เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 185 โอหัง? แต่บิดาโอหังยิ่งกว่า!
จะอย่างไรเซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็คิดไม่ถึงว่า ข่าวเรื่องที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงพี่ชายของตนกลับมาถึงเมืองหลวงแพร่ออกไปนานแล้ว คิดว่าเย่เทียนเฉินจะตกใจจนฉี่ราด ต่อให้จะไม่ตกใจจนคแทบตาย ก็เกรงว่าจะไม่กล้ามามีปัญหาอะไรกับเขาอีก ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินจะไม่สนใจโดยสิ้นเชิง ตบหน้าเขาจนลงไปนอนทรุดอยู่กับพื้น แล้วยังกระทืบซ้ำบนใบหน้า ไม่เห็นเขาเป็นคุณชายเล็กของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เขาจะเป็นคุณชายเล็กแห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยน หากไปหาเรื่องเย่เทียนเฉินก็จะต้องถูกอัดอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองจนตาค้าง เดิมทีเหล่าคนที่ยืนอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยหลงเถิงคิดว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงกลับมาแล้ว เย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน จึงกลัดกลุ้มจนถึงขีดสุด และประหลาดใจจนถึงขีดสุด เนื่องจากดูเหมือนว่าเย่เทียนเฉินจะไม่เห็นเซวียนเยวี๋ยนเถิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ยังคงลงมือสั่งสอนเซวียนเยวี๋ยนอวี่อย่างรุนแรงเช่นเดิม ต่อให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงกลับมายังเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่สามารถกลายเป็นเหตุผลที่จะทำให้เย่เทียนเฉินไม่ลงมือได้ เนื่องจากเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่มีค่าพอ
“ปล่อยคุณชายเล็ก…”
ในตอนนี้ บอดี้การ์ดสิบกว่าคนเพิ่งจะได้สติกลับมาจากความตกตะลึง ต่างพากันทำท่าเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้ามา หากเซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกเย่เทียนเฉินทำร้ายหรือกระทั่งถูกฆ่าจริงๆ ด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมของเซวียนเยวี๋ยนเถิง พวกเขาที่เป็นบอดี้การ์ดทั้งสิบกว่าคนจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่กลัวตายก็เข้ามา!” เย่เทียนเฉินหันไป มุมปากระดับด้วยรอยยิ้มเย็นชา กวาดตามองไปยังบอดี้การ์ดสูทดำทั้งสิบกว่าคน
พริบตานั้น บอดี้การ์ดสูทดำทั้งสิบกว่าคนต่างหยุดชะงักอยู่กับที่ ทำได้เพียงเบิกตามองเซวียนเยวี๋ยนอวี่ดิ้นรนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเย่เทียนเฉิน กรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด เนื่องจากพวกเขาคิดถึงภาพที่ต้องทำให้สั่นสะท้าน คนเพียงคนเดียว มีดตัดฟืนเพียงเล่มเดียว แบกผู้หญิงของตนอยู่ที่ไหล่ ตวัดมีดฆ่าฟัน กระทั่งเทพเซียนก็ยังไม่อัดขวางทางได้ ฆ่าฟันกองทัพทั้งสามร้อยคนที่ใช้มีดตัดฟืนจนแตกพ่าย นี่เป็นความเก่งกว่าระดับไหนกัน เพียงแค่คิดก็สามารถทำให้เลือดอันร้อนรุ่มในกายต้องพลุ่งพล่าน และทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวจนส่วนลึกของจิตใจต้องสั่นสะท้าน
“ช่วย ช่วยฉันด้วย…” เซวียนเยวี๋ยนอวี่เห็นบอดี้การ์ดแห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของตนเองทั้งสิบกว่าคนถูกเย่เทียนเฉินทำให้ตกใจไปแล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าพุ่งเข้ามาช่วยเหลือตน จึงยิ่งตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง ปีกยังไม่ทันแข็งก็คิดจะบินซะแล้ว คิดที่จะรังแกคนอื่น จะรออีกสักหลายปีไม่ได้หรือไง? ฆ่าแกคนเดียวก็สามารถนำความสงบสุขมาให้คนอื่นอีกมากมาย ฉันก็เต็มใจที่จะเป็นคนชั่ว!” เย่เทียนเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูไร้พิษสงบนใบหน้าของเย่เทียนเฉิน เซวียนเยวี๋ยนอวี่ก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไม่สนใจความเจ็บปวดบริเวณกระดูกบนใบหน้าที่ถูกเหยียบจนหักของตน มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความหวาดกลัวแล้วพูดขึ้น “อย่า อย่าฆ่าฉัน พี่ชายของฉันจะมาถึงแล้ว…”
เย่เทียนเฉินไม่ได้ล้อเล่น เขาต้องการที่จะฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จริงๆ อายุแค่นี้ก็รู้จักโอหังบ้าอำนาจแล้ว โตไปไม่รู้ว่าจะทำร้ายผู้คนอีกมากมายขนาดไหน และการกำจัดวัชพืชโดยไม่ถอนรากไม่ใช่นิสัยของเย่เทียนเฉิน หากต้องการฆ่าก็ต้องฆ่าเขาให้สะอาดหมดจด หากจะมัวมาหวาดกลัวพะวงหน้าพะวงหลังย่อมไม่ใช่วิสัยของลูกผู้ชาย
“พี่ชายของแกจะมาถึงแล้ว?” เย่เทียนเฉินจงใจถามด้วยรอยยิ้ม
“ชะ ใช่แล้ว ขะ ขอเพียงแกอย่าฆ่าฉัน ฉันก็จะให้พี่ชายปล่อยแกไป…” เขารีบพูด
“จะให้พี่ชายแกปล่อยฉัน แต่ฉันไม่อยากจะปล่อยเขาไป เขามาพอดีเลย พวกแกสองพี่น้องจะได้ตายด้วยกัน!” เย่เทียนเฉินเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย
ในตอนที่เย่เทียนเฉินถูกอันธพาลสามร้อยกว่าคนที่มีมีดตัดฟืนอยู่ในมือล้อมเอาไว้นั้น เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงให้ได้ หากปล่อยคนคนนี้ไว้ จะช้าจะเร็วก็ต้องกลายเป็นเสี้ยนหนามอันใหญ่ ไม่สู้ฆ่าไปเลยเพื่อกำจัดปัญหาในอนาคตให้เด็ดขาด
“แก…อั่ก ปล่อยฉัน…”
คำพูดของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ยังไม่ทันจบ เย่เทียนเฉินก็หิ้วเซวียนเยวี๋ยนอวี่ขึ้นมาราวกับหิ้วไก่ ใช้มือขวาข้างเดียวหิ้วเซวียนเยวี๋ยนอวี่ขึ้นมาจนตัวลอยกลางอากาศ ไม่ว่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จะดิ้นรนสุดชีวิตอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดพ้นจากมือขวาของเย่เทียนเฉินได้ เขาลอยอยู่กลางอากาศ ตกใจจนมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาทั่วทั้งร่าง
เหล่านักศึกษาชายหญิงที่มาล้อมดูอยู่รอบๆ ก็ถูกฉากนี้ทำให้ตกตะลึงจนต้องอ้าปากกว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าเย่เทียนเฉินจะฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันผิดกฎหมาย การฆ่าคนต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้จะมีความผิดใหญ่หลวงขนาดไหนกัน ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน อำนาจอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เกรงว่าหากเย่เทียนเฉินฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จริงๆ คงจะถูกฆ่าหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ ตายโดยที่ศพไม่สมบูรณ์
“นี่…ไม่จริงน่ะ เย่เทียนเฉินฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จริงๆเหรอ?”
“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เซวียนเยวี๋ยนเถิงใกล้จะมาถึงแล้ว เย่เทียนเฉินกลับฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่ก่อน เซวียนเยวี๋ยนเถิงจะต้องคลั่งแน่…”
“เย่เทียนเฉินไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง? อยากจะเป็นศัตรูกับตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจนถึงที่สุดหรือ?”
“ตระกูลเย่มีปัญหาใหญ่แล้ว!”
นักศึกษาชายบางคนที่ตระกูลมีอำนาจอยู่บ้างอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาเสียงเบา ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลัง ไม่เหมือนกับตระกูลใหญ่ธรรมดาทั่วไป ตระกูลใหญ่ที่อยู่ในโลกเบื้องหน้ามีอำนาจมากเพียงใด ก็มักจะมีคนรู้ ส่วนตระกูลที่อยู่ในโลกเบื้องหลังจะแข็งแกร่งมากเพียงใดกลับไม่มีคนรู้ พูดให้ชัดเจนก็คือ ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง
“เทียนเฉิน อย่า รีบปล่อยเซวียนเยวี๋ยนอวี่ลง อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!” หลิงอวี่สวิ๋นเห็นเย่เทียนเฉินต้องการฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จริงๆ จึงรีบเข้ามาจับข้อมือขวาของเย่เทียนเฉินเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้น
“ฉันบุ่มบ่ามเหรอ? ฉันไม่ได้บุ่มบ่ามเลยแม้แต่น้อย แค่อยากจะฆ่าเขาก็เท่านั้น!” เย่เทียนเฉินมองเซวียนเยวี๋ยนอวี่แล้วพูดขึ้น
“อย่า อย่าฆ่าฉัน…คะ คุณชายเย่ ไว้ชีวิตด้วย!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกความกลัวทำลายความกล้าไปหมดแล้ว ไม่มีมาดของคุณชายเล็กแห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของเขา ไม่มีอำนาจเฉกเช่นเมื่อคู่นี้ที่จะให้เย่เทียนเฉินคุกเข่ายอมรับผิด กลายเป็นเนื้อปลาบนเขียงของเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง บอดี้การ์ดที่เขาพามาเหล่านั้นก็ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว ใครกันแน่ที่จะตาย
“เทียนเฉิน นี่เป็นการก่อความผิดใหญ่ จะฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่ไม่ได้ ปล่อยลงซะ!” หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินอย่างร้อนรนแล้วพูดขึ้น
“ก่อความผิดใหญ่เหรอ ฉันอยากจะเห็นว่าความผิดมันจะใหญ่สักแค่ไหนกัน” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเย็นชา
หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินปราดหนึ่ง เธอรู้ว่าตนเองไม่สามารถโน้มน้าวใจคนคนนี้ได้ ทำได้เพียงมองไปที่เสี้ยวหยา “หยาเอ๋อร์ มาเตือนเขาหน่อย บอกเขาว่าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม หากเกิดความผิดใหญ่หลวงขึ้นมาจริงๆ จะต้องตายแน่!”
เสี้ยวหยากระวนกระวายใจมาก เธอรู้ว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีอำนาจมาก คนปกติไปหาเรื่องไม่ได้ เธอไม่อยากให้เย่เทียนเฉินก่อเรื่อง ถึงตอนนั้นจะต้องถูกคนของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนฆ่าตายแน่ ดังนั้นจึงรีบเอ่ยปากขึ้น “เทียนเฉิน…”
“หยาเอ๋อร์ วางใจเถอะ ฉันจะปกป้องเธอเอง!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำของเสี้ยวหยา เขารู้ว่าเสี้ยวหยาคิดจะพูดอะไร เพียงแต่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีอำนาจแข็งแกร่งและบ้าอำนาจมาก ตนเองลงมือกับเซวียนเยวี๋ยนอวี่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะจบดีๆได้ ไม่สู้ฆ่าเขาให้สะอาดหมดจดและสบายใจจะดีซะกว่า
ในตอนที่ทุกคนเบิกตาทั้งสองกว้างมองเย่เทียนเฉินกำลังจะฆ่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่อยู่นั้น รถซีดานสีดำหลายคันก็พุ่งเข้ามาจนเกือบจะชนผู้คน โชคดีที่มีหลายคนตะโกนเสียงดังจึงหลบได้ทัน
ชายในสูทสีเงินคนหนึ่งลงมาจากรถซีดานคันหน้าสุด ตามลงมาด้วยบอดี้การ์ดท่าทางโหดเหี้ยมอีกแปดคน เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง บอดี้การ์ดแปดคนนี้ไม่ใช่อะไรที่ลูกกระจ๊อกธรรมดาจะสามารถไปเทียบเคียงได้ ล้วนมีความสามารถในการต่อสู้ไม่ธรรมดา ฐานะของชายสวมสูทเงินคนนี้เย่เทียนเฉินดาวได้แล้ว ความสนุกเริ่มขึ้นแล้ว
“เย่เทียนเฉิน ปล่อยน้องของฉันซะ ถ้าแกกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะทำให้ตระกูลเย่ของแกไม่เหลือแม้แต่ไก่สักตัวเดียว!”
เซวียนเยวี๋ยนเถิงโอหังบ้าอำนาจเป็นอย่างมาก ราวกลับว่าเพียงประโยคเดียวของเขาก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินใช้มือข้างหนึ่งหิ้วน้องชายของเขาอยู่ เตรียมจะลงมือฆ่า เขาก็กำหมัดแน่นมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
“งั้นเหรอ? ฉันไม่คิดจะปล่อยน้องของแกไป เพราะว่ามันสมควรตาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ฉันฆ่ามันแล้ว ก็จะไปที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของแก ไปฆ่าล้างมันทั้งตระกูล ฉันคนนี้ไม่ชอบทิ้งปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังเอาไว้!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเซวียนเยวี๋ยนเถิงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณบ้าอำนาจ ผมจะบ้าอำนาจยิ่งกว่าคุณ คุณโอหัง ผมก็จะโอหังยิ่งกว่าคุณ คุณบ้า บิดาจะบ้ายิ่งกว่าคุณ คุณคิดว่าคุณเจ๋ง ผมก็เจ๋งยิ่งกว่าคุณ นี่คือเย่เทียนเฉิน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทน สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือถูกข่มขู่ ยิ่งมีคนข่มขู่เขา เขาก็จะยิ่งตอบโต้
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ต่างพากันสูดหายใจเย็นยะเยือก ถึงกับกล้าพูดว่าจะไปตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและฆ่าล้างทุกคน นี่เป็นความใจกล้าระดับไหนกัน? ไม่ต้องพูดถึงการกระทำ แค่กล้าพูดออกมาก็ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านแล้ว
“แก…รนหาที่ตาย!”
เซวียนเยวี๋ยนเถิงโกรธจนปอดแทบระเบิด ตัวเองเป็นคุณชายตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พูดออกไปส่งๆ ประโยคนึงจะมีใครหน้าไหนที่กล้ามาต่อต้าน? ตอนนี้ตนเองมาถึงแล้ว เย่เทียนเฉินไม่เพียงไม่ยอมคุกเข่าร้องขอชีวิต กลับทำตัวโอหังซะยิ่งกว่าตน บอกว่าจะบุกไปที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและฆ่าล้างตระกูล เซวียนเยวี๋ยนเถิงที่เป็นคนใจคอโหดเหี้ยมและหยิ่งยโสโอหัง ไหนเลยจะรับไหว โบกมือครั้งหนึ่ง บอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนที่อยู่ข้างหลังต่างพุ่งใส่เย่เทียนเฉิน
“พวกเธอสองคนอยู่ไกลๆ ฉันหน่อย!” เย่เทียนเฉินเห็นบอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนพุ่งเข้ามาใส่ตนก็ไม่ได้ดูเบา พูดกับหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาที่อยู่ด้านหลัง
“เทียนเฉิน…”
“เทียนเฉิน…”
“ไปเถอะ อย่าให้ฉันต้องพะวง การต่อสู้ของลูกผู้ชาย ผู้หญิงอย่าเข้ามาเกี่ยวข้อง!” แม้เย่เทียนเฉินจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงพูดกับเสี้ยวหยาและหลิงอวี่สวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
เสี้ยวหยาและหลิงอวี่สวิ๋นสบตากัน พวกเธอไม่มีทางโน้มน้าวใจเย่เทียนเฉินได้ และรู้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงมีอำนาจมาก เรื่องนี้หยุดไว้ไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงหวังว่าเย่เทียนเฉินจะไม่เป็นอะไร และสามารถลงมือฆ่าบอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนนี้ได้
เมื่อเห็นหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาเดินปะปนเข้าไปในกลุ่มคน เย่เทียนเฉินก็วางใจลงไม่น้อย มองเซวียนเยวี๋ยนเถิงแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนช่างโอหังจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่ฉันเย่เทียนเฉินไม่ยอมทนกับแก…”
“ปล่อยน้องชายของฉันซะแล้วฉันจะให้แกมีศพที่สมบูรณ์!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงใช้มือขวาชี้ไปที่เย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วตะโกนขึ้นด้วยความโมโห
“พี่ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย…” เซวียนเยวี๋ยนอวี่เลือดท่วมหน้า มองไปยังเซวียนเยวี๋ยนเถิงพี่ชายของตนแล้วตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกแกสองคนไม่เลวเลย ถ้าอยากจะรวมตัวกันขนาดนั้น งั้นฉันก็ไม่ใช่คนที่ไร้เมตตา ไปรวมตัวกันเถอะ…”
เย่เทียนเฉินพูดจบก็โยนเซวียนเยวี๋ยนอวี่ออกไปในอากาศ แล้วใช้เท้าถีบจนกระเด็นออกไป ปะทะเข้ากับนักฆ่าชั้นยอดสองคนที่พุ่งเข้ามา…