เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 268 ช่างวุ่นวายจริงๆ!
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เย่เชี่ยนเหวินก็ไปโรงเรียน ส่วนหลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยก็ไปเดินช็อปปิ้ง ดูเหมือนว่าฉีหรูเสวี่ยจะถูกแม่ร้องขอให้อยู่ต่ออีกครั้ง เย่เทียนเฉินไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรดี ช่างเถอะ ขอเพียงแม่ชอบเธอก็พอ ส่วนท่าทางที่ตนมีต่อฉีหรูเสวี่ย ไม่อาจเรียกได้ว่าชอบ และไม่อาจเรียกได้ว่าเกลียด
“เทียนเฉิน ต้องไปเรียนเร็วๆ หน่อยนะลูก ตั้งใจเรียนด้วย!” ก่อนที่หลัวเยี่ยนจะออกไปก็ได้กล่าวกำชับกับเย่เทียนเฉิน
“วางใจเถอะครับแม่ ผมจะต้องเอาใบจบปริญญาโทกลับมาให้แม่แน่นอนครับ!” เย่เทียนเฉินตอบแล้วหัวเราะ
เย่เทียนเฉินนอนลงบนโซฟาแล้วหาวออกมาครั้งหนึ่ง คว้าโทรศัพท์ของตนออกมาดู ด้านบนมีสายที่ไม่ได้รับอยู่หนึ่งสาย และมีข้อความอยู่หนึ่งข้อความ ดูเหมือนจะส่งมาสักพักแล้ว เบอร์ที่ไม่ได้รับเป็นของซูเฟยเฟย ส่วนข้อความเป็นเสี้ยวหยาที่ส่งมา
“เทียนเฉิน ทำไมนายยังไม่ถึงมหาวิทยาลัยอีก? ดูเหมือนช่วงนี้พี่อวี่สวิ๋นจะบอกว่าไม่ได้มาเรียน ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันเป็นห่วงมาก!”
เมื่ออ่านข้อความของเสี้ยวหยาแล้ว เย่เทียนเฉินก็ยิ้มพลางส่ายหัวเล็กน้อย เสี้ยวหยาเป็นคนใจดีมาก ส่วนเรื่องระหว่างตนกับหลิงอวี่สวิ๋น ยังไม่บอกเธอจะดีกว่า จะได้ลดทอนความกังวลของเธอได้บ้าง อีกอย่างหลิงเยว่พ่อของหลิงอวี่สวิ๋นก็ดูถูกเย่เทียนเฉิน คิดว่าที่เย่เทียนเฉินไปหาเรื่องคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงจะต้องตายอย่างแน่นอน ถึงไม่อยากให้ลูกสาวของตนมาเกี่ยวพัน และไม่อยากให้ตระกูลหลิงของตนไปเกี่ยวพัน กล่าวคือมีอคติต่อเย่เทียนเฉินที่เป็นคุณชายของตระกูลชั้นสามคนนี้นั่นเอง
“ฉันมีธุระนิดหน่อย วันนี้คงไม่ได้ไปเรียนแล้ว จะไปพรุ่งนี้!” เย่เทียนเฉินตอบกลับข้อความของเสี้ยวหยา
หลังจากที่เย่เทียนเฉินตอบข้อความแล้วจึงใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาในตอนนี้ต้องการจะไปที่มณฑลชวนมาก และจะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนให้หมด เนื่องจากความสามารถที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแสดงออกมาแข็งแกร่งมากจริงๆ เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบถูกกระทำ หากกล้ำกลืนก็ทำได้เพียงถูกตบตีเท่านั้น จำเป็นจะต้องลงมือบ้าง ลงมือโจมตีตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจนรับมือไม่ทัน ถึงจะเอาชนะได้ เขาคาดว่าจะกูลเซวียนเยวี๋ยนเองก็คงคิดไม่ถึงว่าตนจะกล้าพาคนไปหาเรื่องถึงที่ ถ้าหากรอให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนลงมืออีกครั้งเกรงว่าคงอันตรายแล้ว
ถึงแม้ในตอนนี้การทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องในเมืองหลวงก็ยังไม่สงบ อย่างแรกตนได้ตอบรับคำขอของผู้นำสูงสุดและท่านหยางไปแล้วว่าจะต้องไปที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงและคุ้มครองคนที่ชื่อตงฟางเมิ่ง ซึ่งก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการคุ้มครองแต่เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ไปก่อเรื่อง และไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายคนอื่น แต่จนถึงตอนนี้กระทั่งตงฟางเมิ่งมีหน้าตาอย่างไรเขาก็ยังไม่เคยเห็น เพียงเคยได้ยินหลิงอวี่สวิ๋นบอกว่า ผู้หญิงที่ชื่อตงฟางเมิ่งคนนี้ ได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยหลงเถิงสามปีซ้อน สวยและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก
แล้วยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเย่เทียนเฉินมักจะรู้สึกว่า มีกลุ่มอำนาจใหญ่กำลังจับจ้องตนเองอยู่ในมุมมืด ถ้าหากตนรีบออกไปจากเมืองหลวงและมุ่งหน้าไปยังมณฑลชวน กลุ่มอำนาจในเงามืดนี้จะลงมือกับครอบครัวของตนหรือไม่?
