เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 180 ผู้หญิงคนนี้สวยมาก
ชายสวมชุดสูทสีเงินเรียกได้ว่าหรูหราฟุ่มเฟือยมาก บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำทั้งแปดคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ยืนตรงราวกับหอก สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยไอสังหาร ขอเพียงเจ้านายออกคำสั่ง พวกเขาทั้งแปดก็จะลงมือ ภายในห้องโถงอันหรูหรา มีคนไม่น้อยที่กำลังล้อมดู ต่างกำลังคาดเดาถึงฐานะของชายที่สวมชุดสูทสีเงินคนนี้
เบื้องหน้าของชายสวมชุดสูทสีเงินเป็นผู้หญิงหน้าตางดงามรูปร่างเซ็กซี่สิบแปดคน ทุกคนใส่ถุงน่องที่ดูเซ็กซี่เหมือนกันทั้งหมด กำลังรอให้ชายตรงหน้าคัดเลือก เขาเลือกใคร คนนั้นก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่จะให้บริการเขาในคืนนี้ บางทีอาจจะกล่าวได้ว่าพวกเธอเป็นหญิงขายบริการ แต่ไม่ใช่หญิงขายบริการที่ให้เงินก็สามารถขึ้นขี่ได้ประเภทนั้น เนื่องจากพวกเธอมักจะสามารถทำให้ผู้ชายพึงพอใจได้จนไม่อาจถอนตัว
“คนตรงกลางอยู่ก่อน คนอื่นไปได้!” ชายสวมสูทสีเงินที่นั่งอยู่บนโซฟาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มโอ้อวด
หญิงบริการสาวสวยทั้งสิบแปดคนได้ฟังคำสั่ง นอกจากคนตรงกลางแล้วคนอื่นๆ ก็ถอยออกไป กลุ่มคนที่มาล้อมดูในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
คลับอันหรูหราแห่งนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีข้าราชการระดับสูงจำนวนมากมาเที่ยว ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีใครบ้างที่ไม่มีฐานะอะไร แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีใครที่โอ้อวดเหมือนกับชายในชุดสูทสีเงินตรงหน้านี้เลย หญิงขายบริการสวยงามทั้งสิบแปดคนต่างก็เป็นหญิงขายบริการลำดับต้นๆ ของคลับหรูหราแห่งนี้ ไม่ใช่ประเภทที่คุณจะโยนเงินแล้วขึ้นคร่อมได้เลย ยังต้องใช้แำนาจและเสน่ห์ด้วย การที่สามารถเรียกรวมหญิงบริการอันดับต้นๆ ทั้งสิบแปดคนมารวมตัวกันที่ห้องโถงเพื่อให้เขาเลือกสรรได้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชายในชุดสูทสีเงินคนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่
“คะ…คนคนนี้เป็นใครกัน?”
“ถึงกับสามารถเรียกรวมหญิงขายบริการอันดับต้นๆ ทั้งสิบแปดคนให้มารวมตัวกันที่ห้องโถงเพื่อให้เขาเลือกได้ สั่งให้พวกเธอทำยังไงก็ทำอย่างนั้น เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนแบบนี้”
“พวกข้าราชการระดับสูงที่เข้าออกที่นี่มากมายขนาดนั้น ก็ยังไม่มีความกล้าถึงขั้นนี้ ไอ้หนูนี่โอ้อวดจริงๆ”
“จะชอบโอ้อวดมากเกินไปแล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องถูกสั่งสอน…”
“นาย…เบาเสียงลงหน่อย นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“ใคร? ต่อให้บ้าอำนาจขนาดไหนก็ไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่แน่ ต้องรู้ว่าที่นี่มีข้าราชการระดับสูงอยู่มาก หากก่อเรื่องขึ้นมาก็เป็นการรนหาที่ตาย…”
“เขาคือเซวียนเยวี๋ยนเถิง…”
“อะไรนะ…เซวียนเยวี๋ยนเถิง…”
คนรอบด้านวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา เดิมทียังมีคนไม่พอใจอยู่บ้าง อย่างไรเสียคนที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีฐานะและภูมิหลัง พอเห็นเซวียนเยวี๋ยนเถิงทำตัวโอ้อวดแบบนั้น พาหญิงขายบริการอันดับต้นๆ ทั้งสิบแปดคนมานั่งเลือกตามอำเภอใจ ในใจของพวกเขาย่อมโกรธแน่นอนอยู่แล้ว จะอย่างไรหญิงขายบริการทั้งสิบแปดคนนี้ก็ได้มายากมาก ดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายหลายคนที่อยากจะได้มาครอบครอง แต่เซวียนเยวี๋ยนเถิงอยากจะได้ใครก็เลือกคนนั้น จะทำให้ไม่โกรธได้อย่างไร
ไม่ผิด ชายในชุดสูทสีเงินคนนี้ก็คือเซวียนเยวี๋ยนเถิง หลังจากที่เขามาที่นี่และทำธุระของตระกูลเสร็จ ย่อมต้องมาผ่อนคลายเป็นธรรมดา วัยรุ่นแบบเขาที่ทั้งอายุน้อย ทั้งมัวเมาในโลกีย์ ทั้งมีเงินมีอำนาจ หากไม่ให้มั่วสุมเลยคงเป็นเรื่องยาก
เมื่อรู้เรื่องที่เซวียนเยวี๋ยนอวี่น้องชายแท้ๆ ของตนถูกคนอัดหน้าประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง เขาก็โกรธมาก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสามบุคคลที่เจ๋งที่สุดในมหาวิทยาลัย ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องตน คนที่กล้ามาหาเรื่องเขาเซวียนเยวี๋ยนเถิงต่างก็ตายไปหมดแล้ว แต่ว่าในตอนที่เขาเพิ่งจะออกจากเมืองหลวงมา น้องชายของเขาถึงกับถูกคนอัด นี่เป็นการไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีเซวียนเยวี๋ยนเถิงคิดจะนั่งเที่ยวบินพิเศษกลับเมืองหลวงในตอนกลางคืนเพื่อไปฆ่าเย่เทียนเฉิน แต่ว่าทางด้านนี้เขาเองก็มีเรื่องที่จะต้องจัดการเล็กน้อย กลัวว่าจะกลับไปเลยไม่ได้ แต่เซวียนเยวี๋ยนเถิงที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาโดยตลอดย่อมไม่เคยได้รับความลำบากเลยแม้แต่น้อย และไม่เคยได้รับความลำบากใจแม้แต่ครึ่งส่วน จึงได้ส่งอาหู่ออกไป และยังสั่งอาหู่ด้วยว่าจะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ มิฉะนั้นคนที่ต้องตายก็คืออาหู่เอง ดังนั้นอาหู่จึงรู้สึกกดดันถุงขั้นส่งกองทัพอันธพาลที่ถือมีดตัดฟืนอยู่ในมือทั้งสามร้อยกว่าคนออกไปในการลงมือครั้งแรก
สำหรับชื่อเสียงของเย่เทียนเฉินนั้น เซวียนเยวี๋ยนเถิงที่อยู่แต่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิงแห่งเมืองหลวง มีฐานะเป็นหนึ่งในสามคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง และเป็นคุณชายใหญ่ในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซึ่งเป็นตระกูลในโลกเบื้องหลัง ย่อมต้องเคยได้ยินมาก่อน ถึงแม้ว่าในใจจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ยังไม่เห็นเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตา เนืองมาจากสองสาเหตุ หนึ่งคือตระกูลเย่ตกต่ำไปนานแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ ดังนั้นอำนาจย่อมไม่อาจเทียบเคียงตระกูลเซวียนเยวี๋ยนได้โดยเด็ดขาด กล่าวให้ชัดเจนก็คือ เย่เทียนเฉินไม่มีที่พึ่ง หากก่อความผิดใหญ่หลวงขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้ เหตุผลที่สองก็คือ เซวียนเยวี๋ยนเถิงถือดีมาก คิดว่าต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจมากกว่านี้ก็ไม่ใช่คู่มือของเขาโดยเด็ดขาด ขอเพียงเขาคุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนเถิงโกรธขึ้นมา มีเย่เทียนเฉินอีกสิบคนก็ต้องตาย
ดังนั้น เมื่อมีเหตุผลเหล่านี้ เซวียนเยวี๋ยนเถิงก็ไม่รีบร้อนอะไรขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะส่งอาหู่ที่เป็นลูกน้องคนสำคัญของตนไปลงมืออย่างรอบคอบแล้ว แต่ในใจกลับคิดว่า มีอาหู่ลงมือก็นับว่าให้เกียรติเย่เทียนเฉินแล้ว เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในตอนนี้เอง เซวียนเยวี๋ยนเถิงเลือกหญิงขายบริการระดับสูงคนนั้นที่อยู่ตรงกลางสุดออกมา สาเหตุเป็นเพราะหญิงขายบริการระดับสูงคนนี้บั้นท้ายใหญ่อุดมสมบูรณ์ เขาชอบร่างกายแบบนี้ เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆ มุมปากของเซวียนเยวี๋ยนเถิงพลันปรากฏรอยยิ้มเย็นชา หันไปมองชายผู้รนหาที่ตายแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “พวกแกกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์ฉันเซวียนเยวี๋ยนเถิง คิดว่ามีกี่ชีวิตกัน?”
“นาย…” ชายที่พูดจาไม่ดีต่อเซวียนเยวี๋ยนเถิงอดไม่ได้ที่จะชะงักไป ในใจรู้สึกโมโห คิดว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงโอหังบ้าอำนาจจริงๆ พวกตนก็ออกมาเที่ยวบ่อยๆ หากจะพูดว่าไม่มีความสามารถก็ไม่ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงคนนี้จะหยิ่งยโสโอหังจนถึงขั้นนี้ได้ คนอื่นซุบซิบกันอยู่ด้านข้างประโยคหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ได้เอ่ยชื่อแซ่ เขาก็พูดจาขู่ฆ่าขึ้นมาแล้ว
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ชายที่พูดจาไม่เข้าหูคนนั้นที่ถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงคุกคามข่มขู่จนรู้สึกไม่พอใจ กระทั่งคนอื่นๆ เองก็รู้สึกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะโอหังเกินไปแล้ว ทุกคนยังไม่ทันได้พูดอะไรเพียงแค่วิพากษ์วิจารณ์กันด้วยความประหลาดใจเท่านั้น และยังไม่ได้พูดจาว่าร้ายเซวียนเยวี๋ยนเถิง อย่างมากที่สุดก็แค่ไม่ได้พูดเข้าข้างเขา เขาก็ขู่จะฆ่าขึ้นมา ช่างโอหังบ้าอำนาจถึงขีดสุด
“ฆ่ามัน!”
พริบตาต่อมา เซวียนเยวี๋ยนเถิงพูดจาโอหังยิ่งกว่าเดิมออกมาอีกครั้ง เพียงเพราะประโยคเดียวเท่านั้น เพียงเพราะประโยคเดียวที่เขาไม่พอใจ ก็จะฆ่าคนแล้ว ต้องการฆ่าชายที่พูดคุยอย่างประหลาดใจเพราะไม่รู้จักเขา
“นาย…เซวียนเยวี๋ยนเถิง ต่อให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของนายเป็นตระกูลโลกเบื้องหลัง แต่ฉันก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา นายกล้าฆ่าฉันจะต้องไม่มีจุดจบที่ดีเหมือนกัน…” ชายคนนั้นตกใจจนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงพูดออกมาด้วยความโมโหมากยิ่งขึ้น ยังไงซะเขาก็มีอำนาจอยู่บ้างจริงๆ และยังคงไม่เชื่อว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะกล้าฆ่าตนเองไปเช่นนี้ได้
เสียงฉึกดังขึ้น ทุกคนในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงจนตาค้าง สูดหายใจเย็นยะเยือกครั้งหนึ่ง เพราะว่าคำพูดของชายคนนั้นยังไม่ทันจบ มีเล่มหนึ่งก็ปักอยู่ที่คอของเขา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมา มือทั้งสองของเขากุมอยู่ที่ลำคอของตน ค่อยๆรู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วง ตาทั้งสองจงมองไปเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว เพราะประโยคเดียว เพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้นเขาถึงกับถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงฆ่า
ในโลกที่สงบสุขเช่นทุกวันนี้ คำพูดของทุกคนต่างก็มีความอิสระเสรี แต่วิธีการของเซวียนเยวี๋ยนเถิงแสดงความหมายได้อย่างชัดเจนมากว่า ไม่ต้องพูดถึงการลงมือต่อเขาเซวียนเยวี๋ยนเถิงเลย แม้กระทั่งกล้าพูดจาว่าร้ายเขาเพียงแค่ครึ่งประโยค พูดจาไม่เข้าหูเขาสักนิดเขาก็จะฆ่ามันซะ เรียกได้ว่าโอหังถึงที่สุด
ตุบ!
ชายที่ไม่ได้พูดเข้าข้างเซวียนเยวี๋ยนเถิงล้มลงจมกองเลือด ทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจนถอยหลังออกไปหลายก้าว กระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้าด้วยกลัวว่าจะเป็นการทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่พอใจ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลโลกเบื้องหลังคนนี้ ช่างโอหังบ้าอำนาจมากจริงๆ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจนถึงขั้นกล้าฆ่าคนตามใจชอบ
“หึ ฉันเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่ได้ออกมาเดินเล่นแค่แป๊บเดียว ดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่ลืมฉันไปแล้ว ตอนนี้ฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ฉันเซวียนเยวี๋ยนเถิงมีฐานะเป็นหนึ่งในสามคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมาหาเรื่องด้วยได้!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงสูบซิการ์ไปเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาเสียงเย็น
ไม่มีใครกล้าพูด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก มีชายที่นอนจมกองเลือดอยู่นั้นเป็นบทเรียนแล้วยังจะมีใครกล้าพูดอะไรออกมามั่วๆ อีกหรือ? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง? สิ่งสำคัญก็คือเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่เหมือนกับคนบ้าคนหนึ่ง ไปล่วงเกินไม่ได้จริงๆ
เซวียนเยวี๋ยนเถิงพูดจบ มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้น กวาดตามองไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่ จากนั้นจึงพูดต่อไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ได้ยินว่ามีคนกล้ามาต่อต้านฉันในตอนที่ฉันไปจากเมืองหลวงแล้ว ชื่อของมันก็คือเย่เทียนเฉิน บางทีในหมู่พวกแกคงจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ฉันอยากจะบอกพวกแกเอาไว้ว่า เมื่อผ่านพ้นวันนี้ไป พวกแกจะไม่ได้ยินชื่อเย่เทียนเฉินอีก มันตายแล้ว!”
“อะไรนะ? เย่เทียนเฉิน?”
“ไอ้หมอนี่ไม่ใช่ตัวตลกของเมืองหลวงหรือไง? ทำไมไปหาเรื่องคุณชายเซวียนเยวี๋ยนได้”
“พวกแกจะไปรู้อะไร ตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลวง ทุกเรื่องที่เย่เทียนเฉินทำต่างก็ทำให้ต้องตกตะลึง ได้ยินว่าการที่ตระกูลฉินและตระกูลลั่วตกต่ำลงในคืนเดียวก็มีความเกี่ยวข้องกับเขา”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกับไปล่วงเกินคุณชายเซวียนเยวี๋ยน ท่าทางจะต้องตายจริงๆแล้ว!”
“แต่พวกนายยังไม่รู้ ฉันได้ยินว่าเย่เทียนเฉินต่อยเซวียนเยวี๋ยนอวี่น้องชายของเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง ดังนั้นเซวียนเยวี๋ยนเถิงเลยต้องการจะฆ่าเย่เทียนเฉิน”
“ไม่จริงน่า เย่เทียนเฉินโง่จริงๆ อย่าพูดถึงเรื่องที่เซวียนเยวี๋ยนอวี่เป็นน้องชายแท้ๆของเซวียนเยวี๋ยนเถิงเลย ต่อให้ไม่ใช่ แต่ก็เป็นคนของตระกูลโลกเบื้องหลัง ไปหาเรื่องมั่วๆ แบบนี้เป็นการรนหาที่ตายจริงๆ!”
ในหมู่คนเหล่านี้มีบางคนที่เคยได้ยินข่าวที่ลือกันอยู่ในเมืองหลวงมาบ้าง รู้ว่าเย่เทียนเฉินได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เซวียนเยวี๋ยนเถิงอยู่ไกลถึงที่นี่ จะยังแก้แค้นเย่เทียนเฉินได้ หลายคนที่ยืนอยู่ข้างเซวียนเยวี๋ยนเถิงคิดว่าเย่เทียนเฉินต้องตายแน่แล้ว ไม่ใช่คู่มือของเซวียนเยวี๋ยนเถิงโดยสิ้นเชิง
“รู้ก็ดีแล้ว ไสหัวออกไปให้ฉันซะ อย่ามารบกวนความสุขของคุณชายใหญ่อย่างฉัน!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงพูดอย่างเรียบเฉย
……………………………