลัวเสียงชัดแจ้งแก่ใจดี ถ้าเพียงเรื่องถูกตีแผ่ออกไปละก็ เธอจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ดังนั้นจะมอบตัวไม่ได้เด็ดขาด ทำได้แค่พนัน!
ดังนั้นจะยอมมอบตัวไม่ได้เด็ดขาด ทำได้แค่พนัน!
พนันความสามารถของเย่เทียน ว่าจะลากพวกเขาเข้าขบวนการได้ไหม!
“แกบอกให้มอบตัวก็จะยอมมอบตัวงั้นเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใคร?” หลัวเสียนกัดฟัน คิดจะดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
“ที่นี่คือสถานสงเคราะห์ แกจะเข้ามาแส่มากเกินไปแล้ว? ฉันยังย้ำคำเดิม อย่ามาแส่เรื่องชาวบ้านให้มาก!”
เมื่อเป็นแบบนี้ เย่เทียนจึงร้อง ‘เฮอะ’ ออกมาครั้งหนึ่ง รอยยิ้มที่มุมปากใคร่ครวญจนถึงที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเอาอย่างไร?”
ในใจของหลัวเสียนยินดีเป็นอย่างมาก มองเห็นความหวังเล็ก ๆ
“แกจะเอาตัวสวีฝันวี่ไปก็ได้ จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร! พวกเราทางใครทางมัน!”
สีหน้าของเย่เทียนไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด “แล้วถ้าหากผมปฏิเสธล่ะ?”
“ปฏิเสธ?” ใบหน้าของหลัวเสียนดุร้ายขึ้นมาทันที “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องตายกันไปทั้งคู่ อย่างมากก็แค่ไม่มีใครได้ประโยชน์!”
“หึ!” หลินขุยออกเสียงหัวเราะเยาะออกมาทันที ในสายตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและเยาะหยัน!
คนที่กล้าพูดว่าจะต้องตายกันไปทั้งคู่กับคุณท่าน บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี
แต่ไม่รวมถึงหลัวเสียนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแน่ ๆ!
อย่าว่าแต่ตายกันไปทั้งคู่เลย ถ้าหากเป็นสถานการณ์ปกติ หลัวเสียนคนนี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้พูดกับคุณท่าน
“แกหมายความว่ายังไง?” หลัวเสียนจ้องหลินขุยตาเขม็ง “รีบตัดสินใจเถอะ อย่าคิดว่าจะมารังแกฉันได้ง่าย ๆ นะ! ในเมื่อฉันกล้าทำ ฉันก็ต้องมั่นใจว่าสามารถหนีไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน ดูซิว่าใครจะยิ้มได้จนถึงวินาทีสุดท้าย”
เย่เทียนเพียงมองเธออย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณบอกว่าผมจัดการคุณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะหาคนที่สามารถจัดการคุณได้มา!”
ว่าแล้วก็โบกมือให้หลินขุย!
จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในรถ!
หลินขุยตอบรับคำหนึ่ง จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกไปโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง
“เฮอะ ปากกล้านักนะ ฉันจะรอดูซิว่าแกจะเรียกใครมาได้!”
หลัวเสียนไม่เชื่อหรอก เธอมองเย่เทียนอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากนั้นก็รีบพยุงหลัวหย่งคังขึ้นมาทันที หลัวหย่งคังในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามือขวาจะพิการไปแล้ว
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด หมดความอวดดีที่มีมาแต่แรกมานานแล้ว!
กำลังคิดจะพาเขาไปโรงพยาบาล หลินขุยที่เพิ่งจะโทรศัพท์เสร็จก็มาขวางเขาสองคนเอาไว้
“ก่อนที่เรื่องจะจบใครก็ไปจากที่นี่ไม่ได้! รวมถึงพวกคุณด้วย!”
“แก…” หลัวเสียนมีสีหน้าไม่น่ามอง “ฉันจะพาหลานฉันไปโรงพยาบาลไม่ได้หรือไง? นึกไม่ถึงเลยว่าพวกแกจะใจดำอำมหิตขนาดนี้ จะให้เขาเจ็บจนตายทั้งเป็นเลยหรือไง?”
หลินขุยยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก เหมือนเป็นรูปปั้นรูปหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ประตูสถานสงเคราะห์
คนขวางหนึ่งคน คนหมื่นคนก็ไร้ทางจะผ่านไปได้!
“เขาหาเรื่องใส่ตัวเอง! ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณท่านเมตตา ตอนนี้เขาได้กลายเป็นศพไปแล้ว! อย่ามาไม่รู้จักให้เกียรติกัน!”
เสียงของหลินขุยเย็นยะเยือก ไม่มีท่าทีประนีประนอมใดใดทั้งสิ้น
สีหน้าของหลัวเสียนกับหลัวหย่งคังน่าเกลียดจนถึงที่สุด แต่ก็ทำได้แค่อยู่นิ่ง ๆ อยู่ที่เดิมอย่างเชื่อฟัง คุมเชิงอยู่กับหลินขุย
เย่เทียนเข้ามาในรถ กลับพบว่าเสี่ยววี่หมาวหลับไปแล้ว
ร่างเล็กกระจิริดขดเป็นวงกลม อิงแอบแนบแน่นอยู่ในมุมของที่นั่งด้านหลัง ทำให้คนที่เห็นรู้สึกปวดใจ!
เย่เทียนถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง เธอเพิ่งจะอายุสี่ขวบเท่านั้นเอง กลับพบเจอเรื่องมากมายจนเกินไป
เด็กในครอบครัวอื่นมีพ่อมีแม่ตั้งแต่เล็ก อยู่ดีกินดี!
แต่เสี่ยววี่หมาวกลับไม่มีอะไรเลย
เพิ่งจะสี่ขวบเอง กลับถูกบังคับไปคุ้ยขยะ อยู่ในห้องพักที่เทียบไม่ได้แม้แต่เล้าหมู อาหารเย็นทำได้แค่กินแอปเปิลครึ่งลูกที่ใกล้จะเน่า…
โชคชะตาก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ
เย่เทียนยากจะจินตนาการว่าสี่ปีนี้เธอผ่านมันมาได้อย่างไร
รวมถึงเด็ก ๆ ที่อยู่ข้างนอกนั่นด้วย ผ่านมันมาได้อย่างไร
ยิ่งยากจะจินตนาการเข้าไปอีกว่าเจ้าของสถานสงเคราะห์แห่งนี้ใจจืดใจดำขนาดนี้เชียวหรือ?
กล้าลงมือกับเด็กเล็กพวกนี้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้!
คนพวกนี้สมควรตายจริง ๆ!
“เสี่ยววี่หมาว อาขอรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครรังแกหนูได้อีก!”
น้ำเสียงของเย่เทียนอ่อนโยน จุ๊บเบา ๆ อย่างระมัดระวังบนหน้าผากของเสี่ยววี่หมาว กลัวว่าจะทำให้เธอตื่น!
เสี่ยววี่หมาวที่นอนหลับฝันอยู่ยกมุมปากขึ้น ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่น่ารัก
เธอน่าจะกำลังฝันดีมาก ๆ อยู่แน่ ๆ!
ในสถานสงเคราะห์ หลัวหย่งคังเจ็บปวดจนร้องเรียกพ่อเรียกแม่ ดูแล้วน่าจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
สีหน้าของหลัวเสียนน่าเกลียดจนถึงที่สุด คิดจะใช้อำนาจบีบบังคับออกไป กลับเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
รถยังไม่ทันจอดสนิท ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับอย่างลนลาน
“ผ.อ.หลิว? ผ.อ.หลิว คุณมาจริง ๆ!”
พอเห็นคนที่มา หลัวเสียนกับหลัวหย่งก็เหมือนฟ้ามาโปรดกะทันหัน!
“ผ.อ.หลิว คุณจะต้องจัดการให้พวกเรานะ! เป็นเพราะพวกเขาสองคนนั่น ไม่ได้แค่มาก่อกวน พวกเขายังทำให้ต้าจวินกับเสี่ยวคังได้รับบาดเจ็บอีก คุณจะปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้นะ”
หลิวซินหลง ผ.อ.ของสถานสงเคราะห์ อย่าเห็นว่าปกติเขามีตำแหน่งเล็ก ๆ ในเมืองหรงเฉิงนั้นเขามีเส้นสายและมีอิทธิพลอยู่มาก
และเพราะแบบนี้ สถานสงเคราะห์ถึงได้ทำเรื่องที่ไร้ความเป็นมนุษย์อย่างเอิกเกริกเช่นนี้!
