เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 162
เมื่อเห็นท่าทางขัดเขินของลูกสาว แม่ของเสี้ยวหยาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ลูกสาวของเธอ เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
ทุกคนล้วนเติบโตขึ้น ทุกคนต่างก็มีความฝันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ก็เหมือนกับที่โบราณกล่าวไว้ว่า ผู้ชายคนใดบ้างที่ไม่ตกหลุมรัก ผู้หญิงคนใดบ้างที่ไม่ถูกรัก เมื่อเติบโตมากขึ้น ก็จะคิดอยากมีคนๆ หนึ่งที่อยู่เป็นเพื่อนตนเอง คนที่ไม่สามารถเทียบได้กับพ่อแม่ ไม่สามารถเทียบได้กับเพื่อน คนที่สามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นแก่คุณได้
“หยาเอ๋อร์ แม่ดูออกว่าผู้ชายคนนั้นมีความรักให้ลูก และความประทับใจที่ลูกมีต่อเขาก็ไม่แย่ หากว่าลูกรู้สึกว่าเขาดีจริงๆ ก็ให้โอกาสเขาอยู่ร่วมกัน ทำความเข้าใจกันและกัน บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยก็ได้ จะต้องคว้าเอาไว้!” แม่ของเสี้ยวหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
“แม่คะ หนูไม่พูดกับแม่แล้ว หนูไปเอาน้ำมาล้างหน้าให้แม่ดีกว่า!” เสี้ยวหยารีบเดินออกไป มีใบหน้าแดงเล็กน้อย
แม่ของเสี้ยวหยาเห็นลูกสาวของตนเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ในใจ เธอรู้ว่าในใจของลูกมีความรู้สึกดีๆ ต่อผู้ชายที่ชื่อว่าเย่เทียนเฉินคนนั้นแล้ว เธอทำได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ภาวนาให้เย่เทียนเฉินมีความจริงใจต่อลูกสาวของตน ถ้าเป็นแบบนั้น ลูกก็จะสามารถมีครอบครัวที่ดีได้ ตัวเองก็จะตายตาหลับ
เสี้ยวหยาถืออ่างล้างหน้าเดินมาบริเวณทางเดินตรงระเบียงด้านนอก ใบหน้าอันบริสุทธิ์ยังคงแดงระเรื่อ หัวใจเต้นตึกตัก นี่เป็นครั้งแรกที่แม่พูดเรื่องแบบนี้กับเธอ อีกทั้งยังบอกอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว สามารถมีแฟนได้แล้ว และเติบโตแล้ว นี่ทำให้เสี้ยวหยารู้สึกเหนือคาด ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวล แม่คงรู้อาการป่วยของตนเองดีจึงได้พูดเช่นนี้
ความจริงแล้ว เสี้ยวหยาก็ยังไม่อาจพูดได้ว่าชอบเย่เทียนเฉิน เพียงแต่ในใจคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง เป็นคนดีคนหนึ่ง มีความรู้สึกดีๆ เล็กน้อย คนสองคนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ จะสามารถคบหากันได้หรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะพูด
เวลาห้าทุ่ม หลิงอวี่สวิ๋นขับรถไปส่งเย่เทียนเฉินถึงประตูบ้าน และได้มาถึงประตูบ้านกันแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเย่เทียนเฉิน ในตอนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลก็ไม่เลว ย่อมจะต้องเข้าไปนั่งสักหน่อย
“แม่ครับ น้อง ผมกลับมาแล้ว!” เย่เทียนเฉินผลักประตูคฤหาสน์ให้เปิดออกแล้วเดินเข้าไป หลิงอวี่สวิ๋นก็เดินตามหลังเขาไป
