เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 8
บทที่ 8 บังคับซื้อขาย
“ไม่น้อยเลย ไม่น้อยเลย ฉันรู้ว่าคุณมีวิธี!”
เย่น่าดีใจจนพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ถึงได้มองไปที่เย่เทียน เอ่ยตักเตือนปากเปียกปากแฉะ
“พี่เย่เทียน พรุ่งนี้พี่ก็ไปทำงานกับอู๋ทงนะ เงินเดือนน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร ต้องหาอะไรทำสักหน่อยถึงจะโอเค”
“ใช่ คนหนุ่มสาวสมัยนี้ใฝ่ฝันเกินตัว แต่กลับทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เป็นคนน่ะนะ จะต้องเอาจริงเอาจัง ยืนอยู่บนความเป็นจริง” หวังซิ่วเหลียนเอ่ยปากเหน็บแนมเสียงเรียบ กลัวว่าเย่เทียนจะมากินข้าวกินน้ำฟรี ๆ ที่บ้านของเธอ
อู๋ทงลำพองอยู่ในใจ ทั้งได้เอาอกเอาใจเย่น่า ทั้งได้เยาะเย้ยเย่เทียน ทำไมเขาจะไม่มีความสุขล่ะ?
เฮอะ รอเข้าบริษัทฉันก่อนเถอะ ฉันจะเล่นให้กระอักเลือดเลย!
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังมีตำแหน่งในกองทัพ น่าจะไม่มีเวลา!”
เย่เทียนเอ่ยออกมาเสียงเยียบเย็น รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนแข็งค้างไป
“พี่เย่เทียน นี่ก็ไม่ทำ นั่นก็ไม่ทำ พี่จะเอายังไงกันแน่? ถ้าพี่มีหน้าที่การงานอยู่ในกองทัพจริง ๆ ยังต้องกลับบ้านเกิดมาเหรอ?”
เย่น่ากำหมดเล็ก ๆ เธอโมโหจริง ๆ แล้ว
เย่เทียนจะจนหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ควรจะเละเทะขนาดนี้หรอกมั้ง?
ยังหนุ่มขนาดนี้ก็เหลวแหลกจนใช้งานใช้การไม่ได้เสียแล้ว แล้วต่อไปจะทำอย่างไร?
“เสี่ยวน่า ไม้ผุ ๆ น่ะ ต่อให้เธอฝีมือดีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถมาเอาทำเป็นรูปปั้นได้หรอก จะทุกข์ใจไปทำไม” หวังซิ่วเหลียนปล่อยมือ ในใจยิ่งนึกดูถูกเย่เทียนมากขึ้นอีก
เย่น่าถอนหายใจอีกครั้ง ในใจผิดหวังอย่างถึงที่สุด
มีแค่เย่จิ้งซานที่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจในใจ แต่ก็จะพูดอะไรออกไปก็ไม่เหมาะ
แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเย่เทียนมีความลำบากใจของเขา
ลูกชายของคุณนายหลินจะเหลวแหลกเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เย่เทียน อย่าทำตัวเองขายหน้าเลย!” อู๋ทงไม่เสแสร้งแสร้งอีกต่อไป “แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถ้าไม่เห็นแก่หน้าเสี่ยวน่าละก็ แกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทของฉัน”
พอได้ยินคำนี้เย่เทียนก็วางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ มองไปยังอู๋ทงอย่างดุดัน
อู๋ทงตัวสั่นไปทั้งตัว ราวกับตกเข้าไปอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง
“หรือว่าฉันพูดอะไรผิด?” อู๋ทงกัดฟันกรอด “หายใจติดขัดอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงหลินขุยมาถึงตรงหน้าเขา ถลึงตาโตจ้องมองเขาตาเขม็ง
“แก แกจะทำอะไร?”
หลินขุยยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
ฉันจะทำอะไร? ลบหลู่คุณท่าน มีแค่ตายสถานเดียวเท่านั้น!
สายตาเยียบเย็นลงทีละน้อย เขาจะเก็บอู๋ทง เสียงดังโครม ประตูใหญ่ถูกถีบเปิดออก
ทุกคนหันกลับไป เห็นลูกสมุนรูปร่างกำยำล่ำสันสี่คนกรูกันเข้ามาทางประตู ในมือยังแบกโลงศพสีแดงโลงหนึ่งเข้ามา!
“ฮ่า ๆ คึกคักเสียจริง! ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นงานวันเกิดห้าสิบปีของผู้นำตระกูลเย่ เจ้านายของพวกเราให้ฉันเอาโลงศพมามอบให้ผู้ใหญ่ของพวกคุณโดยเฉพาะ เป็นอย่างไร น่าจะพอใจกับของขวัญนะ?”
ด้านหลังโลงศพมีชายวัยกลางคนแต่งกายประณีตอยู่
เห็นคนที่มาใหม่ ทุกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก
หูเหยียน พ่อบ้านของตระกูลหู!
ตระกูลหูเป็นตระกูลเก่าแก่ร่ำรวยชั้นสองอย่างแท้จริง แน่นอนว่ายิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่
ได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลเย่กับตระกูลหูถูกเจ้าหมอนี่ก่อกวนจนไม่เป็นสุข
วันนี้เป็นวันเกิดของเย่จิ้งซาน นึกไม่ถึงว่าตระกูลหูจะส่งโลงศพมาให้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมมาหักหน้ากัน
หูเหยียนหัวเราะเสียงเย็นสองคำ มองไปก็เห็นเย่จิ้งซานที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ใบหน้าก็ยิ่งคิดใคร่ครวญ
“พวกแกยังยืนอึ้งอยู่ทำไมกัน? คำอวยพรที่นายท่านฝากมาลืมกันแล้วหรือไง?”
ชายร่างกำยำสี่คนวางโลงศพลง คำนับให้เย่จิ้งซานพร้อมกัน
“นายท่านตระกูลฉันขออวยพรให้คุณเย่ ลงโรงไวไว รีบ ๆ ตาย รีบ ๆ ไปเกิดใหม่เร็ว ๆ!”
เสียงทรงพลังนั้นดังมาก ดังทะลุไปทั่วทั้งบ้านตระกูลเย่
“จุ๊ ๆ นายท่านของตระกูลปฏิบัติต่อคุณเย่อย่างไรคงไม่ต้องพูดนะ แม้แต่ฉันก็ยังอิจฉา”
หูเหยียนส่ายศีรษะอย่างใคร่ครวญ เห็นใบหน้าของเย่จิ้งซานขาวซีดหาใดเปรียบ
เย่น่าทั้งโมโหทั้งร้อนรน กัดริมฝีปากจนแทบจะมีเลือดออกมาแล้ว
หวังซิ่วเหลียนก็ยิ่งตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ตระกูลหู พวกเขาไม่ควรจะไปล่วงเกินเป็นอย่างยิ่ง
เย่เทียนยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม ดวงตาสายประกายความเย็นยะเยือกที่แหลมคม ราวกับสามารถแช่แข็งบรรยากาศได้
หลินขุยมองไปที่เย่เทียน เห็นเย่เทียนส่ายศีรษะก็ไม่ได้ทำอะไร
“เฮอะ ของขวัญของผู้นำตระกูลหู ฉันคงรับไว้ไม่ได้ เก็บไว้ให้เขาใช้เองเถอะ”
เย่จิ้งซานตวาดออกมาเสียงเย็นอย่างเก็บกดความโมโห ใบหน้าไม่น่ามองหาใดเปรียบ
เห็นแบบนี้แล้วหูเหยียนก็หัวเราะเสียงดัง สีหน้ายิ่งหยิ่งยโสขึ้น
“เย่จิ้งซาน คุณไม่ต้องฝืนตัวเองอีกต่อไปแล้ว สนุกเหรอ?”
ว่าแล้วหัวข้อสนทนาก็จริงจังขึ้นอย่างฉับพลัน “นายท่านตระกูลฉันรู้ว่าแผลฉกรรจ์ของคุณยังไม่หายดี ก็เลยให้ฉันส่งโลงศพมาให้คุณเป็นพิเศษเลย ทำไมคุณไม่รับน้ำใจไว้ล่ะ? ในเมื่อคุณจะต้องปกป้องภูเขาซิ่วเสว่ไว้ให้ได้ จะต้องเก็บสุสานที่เดียวดายนั้นไว้ให้ได้ ไม่สู้นอนในโรงนี้ แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนในสุสานนั้นเถอะ”
พอคำนี้พูดออกมาแล้วบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเย่เทียนก็หนาวเหน็บขึ้นทันที!
เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของคุณอาเกิดจากตระกูลหู!
และกุญแจสำคัญก็คือสุสานเดียวดายที่ภูเขาซิ่วเสว่ ก็คือมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วของเย่เทียน!
ดวงตาของเย่จิ้งซานเบิกกว้าง บนใบหน้าไม่มีสีเลือดเลยสักนิด “ตระ… ตระกูลหู แกอย่ามารังแกคนอื่นจนเกินไป… ถุย!”
