เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 128
เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – บทที่ 128 คนชุดดำคือใครกันแน่?
เย่เทียนเฉินยืนอยู่ริมหน้าต่างบนชั้นสองของคฤหาสน์ มองลงไปยังชายชุดดำอย่างไม่พอใจ เมื่อครู่ตนเองถูกการปรากฏตัวของคนชุดดำทำเอาตื่นขึ้นมาจริงๆ จนถึงตอนนี้ในหัวของเขาก็ยังมึนๆ อยู่
คนชุดดำที่ยืนอยู่ด้านล่างและสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งสี่คนนั้นตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะยังไม่ตาย มีดบินทั้งหกเล่มล้วนปักทะลุผ้าห่มจมลึกเข้าไปสามส่วน ทั้งหมดนี่ฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้เลยเหรอ?
ความจริง ตอนที่คนชุดดำพุ่งเข้ามา เย่เทียนเฉินยังคงนอนหลับอย่างมึนๆ อยู่ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ตัว เพียงแต่หากจะให้ใช้คำมาบรรยายตนเองก็คือ เขาขี้เซามาก ขี้เกียจลงมือ เพียงแต่ตอนที่มีดบินทั้งหกเล่มจู่มโจมเข้ามา เขาได้หลบลงไปใต้เตียงแล้วนอนต่อ
“แกไม่ตายเหรอ?” คนชุดดำมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าวถาม
“ฉันว่านักฆ่าไม่เหมาะกับแกหรอก มีดบินหลายเล่มนี้พอขว้างไปก็ไม่สนใจซะแล้ว จะมั่นใจได้ยังไงว่าเป้าหมายตายหรือยัง?” เย่เทียนฉินมองคนชุดดำ ทำเหมือนตัวเองเป็นนักฆ่ามืออาชีพกำลังสั่งสอนคนชุดดำที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพคนหนึ่ง
“รนหาที่ตาย!”
คนชุดดำพูดเสียงขรึม เท้าทั้งสองเหยียบลงบนพื้นส่งตัวกระโดดทะยานขึ้นสูงสองเมตรกว่า เป็นวิชาตัวเบาเหมือนกับที่เล่าขานกันมา ทำให้ร่างกายเบาดุจขนนก ในสายตาของคนนอก เกรงว่าจะตกตะลึงจนหน้าถอดสี แต่สำหรับพวกเย่เทียนเฉินกลับธรรมดามาก ในโลกนี้มีการดำรงอยู่ของพรรควรยุทธโบราณ วิชาตัวเบาที่เล่าต่อๆ กันมาหรือข่าวลือต่างๆ ล้วนมีต้นสายปลายเหตุ ไม่ต้องพูดถึงการทะยานตัวได้ในพริบตาเลย การจะกระโดดให้สูงสามสี่เมตรก็ไม่ใช่ปัญหา
ผัวะ!
คนชุดดำกระโดดครั้งเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน พลันซัดหมัดออกไปใส่หน้าเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรง เย่เทียนเฉินไม่หลบ เขาไม่ใช่คนที่ชอบหลบหนีอยู่แล้ว ซัดกันตัวต่อตัวถึงจะยิ่งสะใจ อีกอย่างฝีมือของคนชุดดำคนนี้ก็แข็งแกร่งมาก สามารถต่อสู้กับสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งสี่คนได้โดยไม่ตกเป็นรองเลยสักนิด แค่จุดนี้ เย่เทียนเฉินก็ไม่กล้าดูเบา กำหมัดขวาจนแน่นแล้วซัดออกไปปะทะ
พลั่ก!
เสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น คนชุดดำถูกซัดกลางอากาศจนกระเด็นออกไป พุ่งตกลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว เย่เทียนเฉินเองก็กระโดดลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์ พลิกตัวกลางอากาศครั้งหนึ่งก่อนจะลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง มองไปยังคนชุดดำที่ตกมาถึงพื้นก่อนเขาก้าวหนึ่ง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เอง สมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดต่างมารวมตัวกันทั้งหมด เย่เทียนเฉินมองสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “สหายทั้งแปดลำบากแล้ว ต่อไปได้เวลาแสดงของผมแล้ว พวกคุณไปพักสักหน่อยเถอะ!”
