เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 43
บทที่ 43 ฐานะของภรรยาน้อยหลี่เถี่ย
Ink Stone_Fantasy
“ชะ…ใช่แล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นตระกูลฉินสั่งให้ฉันทำ ฉันเองก็ถูกบังคับ!”
หลี่เถี่ยกลัวเข้าแล้ว เขาหวาดผวาแล้วจริงๆ มีฐานะเป็นหัวโจกของอิทธิพลใต้ดินแห่งจิงตู ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังก็นับว่าเป็นคนที่มีบทบาทคนหนึ่ง พบกับลมฝนอุปสรรคมาก็ไม่น้อย แต่ว่า แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยพบคนเฉกเช่นเย่เทียนเฉินมาก่อน บุกเข้าถ้ำเสือด้วยตัวเปล่า คนๆ เดียวฆ่ายอดบอดี้การ์ดถือปืนทั้งสามสิบกว่าคนตายเรียบ ตั้งแต่ต้นจนจบอารมณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย มีรอยยิ้มไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสัตว์โลกประดับอยู่บนใบหน้าตลอด กระทั่งคำพูดก็ไม่มีการโอ้อวดเลยสักนิด ราวกับกำลังล้อเล่นอยู่ก็มิปาน
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายเบื้องหน้าที่เป็นดั่งเทพแห่งความตาย เกรงว่าจะไม่มีใครกล้ากล้าเอาคำพูดของเขาเป็นเรื่องล้อเล่น
“ตระกูลฉินเป็นบอสของแกใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินถามต่อไปด้วยรอยยิ้ม
“ชะ…ใช่แล้ว!”
“ตามที่ฉันรู้มา ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ทางการเมือง ไม่ว่าจะด้านการทหาร ด้านการเมือง ด้านการค้า ก็ล้วนแต่มีคนในตระกูลพวกเขาอยู่ อีกทั้งยังปะปนได้ไม่เลว ไม่คิดว่าแกจะไม่ใช่คนในตระกูลฉิน ทำให้ผู้คนต้องแปลกใจจริงๆ” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยความสงสัยเล็กน้อย
ความจริงก็เป็นดังเช่นที่เย่เทียนเฉินพูด หลี่เถี่ยเองก็เข้าใจควาหมายที่เย่เทียนเฉินกล่าวเช่นนี้ ตนเองเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่แฝงตัวเข้ามาในโลกแห่งการต่อสู้เท่านั้น ต่อให้เจ๋งกว่านี้ก็มิอาจมีความสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่เช่นนี้ได้ กล่าวให้ชัดเจนก็คือ ฐานะไม่เพียงพอ ยังมีคุณสมบัติไม่พอ
“นี่ยังมีสิ่งที่นายไม่รู้อยู่อีก ตระกูลฉินมีความทะเยอทะยานสูง อยากที่จะขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่ง จิงตูมีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน อำนาจอิทธิพลต่างๆ ก็มากมาย มีการต่อสู้นองเลือดอยู่ตลอดเวลา แต่ว่ามีหลายเรื่องที่ตระกูลฉินไม่อาจกระทำซึ่งหน้า ดังนั้นจึงสนับสนุนให้ฉันหลี่เถี่ยกลายเป็นหัวโจกของอิทธิพลใต้ดินแห่งจิงตู อิทธิพลเบื้องหน้าของตระกูลฉินนั้นยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ส่วนโลกใต้ดินก็มีฉันคอยช่วยตระกูลฉินทำเรื่องต่างๆ อำนาจของตระกูลฉินมีอยู่ทั่วทั้งจิงตู!” หลี่เถี่ยมองออกถึงความสงสัยของเย่เทียนเฉิน ก็รีบเปิดปากพูด