เย่จิ้งซานโมโหจนสะเทือนใจ ยังพูดไม่ทันจบก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ลมหายใจอ่อนกำลัง
ทุกคนล้วนตื่นตระหนกกันจนถึงขีดสุด นึกไม่ถึงเลยว่าเย่จิ้งซานจะได้รับบาดเจ็บจริง ๆ แถมยังไม่ใช่เบา ๆ
ถ้าหากว่าจัดการไม่ดีละก็งานวันเกิดก็ต้องกลายเป็นงานศพแน่
“จิ้งซาน!”
“พ่อคะ!”
“คุณอา!”
เย่เทียน หวังซิ่วเหลียน เย่น่าสามคนตกใจจนร้องออกมาพร้อมกัน
เย่เทียนมีปฏิกิริยาไวสุด รีบพยุงร่างที่กำลังจะล้มลงของเย่จิ้งซาน
“พ่อคะ ท่านเป็นอะไร?” เย่น่าเช็ดเลือดที่มุมปากของพ่ออย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้างดงามร้องไห้ดูเหมือนกับดอกท้อที่เปียกฝน
หวังซิ่วเหลียนตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เย่เทียนขมวดคิ้ว มือขวานวดแผ่นหลังเย่จิ้งซานเบา ๆ เย่จิ้งซานรู้สึกร้อนไปทั้งร่าง ลมหายใจราบรื่นขึ้นมา
“แคก ๆ ฉันไม่เป็นไร…”
เย่จิ้งซานส่ายศีรษะ ดิ้นรนที่จะยืนขึ้นมา มองเย่เทียนอย่างประหลาดใจ
“คุณอา ท่านนั่งพักสักหน่อยเถอะ ให้ผมจัดการเองเถอะครับ”
เย่เทียนประคองให้เย่จิ้งซานนั่งลง ตอนนี้ถึงได้ยืนขึ้นมองไปที่หูเหยียน
“อาการบาดเจ็บของคุณอา เกิดจากตระกูลหู?”
หูเหยียนชำเลืองมองอย่างหยิ่งยโส “แกคิดว่าแกเป็นใคร? นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”
“ตอบคำถามของผม” เย่เทียนไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่เสียงกับอึมครึมลงระดับหนึ่ง
หูเหยียนตกตะลึง เขารู้สึกได้ถึงความกดดันจากร่างของเย่เทียน ราวกับเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลของตนเองอย่างไรอย่างนั้น
“แล้วมันยังไงล่ะ? เขามันสมควรแล้ว!”
หูเหยียนหัวเราะเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง “ตระกูลหูของเราอยากจะสร้างห้างสรรพสินค้า ไปถูกใจภูเขาซิ่วเสว่ อยากจะซื้อยอดภูเขา แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่ยอมขายเพราะสุสานเดียวดายบนยอดเขานั่น นี่ไม่ใช่การแสดงอย่างชัดเจนแล้วเหรอว่าไม่มองเห็นตระกูลหูของฉันอยู่ในสายตาน่ะ?”
“แกเหลวไหล!” เย่จิ้งซานที่เข้ามาอย่างช้า ๆ ด่าเสียงดังออกมา คิดจะซื้อยอดเขาที่ใหญ่ขนาดนั้นด้วยราคาแค่สองหมื่น แกเห็นฉันเป็นขอทานเหรอ? อีกอย่างนะ ต่อให้เป็นสองล้าน หรือยี่สิบล้าน ก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อจะทำอะไรกับภูเขาซิ่วเสว่!”
เย่จิ้งซานพูดเช่นนี้เย่เทียนไหนเลยจะไม่กระจ่างใจ?
ต้องเป็นตระกูลหูที่อยากได้ภูเขาซิ่วเสว่แล้วคิดจะบังคับซื้อขายแน่ ๆ
แถมภูเขาซิ่วเสว่เดิมก็เป็นแค่ยอดเขารกร้างลูกหนึ่งเท่านั้น ตั้งแต่หลังจากที่ฝังแม่ของเย่เทียนเข้าไป ก็ถูกเย่จิ้งซานซื้อเอาไว้
แถมยังตั้งชื่อตามหลินซิ่วเสว่ มารดาของเขา
ตอนที่เย่เทียนอายุยังน้อย เย่จิ้งซานจะพาเขาไปเซ่นไหว้บูชาทุก ๆ ปี
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป รอบ ๆ ภูเขาซิ่วเสว่ค่อย ๆ ถูกบุกเบิกหักร้างถางพง เป็นเพราะเย่จิ้งซาน จึงยังสามารถรักษาไว้ได้
แต่ตอนนี้ยังถูกคนจ้องเอาไว้…
เย่จิ้งซานรักษาไว้ด้วยชีวิต กลับถูกมือดีของตระกูลหูทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส