เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 4
บทที่ 4 ความอัปยศของครอบครัว
Ink Stone_Fantasy
แซนเบเกอร์ที่ถูกเย่เทียนเฉินต่อยปลิวไป หลังจากที่กล่าวคำสาบานก็หายวิ่งหายเข้าไปในความมืด มันรู้สึกได้ถึงความเก่งกาจของชายชาวตะวันออกคนนี้ หากสู้ต่อไปตนเองอาจจะพลิกสถานการณ์ไม่ได้ เป็นรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต นับว่าผู้มีตำแหน่งและอำนาจสูง แซนเบเกอร์ย่อมไม่เอาชีวิตตนเองไปล้อเล่น ตอนนี้หนีก่อนจะดีที่สุด แล้วค่อยหาโอกาสแก้แค้นเย่เทียนเฉินภายหลัง
ปังปังปัง!
พวกโจรที่มาล้อมต่างยิงปืนไปยังเย่เทียนเฉิน มีเกือบร้อยคน ดูแล้วรัฐบาลประเทศmอยากจะให้พวกเขาตายมิฉะนั้นคงไม่มีกำลังพลเยอะเช่นนี้
เย่เทียนเฉินกลิ้งตัวลงกับพื้นหลบลูกปืนที่กราดยิงมายังเขา พลางเก็บปืนขึ้นมากระบอกหนึ่งยิงสวนไป ไม่ทันไรก็ระเบิดหัวพวกโจรไปสาม
ปกติแล้วเย่เทียนเฉินในโลกก่อนไม่ใช้ปืน แม้ว่าจะมีอาวุธสังหารคุณภาพสูงที่ป้องกันไม่ได้ และจำต้องใช้อยู่บ้าง แต่หากเลี่ยงได้ก็จะพยายามไม่ใช้ เย่เทียนเฉินคิดว่าการใช้หมัดสังหารศัตรูทำให้เขาพอใจมากกว่า กระทั่งในโลกก่อนถ้าจำเป็นต้องใช้อาวุธ เย่เทียนเฉินก็จะชอบใช้ปืน RPG โดยแบก RPG ไว้บนไหล่ขวา ทุกครั้งที่ยิงออกไปสามารถระเบิดตึกใหญ่ๆได้หนึ่งหลัง
แม้จะไม่ชอบใช้อาวุธก็ไม่ใช่ว่าความสามารถในการยิงปืนของเย่เทียนเฉินจะย่ำแย่ เย่เทียนเฉินสองมือซ้ายขวาถือปืน ดูราวกับเทพนักรบ ไม่มีหลบเลี่ยง ไม่มีถอยหลัง เมื่อเขาหยุดยิง พวกโจรทั้งหมดต่างก็นอนจมกองเลือด มีเพียงแซนเบเกอร์ที่หนีไปได้
เย่เทียนเฉินโยนปืนกลทิ้งไป หยิบระเบิดมือขึ้นมาจากพื้นหลายลูก หนึ่งเต็นท์ปาระเบิดไปสองลูก เกิดเสียงดังปังขึ้นหลายเสียง เปลวเพลิงส่องสว่างสู่ฟากฟ้า เย่เทียนเฉินเดินจากไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน เขาไม่เพียงสามารถแก้แค้นให้สหายรว้ามรบทั้งหก ยังฆ่าพวกโจรทั้งหมดและระเบิดเต็นท์ของพวกมันไปหลายเต็นท์อีกด้วย ภารกิจสำเร็จแล้ว
หานเจี๋ยที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดมองเห็นทุกอย่าง เธอตกตะลึง เธอไม่กล้าคิดว่าคนๆหนึ่งจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้ มันบ้าเสียยิ่งกว่าหนังที่ฉายเสียอีก ต่อให้มีทหารเก่งๆบางคนสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช่กับทหารหน่วยรบพิเศษมือใหม่อย่างเย่เทียนเฉิน
“พี่หาน พวกเราไปกันได้แล้ว ฟ้าจะสว่างแล้ว” ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินมาผรากฏตัวข้างๆหานเจี๋ยตอนไหน
“เทียนเฉิน นาย….ทำไมนายร้ายกาจขนาดนี้ได้?” หานเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะถาม
“หืม? ฮี่ๆ ก็แค่ศักยภาพที่ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เจ๋งสุดยอด การตอบโต้ของคนตัวเล็กๆ!” เย่เทียนเฉินเกาหัวพลางหัวเราะออกมา
เย่เทียนเฉินได้แต่ใช้วิธีลวกๆเช่นนี้กับความสงสัยของหานเจี๋ย เขาจะบอกหานเจี๋ยไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่เย่เทียนเฉินคนเดิม แต่เป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ หากบอกไปเกรงว่าจะถูกคนมองว่าบ้า และเป็นไปได้ว่าจะถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า
เวลาค่ำคืนผ่านพ้นไป เย่เทียนเฉินยังคงแบกหานเจี๋ยเดินไปยังชายแดนตะวันออก ตอนที่เพิ่งจะมาถึงชายแดนก็ถูกรถ SUV หลายคันล้อมไว้ มีทหารแบกปืนสะพายกระสุนลงมาจากรถ นำมาด้วยบุคคลหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง ผมไถสั้น เป็นชายที่สูงราวเมตรกว่าๆ อายุราวสามสิบปี ตอนที่เขาเห็นเย่เทียนเฉินกับหานเจี๋ยก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
“หัวหน้าเถี่ยฉุย พวกคุณมาแล้วเหรอ?” หานเจี๋ยกล่าวพลางลงจากหลังเย่เทียนเฉินรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย และมองชายอายุสามสิบคนนั้นด้วยความรู้สึกสลดใจ
เถี่ยฉุยเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าแห่งประเทศตะวันออก หน่วยมังกรฟ้าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง สมาชิกทุกคนในหน่วยถูกเลือกมาจากทหารยอดฝีมือ อยู่ภายใต้การนำโดยตรงของทหารระดัยสูงหลายท่าน หลังจากที่พวกเย่เทียนเฉินทั้งเจ็ดเคลื่อนไหวไม่นาน ฝั่งตะวันออกก็ได้รับรายงานว่าพวกหานเจี๋ยอาจจะถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต นำมาซึ่งความตื่นตระหนัก ผู้บัญชาการเขตสูงสุดจึงมีคำสั่งให้เถี่ยฉุยนำสมาชิกระดับหัวกะทิหลายสิบคนแห่งหน่วยมังกรฟ้าไปยังป่าหมอกดำทันทีเพื่อช่วยเหลือหานเจี๋ยและทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดนาย
แม้ว่าจะมีคำสั่งและมาตรการช่วยเหลือออกมาเช่นนี้ แต่ในใจของหลายๆคนก็รู้ดีว่าสถานการณ์ของหานเจี๋ยและทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดย่ำแย่ โอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมาเป็นศูนย์ เป็นเพราะข่าวกรองของฝั่งตะวันออกคราวนี้เกิดความผิดพลาด ทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดต้องเผชิญหน้ากับโจรนับร้อยและยังต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตที่มีฝีมือน่ากลัว ถ้ารอดกลับมาก็ปาฏิหาริย์แล้ว
แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ และผู้ที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์นี้ก็คือเย่เทียนเฉิน เมื่อพบกับหัวหน้าเถี่ยฉุยหานเจี๋ยก็ได้รายงานทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขา ทำให้หัวหน้าแห่งหน่วยมังกรฟ้าอย่างเถี่ยฉุยต้องตะลึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะมองเย่เทียนเฉินซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายจึงให้เย่เทียนเฉินขึ้นรถของตน เขาอยากคุยกับทหารหน่วยรบพิเศษหน้าใหม่คนนี้ อย่างไรก็ตามครั้งนี้ฝั่งตะวันออกจะสูญเสียทหารหน่วยรบพิเศษไปหกคน ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงระดับโลกของประเทศตะวันออก ทำให้ไม่มีใครกล้าทำเป็นเล่น
เย่เทียนเฉินและเถี่ยฉุยนั่งข้างกันในรถ SUV เย่เทียนเฉินไม่ได้มีความสนใจอะไรในตัวเถี่ยฉุย จึงไม่ได้พูดอะไรสักคำ นั่งรับลมอยู่ตรงที่นั่งด้านท้าย คราวนี้เพื่อจะแก้แค้นให้สหายร่วมรบและเพื่อพาหานเจี๋ยกลับมาอย่างมีชีวิต เย่เทียนเฉินฝืนใช้พลังพิเศษที่ฟื้นฟูได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน ตอนนี้จึงรู้สึกเพลียมาก
“สูบบุหรี่สักมวนสิ!” เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉินพลางส่งบุหรี่มวนหนึ่งไปให้ เขาเชื่อคำพูดของหานเจี๋ยว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้านี้แข็งแกร่ง เพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครดูออก หรือจะบอกว่าเย่เทียนเฉินจงใจซ่อนความสามารถไว้?
เย่เทียนเฉินรับบุหรี่ที่ถูกจุดแล้วมาสูบเข้าไปหนึ่งเฮือกอย่างกระหาย ในโลกก่อนการได้สูบบุหรี่เช่นนี้ จะผู้หญิงกี่คนก็แปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ ช่างฟุ่มเฟือยจริงๆ
“ครั้งนี้นายมีผลงานดีที่สุด ฉันจะรายงานความดีความชอบขึ้นไปให้ นายอาจจะได้เป็นถึงขุนนางใหญ่….” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองไปยังเย่เทียนเฉิน
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ต้องการความดีความชอบอะไร แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นขุนนาง ผมแค่อยากกลับไปที่เมือง กลับไปที่บ้านผม” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหัว
เย่เทียนเฉินคิดเช่นนี้จริงๆ ตั้งแต่ที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาก็เข้าใจเรื่องราวหลายอย่าง หากว่าไม่ต้องส่งเสริมครอบครัว ไม่ต้องล้างมลทินที่เขานำมาสู่พ่อแม่ เย่เทียนเฉินคงไม่มีวันมาเป็นทหาร หากไม่ใช่เพราะหายเจี๋ยปากไวเล่าให้เถี่ยฉุยฟังทุกอย่าง เย่เทียนเฉินก็ไม่คิดจะให้ใครรู้เรื่องเหล่านี้
“งั้นเหรอ? ผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้คงถูกผู้นำระดับในคณะกรรมาธิการทหารเรียกพบ นับว่าเป็นเกียริต์อย่างสูง นายอาจจะถึงกับได้เลื่อนขั้นหลายขั้น ถึงสกุลเย่ของนายจะตกต่ำ แต่ครั้งนี้ทำให้นายสามารถลืมตาอ้าปากได้นะ” เถี่ยฉุยกล่าวมอย่างสงสัย
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่สนใจ ผมคิดว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่นานก็คงจะแพร่ไปทั่ว แต่การที่ผมรอดกลับมาได้ก็เพียงพอที่จะทำให้พ่อแม่ของผมภาคภูมิใจ ผมแค่อยากจะอยู่กับพวกเขา ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข” เย่เทียนเฉินพูดเสียงเบา
เถี่ยฉุยรู้สึกสงสัยจริงๆแล้ว เขาทราบมาว่าเย่เทียนเฉินเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยหลงเถิง สกุลเย่เป็นครอบครัวชั้นสาม เมื่อก่อนไม่ศึกษาเล่าเรียน วันๆเอาแต่ทะเลาะวิวาท ขลุกอยู่กับผู้หญิงไปทั่ว ในที่สุดก็ไปเตะโดนเหล็กเข้า แอบมองสาวงานอันดับหนึ่งของสกุลหลิวอาบน้ำ สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งจิงตู ตระกูลหลิวนั้นเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในจิงตู มีรองผู้วาการรัฐหนุนหลัง มีอำนาจยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ใครที่ตระกูลเย่จะลูบคมได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาขั้นสุดท้ายก็คือพ่อแม่ของเย่เทียนเฉินต้องก้มหัวขอโทษตระกูลหลิวต่อหน้าตระกูลใหญ่ท่ามกลางผู้คนมากมาย และเย่เทียนเฉินก็ต้องคุกเข่าอยู่ด้านข้างตลอด จึงจะสามารถรักษาชีวิตของเย่เทียนเฉินไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ตระกูลเย่จึงกลายเป็นที่ขบขันของผู้คนในจิงตู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เย่เทียนเฉินก็ราวกับฟื้นคืนสติไม่น้อย สุดท้ายจึงเข้าร่วมกับกองทัพ ต้องการซึมซับลักษณะของบุคคลเช่นนี้ จึงทำให้เกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้คนคาดไม่ถึงก็คือ ไอขยะคนหนึ่งที่วันๆไม่เรียนหนังสือ นำความอัปยศอดสูมาสู่ครอบครัว จะสามารถมีความเก่งกาจเช่นนี้ พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ
“เกรงว่าเรื่องนี้นายไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” เถี่ยฉุยหันมา