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณแกมาก ฉันจะทำให้แกไปสบายก็แล้วกัน” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ยะ…อย่าฆ่าผม นะ…นายน้อยเย่ อย่าฆ่าผม ขอแค่คุณไม่ฆ่าผม ผมสามารถเอาหลักฐานการกระทำผิดของตระกูลฉินมาให้คุณได้…” หลี่เถี่ยเห็นว่าเย่เทียนเฉินต้องการฆ่าตนเอง ก็หวาดกลัวจนรีบเปิดปากพูดออกมา
“โทษที ฉันไม่ต้องการของพรรคนี้ กฏหมายมีไว้ใช้รังแกคนโง่ หมัดสิถึงจะเป็นสัจธรรมที่แท้จริง” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางส่ายหัว
คำพูดของเย่เทียนเฉินกล่าวได้ไม่ผิด กฏหมายในยุคปัจจุบันนั้นใช้เพื่อรังแกชาวบ้านธรรมดาทั่วไป กฏหมายยุติธรรมที่แท้จริงนั้นไม่มีอยู่ หากฐานะ ภูมิหลังและอำนาจ ไม่มากพอ ความจริงก็สามารถเปลี่ยนเป็นไม่จริงได้ หากมีเงินและอำนาจมากพอ ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือความจริง
“นี่…นายน้อยเย่ ผมรู้ว่าคุณเก่ง สามารถกำจัดตระกูลฉินได้ แต่ว่าคุณคิดหรือเปล่าว่า คุณใช้หมัดเก็บกวาดตระกูลฉิน คุณย่อมไม่เกิดเรื่องอะไร แต่ตระกูลเย่ของคุณล่ะ? อำนาจของตระกูลฉินในจิงตู กระทั่งในจีนก็มีมาก หากว่าลงมือกับตระกูลฉินโดยไม่มีหลักฐาน ถึงตอนนั้นก็ยากที่จะได้รับการยอมรับจากประชาชน ตระกูลเย่ของคุณก็จะกลายเป็นเป้าของประชาชน ความคิดของมวลชนสามารถบีบบังคับให้คนตายได้” หลี่เถี่ยรีบเปิดปากพูด
ได้ยินคำพูดของหลี่เถี่ย เย่เทียนเฉินก็ชะงักไปชั่วครู่ เจ้าหมอนี่พูดไม่ผิด ด้วยความสามารถของตนเองในตอนนี้ หากฆ่าตระกูลฉิน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเก็บกวาดคนตระกูลฉินได้ แต่ทำเช่นนั้นจะต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอน ถึงตอนนั้นเมื่อไม่มีหลักฐาน ทั้งตนเองก็เป็นคนของตระกูลเย่ บัญชีนี้ย่อมตนไปอยู่บนหัวของตระกูลเย่ ถึงเวลานั้นต่อให้ตนเองหนีไปได้ก็เกรงว่าพ่อแม่และน้องสาวจะหนีไม่ได้ กระทั่งต้องเหน็ดเหนื่อยกันทั้งตระกูลเย่ เรื่องเช่นนี้เย่เทียนเฉินมิอาจกระทำได้ แม้ว่าลุงใหญ่เย่มู่ไป๋และลุงสองเย่เฮ่อกั๋วจะเป็นพวกสารเลว แต่จะอย่างไรพวกเขาก็มีสายเลือดเดียวกับเย่หงพ่อของตน จากนิสัยของเย่หงผู้เป็นพ่อ ต่อให้พี่ชายทั้งสองทำไม่ดีกับเขา ตอนที่พวกเขาเกิดวิกฤต ก็ย่อมจะลงมือช่วยเหลือเป็นแน่
“ในเมื่อแกพูดเช่นนี้ ฉันเย่เทียนเฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา เอาหลักฐานการกระทำผิดของตระกูลฉินมา ฉันจะไม่ฆ่าแก ตัดขาแกทั้งสองข้าง กลับบ้านนอกไปทำนาเสียเถอะ!” เย่เทียนเฉินมองหลี่เถี่ยพลางกล่าว