เมื่อเย่เทียนเฉินพาหลิงอวี่สวิ๋นเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ก็พบเพียงหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสองคนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินกลับมาแล้ว พวกเธอก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรมากมาย แต่เมื่อเห็นหลิงอวี่สวิ๋นที่อยู่ข้างหลังเขา หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พลันส่งสายตาให้กัน
“พี่คะ พี่กลับมาแล้ว พี่สาวคนสวยคนนี้คือ…” เย่เชี่ยนเหวินเดินไปหน้าเย่เทียนเฉิน แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ส่วนในใจของผู้เป็นแม่อย่างหลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ลูกชายช่างมีความสามารถมากจริงๆ เพิ่งจะส่งฉีหรูเสวี่ยออกไป ก็พากลับมาอีกคนแล้ว แต่ว่า นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีอะไร ลูกหลานตระกูลเย่ของตนเอง จะต้องไม่ใช่คนหลงระเริงอย่างเด็ดขาด จะต้องมีความจริงใจต่อผู้อื่น ไม่อนุญาตให้เป็นคุณชายเสเพลเด็ดขาด
แต่ว่า ลูกสาวของบ้านอื่นก็มาถึงประตูแล้ว ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน แม้ในใจของคุณจะไม่ยินดี ก็ไม่สามารถแสดงออกมาบนใบหน้าได้ ต้องต้อนรับทักทายดีๆ ถึงจะถูก
“อ้อ พี่ขอแนะนำให้รู้จักสักหน่อย เธอคือ…”
คำพูดของเย่เทียนเฉินยังไม่ทันจบ ก็ถูกหลิงอวี่สวิ๋นขัด เธอเดินเข้าไปเบื้องหน้าเย่เชี่ยนเหวิน ยิ้มหวานแล้วพูดขึ้นว่า “เธอคือน้องเชี่ยนเหวินสินะ โตมาสูงขนาดนี้เลย สวยขึ้นทุกวันเลยนะเนี่ย! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี่สวิ๋น เย่เชี่ยนเหวินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ในใจพลันคิดว่า พี่สาวคนสวยตรงหน้านี้รู้จักตนเองด้วย? ถ้าอย่างนั้นทำไมตนเองถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย? หากว่าเป็นแฟนเก่าอะไรของพี่ชาย ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่รู้จัก ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?
ในตอนที่เย่เชี่ยนเหวินกำลังงงอยู่นั้น หลัวเยี่ยนก็เดินเข้ามา เธอเพียงรู้สึกว่าคุณหนูคนสวยตรงหน้านี้ดูคุ้นๆ แต่ว่าเป็นใครเธอก็จำไม่ได้ จึงเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เธอคือ?”
“คุณน้าหลัวคะ น้าจำหนูไม่ได้เหรอคะ?” หลิงอวี่สวิ๋นถามด้วยรอยยิ้ม
“จำไม่ได้แล้วจริงๆ แค่รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุณตาน่ะจ้ะ!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หนูเองค่ะ คุณน้าหลัว อวี่สวิ๋น หลิงอวี่สวิ๋น…”
“อ้อ เป็นเธอนี่เอง อวี่สวิ๋น ที่แท้ก็เป็นเธอ รีบมานั่งเร็ว ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว อวี่สวิ๋นยิ่งโตก็ยิ่งสวย!” หลัวเยี่ยนคิดขึ้นได้ในที่สุด พูดออกมาด้วยรอยยิ้มดีใจ
“ที่ไหนกันคะ คุณน้า รบกวนพวกคุณแล้ว!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ในตอนนี้ ตระกูลเย่คึกคักขึ้นมาบ้าง เย่เชี่ยนเหวินเองก็จำหลิงอวี่สวิ๋นได้แล้ว คิดถึงตอนเด็กๆ ที่อยู่ในซอยเล็กๆ พี่ชายและพี่สาวอวี่สวิ๋นมักจะเล่นด้วยกัน แต่ตอนนั้นเธอยังเด็ก กระทั่งเดินก็ยังไม่ตรง แต่ก็มักจะวิ่งตามตูดพวกเขาอยู่เสมอ มีหลิงอวี่สวิ๋นและพี่ชายคอยพาเธอไปเล่น
หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เย่เทียนเฉินพากลับมาจะเป็นหลิงอวี่สวิ๋นไปได้ เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของตระกูลหลิงและตระกูลเย่นั้นสามารถกล่าวได้ว่าดีมาก และเดิมทีก็เป็นเพื่อนบ้านกัน เพียงแต่ภายหลังตระกูลหลิงรุ่งเรืองขึ้น จึงย้ายออกไปจากซอยเล็กๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันอีก แต่ว่ามิตรภาพเมื่อปีนั้นยังคงอยู่
พริบตาเดียวหลิงอวี่สวิ๋นก็กลายเป็นแขก กระทั่งเย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ เพราะเย่เชี่ยนเหวินและหลัวเยี่ยนต่างก็นั่งอยู่ข้างกายหลิงอวี่สวิ๋น ถามไถ่กันอย่างใส่ใจ
เมื่อเห็นว่าหลิงอวี่สวิ๋นทำหน้าทะเล้นใส่ตนด้วยมีท่าทีลำพองใจเป็นอย่างมาก เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง แล้วไปอาบน้ำ ปล่อยให้พวกผู้หญิงทั้งสามคนคุยกันไปก่อนเถอะ ตนเองสอดปากไม่ได้เลย
“อวี่สวิ๋น พ่อแม่ของเธอสบายดีไหม? ได้ยินว่าเธอย้ายไปอยู่ต่างประเทศ กลับมาเมื่อไหร่เหรอจ้ะ?” หลัวเยี่ยนถามอย่างใส่ใจ
“อ๋อ พ่อแม่ของหนูสบายดีค่ะ ตอนนั้นครอบครัวของพวกเราทำธุรกิจแล้วกิจการเติบโตได้ค่อนข้างดีเลยย้ายไปต่างประเทศ แต่ว่าหลายปีนี้เราพบว่าที่ต่างประเทศไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนคิดขนาดนั้น โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลต่างประเทศที่กีดกันนักธุรกิจจีนอย่างพวกเรา บีบบังคับให้ทุกคนทำงานอย่างยากลำบาก ดังนั้นคุณปู่ของหนูเขาโกรธก็เลยย้ายศูนย์กลางของธุรกิจครอบครัวมาอยู่ในประเทศ ต่อไปนี้พวกเราก็คงจะไม่จากไปอีกแล้ว!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“แบบนั้นก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว อยู่ต่างประเทศไหนเลยจะเทียบได้กับในประเทศของพวกเรา ประเทศบ้านเกิดของตัวเองถึงจะดีที่สุด!” หลัวเยี่ยนเปิดปากพูด
สามสาวพูดคุยกันอย่างเบิกบานใจ สอบถามสถานการณ์ในช่วงนี้อยู่เป็นระยะ แล้วพูดคุยกันถึงหัวข้อที่ผู้หญิงในปัจจุบันนี้ค่อนข้างจะให้ความสนใจ จนกระทั่งเย่เทียนเฉินอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา ก็เห็นว่าทั้งสามคนหัวเราะและพูดคุยกันอย่างมีความสุข เขาจึงเตรียมตัวที่จะขึ้นไปนอน ส่วนเรื่องที่จะส่งหลิงอวี่สวิ๋นกลับบ้านอะไรนั่น ตลอดมานี้ เรื่องแบบนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“นี่พี่ พี่จะทำอะไร? กลับมาคุยกันก่อน!” เย่เชี่ยนเหวินเห็นว่าพี่ชายเดินขึ้นไปข้างบนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้น
“พวกผู้หญิงสามคนอย่างเธอคุยกันไปเถอะ คุยกันออกรสถึงขนาดนี้ ก็ไม่มีเรื่องอะไรของพี่แล้ว พี่ก็ต้องขึ้นไปนอนแน่นอนอยู่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก พี่ไม่ไปไม่ได้!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหาวขึ้นครั้งหนึ่ง
“มานี่ มาคุยเป็นเพื่อนอวี่สวิ๋นก่อน แล้ววันหลังขอเพียงแค่ที่มหาวิทยาลัยลัยมีเรียน ลูกก็ต้องไป ไม่อนุญาตให้โดดเรียน ถ้าแม่กับพ่อของลูกรู้เข้า จะไม่ปล่อยไว้แน่!”
ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง หลัวเยี่ยนย่อมหวังว่าลูกชายของตนจะสามารถเรียนอะไรได้บ้าง แต่เมื่อมองท่าทางของเย่เทียนเฉินที่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนประเภทชอบเรียนรู้ ดังนั้นไม่บังคับคงไม่ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ตอนนี้ลูกชายจะรู้ความขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการเล่นอยู่มาก หลัวเยี่ยนย่อมต้องควบคุมสักหน่อย
คำพูดของหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ ในฐานะที่เย่เทียนเฉินเป็นลูกชายที่กตัญญูคนหนึ่งจึงไม่คิดที่จะขัด เดินไปในห้องโถงอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างมาก นั่งลงบนโซฟาแล้วหาวออกมาอีกครั้งหนึ่ง “คุยสิ คุยอะไรล่ะ?”
น้องสาวเย่เชี่ยนเหวินเห็นท่าทางเช่นนี้ของพี่ชาย ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป นั่งลงข้างๆ เย่เทียนเฉินแล้วดูเหมือนจะดึงแขนเขาแต่ความจริงแล้วกำลังหยิกอย่างรุนแรง พูดเสียงเบาว่า “พี่คะ ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องแบบนี้ หนูกับแม่พยายามพูดถึงพี่ดีๆ พี่ก็โตขนาดนี้แล้ว ควรจะมีแฟนได้แล้ว พี่สาวฉีหรูเสวี่ยถูกพี่ทำให้โกรธจนหนีไปแล้ว ตอนนี้พี่สาวอวี่สวิ๋นมาแล้ว พี่ไม่คิดว่าควรจะแสดงท่าทางดีๆสักหน่อยหรอ?”
“หา?”
เย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยนเหวินก็แทบจะคางร่วงลงพื้น นี่จะเวอร์เกินไปหรือเปล่า หลิงอวี่สวิ๋นเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กของตนเอง ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว เกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มาตระกูลเย่ ถึงกับถูกใจแม่และน้องสาวแล้ว แล้วยังพยายามพูดเรื่องดีๆ ของเขาอีก เหมือนกับต้องการเป็นแม่สื่อให้เขากับหลิงอวี่สวิ๋นอย่างไรอย่างนั้น
หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่า บางครั้งพวกเธอก็พึ่งพาไม่ได้ยิ่งกว่าตัวเองอีก ฉีหรูเสวี่ยมาที่ตระกูลเย่ พวกเธอก็รีบคิดว่าตนเองกับฉีหรูเสวี่ยต้องอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เธอไปแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นมาถึงบ้านเป็นครั้งแรก พวกเธอก็พากันคิดวางแผน เวอร์จริง จะหวั่นไหวกันง่ายเกินไปแล้ว ช่างทำให้เขาอับจนคำพูดจริงๆ
ทำเหมือนว่าตนเองจะโสดไปตลอดชีวิตอย่างนั้นแหละ ท่าทางใจร้อนขั้นสุดของแม่และน้องสาว โดยเฉพาะเย่เชี่ยนเหวินยิ่งเวอร์วัง ถึงกับพูดอวยตัวเองไปไม่น้อย ต้องทราบว่าปีนี้เย่เทียนเฉินเพิ่งจะอายุยี่สิบ แต่พูดเหมือนกับว่าแก่มากแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ความจริงสิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่ทราบก็คือ หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินแอบปรึกษากันอย่างลับๆ มาหลายครั้ง สุดท้ายพวกเธอก็มีความคิดเช่นเดียวกัน นั่นก็คือหาแฟนให้เย่เทียนเฉินสักคนให้เร็วหน่อย ให้เขาแต่งงาน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาเอ้อระเหยและก่อเรื่องไปทั่ว สามัญสํานึกก็ไม่มี พูดให้ชัดก็คือ แม่และน้องสาวรู้สึกว่าเย่เทียนเฉินไม่เอาไหนเกินไป จึงกังวลเรื่องเขา
นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เย่เทียนเฉินก็เหมือนกับคนที่ไม่มีอีคิวเลยแม้แต่ครึ่งสวน เป็นพวกไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้หญิงมีความสุขได้อย่างไร และยังไม่รู้จักดูแลเอาอกเอาใจ ไม่ต่างจากพวกไม่มีตา ไม่เช่นนั้นจะสามารถทำให้ผู้หญิงข้างกายแต่ละคนโกรธจนคิดอยากจะอัดเขาแรงๆ ได้อย่างไร?