เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 207 จางอีเต๋อ ยอดฝีมือผู้ซ่อนเร้น!
จางอีเต๋อจะเป็นเซียนแพทย์เทวะหรือไม่?
หากว่าใช่ สำหรับเย่เทียนเฉินก็จะเรียกได้ว่าเป็นการย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย จะโชคดีเกินไปแล้ว จากบทสนทนาของมู่หรงอวี๋ตูและจางอีเต๋อ เป็นไปได้มากกว่าจางอีเต๋อจะเป็นเซียนแพทย์เทวะ เพราะสามารถยืดอายุให้ท่านผู้นำไปได้อีก 20 ปี บนโลกนี้จะมีสักกี่คนกันเชียว?
ยืดอายุไป 20 ปี นี่เป็นความลึกลับและเกินจริงระดับไหนกัน? ต่อให้ในช่วงยุคสิ้นโลก ซึ่งเป็นโลกอันแปลกประหลาดที่มีผู้มีพลังพิเศษอยู่จำนวนมาก ก็ยังไม่อาจละทิ้งการมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะออกไปได้ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน จักรพรรดิกี่คน ผู้เป็นใหญ่เป็นโตกี่คน ที่ต้องการมีชีวิตเป็นอมตะจนสูญเสียกำลังคนและวัตถุดิบไปมากมาย ในช่วงยุคสิ้นโลก ซึ่งเป็นโลกที่มีผู้แข็งแกร่งอยู่นับไม่ถ้วน ก็มีผู้แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากที่ไล่ตามสิ่งเหล่านี้ชั่วชีวิต หากสามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้ ใครบ้างที่จะไม่อยากมีชีวิตยืนยาว?
เพียงแต่ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินที่เป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้าในช่วงยุคสิ้นโลก ก็ไม่เคยได้ยินว่าใครสามารถมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะได้มาก่อน สมุนไพรลึกลับที่สามารถต่ออายุได้ทั้งหลาย หรือกระทั่งยาอันแปลกประหลาดก็พอมีอยู่บ้าง แต่หามาได้ยากนัก ในโลกแห่งนี้ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ไปมาก การมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะเริ่มค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของผู้คน และไม่มีใครคิดว่าจะมีคนที่สามารถต่ออายุให้คนอื่นไปอีก 20 ปีได้แบบนี้อยู่ ถ้าพูดออกมาก็เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ เรื่องราวเมื่อปีนั้นก็ได้กลายเป็นข้อมูลลับระดับสำคัญที่สุดของประเทศไปแล้ว ต่อให้เป็นผู้นำแต่ละท่านในตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดออกมามั่วซั่ว
เย่เทียนเฉินมองไปยังจางอีเต๋อ ชายชราที่ผมและเคราขาวโพลน พลังพิเศษแห่งการรับรู้แผ่ขยายออกไปอย่างเงียบงันนานแล้ว แต่กลับไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของพลังพิเศษใดๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจมั่นใจได้ชั่วคราวว่าจางอีเต๋อคือเซียนแพทย์เทวะหรือไม่? แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ก็จะต้องให้เขาไปดูอาการให้แม่ของเสี้ยวหยาให้ได้ เย่เทียนเฉินจะไม่ยอมเห็นท่าทางเจ็บปวดใจจนร้องไห้ของเสี้ยวหยาโดยเด็ดขาด
“หึ มู่หรงอวี๋ตู ตระกูลจางของผมเหลือผมแค่คนเดียวแล้ว ผมก็คือตระกูลทั้งตระกูล ทั้งตระกูลก็คือผม คุณลั่นไกได้เลย!” จางอีเต๋อแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง พูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวความตายเลยแม้แต่น้อย
“งั้นเหรอ? จางอีเต๋อ ผมรู้ว่าคุณไม่กลัวตาย ผมมู่หรงอวี๋ตูเองก็ไม่กลัว แต่ผมรู้ว่าคุณมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง หลังจากที่คุณตายไป คุณคิดว่าด้วยความสามารถของผมจะหาเธอไม่เจอเชียวหรือ? หากหลานสาวของผมตาย หลานสาวของคุณก็จะต้องตายเป็นเพื่อนเธอด้วย!” ปืนพกในมือขวาของมู่หรงอวี๋ตูจ่อไปที่ศีรษะของจางอีเต๋อ จากน้ำเสียงของเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นคนที่กล้าพูดกล้าทำอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินมู่หรงอวี๋ตูกล่าวถึงหลานสาวของตน จางอีเต๋อที่เดิมทียังคงนิ่งสงบพลันหน้าเปลี่ยนสี มองไปยังมู่หรงอวี๋ตูอย่างดุดันแล้วพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรคุณก็มาลงที่ผมได้ ตอนนี้คุณก็ฆ่าผมได้เลย แต่อย่าได้ทำให้หลานสาวของผมลำบากใจ!”