หลี่เถี่ยพยักหน้า สามารถมีชีวิตรอดจากเงื้อมือของชายที่เป็นดั่งเทพแห่งความได้คนนี้ได้ ก็นับว่ายากมากแล้ว เทียบกับความตาย ตัดขาไปสองข้างจะนับเป็นอะไรได้? สิ่งที่เขาหลี่เถี่ยมีก็คือเงิน ขาขาดไป ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญได้
“ได้ครับ ผมหลี่เถี่ยยอมรับความพ่ายแพ้ในมือคุณ ผมคิดว่าคนตระกูลฉินคิดไม่ถึงแน่นอนว่า การกลับมาของนายน้อยเย่ จะสามารถเปลี่ยนแบบแผนอำนาจอิทธิพลของจิงตูได้ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะประสบความสำเร็จ” หลี่เถี่ยกัดฟันพูด
“ไปเถอะ เรื่องพวกนี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ฉันแค่คิดว่าใครมันกล้ามาจัดการคนในครอบครัวของฉัน ฉันจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส
ตอนนี้ หลี่เถี่ยลุกขึ้น เดินไปยังชั้นหนังสือด้านหลัง บิดแจกันดอกไม้บริเวณนั้นอันหนึ่ง พบว่ามีลิ้นชักลับปรากฏออกมาด้านข้างของชั้นหนังสือ ด้านในมีเทปบันทึกเสียงอยู่สามกล่อง หลี่เถี่ยหยิบทั้งหมดขึ้นมาส่งให้เย่เทียนเฉินพลางกล่าวว่า
“พวกนี้เป็นเทปบันทึกเสียงเรื่องเลวๆ ที่ตะกูลฉินให้ผมทำ คนที่เกี่ยวข้องกับผมก็คือหลานของตระกูลฉิน ฉินเหิง มีเสียงของเขาอยู่ด้วย ตระกูลฉินหนีไม่รอดแน่!”
ตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังยื่นมือออกไปรับเทปบันทึกเสียงทั้งสามกล่องที่หลี่เถี่ยส่งมาให้ ก็เกิดเสียงดังฉึก ด้านหลังบริเวณตำแหน่งหัวใจของหลี่เถี่ยถูกกริชเล่มหนึ่งแทงทะลุ เลือดสดๆ พุ่งออกมา หลี่เถี่ยหันไปอย่างยากที่จะเชื่อ พบเพียงเสี่ยวฉิงภรรยาน้อยของเขา มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ในมือขวากำกริชอยู่เล่มหนึ่ง เป็นกริชที่เสี่ยวฉิงใช้พลากชีวิตของเขา
“เธอ…เธอ…” หลี่เถี่ยมองเสี่ยวฉิงภรรยาน้อยอย่างตายตาไม่หลับ ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
“เฮอะ ฉันหาเทปบันทึกเสียงสามกล่องนี้มาหลายปี ตอนนี้หาเจอแล้ว แกก็ไม่มีค่าให้ใช้ประโยชน์ ย่อมต้องฆ่าทิ้งซะ!” เสี่ยวฉิงส่งเสียงเฮอะออกมาครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นก็ดึงกริชออกมา ไม่มองหลี่เถี่ยที่ล้มลงนอนจมกองเลือดเลยสักนิด ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกต่อผู้ชายคนนี้ที่ขึ้นเตียงกับเธอมาหนึ่งปีกว่าเลยแม้แต่ครึ่งส่วน
เสี่ยวฉิงหยิบเทปบันทึกเสียงสามกล่องนั้น มองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นเยียบ ตอนนี้ไม่มีตรงไหนเลยที่ดูเหมือนกับผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่ เป็นนักฆ่าชั้นยอดคนหนึ่งโดยสมบูรณ์แบบ สายตาเต็มไปด้วยไอสังหารอันโหดเหี้ยม
“เย่เทียนเฉิน ไม่คิดเลยว่านายจะร้ายกาจขนาดนี้ แต่นายต้องผิดหวังซะแล้ว ฉันเพิ่งจะหาเทปบันทึกเสียงทั้งสามกล่องนี้เจอ สำเร็จภารกิจ” เสี่ยวฉิงกล่าวพลางมองเย่เทียนด้วยรอยยิ้มเย็น
“ดูแล้วเธอเป็นคนของตระกูลฉินสินะ ตระกูลฉินส่งเธอมาฆ่าหลี่เถี่ยและเอาเทปบันทึกเสียงทั้งสามกล่องนี้ใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินกล่าวถามพลางมองเสี่ยวฉิง
เสี่ยวฉิงตะลึงไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าเย่เทียนเฉินไม่เพียงฝีมือแข็งแกร่ง แต่ยังฉลาดเช่นนี้อีกด้วย มองปราดเดียวก็ทราบถึงปัญหาที่มี เพียงแต่เธอก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร เนื่องจากเธอมั่นใจในตนเองว่ามีฝีมือเหนือกว่าซานจี แค่เธอไม่เคยแสดงฝีมือมาก่อนก็เท่านั้น
“ไม่ผิด หลายปีมานี้อำนาจของหลี่เถี่ยค่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลฉิน อีกอย่างหลี่เถี่ยยังมีการไปมาหาสู่กับตระกูลฉิน ตลอดจนหลักฐานที่ตระกูลฉินให้เขาไปทำเรื่องต่างๆ สำหรับตระกูลฉินแล้วนี่เป็นการคุกคามอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นตระกูลฉินจึงได้มีความคิดที่จะกำจัดหลี่เถี่ยตั้งนานแล้ว เพียงแต่หลี่เถี่ยเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก ซ่อนเทปบันทึกเสียงสนทนาที่ตระกูลฉินติดต่อกับเขาไว้เป็นอย่างดี ตระกูลฉินส่งมือดีแอบมาหาหลายครั้งแต่ก็ไม่พบอะไรเลย ดังนั้นหนึ่งปีก่อน ฉันก็กลายมาเป็นภรรยาน้อยของหลี่เถี่ย…” มุมปากของเสี่ยวฉิงปรากฏรอบยิ้มเซ็กซี่ กล่าวกับเย่เทียนเฉินราวกับกำลังคุยเล่นอยู่ก็มิปาน
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอเตรียมจะทำอะไร? เทปทั้งสามกล่องเธอเอาไปไม่ได้หรอก แต่ฉันเย่เทียนเฉินไม่ฆ่าผู้หญิง!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางหาวออกมา
“เย่เทียนเฉิน หลายคนคิดว่านายเป็นคนไม่เอาไหน เป็นเศษสวะ เป็นเรื่องขบขันของทุกคน ฉันเห็นว่าไม่ใช่ นายเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในจิงตู ดังนั้นคนฉลาดๆ ย่อมทำแต่เรื่องฉลาดๆ หลี่เถี่ยตายแล้ว กลุ่มอำนาจใต้ดินของจิงตูก็ไม่มีผู้นำ หากว่านายสามารถแทนที่ตำแหน่งของหลี่เถี่ยได้ ถ้างั้นก็มีหนทางที่จะทำให้ตระกูลเย่ของนายรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว ฉันเชื่อว่าตระกูลฉินจะดูแลนายเป็นอย่างดี” เสี่ยวฉิงพูดจาหว่านล้อมเย่เทียนเฉิน
“ตระกูลฉิน? ฉันเคยพูดว่าจะไปที่ตระกูลฉินคุยกันสักหน่อย แต่พักนี้ยุ่งๆ รอฉันมีเวลาว่างจะไปแน่นอน เอาแทปบันทึกเสียงทิ้งไว้ซะ เธอไปได้แล้ว!”
เย่เทียนเฉินไม่มีความสนใจตำแหน่งผู้นำอิทธิพลใต้ดินของจิงตูเลยโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฉินอยากจะกำจัดตระกูลเย่มาโดยตลอด ยังคิดจะให้ตนเองทำงานให้ตระกูลฉินอีก นี่มันหลักการบ้าบออะไรกัน? ไม่ว่าจะในชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ หลักการในการเป็นมนุษย์ที่เย่เทียนเฉินยึดถือนั้นชัดเจนมาก ไม่เอาเปรียบ ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เสพสุขกับชีวิตไปอย่างเงียบๆ แต่ถ้าหากมีคนกล้ามาหาเรื่อง เย่เทียนเฉินก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงฝีมือ
“เฮอะ นายคิดว่านาวมีความสามารถนักรึไงถึงได้กล้ามาหาเรื่องตระกูลฉิน? ตระกูลเย่ของนายมันตกต่ำไปนานแล้ว ต่อให้นายอยากจะทะยานขึ้นมา เกรงว่าตระกูลใหญ่ที่มีอำอาจอิทธิพลจำนวนนับไม่ถ้วนต้องคอยขัดขวางแน่ พวกเขาไม่อาจมองอำนาจอื่นยิ่งใหญ่ขึ้นมาและกลายมาเป็นอุปสรรคของพวกเขาได้หรอก”
เสี่ยวฉิงต้องการที่จะโน้มน้าวเย่เทียนเฉินต่อไป แม้ว่าเธอจะมีความมั่นใจในฝีมือของตนเอง แต่เมื่อได้เห็นเย่เทียนเฉินลงมืออัดซานจีเสียจนไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้กลับและตายไป อาศัยแค่พลังเช่นนี้ หากตนเองต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สามารถหยุดยั้งเย่เทียนเฉินและให้เธอสามารถนำเทปบันทึกเสียงทั้งสามกล่องไปได้ก่อน แล้วค่อยให้ตระกูลฉินส่งยอดฝีมือมาเก็บกวาดเย่เทียนเฉิน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายราวพลิกฝ่ามือหรอกหรือ?
“ไม่ต้องพูดไร้สาระ ทิ้งเทปไว้ซะ อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมืออัดผู้หญิงเลย!” เย่เทียนเฉินแสร้งทำท่าทางอดรนทนไม่ไหวพลางกล่าวออกมาอย่างสนุกสนาน
“งั้นเหรอคะ? ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ คุณจะทำใจลงมือได้เชียวเหรอ…”
ทันใดนั้น เสี่ยวฉิงก็เปลี่ยนท่าที ชุดนอนที่ใส่ที่เดิมทีก็บางมากอยู่แล้วค่อยๆ หลุดไหลลง เผยอริมฝีปากแดงบาง หายใจรวยระริน เมื่อชุดนอนหลุดลงทั้งหมด หน้าอกอันตั้งตระหง่าน เอวโค้งเว้างดงาม อีกทั้งก้นอันกลมกลึงนั้นก็สามารถดึงดูดความสนใจเพศชายได้เป็นอย่างดี
“หน้าอกยังเล็กไปหน่อย เอวหนาไปนิด ส่วนก้น…ก็ถือว่าตรงตามความชอบของฉันเลยทีเดียว ทั้งใหญ่และขาว!” เมื่อเห็นเสี่ยวฉิงที่เปลือยกายอยู่เบื้องหน้าอย่างต้องการจะยั่วยวนตนเองนั้น เย่เทียนเฉินก็วิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ไม่หวั่นไหวกับภาพอันงดงามเลยแม้แต่น้อย
หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่น บางทีอาจจะเกิดกิจกรรมระหว่างชายหญิงไปเรียบร้อยแล้ว แต่เย่เทียนเฉินเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้าที่มาเกิดใหม่ ในโลกก่อนนั้นมีสัมพันธ์กับหญิงงามจำนวนนับไม่ถ้วน หากว่าร่างกายเปลือยเปล่าของผู้หญิงทำให้เย่เทียนเฉินควบคุมตนเองไม่อยู่ล่ะก็ เกรงว่าในโลกก่อนเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังระดับพระเจ้าคงตายไปนานแล้ว
………………………………………………………