เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 198 คนที่โหดเหี้ยมที่สุดยังไม่ได้ลงมือ
ในตอนที่หลินตวนใช้มีดเจ็ดดาวนั้น เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงความน่าสงสัยอย่างหนึ่ง เพราะว่าไม่เพียงแค่การลองเชิงในก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่หลังจากที่ลงมือเต็มกำลังในตอนหลัง ต่อให้โจมตีออกมาได้แข็งแกร่งมาก กระทั่งเกือบจะถึงขั้นที่เปลี่ยนเท็จเป็นจริงและสร้างรูปลักษณ์ออกมา แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของพลังภายในเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกเขาคิดว่าหลินตวนเก็บซ่อนเอาไว้ แต่ภายหลังจึงพบว่าไม่ใช่แบบนั้น
ไม่ผิดไปจากที่เย่เทียนเฉินคาดเดา การที่หลินตวนออกกระบวนท่าแต่ไม่มีการสั่นสะเทือนของพลังภายในเลยแม้แต่ครึ่งส่วน เป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บภายใน จนไม่สามารถใช้พลังภายในออกมาได้ มิเช่นนั้นหากพลังอำนาจของมีดเจ็ดดาวรวมเข้ากับพลังภายในอันแข็งแกร่ง เกรงว่าต่อให้เย่เทียนเฉินต้องการที่จะเข้าปะทะก็ไม่ง่ายถึงขนาดนั้น
“ท่าทางชีพจรลมปราณของนายที่ถูกตัดทอนนี้จะมาจากหัวใจ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็ไม่ง่ายแล้ว คงจะไม่สามารถใช้พลังภายในออกมาได้จริงๆ ถ้าใช้พลังภายในออกมาก็คงจะต้องตายแน่!” เย่เทียนเฉินมองขีดเส้นสีดำบนมือขวาของหลินตวน พูดพลางพยักหน้า
“ตอนนั้นท่านอาจารย์เก็บผมมาจากภูเขาแห่งหนึ่ง ได้ใช้เคล็ดวิชาลับพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณเพื่อปกป้องชีพจรที่ถูกตัดขาดนี้จนสามารถเก็บชีวิตกลับมาได้ เพียงแต่ไม่สามารถฝึกฝนพลังภายในได้ เนื่องจากการฝึกฝนพลังภายในของวรยุทธของประเทศจีน ต่างก็ฝึกฝนจากในมาสู่นอก การที่มีเส้นชีพจรลมปราณจากหัวใจที่ถูกตัดขาด ทำให้เมื่อฝึกฝนพลังภายในก็จะทำให้หัวใจแหลกเหลวจนตาย!” หลินตวนเองก็พูดด้วยความหดหู่
เย่เทียนเฉินมองหลินตวนแวบหนึ่ง เขารู้ความคิดของหลินตวนดี ในฐานะที่เป็นศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณ มีใครบ้างที่ไม่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่ง ในสังคมปัจจุบันนี้ คนธรรมดาทั่วไปค่อยๆ กลายเป็นทาส ไม่ไล่ตามความแข็งแกร่งและการทำให้ร่างกายของตนแข็งแกร่งอีกต่อไปแล้ว แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณและผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้มีพลังพิเศษนั้น พวกเขาจะเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดว่า ในโลกของพวกเขา ถ้าไม่มีสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองได้ ก็จะถูกผู้คนเหยียบย่ำ กฎหมายข้อบังคับอะไรต่างๆ ก็เป็นแค่สิ่งเลื่อนลอย ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นทาสหรือไม่ก็ต้องตาย
“ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยนายไม่ได้ ถ้าหากสามารถหาผลฮั่วหยวนเจอ คงจะสามารถรักษาข้อบกพร่องแต่กำเนิดนี้ของนายได้!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผลฮั่วหยวน?” เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน หลินตวนก็เลยถามด้วยความดีใจปนสงสัย
“อืม เป็นผลไม้แห่งจิตวิญญาณที่สามารถทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งขึ้นได้ และรักษาความบกพร่องแต่กำเนิดบางอย่างได้ หากสามารถหาพบก็จะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของนายได้!” เย่เทียนเฉินมองหลินตวนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น
“ถ้างั้น จะสามารถหาผลฮั่วหยวนได้ที่ไหน?” หลินตวนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“นี่…ฉันเองก็อ่านเจอมาในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ถ้ามีโอกาสจะช่วยนายหาดูสักหน่อยก็แล้วกัน!” เย่เทียนเฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น
สำหรับยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณและผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งแล้ว ความขมขื่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ไม่อาจเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองได้ หากจะพูดว่าการเพิ่มพูนความสามารถนั้นยากลำบากขนาดไหน แน่นอนว่าต้องยากลำบากมาก จากที่เย่เทียนเฉินรู้ ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณในช่วงยุคสิ้นโลกถูกเรียกว่านักรบ นักรบก็เหมือนกับผู้มีพลังพิเศษ มีขอบเขตของการเพิ่มระดับความสามารถที่สอดคล้องกัน