“จางอีเต๋อ หลานสาวของคุณคือหนึ่งชีวิต หลานสาวของผมก็คือหนึ่งชีวิต ทำไมคุณจะช่วยชีวิตหลานสาวผมครั้งหนึ่งไม่ได้ล่ะ?” มู่หรงอวี๋ตูพูดอย่างไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกนั้นชัดเจนมาก หากวันนี้จางอีเต๋อไม่ช่วยหลานสาวของมู่หรงอวี๋ตู เขาก็จะฆ่าหลานสาวของจางอีเต๋อ
“ผมพูดไปแล้ว หลานสาวของคุณถูกพิษสยบกายา ไม่สามารถแก้พิษได้ ผมช่วยเธอไม่ได้ ทำไมคุณจะต้องบีบบังคับคนอื่นด้วย?” จางอีเต๋อเองก็มองไปยังมู่หรงอวี๋ตูด้วยความโกรธแล้วพูดขึ้น
“ผมเองก็ไม่อยากจะบีบบังคับคุณหรอก แต่ผมก็ไม่มีหนทางแล้ว วันนี้ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ต้องช่วยชีวิตหลานสาวผม ไม่งั้นผมก็จะฆ่าคุณ แล้วก็จะฆ่าหลานสาวของคุณด้วย!” ในตอนที่มู่หรงอวี๋ตูพูด ก็กระชับปืนในมือขวาแน่น
ตอนนี้เอง จู่ๆ เด็กสาวแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างกายเย่เทียนเฉินมาโดยตลอดก็วิ่งออกมาขวางอยู่เบื้องหน้ามู่หรงอวี๋ตู จับมือจางอีเต๋อเอาไว้ มองไปยังมู่หรงอวี๋ตูด้วยสายตาขอร้องก่อนจะพูดขึ้นว่า “หยะ อย่าฆ่าปู่ของหนูเลย ขอร้องล่ะค่ะ คุณอย่าทำให้คุณปู่ลำบากใจเลย!”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวแปลกหน้าคนนี้จะเป็นหลานสาวของจางอีเต๋อ โดยเฉพาะเฮยเมี่ยนและเย่เทียนเฉิน พวกเขาสองคนมึนงงเป็นที่สุด ไม่คิดว่าเด็กสาวที่เจอกันหน้าประตูจะถึงกับเป็นหลานสาวของจางอีเต๋อไปได้ จะอย่างไรก็เหนือความคาดหมายไปมาก
“เธอก็คือจางรั่วถง หลานสาวของจางอีเต๋อ?” มู่หรงอวี๋ตูมองหญิงสาวแปลกหน้าที่พุ่งออกมาเบื้องหน้าเขาแล้วถามขึ้น
“ค่ะ คุณอย่าฆ่าคุณปู่ของหนูเลย…” หญิงสาวอายุประมาณ 17-18 ปีต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ในใจย่อมรู้สึกกังวลและหวาดกลัวเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่ามู่หรงอวี๋ตูใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะของคุณปู่จางอีเต๋อ จางรั่วถงก็รีบพุ่งออกมาทันที ตั้งแต่แรกเธอก็พึ่งพาอาศัยคุณปู่มาโดยตลอด ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนปู่หลานลึกล้ำ ต่างเป็นญาติเพียงคนเดียวของกันและกัน
“รั่วถง ไม่ใช่ว่าปู่บอกเธอว่าไม่ให้กลับมาเหรอ? ทำไมไม่เชื่อฟัง!” จางอีเต๋อขมวดคิ้วมองไปยังหลานสาวของตนแล้วพูดขึ้น
“คุณปู่คะ หนูไม่อยากเห็นคุณปู่เกิดเรื่อง!” จางรั่วถงโถมตัวเข้าไปในอ้อมอกของคุณปู่ ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“เธอ…ไม่มีเรื่องอะไรหรอก จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ใครก็แตะต้องเธอไม่ได้!”
ในชั่วพริบตานั้น บรรยากาศของจางอีเต๋อพลันเปลี่ยนไป ในดวงตาทั้งสองเปล่งประกายหนาวเหน็บ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าชายชราผู้มีผมและหนวดเคราขาวโพลนคนนี้ เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายที่ตื่นจากการจำศีล หลายคนอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไป ส่วนเย่เทียนเฉินกลับมองไปยังจางอีเต๋ออย่างไม่ละสายตา เขารู้สึกถึงความผันผวนของพลังพิเศษอันแข็งแกร่งระลอกหนึ่ง จางอีเต๋อเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนเร้นตัวตนจริงๆ ด้วย ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
“จางอีเต๋อ ในเมื่อตอนนี้หลานสาวของคุณปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผมก็จะขอบอกคุณอีกครั้ง ถ้าหากว่าคุณช่วยหลานสาวผมไม่ได้ หลานสาวของคุณก็ต้องตาย ผมพูดจริงทำจริง!” มู่หรงอวี๋ตูพูดเสียงเย็น
“มู่หรงอวี๋ตู ผมจะพูดอีกครั้ง หลานสาวของคุณถูกพิษสยบกายาที่ไม่มีทางรักษา ผมไร้ความสามารถ!” จางอีเต๋อดึงจางรั่วถงผู้เป็นหลานไปอยู่ด้านหลัง กำหมัดแน่นแล้วพูดออกมา
“พอแล้ว ผมไม่อยากฟังคำพูดนี้ของคุณอีกต่อไป เด็กๆ มาพาตัวเด็กคนนี้ไปซะ!”
มู่หรงอวี๋ตูรู้สึกว่าจางอีเต๋อมีวิธีช่วยคนแต่ไม่คิดจะช่วยก็เท่านั้น เขามองไปยังหลานสาวของตนที่หายใจรวยระรินและดูคล้ายกับจะขาดห้วงไปในไม่ช้า เขาไม่อยากจะยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว จะขอคว้าโอกาสสุดท้ายเอาไว้ หากจางอีเต๋อเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยจริงๆ เขาจะต้องฆ่าจางอีเต๋อและจางรั่วถงอย่างแน่นอน
มู่หรงซินเป็นหลานสาวของเขา เป็นญาติที่เหลือเพียงคนเดียวของมู่หรงอวี๋ตู แล้วเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของเขา แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอะไรออกไป มู่หรงอวี๋ตูก็ต้องช่วยชีวิตหลานสาวของตนให้ได้
ตอนนี้เอง เมื่อได้ยินคำสั่งของมู่หรงอวี๋ตู ทหารถือปืนสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเดินเข้าไปทางจางรั่วถง จางอีเต๋อปกป้องหลานสาวเอาไว้ด้านหลังอย่างแน่นหนา มองไปยังมู่หรงอวี๋ตูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มู่หรงอวี๋ตู คุณอย่าได้บีบบังคับให้ผมลงมือ…”
“ไม่ใช่ว่าผมบีบบังคับคุณ แต่เป็นคุณที่บีบบังคับผม ขอเพียงคุณช่วยรักษาหลานสาวของผมให้หายดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีเอง ผมก็จะชดเชยให้คุณ!” มู่หรงอวี๋ตูพูดเสียงดัง
“ผมจะพูดอีกครั้ง ผมรักษาไม่ได้!” บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากร่างของจางอีเต๋อพลันหนักแน่นขึ้น ไม่ด้อยไปกว่ามู่หรงอวี๋ตูที่เป็นทหารผ่านศึกเลยแม้แต่น้อย
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน ไปนำตัวมาให้ฉันซะ!”
