เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 237 จะทำให้ผิดหวังเกินไปแล้ว!!!
คนตระกูลหลัวจริงจังขึ้นมาแล้ว เรียกผู้คุ้มกันเกือบร้อยคนเข้ามา คิดจะจับหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉินไป เนื่องจากเย่เทียนเฉินทำร้ายคนในตระกูลหลัว อีกทั้งคนที่ถูกทำร้ายยังเป็นสองแม่ลูกหลัวเสียนเม่ยและจางอวิ๋น รวมกับที่หลัวเยี่ยนถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลัวไปนานแล้ว และไม่ได้กลับมายี่สิบปี คนตระกูลหลัวจึงทำเหมือนกับเธอเป็นคนนอก ตอนนี้ยังมีของที่ดึงดูดผู้คนอย่างกล่องหยกมังกรปรากฏขึ้นมาอีก ใครหลายคนต่างเกิดความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ ต่อให้ต้องให้ผู้คุ้มกันยิงปืนฆ่าเย่เทียนเฉินและหลัวเยี่ยน ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขานำกล่องหยกหงส์มังกรไปได้อย่างเด็ดขาด
ไม่มีความรู้สึกดังญาติมิตรเลยแม้แต่น้อย ไม่คิดถึงสายเลือดที่ไหลเวียนเลยสักนิด จะอย่างไรก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน แต่กลับเรียกผู้คุมการมาจริงๆ และต้องการที่จะจับหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉินไป แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของคนเหล่านี้ก็คือกล่องหยกหงส์มังกร ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำการ “ล้อม” เช่นนี้
หลัวฉีมองหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉิน มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้น เมื่อครู่นี้เย่เทียนเฉินถึงกับกล้าด่าตนเอง ในใจของเขาจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ผู้คุ้มกันตระกูลหลัวก็มาหมดแล้ว แต่ละคนต่างก็พกปืนมาด้วย โดยเฉพาะเปาเทียนหลงหัวหน้าผู้คุ้มกันซึ่งเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจคนหนึ่ง เมื่อใช้พลังภายในออกมาจะแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า สามารถป่นกำแพงได้ง่ายๆ
“หลัวเยี่ยน ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย มอบกล่องหยกหงส์มังกรมาซะ แล้วให้ลูกชายของแกคุกเข่ากลางห้องโถง โขกหัวสำนึกผิดให้ทุกคนสามครั้ง ฉันที่เป็นพี่ชายของแกก็จะยอมยกโทษให้สักครั้ง ไม่งั้นก็อย่ามาหาว่าฉันโหดเหี้ยม!” หลัวฉีมองหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉิน พูดออกมาอย่างดุดัน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลัวฉีต้องการทำให้เย่เทียนเฉินและหลัวเยี่ยนอับอาย ต้องการที่จะทำให้น้องสาวของตนได้รับความอัปยศต่อหน้าคนมากมายของตระกูลหลัวอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้เธอไม่มีหน้ากลับมาที่ตระกูลหลัวอีก เพื่อกำจัดการคุกคามของเธออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ในตอนนี้หลัวเยี่ยนรู้สึกกังวลขึ้นมาจริงๆ แล้ว จะอย่างไรผู้คุ้มกันพร้อมอาวุธปืนหลายสิบคนนี้ก็ดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกับทหารหลายสิบคนอย่างไรอย่างนั้น ขอเพียงมีคนออกคำสั่ง ให้ฆ่าคนก็จะฆ่าโดยไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะหัวหน้าผู้คุมกันที่ยืนอยู่ตรงกลาง แม้จะดูแล้วไม่แข็งแกร่ง กลับจะดูอ่อนแอด้วยซ้ำ แต่กลับมีใบหน้าเคร่งขรึมจนกระทั่งสามารถรับรู้ได้ถึงไอสังหารที่ปรากฏบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองคมกริบ ในตอนที่เดินเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเย่เทียนเฉินเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว นี่เป็นสัญชาตญาณของยอดฝีมือ
“พี่ พี่จะโหดร้ายแบบนี้จริงๆ หรือ? พวกพี่จะไม่คิดถึงความสัมพันธ์ญาติมิตรแบบนี้จริงๆ หรือ?” หลัวเยี่ยนถามด้วยความเสียใจ
“หึ ญาติมิตร? แกเป็นคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลัวนานแล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์เครือญาติอะไรกับแกอีก วันนี้ลูกชายของแกจำเป็นต้องตาย ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย!” หลัวเสียนเม่ยมองไปยังหลัวเยี่ยนอย่างดุดันแล้วด่าออกมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลำพองใจ เนื่องจากผู้คุ้มกันมากันหมดแล้ว และยังมีเปาเทียนหลงหัวหน้าผู้คุมกันที่นำทัพมาเองกับตัว ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินก็ไม่กล้าลงมืออีกครั้งแน่
“ใช่ แกเป็นคนที่ถูกตระกูลหลัวของเราไล่ออกไปนานแล้ว ยังกล้ากลับมาอีก?”