ผู้มีพลังพิเศษหลังจากระดับเก้าจะแบ่งเป็น ระดับราชัน ระดับจอมราชัน ระดับจักรพรรดิ ระดับพระเจ้า และระดับเทพราชัน
นักรบจะแบ่งออกเป็น นักรบจิตวิญญาณ นักรบราชัน นักรบจอมราชัน นักรบจักรพรรดิ และนักรบเทพราชันย์
ไม่ว่าจะเป็นโลกของผู้มีพลังพิเศษหรือนักรบ สุดท้ายก็จะเป็นระดับเทพราชันที่แข็งแกร่งที่สุด นี่เป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งล้วนกำเนิดจากสิ่งเดียวกัน นี่ก็คือสัจธรรม ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง สุดท้ายก็จะกลายเป็นพลังกลับคืนสู่ธรรมชาติ แม้จะเปลี่ยนไปนับหนึ่งครั้งก็หนีไม่พ้นต้นกำเนิด ทุกเรื่องราวทุกสรรพสิ่งต่างก็ก่อกำเนิดจากห้าเส้นทาง เมื่อคิดจะสลัดพ้นจากห้าเส้นทางนี้ หลุดพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย มีเพียงได้เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับเทพราชันเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
แน่นอนว่าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เย่เทียนเฉินย่อมไม่สามารถบอกหลินตวนได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เนื่องจากต่อให้เขาจะเป็นศิษย์แห่งพรรควรยุทธโบราณ ก็เกรงว่าจะไม่อาจรับข้อมูลในช่วงยุคสิ้นโลกได้ ทำได้เพียงค่อยๆ บอกเขาไปในตอนหลัง โลกแห่งการล่มสลายก็เป็นโลกที่เหนือคาด มีสีสันเช่นเดียวกับยุคปัจจุบันนี้ และมีบรรยากาศอันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและจินตนาการอันไร้ขอบเขตอยู่ด้วย ที่ถูกเรียกว่าโลกแห่งการล่มสลายนั้นก็ชัดเจนมาก เพราะเป็นโลกที่อยู่ในช่วงยุคสิ้นโลก มีเรื่องมากมายที่ไม่อาจคาดเดา
ส่วนเรื่องผลฮั่วหยวนที่เย่เทียนเฉินบอกกับหลินตวนนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดปลอบใจ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เพียงแต่ว่าผลฮั่วหยวนนี้มีตัวตนอยู่ในยุคสิ้นโลก เป็นผลไม้แผ่นจิตวิญญาณประเภทหนึ่ง มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งจำนวนมากตามหาผลฮั่วหยวนเพื่อนำไปให้ลูกหรือคนสนิทของตนเองกิน ใช้เพื่อบ่มเพาะร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว และรักษาความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิด เพื่อที่ภายหลังจะสามารถมีพื้นฐานที่ดีในฝึกฝน
“ถ้างั้นก็ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่!” หลินตวนมองออกว่าเย่เทียนเฉินไม่มีผลฮั่วหยวนอะไรนั่น และบางทีเขาอาจจะไม่ได้หลอกตนเอง แต่กลับเข้าใจว่าผลฮั่วหยวนนี้ หาได้ยากมากอย่างแน่นอน
เย่เทียนเฉินพยักหน้า แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขารู้ถึงความคิดของหลินตวนดี เพียงแต่ผลฮั่วหยวนนี้ หากต้องการจะได้มานับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ ในโลกปัจจุบันนี้จะมีหรือไม่มีผลฮั่วหยวนก็ยังไม่แน่ชัด ถ้าหากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ทำได้เพียงไปตามหาในโลกแห่งการล่มสลาย ยังไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีการทะลุมิติกลับไปยังโลกแห่งการล่มสลายได้ ต่อให้กลับไปได้ หากต้องการจะได้ผลฮั่วหยวนมาก็ไม่ง่ายเลย ผลฮั่วหยวนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของแผ่นดินใหญ่ คนปกติยากที่จะหาพบ
ในตอนนี้เอง ภายในเขตชานเมืองของเมืองหลวงแห่งหนึ่งอันเงียบสงบ โอวหยางเฟยอวิ๋นและชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำของเขา ยืนอย่างเคารพนอบน้อมอยู่กับที่ เบื้องหน้าของพวกเขามีชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้พวกเขา มองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนี้ รู้เพียงแต่ว่าเขากำลังตกปลาอยู่ในทะเลสาบเล็กๆ แห่งหนึ่งอย่างสบายอุรา
“เฟยอวิ๋น ฉันได้ยินมาจากโหมวซูว่า แกไม่ค่อยฟังคำสั่ง!” ชายที่หันหลังให้โอวหยางเฟยอวิ๋นคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
โอวหยางเฟยอวิ๋นมองชายคนนี้แวบหนึ่ง อดกลั้นความโกรธเอาไว้ และยังคงพูดด้วยความเคารพว่า “คุณชายใหญ่ คุณไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนเฉินโอหังขนาดไหน อัดเซวียนเยวี๋ยนเถิงต่อหน้าคนนับร้อย ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าผม แต่หลังจากที่โหมวซูบอกฐานะของคุณออกมาแล้ว ก็ยังกล้าทำตัวต่อต้านคุณต่อหน้าผู้คน ไม่เห็นพวกเราสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลิงเถิงอยู่ในสายตาเลย ผมจึงคิดจะกำจัดมัน!”