สมาชิกกอกงกำลังคมมีดทั้งแปดมองตากัน ขยายวงล้อมออกไปให้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เหลือพื้นที่ว่างไว้ให้เย่เทียนเฉินและคนชุดดำได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ ส่วนพวกเขายืนอยู่ในตำแหน่งต่างกันโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“แกแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากจริงๆ!” คุนชุดดำมองไปยังเย่เทียนเฉินพลางกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ตอนนี้ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าใครส่งแกมาฆ่าฉัน ฉินเทาหยวนแห่งตระกูลฉินเหรอ? หรือจะเป็นลั่วซงเฉิงแห่งตระกูลลั่ว? หรือศัตรูคู่แค้นสมัยก่อนของตระกูลเย่? หรืออาจจะเป็นคนที่ฉวยโอกาสซ้ำเติม?” เย่เทียนเฉินคาดเดา กล่าวตามจริง เขาเองก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของคนชุดดำคนนี้ เพียงรู้สึกประหลาดใจว่าเป็นขั้วอำนาจไหนกันแน่ที่สามารถเชิญยอดฝีมือแบบนี้มาลอบฆ่าตนเองภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ได้?
“หึ ดูแล้วศัตรูที่แกสร้างเอาไว้ก็มีไม่น้อยเลย…” คนชุดดำแค่นเสียงเย็นแล้วกล่าวออกมา
“ผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันสร้างศัตรูไปไม่น้อย แต่โลกนี้มีคนใช้อำนาจอิทธิพลรังแกคนอื่นและคนที่ชอบหาเรื่องเยอะเกินไปต่างหาก ฉันคนนี้ก็ไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อม ทำได้แค่ประเคนกำปั้นให้พวกเขาไปยกหนึ่งเท่านั้นเอง” เย่เทียนเฉินส่ายหน้า
“ไม่ว่าจะพูอยังไง คืนนี้ฉันก็จะต้องฆ่าแก จะไม่ยอมให้ศิษย์น้องหญิงมีอันตรายแน่!” คนชุดดำเปิดปากกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
“ศิษย์น้องหญิง? ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจว่าแกพูดอะไรอยู่นะ?” เย่เทียนเฉินเกาหัวอย่างสงสัย เอ่ยถามออกไป
“แกไม่ต้องรู้หรอก แกแค่ต้องตาย!”
คำพูดของคนชุดดำเพิ่งจะออกจากปาก พริบตาต่อมาก็พุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า เมื่อถึงตำแหน่งที่ห่างจากเย่เทียนเฉินหนึ่งเมตรก็ปล่อยหมัดออกไป หมัดทั้งสองซัดโจมตีใส่กัน ในอากาศเกิดเสียงระเบิดออกมา
“บุกได้ดี!”
เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา ตอนนี้เขารู้สึกกระตือรือร้นบ้างแล้ว แอลกอฮอล์ในร่างกายยังคงไม่หายไปหมด รวมกับได้เจอยอดฝีมือเช่นนี้ ย่อมทำให้เลือดร้อนๆ ในกายปะทุขึ้นมา เขากางแขนทั้งสองออกเข้าปะทะ
ตู้มๆๆ…
ภายในสวนดอกไม้ เสียงต่อสู้ดังขึ้นอย่างรุนแรง เย่เทียนเฉินและคนชุดดำไม่ได้ใช้กระบวนท่าที่มากเกินจำเป็น ทั้งหมดเป็นการสู้ในระยะประชิด คุณหนึ่งหมัด ผมหนึ่งเท้า สู้กันได้อย่างมีสีสันยิ่งนัก สมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดมองจนอึ้ง หากพูดถึงฝีมือของพวกเขาก็นับว่าไม่อ่อนแอ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นการต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรงของเย่เทียนเฉินและคนชุดดำกลับเลี่ยงไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน โชคดีที่เมื่อครู่พวกเขาสี่คนร่วมมือกันล้อมโจมตีคนชุดดำ มิฉะนั้นหากสู้ด้วยตัวคนเดียว เกรงว่าในหมู่พวกเขาจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เป็นคู่มือของคนชุดดำได้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะคนชุดดำเก่งเกินไป
“ย้าก!”