“ลูกชายของแกกล้าลงมือกับคนตระกูลหลัว มีกี่ชีวิตก็ไม่พอชดใช้”
“ทิ้งกล่องหยกหงส์มังกรเอาไว้ซะ แล้วคุกเข่าโขกหัวยอมรับผิดก็จะยอมปล่อยพวกแกแม่ลูกไปสักครั้ง!”
“ยังจะพูดมากอะไรอยู่อีก ส่งกล่องหยกหงส์มังกรมาซะ…”
“ฉันว่าฆ่าไอ้เดรัจฉานนี่ก่อนแล้วค่อยพูดกันเถอะ จะได้ลดความโอหังของมันบ้าง…”
แรกเริ่มคนตระกูลหลัวเหล่านี้ซึ่งรวมไปถึงคุณลุงทั้งหลายต่างถูกเย่เทียนเฉินที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมทำให้ตกใจไป จะอย่างไรหลายคนก็เคยได้ยินข่าวลือของเขาในเมืองหลวงมาก่อน ตระกูลฉินและตระกูลลั่วตกต่ำลงในเวลาเพียงคืนเดียว และตระกูลลั่วยังถูกฆ่าล้างตระกูลอีกด้วย พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง เย่เทียนเฉินอาศัยพลังของคนเพียงคนเดียวทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมุมมองจริงๆ
แต่ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าผู้คุ้มกันแห่งตระกูลหลัวของตนมาถึงแล้ว อีกทั้งคนที่นำกองกำลังมาก็ยังเป็นเปาเทียนหลงหัวหน้ากองกำลังที่แข็งแกร่ง ต่อให้เย่เทียนเฉินจะมีความสามารถมากกว่านี้ ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่มือของเขา ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หากทำให้หัวหน้าผู้คุ้มกันโกรธขึ้นมาจนยิงปืนฆ่าสองแม่ลูกคู่นี้ ถ้าอย่างนั้นก็จะง่ายดายขึ้นมาก เห็นได้ว่าคนตระกูลหลัวไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ญาติมิตรเลยแม้แต่น้อย
“หลัวเยี่ยน ยังไม่มอบกล่องหยกหงส์มังกรมาอีก คิดจะให้ฉันออกคำสั่งให้ฆ่าลูกชายแกหรือไง?” หลัวฉีคิดว่าตนเองได้เปรียบ จึงต้องการทำให้สองแม่ลูกคู่นี้ต้องอับอายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
หลัวเยี่ยนมองไปยังคุณลุงทั้งหลายที่อยู่รอบๆ เหล่าพี่น้องรุ่นราวคราวเดียวกับตนเอง รวมไปถึงญาติผู้ใหญ่แห่งตระกูลหลัว ทุกคนต่างก็มีท่าทางโหดเหี้ยมดุดัน กำลังเพ่งเล็งมาที่เธอและเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูก หากเป็นเวลาปกติ บางทีหลัวเยี่ยนอาจจะกังวลถึงความปลอดภัยของลูกชาย แต่วันนี้เธอก็ถูกยั่วโมโหจนโกรธเข้าจริงๆ แล้ว ถูกญาติมิตรที่ไม่เห็นตัวเองเป็นญาติมิตรเหล่านี้ทำให้โกรธแล้ว คนเรามีชีวิตอยู่เพียงไม่นานเท่านั้น ในตอนที่แย่งชิงกับคนภายนอกหลัวเยี่ยนก็อดทนและยอมถอย จะอย่างไรก็เป็นคนนอก แต่ตอนนี้คนที่เผชิญหน้ากับตนเองคือคนที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับเธอ พวกเขาถึงกับทำแบบนี้ต่อพวกเธอสองแม่ลูกทำให้ในใจของหลัวเยี่ยนรู้สึกโกรธ
“ไม่ กล่องหยกหงส์มังกรเป็นของขวัญแต่งงานที่คุณย่ามอบให้ฉัน ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้ว ฉันจะนำมันไป ถ้าพวกคุณต้องการก็ข้ามศพฉันไปก่อน!” ทันใดนั้นหลัวเยี่ยนจริงจังขึ้นมา มองไปยังทุกคนด้วยท่าทางแน่วแน่จริงจังแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวเยี่ยน คนที่เหลือต่างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและประหลาดใจ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมสิโรราบแบบนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกล้อมโจมตีแบบนี้ หลัวเยี่ยนจะเข้มแข็งขึ้นมาได้ หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าคิดจะแสดงความสามารถและความฉลาดของตัวเองออกมา เกรงว่าคนมากมายคงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความชื่นชม