“เย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ใครที่แกจะฆ่าได้ มันกล้าที่จะต่อต้านพวกเราถึงจะน่าสนุก ไม่ได้เล่นมานานแล้ว ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนมันสักหน่อยก็แล้วกัน!” ชายที่หันหลังให้โอวหยางเฟยอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายใหญ่ เซวียนเยวี๋ยนเถิงและน้องชายของเขาเซวียนเยวี๋ยนอวี่ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้แล้ว ผมคิดว่าถึงตอนนั้นตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะต้องมาถามเหตุการณ์จากพวกเราแน่ พวกเราจะพูดอย่างไรดีครับ?” โอวหยางเฟยอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากถามด้วยเจตนาร้าย
ชายที่หันหลังให้โอวหยางเฟยอวิ๋นคนนี้ก็คือคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง เป็นหัวหน้าของสามคุณชาย และเป็นคนที่ส่งโหมวซูไปเพื่อหยุดยั้งโอวหยางเฟยอวิ๋น และเป็นเขาที่ให้โหมวซูนำคำพูดไปบอกต่อเย่เทียนเฉิน หลังจากที่รู้ว่าเย่เทียนเฉินต่อต้านเขา ก็ยังคงมีท่าทางเรียบเฉย เขาไม่เห็นเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตาเลย เขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่ามเหมือนกับเซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋น ถ้าเขาไม่ได้ลงมือก็แล้วไป แต่เมื่อลงมือเย่เทียนเฉินก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
“เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่ใช่ว่าถูกแกกระทืบตายหรอกเหรอ? ฉันคิดว่าหลังจากแกกระทืบมันตายแล้ว คงคิดจะยืมมือของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเพื่อฆ่าเย่เทียนเฉิน ระบายความโกรธเกลียดในใจของแก เซวียนเยวี๋ยนเถิงเสียสละให้แกแล้ว!” คุณชายใหญ่พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณชายใหญ่ โอวหยางเฟยอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ในใจ คุณชายใหญ่คนนี้ไม่ธรรมดาจริงดังคาด ดูเหมือนว่าจะไม่เคยไปมหาวิทยาลัยเลย แต่กลับรู้ทุกอย่างประหนึ่งรู้ฝ่ามือของตน นอกจากนี้เขายังได้พบหน้าคุณชายใหญ่เพียงไม่กี่ครั้ง คนคนนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก เคยได้ยินว่า คุณชายใหญ่ไม่เพียงแต่มีอำนาจของตระกูลที่แข็งแกร่ง ตัวเขาเองก็มีฝีมือไม่ธรรมดา เคยพบกับการลอบโจมตีของยอดฝีมือที่ใช้วรยุทธโบราณสิบกว่าคน แต่คุณชายใหญ่คนเดียวก็สามารถรับมือกับพวกเขาได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อมูลที่ถูกปิดบังเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถปิดได้สนิท จนถูกโอวหยางเฟยอวิ๋นล่วงรู้
“ฮ่าๆ คุณชายใหญ่ ผมกระทืบเซวียนเยวี๋ยนเถิงตายก็เพราะคนคนนี้ทำให้พวกเราสามคุณชายต้องขายหน้า เขาคิดแต่จะล้างแค้นให้น้องชายของตน คิดแต่จะกู้หน้าของตน เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น เชื่อว่าคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว ผมก็แค่ช่วยเขาเท่านั้น!” โอวหยางเฟยอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ในตอนนี้ คุณชายใหญ่ที่หันหลังให้โอวหยางเฟยอวิ๋น กระตุกเบ็ดตกปลาในมือขวาขึ้น เหยื่อปลาที่ติดอยู่บนเบ็ดถูกกินไปแล้ว แต่กลับไม่สามารถตกปลาขึ้นมาได้ หลังจากที่ติดเหยื่อปลาอันใหม่เข้าไปแล้ว ก็สะบัดเบ็ดตกปลาลงสู่ทะเลสาบเล็กๆ นั้นอีกครั้ง
“คุณชายใหญ่ ความหมายของคุณคือ…” โอวหยางเฟยอวิ๋นเห็นคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไม่พูด จึงได้เอ่ยถามต่อไป
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะปรากฏปลาตัวใหญ่เหมือนเย่เทียนเฉินออกมาได้ ถ้าไม่เล่นเป็นเพื่อนเขาสักหน่อยจะได้ยังไง ฉันอยากจะเห็นว่าเขาจะเล่นด้วยหรือเปล่า นี่อาจจะเกี่ยวพันไปถึงชีวิตของญาติมิตรเลย!” คุณชายใหญ่ยังคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
โอวหยางเฟยอวิ๋นได้ยินคำพูดของคุณชายใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก อย่างมากเขาก็แค่คิดจะฆ่าเย่เทียนเฉิน แต่ไม่ได้คิดเหมือนคุณชายใหญ่ ที่ไม่เพียงแต่ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินแต่ยังต้องการฆ่าครอบครัวของเย่เทียนเฉินทั้งหมด ความโหดเหี้ยมแบบนี้ กระทั่งโอวหยางเฟยอวิ๋นก็ยังไม่มี
“พวกเราจะตอบตระกูลเซวียนเยวี๋ยนว่าอย่างไรดี?”
“เซวียนเยวี๋ยนเถิงและเซวียนเยวี๋ยนอวี่ต่างก็ถูกเย่เทียนเฉินฆ่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา ให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไปจัดการกันเองเถอะ ถ้าไอ้แก่ของตระกูลพวกมันอยากที่จะออกมาเสนอหน้าช่วยพวกเราฆ่าเย่เทียนเฉิน คงไม่มีอะไรมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว?”
“ขอบคุณคุณชายใหญ่!”
“เอาล่ะ เรื่องของเย่เทียนเฉิน แกก็อย่าไปยุ่งชั่วคราว ฉันจะจัดการเอง มีบางเรื่องที่จะต้องให้แกไปทำ!” คุณชายใหญ่สั่ง
“คุณชายใหญ่คุณพูดมาเถอะ!”
“ฉันได้ยินมาว่าพรรคคุณชายมีการเคลื่อนไหว แกช่วยฉันไปสืบหน่อย!”
“ครับ!”
โอวหยางเฟยอวิ๋นและชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำเดินไปจากทะเลสาบเล็กๆ แห่งนี้ นั่งรถซีดานสีดำออกไป ตั้งแต่ต้นคุณชายใหญ่ก็หันหลังให้พวกเขา ไม่เคยหันกลับมาเลย
ไม่นาน โหมวซูก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังคุณชายใหญ่ พูดอย่างเคารพว่า “คุณชายใหญ่ครับ โอวหยางเฟยอวิ๋นไปแล้ว จะให้ส่งคนไปฆ่าเย่เทียนเฉินตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ต้อง ตระกูลของพวกเรามีความแค้นกับตะกูลเย่ ครั้งนี้ฉันจะไม่เพียงแต่ฆ่าเย่เทียนเฉิน แต่จะฆ่าพวกมันทั้งตระกูล!” คุณชายใหญ่เปล่าอย่างเย็นชา
“เข้าใจแล้วครับ!”
“ส่งคนไปตามโอวหยางเฟยอวิ๋น ในตอนที่จำเป็นก็กำจัดเขาซะ ฉันคนนี้ชอบดูละคร ชอบดูตระกูลโอวหยางแล้วตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ถ้าสองตระกูลนี้โมโหขึ้นมา แล้วไปรับมือกับตระกูลเย่ด้วยกัน เย่เทียนเฉินจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง…” คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ครับ!”
ทันใดนั้น มือขวาของคุณชายใหญ่มีแรงกระตุก พริบตานั้นปลาตัวหนึ่งก็ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ เขาหยิบมาโยนลงไปด้านหนึ่ง ปล่อยให้มันขาดน้ำตายทั้งเป็น…
……………………………