“อ๊าก!
เย่เทียนเฉินและคนชุดดำดูเหมือนจะตะโกนออกมาพร้อมกัน คนชุดดำซัดหมัดออกไป เย่เทียนเฉินก็ซัดหมัดออกไป กำปั้นของทั้งสองปะทะกัน ใครก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว แต่แผ่นหินใต้เท้าของพวกเขาสองคนถูกแรงกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งหมด ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าการปะทะกันของทั้งสองมีพลังมหาศาลเพียงใด ทำเอาสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดตกตะลึงจนต้องสูดหายใจเย็นวาบ
คนชุดดำอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเช่นตนเป็นคนที่มีฝีมือแข็งแกร่งห้าวหาญมากที่สุดในสำนัก เขาเข้าสำนักมาเป็นคนแรกสุด พลังที่ฝึกฝนคือพลังภายในอันแข็งแกร่งห้าวหาญ หนึ่งหมัดสามารถฆ่าหมีได้ การต่อสู้ในหลายปีมานี้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะเขาในด้านพละกำลังได้เลย ยิ่งคนที่กล้าประลองพละกำลังกับเขาล้วนถูกซัดปลิวไปทุกคน ต่อมาเมื่อพบยอดฝีมือก็มีน้อยคนที่จะโง่ไปประลองกำลังกับเขา
แต่เย่เทียนเฉินนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นก็ต่อสู้กับต้นด้วยพละกำลังแล้ว เขาไม่ได้ใช้พลังภายในที่แข็งแกร่งเพราะเขามั่นใจในพละกำลังของกายเนื้อล้วนๆ ของตน แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเย่เทียนเฉินจะใช้พลังภายในเช่นกัน ถึงกับใช้พลังกายล้วนๆ มาต่อต้านเขาได้ ตลอดการประลองพละกำลังมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
ส่วนเย่เทียนเฉินหากไม่ประปลาดใจนั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่ที่เขากลับมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ นี่เป็นคนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้เจอในปัจจุบัน หากนำซิลลี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันแห่งความโหดเหี้ยมมาเทียบพละกำลังกับคนชุดดำ ซิลลี่ด้อยกว่าอย่างสิ้นเชิง หมัดเมื่อครู่เย่เทียนเฉินเองก็ออกแรงเต็มกำลังแล้ว เป็นพลังที่มากที่สุดเท่าที่กายเนื้อในปัจจุบันสามารถแสดงออกมาได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของกายเนื้อจะยังไม่มากพอ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ ถึงกับถูกคนชุดดำต้านเอาไว้ได้โดยสิ้นเชิง เย่เทียนเฉินรู้สึกนับถือความแกร่งกร้าวของคนคนนี้จริงๆ
“แกเก่งมากจริงๆ มิน่าล่ะแก่ถึงกล้าบุกเข้าไปฆ่าคนที่ตระกูลฉิน” คนชุดดำกล่าวเสียงขรึม
“แกผิดแล้ว ไม่ใช่เพราะฉันเก่งถึงไปฆ่าคนที่ตระกูลฉิน แต่เป็นเพราะพวกคนตระกูลฉินสมควรตายต่างหาก” เย่เทียนเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“ไม่ว่าคนตระกูลฉินจะสมควรตายหรือไม่ เพื่อศิษย์น้องหญิงคนเล็กของฉัน ฉันจะต้องฆ่าแก!”
“ศิษย์น้องหญิงคนเล็ก? ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าศิษย์น้องเล็กของแกเป็นใคร? ดูเหมือนช่วงนี้ในหมู่ผู้หญิงที่ฉันพบ ไม่มีใครชื่อศิษย์น้องหญิงคนเล็กเลยนะ?” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางยิ้มอย่างสนุกสนาน
คนชุดดำมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ในเวลาแบบนี้เจ้าหมอนี่ยังมีใจมาหยอกเย้าตนเองอีก นี่เป็นการดูหมิ่นความสามารถของตนอย่างหนึ่ง ส่วนสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดคนนั้นเข้าใจเป็นอย่างดี เย่เทียนเฉินคนนี้พอเวลาที่จะเอาแต่ใจขึ้นมา กระทั่งหยางอี้ก็กล้าหยอกล้อเล่นหัว ทั้งยังลากชางหลางมาดื่มเหล้าโดยไม่เคารพวินัยของกองทัพ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ จะยังไงแกก็ต้องตาย…ย้าก!”
ทันใดนั้นคนชุดดำชักมือกลับมา หมัดทั้งสองกำแน่น ใช้พละกำลังที่แฝงไปด้วยพลังภายในอันแข็งแกร่งซัดไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินตกตะลึง รีบถอยหลังไปสองก้าว มือทั้งสองกำเป็นหมัด พลังพิเศษขอบเขตจอมราชันระเบิดออกมา ปะทะเข้ากับหมัดทั้งสองของคนชุดดำ
ตู้ม!
สนั่นหวั่นไหวถึงชั้นฟ้า ทำลายความสงบของยามคำคืนไปโดยสิ้นเชิง เดิมทีก็ไม่ใช่สวนที่ใหญ่มากอยู่แล้ว เป็นเพราะการโจมตีใส่กันแบบเต็มกำลังของเย่เทียนเฉินและคนชุดดำ ทำให้แผ่นหินสีเขียวบนพื้นแตกกระจุยทั้งหมดราวกับถูกระเบิด เย่เทียนเนถูกแรงปะทะจนถอยไปหลายก้าว มือทั้งสองรู้สึกเจ็บจนชา ส่วนคนชุดดำก็ถอยไปหลายก้าว แล้วยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อน
การโจมตีครั้งนี้คนชุดดำได้ใช้พลังภายในอันดุดันรุนแรงของตนเองแล้ว เย่เทียนเฉินก็กระตุ้นพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันด้วยเช่นกัน ดูเหมือนฝีมือของทั้งสองจะพอฟัดพอเหวี่ยง สั่นสะเทือนจนสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดแทบจะหลบไม่ได้
“ดูท่าทางหากฉันต้องการฆ่าแกคงจะเสียเวลาจริงๆ!” คนชุดดำเอ่ยเสียงเย็น
“งั้นก็ให้ฉันฆ่าแกแล้วกัน!”
เย่เทียนเฉินสามารถคาดคะเนความสามารถคร่าวๆ ของคนชุดดำได้จากจากต่อสู้เมื่อครู่นี้ บางทีตนเองจำเป็นต้องลงมือเต็มที่ กระทั่งลงมือเต็มที่ก็ยังต้องใช้เวลาสักหน่อย อาจจะต้องเผชิญกับความอันตรายที่จะได้รับบาดเจ็บถึงจะสามารภฆ่าคนชุดดำนี้ได้ เนื่องจากคนคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่เขาก็ยังต้องลงมือ เพราะเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้กับศัตรูโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะศัตรูที่มีไอสังหารอันเข้มข้นอยู่บนร่าง คนประเภทนี้หากปล่อยเอาไว้ก็จะเป็นปัญหาทีหลัง อันตรายเป็นอย่างมาก
“มาเถอะ พวกเรามาสู้ตายกันไปเลย!” คนชุดดำกัดฟันกล่าวออกมา
เย่เทียนเฉินเตรียมจะลงมือเต็มที่ ลอบกระตุ้นพลังพิเศษขอบเขตจอมราชัน ต่อให้ต้องแลกกับการได้รับบาดเจ็บก็ต้องฆ่าคนชุดให้ได้ ตอนนั้นเอง เสียงดังสนั่นสองเสียงดังขึ้นในสวนดอกไม้ ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย เงาร่างของคนอีกคนหนึ่งพุ่งเข้ามาด้านหน้าคนชุดดำแล้วกล่าวว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไปกันเถอะ!”
รอจนกระทั่งหมอกควันจางลง เย่เทียนเฉินและสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดวิ่งไปถึงกลางสนาม คนชุดดำและเงาร่างที่ปรากฏตัวทีหลังก็หายไปแล้ว เย่เทียนเฉินยืนอยู่กับที่อย่างตกตะลึง เกาหัวพลางพูดกับตัวเอง
“ทำไมเสียงนี้ถึงได้คุ้นหูจัง? เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…”
……………………………………..