ในสายตาเธอ ขอเพียงหลิวซินหลงออกหน้า หลินขุยกับเย่เทียนจะต้องตายแน่
ใครจะไปรู้ว่าหลิวซินหลงจะทำราวกับไม่ได้ยินที่เธอพูด เขาจัดการด้วยสีหน้าลนลาน
“อย่าพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์พวกนั้นเลย อีกสิบกว่านาทีนายกเทศมนตรีก็จะมาถึงแล้ว จะเก็บกวาดอะไรก็รีบเก็บกวาด อย่าให้นายกเทศมนตรีเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น!”
อะไรนะ? นายกเทศมนตรีจะมา?
หลัวเสียนตกตะลึงอยู่ในตอนแรก จากนั้นสีหน้าก็ซีดขาวขึ้นมา
คนอย่างนายกเทศมนตรี เป็นสิบปีก็ยังไม่เห็นเขาจะมาสักครั้ง
วันนี้เกิดเป็นบ้าอะไร บอกจะมาก็มา ไม่บอกอะไรล่วงหน้าเลยสักนิด
ถ้าหากให้นายกเทศมนตรีมาเห็นอะไรที่ไม่ควรได้เห็น อย่างนั้นต้องจบเห่กันหมดแน่!
“ยังอึ้งอยู่ทำไม? รีบไปเก็บกวาดซะสิ!”
หลิวซินหลงพูดเร่งรัดขึ้นมา นายกเทศมนตรีจะมา เขาร้อนรนยิ่งกว่าหลัวเสียนอีก
“ต้าจวินล่ะ? ไปตายที่ไหนแล้ว? พอถึงเวลาสำคัญก็ตามตัวไม่ได้ พรุ่งนี้กูจะไล่มันออก”
หลิวซินหลงร้อนรนจนด่าออกมา กำลังจะเอาของที่ให้คนเห็นไม่ได้ไปซ่อนไว้ หลินขุยก็ร้อง ‘เหอะ’ เสียงเย็นออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าของคนหลาย ๆ คน
“อย่ายุ่งอยู่เลย สารภาพซะ จากหนักจะได้กลายเป็นเบา ถือเวลานี้เอาความจริงทั้งหมดอธิบายออกมา จากนั้นก็ไปมอบตัว! นี่เป็นทางออกเดียวของพวกคุณ!”
พอได้ยินคำนี้ หลิวซินหลงที่เดิมร้อนรนอยู่ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
“สารภาพ? สารภาพห่าอะไร! ว่าแต่แกเป็นใคร? มาแส่อะไรด้วย? รีบออกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาสร้างปัญหาเพิ่มที่นี่!”
“ต้าจวิน ยังไม่ตายก็รีบโผล่หัวออกมา ไล่ไอ้คนที่พูดจาซี้ซั้วนี่ออกไป”
เห็นหลิวซินหลงโมโหแล้ว ต้าจวินจึงเดินขาเป๋ออกมาจากป้อมยาม
ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ แม้แต่ขาก็อ่อนแรง!
ตอนนี้ต่อให้เอาความกล้ามาให้เขาเพิ่มสักสิบเท่า เขาก็ยังไม่กล้าลงมือกับหลินขุย
“เอ๊ะ? แกเป็นอะไรไป?” เห็นสภาพของต้าจวินแล้ว หลิวซินหลงก็พบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ
ชำเลืองตามองไปก็เห็นสภาพที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่งของหลัวหย่งคัง ก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
“ใครเป็นคนทำ? กล้าลงมือกับคนของฉัน กล้ามากนักนะ!”
“เขานั่นแหละที่เป็นคนทำ!” หลัวเสียนรีบกระโดดออกมาฟ้อง!
“แล้วก็ยังมีไอ้คนบนรถนั่นอีก! ผ.อ.หลิว คุณห้ามปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาดเลยนะ”