เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 264 ตัวการหลังม่านผู้ลึกลับ
“แก…” ไป๋อู่ตกตะลึง ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ตกใจจนหน้าขาวซีด บนหน้าผากอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมา แม้แต่ในความฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ฝีมือแข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส
เดิมทีไป๋อู่คิดว่า การที่เย่เทียนเฉินสามารถฝ่าบอดี้การ์ดถือปืนของชั้นสามมากมายขนาดนั้นมาได้เป็นเพราะโชคดีที่มีวิธีการอันร้ายกาจ มิฉะนั้นด้วยบอดี้การ์ดถือปืนสิบกว่าคนเย่เทียนเฉินจะต้องไม่มีทางบุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินเป็นอะไรที่เขาไป๋อู่ไม่อาจจะจินตนาการได้
“พูดมาเถอะ ฉันไม่อยากจะฆ่าแก แต่นี่ก็ต้องดูการกระทำของแกด้วย” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
คนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่เพิ่งจะได้สติกลับมา ทุกคนต่างมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างยากที่จะเชื่อ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แข็งแกร่งจนเกินกว่าจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่หวังป๋อจะถูกเย่เทียนเฉินตบหน้าไปหลายครั้งจนสลบไป ส่วนเจียงเวยยิ่งอนาถ ถูกเตะไปครั้งหนึ่ง เพียงแค่เตะครั้งเดียวก็ลุกไม่ขึ้นแล้ว
“ฆ่ามันซะ!”
ตอนนี้เองมือสังหารสองคนที่คุ้มครองไป๋อู่ได้สติกลับมา แต่ละคนก็ควักมีดออกมาแล้วพุ่งเข้าไปยังเย่เทียนเฉิน สำหรับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้ว การใช้ปืนนับเป็นการกระทำระดับต่ำ จะให้ดีควรจะเป็นมีดหรือมือเปล่าถึงจะเป็นสัญลักษณ์ของยอดฝีมือชั้นสูงที่แท้จริง
ฉัวะ!
ประกายมีดส่องสว่าง พุ่งตรงไปยังเสื้อกล้ามของเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็ว น่าเสียดายที่มีดของมือสังหารที่พุ่งเข้ามาคนแรกสุดยังไม่ทันได้แตะถูกเย่เทียนเฉิน เขาก็กระเด็นออกไปแล้ว ถูกเย่เทียนเฉินใช้ขาแตะไปที่ท้องอย่างฉับพลันโดยไม่ทันตั้งตัว ปลิวไปชนเข้ากับมือสังหารอีกคนหนึ่ง
ชั่วขณะนั้น เย่เทียนเฉินพุ่งเข้าไป ใช้มือขวาจับมีดที่ลอยอยู่ในอากาศของมือสังหารที่ถูกเตะปลิวออกไปคนนั้น แล้วแทงมีดเข้าไปที่หัวใจของเขาในเวลาเพียงชั่วพริบตา
ฉึก!
ฉึก!
เสียงดังขึ้นสองครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว บอดี้การ์ดที่ลงเมืองกับเย่เทียนเฉินคนแรกนั้นถูกมีดแทงทะลุหน้าอก ส่วนบอดี้การ์ดที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ลงมือก็ถูกมีดแทงเข้าไปที่หัวใจเช่นกัน หนึ่งมีดฆ่าสองศพ มือสังหารชั้นยอดทั้งสองถูกเย่เทียนเฉินกำจัดไปเช่นนี้เอง ต่อหน้าต่อตาเหล่าทายาทตระกูลใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ล้มลงไปนอนจมกองเลือด พวกผู้ชายตกใจจนรีบถอยหลังไป ส่วนพวกลูกคุณหนูสูงศักดิ์ก็กรีดร้องออกมา พวกเขาโอหัง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และสามารถสั่งให้คนอื่นไปฆ่าคนได้ตามใจ แต่กลับเห็นเหตุการณ์ฆ่าคนเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาน้อยมาก โดยเฉพาะการที่เย่เทียนเฉินใช้มีดเดียวฆ่าสองศพโดยที่บนใบหน้าประดับรอยยิ้มไร้พิษสงตั้งแต่ต้นจนจบ ช่างทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านจริงๆ
ครั้งนี้ทุกคนเห็นเย่เทียนเฉินฆ่าคนกับมือ ต้องกล่าวว่าตอนแรกที่อัดหวังป๋อและเจียงเวย เขายังไม่ได้ลงมือฆ่า และอย่างน้อยก็ยังไม่รู้ว่าหวังป๋อและเจียงเวยเป็นหรือตาย แต่มือสังหารชั้นยอดทั้งสองคนนี้ตายไปแล้วโดยสิ้นเชิง เลือดสดๆ ไหลเต็มพื้น ดูแล้วทำให้พวกเขาศีรษะชาวาบ
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว สิ่งที่เขาควรจะพูดก็พูดออกไปหมดแล้ว เมื่อเจอกับการด่าว่าของหวังป๋อและเจียงเวยเขาก็ตอบโต้ไปแล้ว กระทั่งไป๋อู่เองก็ไม่ได้มีความรู้สึกดังพี่น้องเหมือนในวันวานกับเขาอีกต่อไป เขาเมตตาและรักษาสัจจะจนถึงที่สุด แต่ในเมื่อไป๋อู่กลายเป็นคนโหดเหี้ยมและไม่คิดถึงฐานะของพี่น้องในอดีตแม้แต่น้อย แล้วทำไมเขาต้องยืนกรานด้วยล่ะ? ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ทำให้ได้รู้ข้อมูลที่เขาต้องการ แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไป๋อู่เต็มใจ หากไม่เต็มใจก็คงทำได้เพียงลงมือเท่านั้น ต้องสยบด้วยวิธีการรุนแรง
ไป๋อู่ใบหน้าซีดขาว จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำให้ใครตายมาก่อน เมื่อได้เป็นนายท่านรองของพรรคคุณชาย ไป๋อู่ย่อมต้องฆ่าคนมาไม่น้อย แต่คนเหล่านั้นเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าเอง เป็นลูกน้องที่ลงมือให้ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับความตายอย่างแท้จริง ตอนนี้เมื่อได้พบเย่เทียนเฉินฑีฆาบอดี้การ์ดทั้งสองของเขาโดยไม่ไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อย ในใจก็รู้สึกสั่นสะท้าน ที่สำคัญก็คือความกล้าหาญดุดันของเย่เทียนเฉินทำให้เขารู้สึกว่า ตอนที่จะฆ่าเขาเย่เทียนเฉินเองก็คงแข็งกร้าวเช่นนี้เหมือนกัน
“แก…แกจะฆ่าฉันหรือ?” ไป๋อู่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เย่เทียนเฉินไม่ได้ตอบไป๋อู่แต่ยังคงเดินก้าวไปข้างหน้าต่อไป
“แก…ตอนนี้แกจะหนีก็ไม่ทันแล้ว!” ไป๋อู่เห็นเย่เทียนเฉินไม่พูด จึงกล่าวออกมาด้วยใจที่เคร่งขรึม
เย่เทียนเฉินยังคงมองไป๋อู่ด้วยรอยยิ้ม ใกล้จะเดินไปถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว
“เย่เทียนเฉิน แกไม่ใช่คู่มือของคุณชายใหญ่โดยเด็ดขาด ไม่เพียงแต่แกจะต้องตาย ตระกูลเย่ทั้งหมดของแกก็ต้องตาย!” ไป๋อู่ พังทลายแล้ว จิตใจพังทลายโดยสิ้นเชิง เขาตะโกนใส่เย่เทียนเฉินลั่น
ทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหมด ทั้งผู้หญิงผู้ชายเหล่านั้นต่างก็ถูกเย่เทียนเฉินทำให้ตกใจจนโง่งมไปนานแล้ว จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางตกตะลึงจนแข็งค้าง พวกเขาไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินจะทำอย่างไรกับไป๋อู่ และไป๋อู่จะตอบโต้อย่างไร? เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้ทุกคนในพรรคคุณชายสั่นสะท้านได้ ถูกทำให้มึนงงไปหมด คนคนนี้เปลี่ยนไปร้ายกาจมากจริงๆ เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว ฝีมือห่างชั้นกับพวกเขาเกินไป
“พูดมาเถอะ สิ่งที่ควรพูดก็พูดมา!” เย่เทียนเฉินพูดกับไป๋อู่ด้วยรอยยิ้มบางเบา
“ฉัน ฉันไม่รู้ว่าควรพูดอะไร…” ไป๋อู่จ้องเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน
“ไม่พูดจริงเหรอ?” เย่เทียนเฉินทำเพียงถามอย่างเรียบเฉย
“แก…” ไป๋อู่ใจเต้นตึกตัก เขาสัมผัสได้ว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ล้อเล่น ถ้าหากเขาไม่พูดเรื่องเมื่อปีนั้นออกมาบางทีอาจจะตายจริงๆ ก็เป็นได้
“โอกาสสุดท้ายแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของไป๋อู่
ฟุ่บ ไป๋อู่ทรุดลงนั่งกับพื้น หอบหายใจครั้งใหญ่ เย่เทียนเฉินยังไม่ได้ลงมือกับเขาก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันมันมหาศาลจนรับไม่ไหวแล้ว นี่น่ากลัวกว่าการฆ่าเขาตรงๆ อีก
“ให้พวกเขาออกไปเถอะ ฉันจะพูดกับแกตามลำพัง!” ไป๋อู่มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดออกมาอย่างจนใจ เขารู้ว่าวันนี้หากไม่พูดเรื่องเมื่อปีนั้นออกไปจะต้องไม่ได้ออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่นอน เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินยังคงเป็นเหมือนเมื่อวันวานที่มีเพียงถูกผู้อื่นเหยียบย่ำ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ทำให้ผู้คนรู้สึกห่างชั้นกันมาก ตนเองวางมาดนายท่านรองเบื้องหน้าเขา ช่างอ่อนแอจริงๆ!
เย่เทียนเฉินยิ้ม หันไปมองเหล่าทายาทตระกูลใหญ่ที่ยืนตะลึงอยู่กับที่กลุ่มนั้น แล้วพูดว่า “ออกไปให้หมดเถอะ อย่าลืมลากไอ้โง่สองคนนั้นออกไปด้วย ฉันไม่อยากเห็นพวกมัน เดี๋ยวจะทนไม่ไหวจนต้องลงมือฆ่า!”
ถึงแม้ในหมู่ทายาทตระกูลใหญ่ยังมีคนไม่พอใจเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง เพราะจะอย่างไรพวกเขาก็ยโสโอหังมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกดดันพวกเขา คนเพียงคนเดียวสามารถทำให้พวกเขาสั่นสะท้านได้ทั้งหมด ช่างน่าขายหน้าจริงๆ จึงต้องการออกหน้าต่อกรกับเย่เทียนเฉิน แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไว้ เพราะตอนนี้กระทั่งไป๋อู่ก็ไม่กล้าพูดจามั่วซั่วและไม่กล้าพูดอะไรมากความ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย
เมื่อเห็นหญิงชายทั้งหลายของพรรคคุณชายเดินออกไปหมดแล้ว เย่เทียนเฉินก็นั่งลงบนโซฟา หยิบซิก้าบนโต๊ะกาแฟขึ้นมาจุดสูบ ในขณะเดียวกันก็รินเหล้า เตรียมจะฟังไป๋อู่พูด คงจะมีข้อมูลไม่น้อยเลยทีเดียว
“จะพูดหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องเมื่อปีนั้น…เรื่องเมื่อปีนั้น ความจริงฉันวางยาในกาแฟที่ให้แกดื่ม จากนั้นแกก็ถูกคนอื่นควบคุม เรื่องที่ไปเห็นหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำก็เป็นเรื่องที่จงใจจัดฉากขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่ ฉันแค่ทำตามคำสั่ง ช่วยเขาทำเรื่องต่างๆ มาโดยตลอด จากนั้นฉันก็ได้เลื่อนตำแหน่ง!” ไป๋อู่มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ถ้างั้นแกกับคนที่อยู่เบื้องหลังมีความสัมพันธ์กันยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้แกจะไม่สงสัยอะไรบ้างเลยเหรอ?” เย่เทียนเฉินถามยิ้มๆ เขายังเข้าใจไป๋อู่อยู่บ้าง ถึงแม้อำนาจตระกูลของไป๋อู่จะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็นับว่าเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง และเป็นคนที่ไม่พอใจที่ต้องอยู่สังคมระดับร่างมาโดยตลอด เพราะแบบนี้จึงถูกผู้อื่นชี้นำและควบคุม ไป๋อู่เองก็รู้ว่าสักวันหนึ่งจะมีจุดจบอย่างไร รอให้เขาไม่ควรค่าที่จะใช้ประโยชน์ก็จะถูกฆ่าทิ้ง ถูกทำให้หายไปอย่างสะอาดหมดจด
ไป๋อู่มองเย่เทียนเฉิน แล้วจึงหยิบซิก้าจากบนโต๊ะกาแฟมามวนหนึ่งก่อนจะจุดขึ้นสูบด้วยตัวเอง ทอดถอนใจยาวๆ แล้วพูดขึ้นว่า “แกกับฉันเป็นดังพี่น้องกันมาหลายปี ยังเป็นแกที่เข้าใจฉันดีที่สุด ฉันย่อมต้องเคยสงสัยมาก่อนแน่นอน และค่อยๆ สังเกตการณ์ มีหลายครั้งที่ฉันหาทางเพื่อให้ได้พบคนที่อยู่หลังม่านคนนั้น แต่กลับถูกขวางเอาไว้ แต่อย่างน้อยฉันก็มั่นใจอย่างหนึ่งนั่นก็คือ คนที่ชี้นำให้ฉันวางแผนร้ายเพื่อให้แกไปเห็นหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำเมื่อปีนั้น เป็นคนเดียวกับคนที่ได้กลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของพรรคคุณชายในตอนนี้!”
เย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดของไป๋อู่ก็ขมวดคิ้ว คนเดียวกัน เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่าเมื่อสองปีก่อน บุคคลที่อยู่หลังม่านคนนี้ก็คิดจะใส่ร้ายตนเองและหลิ่วหรูเหมยแล้ว ไม่เพียงแต่จะต้องการให้ตนตาย แต่ยังต้องการทำลายชื่อเสียงของหลิ่วหรูเหมยอีกด้วย หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าต้องการทำให้เขาเย่เทียนเฉินตายเพียงคนเดียว สองปีถัดมาบุคคลที่อยู่หลังม่านคนนี้ก็ปั่นป่วนแผ่นดินจนกลายเป็นลูกพี่ใหญ่แห่งพรรคคุณชาย ไม่กล่าวไม่ได้ว่าปีนป่ายได้เร็วมาก และมีฝีมือมากด้วย
“คนเดียว ถ้างั้นทุกครั้งที่พวกแกติดต่อกัน ทำยังไง?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถาม
“ติดต่อทางโทรศัพท์ ฉันไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงเขาเท่านั้น แต่ฉันเดาว่านั่นก็คงถูกจัดการมาก่อน ฉันเคยสืบหาจากโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย!” ไป๋อู่พูดพลางส่ายหน้า
“ดูท่าคนๆ นี้คงจะซ่อนตัวได้ลึกลับมาก น่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดทางยืนขึ้น
เมื่อเย่เทียนเฉินพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่ได้ทำอะไรกับตนมากมาย ไป๋อู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเข้าใจว่าเย่เทียนเฉินไม่ฆ่าเขาเพราะคิดถึงความสัมพันธ์พี่น้องเมื่อปีนั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นพี่น้องที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาครั้งหนึ่ง ต่อให้ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่ก็นับว่ามีไมตรีอยู่บ้าง
“เรื่องเมื่อปีนั้นฉันเองก็ถูกบังคับ ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้ไปตลอด และไม่อาจทำให้ตระกูลไป๋ของฉันเป็นแบบนี้อีกต่อไป ขอโทษด้วย!” ไป๋อู่มองแผ่นหลังของเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินชะงักฝีเท้า ยังคงไม่พูดอะไรเช่นเดิม จากนั้นจึงก้าวเดินออกไปจากเทียนซ่างเหรินเจียน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา มีเรื่องราวมากมายได้เปลี่ยนไปแล้ว
ไป๋อู่เห็นเย่เทียนเฉินเดินออกไปจากห้องส่วนตัวก็ลุกขึ้นยืนจากพื้น ทันใดนั้นมุมปากเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้นแล้วพูดออกมาว่า “เย่เทียนเฉิน ทางที่ดีแกก็กำจัดคนที่อยู่หลังม่านไปซะ แบบนั้นฉันก็จะได้เป็นลูกพี่ใหญ่ของพรรคคุณชาย ถ้าหากคนที่ตายเป็นแก ฉันก็จะช่วยคนเบื้องหลังคนนี้กำจัดตระกูลเย่ของแกให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะยังไงก็มีประโยชน์กับฉันไป๋อู่ทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ!”
……………