หากต้องการที่จะออกไปจากเมืองหลวงเพื่อไปยังมณฑลชวน เย่เทียนเฉินจำเป็นต้องใคร่ครวญถึงปัญหานี้ให้ดี หากเดินทางออกไปตามใจเกรงว่าจะก่อให้เกิดความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนได้ และกลายเป็นความเจ็บปวดไปตลอดกาล
เย่เทียนเฉินเปิดโทรทัศน์แล้วสำรวจช่องต่างๆ ตามใจ ทันใดนั้นเขาเห็นว่าพิธีกรข่าวช่องจิงตูไถกำลังออกอากาศว่า บริเวณชานเมืองของเมืองหลวง พบศพชายคนหนึ่ง ในตอนที่เขาได้เห็นใบหน้าของสภเพศชายคนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นั่นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไป๋อู่
“ลงมือรวดเร็วจริงๆ ฆ่าคนปิดปากเร็วขนาดนี้เชียว!” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตนเอง
ไป๋อู่ตายแล้ว เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่าบุคคลที่อยู่หลังม่านคนนี้จะเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ และจะมีความโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้ หลังจากที่ตนเพิ่งจะติดต่อกับไป๋อู่ไปไม่นาน ไป๋อู่ก็ถูกสังหารจนตาย ท่าทางบุคคลที่อยู่หลังม่านจะสังเกตเห็นเขาแล้ว จะต้องหาคนคนนี้ออกมาให้ได้ ให้เขาได้รับโทษที่ควรได้รับ
ในตอนนี้เองมือถือของเย่เทียนเฉินก็ดังขึ้น เมื่อมองหน้าจอก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกเบอร์หนึ่งโทรมา อดไม่ได้ที่จะกดรับสาย
“ฮัลโหล!” เย่เทียนเฉินกล่าว
“พี่ใหญ่ ผมคืออู๋เสวี่ย!” เสียงอู๋เสวี่ยในโทรศัพท์ดังขึ้น
“ในที่สุดแกก็โทรมาหาฉันจนได้ รับสมัครคนเป็นยังไงบ้างแล้ว?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม
“ทั้งหมดสามสิบคน แต่ละคนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งแต่ว่า…แต่ว่าในหมู่พวกเขามีคนหนึ่งต้องการเจอคุณ…” ดูเหมือนว่าอู๋เสวี่ยจะพูดอย่างลำบากใจ
“ต้องการพบฉัน? คืนนี้เที่ยงคืนเจอกันที่ป่าไผ่ที่ชานเมืองทางทิศใต้แล้วกัน ใช่แล้ว ช่วยซื้อคฤหาสน์ให้ฉันด้วยหลังหนึ่ง จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็บอกฉันด้วย!” เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ได้ครับพี่ใหญ่!” อู๋เสวี่ยตอบ
“ตอนนี้แก หูหลง หลินตวน เปาเทียนหลง พวกแกสี่คนรีบจัดการรับผิดชอบพาคนกลุ่มนี้มาพบฉันตอนกลางคืน แล้วค่อยว่ากันอีกที!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปาก
“ครับ พี่ใหญ่ ไป๋อู่ตายแล้วคุณรู้หรือยัง?” อู๋เสวี่ยเอ่ยถาม
“รู้แล้ว เมื่อคืนฉันเพิ่งจะไปเจอเขา วันนี้เขาก็ตายแล้ว ท่าทางจะมีคนเพ่งเล็งฉันอยู่!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
“เมื่อคืนโอวหยางเฟยอวิ๋นก็ถูกคนสังหารเหมือนกัน หัวและตัวอยู่กันคนละที่ ตายอนาถมาก!” อู๋เสวี่ยพูดขึ้น
“หืม? โอวหยางเฟยอวิ๋นเองก็ตายเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
อู๋เสวี่ยเคยเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ย่อมต้องมีความฉลาดเฉลียวที่จะหาข่าวสารแต่ละอย่างเป็นอย่างมากแน่นอน นี่เป็นสาเหตุที่เย่เทียนเฉินรับเขามาเป็นลูกน้อง ไม่เพียงแต่ฝีมือของอู๋เสวี่ยจะแข็งแกร่งมาก ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขาฉลาดและสุขุม มีความกล้ามีแผนการ อีกทั้งยังมีแหล่งข่าวและช่องทางต่างๆ อีกด้วย
“ใช่แล้วครับพี่ใหญ่ เมื่อคืนคุณไปติดต่อกับไป๋อู่วันนี้เช้าเขาก็ตายแล้ว แล้วคุณก็เคยมีเรื่องกับโอวหยางเฟยอวิ๋นมาก่อน เมื่อคืนเขาก็ตายเหมือนกัน ดูแล้วคงมีคนต้องการที่จะทำร้ายพวกเขา เพื่อกระตุ้นตระกูลโอวหยางและตระกูลเซวียนเยวี๋ยนให้ร่วมกันลงมือโจมตี เจตนาก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก ส่วนเจตนาที่ฆ่าไป๋อู่ก็คงไม่ผิดพลาดแล้ว นั่นก็คือต้องการฆ่าปิดปากเขา!” อู๋เสวี่ยกล่าววิเคราะห์ออกมา
“ฉันรู้แล้ว คืนนี้เที่ยงคืน ป่าไผ่ทางทิศใต้บริเวณชานเมือง พวกแกสามสิบคนต้องมาทั้งหมด ขาดไปคนเดียวก็ไม่ได้!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเข้มงวด
“ครับ!”
หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้วเย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าภายในคืนเดียวเรื่องจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นนี้ได้ และไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างมาก ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและโอวหยางเป็นสองตระกูลในโลกเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก็ลงมือแล้ว เผยให้เห็นจุดที่แข็งแกร่งของตระกูลเบื้องหลังของพวกเขาออกมา นี่ยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่าตระกูลฉินและตระกูลลั่วอีก พวกเขาแฝงตัวมานานหลายปีขนาดนี้ ในตระกูลย่อมต้องมียอดฝีมือชั้นสูงอยู่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังพิเศษหรือผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณ ล้วนมีทั้งนั้น รับมือได้ยากยิ่ง นี่ก็เป็นจุดที่หากทางรัฐบาลคิดจะลงมือก็ต้องใคร่ครวญให้ดี
“ท่าทางจะต้องจัดการความยุ่งยากทั้งสองของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางให้เร็วหน่อยซะแล้ว!” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วแล้วคิดในใจ
ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินยืนขึ้นอย่างฉับพลัน เดินไปที่ประตูคฤหาสน์ด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดประตูออก พบเฮยเมี่ยนกำลังขับรถจี๊ปทหารอยู่ เพิ่งจะมาถึงถนนสาธารณะด้านนอกคฤหาสน์เมื่อสักครู่นี้
“แกวิ่งมาบ้านฉันทำไมอีก? ทำภารกิจอะไรไม่สำเร็จอีกแล้วหรือเปล่า เลยต้องการที่จะมาขอร้องฉัน? ครั้งนี้ฉันไม่เลี้ยงแขกคงไม่ได้แล้ว!” เย่เทียนเฉินมองเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์
เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉินอย่างอับจนคำพูด แล้วเดินลงมาจากรถจี๊ปทหารไปเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน พูดขึ้นว่า “นี่เป็นคำสั่งที่ท่านหยางสั่งลงมาถึงแก สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณอาจจะมีการประลองกันในไม่กี่วันนี้ อย่าปล่อยให้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด!”
“การประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ?” เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว ตงฟางเมิ่งก็เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ แล้วยังมีเซี่ยอวี่เหอที่แกพบก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกสองคน คือเทียนซวงเอ๋อร์และชิงเฉิงเยว่ ในหมู่ผู้หญิงทั้งสี่คนนี้ความสามารถของชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ด้อยไปกว่าแกเลย!” เฮยเมี่ยนเอ่ยปากอธิบายง่ายๆ อย่างรวดเร็ว
“อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ตาแก่หยางอี้คนนี้ต้องการให้ฉันไปดูคนที่ชื่อว่าตงฟางเมิ่งอะไรนั่น ความจริงก็เพื่อต้องการหยุดยั้งการประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณใช่หรือเปล่า? เรื่องแบบนี้พวกแกถึงกลับไม่ยอมบอกฉันให้เร็วสักหน่อย จะเกินไปหรือเปล่า? นี่เป็นการไม่เชื่อใจและเป็นการหลอกลวงฉัน ฉันรู้สึกโกรธและโมโหมาก ฉันต้องการหยุดงานประท้วง ฉันต้องการลาออก!”เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา
“แก…ฉันคงปฏิบัติกับแกดีเกินไปจริงๆ สินะ คนที่กล้าพูดแบบนี้กับเหล่าผู้นำของประเทศ เกรงว่ามีแค่แกคนเดียว รู้หรือเปล่า ท่านหยางบอกว่าขอเพียงครั้งนี้แกหยุดยั้งการประลองของผู้หญิงทั้งสี่คนนี้ได้ และไม่ให้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บ ก็จะให้พ่อของแกได้เลื่อนขั้น!” เฮยเมี่ยนกล่าวอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางรับไม่ได้
“จริงเหรอ? เอาแบบนี้แล้วกัน อืม ฉันเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่คนถ่อยอะไร ดูท่าพวกแกมีความจริงใจขนาดนี้ ก็จะให้อภัยพวกแกสักครั้งก็แล้วกัน จำไว้ว่าแกต้องไปบอกตาแก่หยางว่าครั้งหน้าจะไม่ยอมแล้ว!” เย่เทียนเฉินยักไหล่ พูดออกมาด้วยท่าทางจนใจ
“ไอ้หนูแกอย่าได้ลำพองใจเกินไปนัก การประลองของพรรควรยุทธโบราณนี้ มีมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แกก็รู้ว่าพรรควรยุทธโบราณที่สืบทอดกันมาพวกนี้แข็งแกร่งขนาดไหน กระทั่งทางรัฐบาลก็ไม่เต็มใจที่จะเข้าไปก้าวก่าย ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องตงฟางเมิ่ง ท่านหยางก็คงไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง ในหมู่พรรควรยุทธโบราณของพวกเขามีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง แกเพียงแค่ปกป้องตงฟางเมิ่งก็พอแล้ว!” เฮยเมี่ยนเอ่ยปากพูด
“รู้แล้ว ก็แค่สาวงามสี่คนไม่ใช่เหรอ? ฉันรับได้ทั้งหมดแหละ!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวฮี่ๆ
“ฉันบอกแล้วว่าแกอยากได้ลำพองใจเกินไป ได้ยินว่าในหมู่พวกเธอคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือชิงเฉิงเยว่ เป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากยิ่งในรอบร้อยปีของพักวรยุทธโบราณ ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่มีใบหน้างดงามจนสวรรค์ต้องอิจฉา ทั้งยังมีความสามารถที่สั่นสะท้านพรรควรยุทธโบราณทั้งหมดได้อีกด้วย ว่ากันว่ามีฝีมือเกินหน้าอาจารย์ของเธอไปแล้ว และจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพวกเขา!”
เฮยเมี่ยนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
…….