“ผมขอขอบคุณท่านมากครับหัวหน้าเถี่ยฉุย ผมคิดว่าท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง ผมแค่อยากจะอยู่แบบธรรมดาๆ การลงมือครั้งนี้สถานการณ์มันบังคับ ผมคิดว่าเกีนรติยศในครั้งนี้คงมีคนที่ต้องการมันมากกว่า ให้คนอื่นไปเถอะครับ ปล่อยให้ผมกลับบ้าน” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองเถี๋ยฉุยอย่างจริงงจัง
“ฉันทำได้แค่รายงานนายพลชางหลางไปตามความจริง เขาจะมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
หลังจากที่เย่เทียนเฉินและหานเจี๋ยมาค่ายทหาร หานเจี๋ยถูกส่งไปรักษาที่สำนักงานแพทย์ ส่วนเย่เทียนเฉินนอนหลับเป็นตาย ร่างกายนี้ยังไม่สามารถรองรับพลังพิเศษที่ปะทุออกมาได้ การฝืนรีดเร้นพลังระดับราชันเพื่อจัดการกับพวกโจรนั้นทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกเหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อนสักครู่
“นายพลชางครับ เรื่องนี้หานเจี๋ยเป็นคนเล่าออกมาจากปาก ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง” ภายในค่ายทหาร เถี่ยฉุยรายงานออกมาด้วยความเคารพ
“คนที่ไม่เล่าเรียน นำความอัปยศมาสู่ครอบครัว จะเก่งขนาดนั้นจริงน่ะเหรอ?” ชางหลางที่เกิดความสงสัยพึมพำกับตนเอง
ชางหลางเป็นผู้คนโดยตรงของหน่วยมังกรฟ้า เป็นบุคคลากรสำคัญของคณะกรรมาธิการทหาร เป็นหนึ่งในสามราชันบูรพา มีฝีมือสูงส่ง ตอนเขามาผู้นำระดับสูงก็เตือนชางหลางให้จัดการเรื่องนี้เงียบๆ คำเตือนเสียเปล่าเสียแล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้จะมีอะไรผิดบังอยู่ก็ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ไม่แปลกที่จะจัดการให้เรื่องนี้เงียบหายไป
แม้ว่าชางหลางจะไม่ใช่คนที่ชอบข่าวซุบซิบ แต่เรื่องของตระกูลเย่กับตระกูลหลิวโด่งดังไปทั่วทั้งเมือง ไม่มีใครไม่รู้ คนที่มีหูมีตาสักหน่อยต่างก็ได้ยินเรื่องนี้กันหมด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตระกูลเย่เป็นที่ขบขันของผู้คนทั้งจิงตู
“เถี่ยฉุย นายเชื่อไหมว่าไอขยะที่ไม่เรียนหนังสือคนนี้มันจะมีทักษะการสู้รบแบบนี้?”
“ผมเชื่อครับ!” เถี่ยฉุยยืนยันในคำตอบ
ได้ยินคำตอบของเถี่ยฉุย ชางหลางก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เถี่ยฉุยเป็นลูกน้องที่ตนเองไว้ใจมากที่สุด เป็นถึงหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้า ทักษะฝีมือไม่ใช่ด้อย มีความรู้และวิสัยทัศน์กว้างไกล ในอนาคตมีโอกาสสูงที่จะขึ้นมาแทนตำแหน่งของตนในคณะกรรมาธิการทหาร คิดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อเรื่องๆนี้ด้วย
“ฉันต้องฟังเหตุผลของนาย”
“นายพลชาง ศิลปะการต่อสู้ของจีนนั้นลึกซึ้ง ผมเคยคารวะผู้อาวุโสของสำนักวรยุทธโบราณท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเคยบอกกับผมว่า มีคนบางประเภทที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ คนประเภทนี้ปกติจะใช้ชีวิตเงียบๆ พอได้พบกับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็จะรีดเร้นพลังความสามารถออกมา ทำให้ผู้คนตกตะลึง ผมคิดว่าเย่เทียนเฉินเป็นคนประเภทนี้” เถี่ยฉุยกล่าวอย่างนอบน้อม
ชางหลางขมวดคิ้ว ยิ้มออกมาที่มุมปากพลางกล่าว “อัจฉริยะ? ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่ามันเป็นอัจฉริยะแบบไหน เรียกเขามาพบฉัน!”
………………………..