“ดี…ทุกคนได้ยินแล้วนะ ฉันที่เป็นพี่ชายให้โอกาสแกแล้ว แต่แกไม่ยอมรักษาโอกาสเอาไว้ ถ้างั้นก็ไม่มีทางแล้ว ทำได้แต่ฆ่าลูกชายของแกซะ ดูซิว่าแกจะยอมส่งออกมาหรือเปล่า…” หลัวฉีพูดขึ้น มุมปากเจือไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ไม่มีความรู้สึกดั่งญาติมิตรเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรหรอก หรือถ้าฉันขอร้องพี่แล้วพี่จะยอมปล่อยฉันกับลูกไป? ยังไงก็เป็นคนถ่อยหยาบช้าอยู่แล้ว ทำไมต้องแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาด้วย?” หลัวเยี่ยนมองไปยังหลัวฉีผู้เป็นพี่ชายของตนเขม็งแล้วเอ่ยถามออกมา
“แก…ทุกคนลงมือซะ จับสองแม่ลูกคู่นี้มา ถ้ามันกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้เลย!” หลัวฉีถูกหลัวเยี่ยนกระตุ้นจนพูดอะไรไม่ออก ความอับอายกลายเป็นความโกรธแค้นจนตะโกนสั่งออกมา
ตอนนี้เองลุงหวังที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยถือกล่องหยกหงส์มังกรเอาไว้ในมือขวามาโดยตลอด เห็นว่าผู้คุ้มกันแห่งตระกูลหลัวจะลงมือกับหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉินจริงๆ ก็อดไม่ได้พี่จะกังวลใจขึ้นมา รีบก้าวออกมาพูดอย่างเคารพว่า “นายท่านทุกท่าน กล่องหยกหงส์มังกรนี้แม่เฒ่ามอบให้คุณหนูในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ทุกคนก็เห็นเองกับตา ให้คุณหนูนำไปเถอะครับ อย่าทำให้พวกเขาแม่ลูกต้องลำบากใจเลย ผมคิดว่าวันหน้าพวกเขาก็คงไม่กลับมาที่ตระกูลหลัวอีกแล้ว!”
“กล่องหยกหงส์มังกรเป็นของของตระกูลหลัวของพวกเรา จะให้คนนอกนำไปได้ยังไง”
“ถูกแล้ว คนนอกคนหนึ่งจะมาเอาของล้ำค่าของตระกูลหลัวของพวกเราไปได้ยังไง แม่เฒ่าอายุมากแล้ว อาจจะพูดผิดก็ได้!”
“จะต้องแก่จนจำผิดแน่นอน ถึงได้มอบกล่องหยกหงส์มังกรให้หลัวเยี่ยน ดังนั้นจะให้เขาเอาไปไม่ได้เด็ดขาด!”
เย่เทียนเฉินยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูดอะไร มุมปากอดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มสนุกสนานขึ้นพลางส่ายหัวเล็กน้อย ในใจก็คิดว่าไอ้แก่โง่งมฝูงนี้ของตระกูลหลัวหน้าหนาจริงๆ เพื่อกล่องหยกหงส์มังกรถึงกับยอมทำทุกอย่าง กระทั่งศักดิ์ศรีก็ไม่ต้องการแล้ว
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นทุกคนก็อยู่ด้วยแท้ๆ แม่เฒ่าตระกูลหลัวก็มีสติแจ่มชัดเป็นอย่างมาก ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าตระกูลหลัวว่าจะมอบกล่องหยกหงส์มังกรและหยกเปื้อนเลือดที่อยู่ด้านในให้แก่หลัวเยี่ยนผู้เป็นหลานสาว ตอนนี้คนกลุ่มนี้กลับพูดจาเฉไฉออกมาอย่างหน้าตาเฉย ช่างไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ไม่นับถือไม่ได้แล้ว มิน่าเล่าถึงได้มีประโยคที่พูดกันในสังคมอย่างกว้างขวางว่า ยิ่งเป็นคนตระกูลใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งไร้ยางอายมากเท่านั้น ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโตมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไร้ศักดิ์ศรีมากเท่านั้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำพูดที่มีเหตุผล!
“เหล่าหวัง แกนับเป็นตัวอะไรได้ ไสหัวไปซะ ที่นี่มีที่ให้แกพูดที่ไหนกัน อยากให้ฉันหักขาสุนัขของแกอีกข้างหนึ่งหรือไง?” หลัวเสียนเม่ยโพล่งออกมาพลางจ้องมองไปยังลุงหวังอย่างดุดัน
“เหล่าหวัง แกอยู่ข้างใครกันแน่?”
“ไอ้คนเลี้ยงเสียข้าวสุก ฉันว่าตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่แห่งตระกูลหลัวควรจะเปลี่ยนคนได้แล้ว!”
“ก็แค่คนใช้คนเดียวเท่านั้นยังกล้าปากมากอีก ฆ่าให้ตายก็สิ้นเรื่อง!”
เมื่อมีคำพูดร้ายกาจของหลัวเสียนเม่ยที่พูดด่าให้ลุงหวังต้องอับอาย คนอื่นๆ ก็พากันด่าตามมาครั้งใหญ่ ไม่มีความเคารพต่อคนรับใช้ชราที่ทำงานเพื่อตระกูลหลัวอย่างซื่อสัตย์มาทั้งชีวิตคนนี้เลยแม้แต่ครึ่งส่วน สามารถพูดได้ว่าเทียบไม่ได้แม้แต่สุนัขตัวหนึ่ง คนเหล่านี้ช่างไม่มีมนุษยธรรมจริงๆ ทำให้ต้องรู้สึกผิดหวังจริงๆ
ลุงหวังเห็นว่ามีคนมากมายที่ด่าตน ดวงตาก็แดงก่ำ ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ในใจก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขาคิดที่จะช่วยหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉิน เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีความสามารถ เขาก็เป็นแค่คนใช้คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดอะไรมากมาย เพิ่งจะพูดออกไปประโยคเดียวก็ต้องพบกับความอัปยศแบบนี้แล้ว ทำให้เขารู้สึกเสียใจและผิดหวังยิ่งนัก
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังลั่นดังขึ้นจนทำให้ห้องโถงเงียบลงในทันที ทว่าการตบหน้าครั้งนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้เป็นผู้ลงมือ ทุกคนมองไปยังหลัวเยี่ยนและหลัวเสียนเม่ย การตบหน้าเมื่อสักครู่นี้เป็นหลัวเยี่ยนที่ตบลงไปบนใบหน้าของหลัวเสียนเม่ย ตบได้อย่างรุนแรงและหนักหน่วงมาก ตบจนอีกฝ่ายมึนงง มือขวากุมแก้มของตนเอาไว้ พลางมองไปยังหลัวเยี่ยนด้วยความหวาดกลัว แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยเห็นท่าทางโกรธเคืองเช่นนี้ของหลัวเยี่ยนมาก่อน ไม่เคยเห็นพี่สาวที่อ่อนโยนกล้าทำร้ายตนเองมาก่อน
“พวกคุณพูดพอแล้วหรือยัง?” หลัวเยี่ยนกัดฟันแน่น ตะโกนใส่ทุกคนเสียงดัง
“แก…” หลัวเสียนเม่ยได้สติกลับมา มองไปยังพี่สาวของตนอย่างโหดเหี้ยม
เพี๊ยะ!
ตบหน้าไปอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หลัวเสียนเม่ยถูกตบจนทรุดลงไปกับพื้น มองหลัวเยี่ยนด้วยความหวาดผวา ภาพบรรยากาศของหลัวเยี่ยนที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้คนต้องรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาจริงๆ จินตนาการได้เลยว่าคนคนหนึ่งที่อ่อนโยนมาโดยตลอด เรียกได้ว่าถ้าถูกกตบก็ไม่เอาคืน ถูกด่าก็ไม่ตอบโต้ ในตอนที่โกรธขึ้นมาจริงๆ จะทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านและหวาดผวามากเพียงใด
“ฉันเป็นพี่สาว วันนี้จะสั่งสอนเธอสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าเคารพผู้อาวุโส อะไรที่เรียกว่ามนุษยธรรม!” ดวงตาทั้งสองของหลัวเยี่ยนแดงก่ำ มองไปยังหลัวเสียนเม่ยอย่าโกรธเคืองแล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง
…………………..