ภายในลานบ้านของตระกูลจาง บรรยากาศเคร่งเครียดและรุนแรงเป็นอย่างมาก มู่หรงอวี๋ตูมีความคิดที่จะสั่งให้ลูกน้องยิงปืน ส่วนจางอีเต๋อก็ใช้กำลังขึ้นมาในพริบตา สลัดคราบชายชราออกไปจนทำให้ทุกคนตื่นตะลึง เย่เทียนเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมาจากร่างของจางอีเต๋อ หากว่าลงมือ เกรงว่าลานบ้านตระกูลจางแห่งนี้คงต้องนองไปด้วยฝนเลือดแน่นอน
“คุณปู่ หยะ อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจเลย พวกเราไปกันเถอะค่ะ!” ตอนนี้เอง มู่หรงซินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแบบพิเศษมาโดยตลอดพลันลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เมื่อมองไปยังเด็กสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับจางรั่วถง ความสิ้นหวังหดหู่ในดวงตานั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจจริงๆ เดิมทีควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวาดังฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับต้องมาพบกับความยากลำบากแบบนี้ ประดุจมัจจุราชกำลังย่างก้าวเข้ามาหาเธอทีละเล็กทีละน้อย ต้องการที่จะนำชีวิตของเธอไป
“เสี่ยวซิน อย่าพูดอีกเลย ปู่จะต้องหาวิธีได้แน่ จะไม่ปล่อยให้หลานเกิดเรื่องอะไรเป็นอันขาด!” มู่หรงอวี๋ตูมองไปยังหลานสาวแล้วพูดขึ้นด้วยความเสียใจ
แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของมู่หรงอวี๋ตูก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก และไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ดูท่าทางแล้วจางอีเต๋อจะไม่มีหนทางจริงๆ หรือจะต้องลงมือฆ่าจางอีเต๋อและหลานสาวของเขาจริงๆ ? มู่หรงอวี๋ตูเพียงแค่ลงเดิมพันเท่านั้นว่าจางอีเต๋อที่สามารถช่วยยืดอายุท่านผู้นำเมื่อปีนั้นได้ จะต้องมีวิธีการแก้พิษสยบกายานี้อย่างแน่นอน
“จางอีเต๋อ ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ผมก็จะรับปากคุณทุกอย่าง แต่หากวันนี้คุณไม่ช่วยหลานสาวของผม ผมก็คงทำได้เพียงให้พวกคุณปู่หลานไปตายเป็นเพื่อนหลานสาวของผมแล้ว!” มู่หรงอวี๋ตูพูดอย่างหนักแน่น
“มู่หรงอวี๋ตูคุณอยากได้บีบบังคับผม!” หมัดขวาของจางอีเต๋อกำแน่น พื้นอันราบเรียบของลานบ้านตระกูลจางเกิดลมพัดขึ้นมาระลอกหนึ่ง ทำให้ผู้คนตกตะลึง
จางอีเต๋อเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เป็นยอดฝีมือที่ทุกคนคิดไม่ถึง หลายปีมานี้อยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้มาโดยตลอด ใช้ชีวิตอย่างพึ่งพาอาศัยกันกับหลานสาว ในสายตาของคนในเมืองแห่งนี้ จางอีเต๋อเป็นชายชราที่ผมและหนวดเคราขาวโพลนคนหนึ่ง ประกอบอาชีพหมอช่วยเหลือผู้คน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเก็บค่ารักษามาก่อน ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าชายชราเช่นนี้ จะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง เมื่อลงมือก็สามารถทำให้สั่นสะท้านไปได้ทั้งโลก
บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ มู่หรงอวี๋ตูพาทหารชั้นยอดมา เดินมาเบื้องหน้าจางอีเต๋อ เตรียมจะลงมือพาตัวจางรั่วถงไปได้ทุกเมื่อ ส่วนจางอีเต๋อก็มีบรรยากาศเปลี่ยนไป ปกป้องหลานสาวของตนไว้เบื้องหลัง สามารถที่จะระเบิดพลังลงมือฆ่าฟันได้ทุกเมื่อ เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำร้ายหลานสาวของตนเองเป็นอันขาด
“ความจริง บางที อาจจะไม่ใช่ว่าหญ้าสยบกายาจะไม่มีทางรักษา…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนต่างพากันมองไปที่เขา สายตาของจางอีเต๋อเกิดความแปลกประหลาดขึ้น เพียงแต่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มู่หรงอวี๋ตูเองก็เต็มไปด้วยความสงสัย กระทั่งเฮยเมี่ยนก็มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน แล้วกัดฟันพูดขึ้นเสียงเบาว่า
“ไอ้หนูแกอย่าได้พูดจามั่วซั่ว หากว่าแกรักษาไม่ได้จะต้องตายแน่ ท่านผู้นำสูงสุดก็ช่วยแกไม่ได้!”
“ไอ้หนู ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็นใคร จะมีจุดประสงค์และความตั้งใจอะไร ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแก และไม่มีเวลาให้แกมาล้อเล่น ถ้าพูดจามั่วตั้วจะต้องตายแน่!” มู่หรงอวี๋ตูมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น
“อย่าเอะอะก็ขู่ว่าจะฆ่าคนอื่นสิ คุณไม่กลัวตายแล้วผมจะกลัวตายหรือไง? เกมนี้คุณเล่นไม่ได้หรอก เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับชีวิตหลานสาวของคุณ ผมเองก็ไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณเหมือนกัน ถ้าผมแก้พิษสยบของหลานสาวคุณได้ คุณจะให้เธอหมั้นกับผมหรือไง?” เย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับมู่หรงอวี๋ตูซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกหล่อหลอมมาจากไฟสงครามโดยไม่มีความหวาดเกรงแม้แต่น้อย แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้มอย่างสบายอารมณ์
………………………….