เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 275 ปะทะกลุ่มยอดฝีมือ
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่มีความโอหังเป็นอย่างมากตรงนี้ เขาก็ทำเพียงเดินไปตรงกลาง ต้องการที่จะใช้พลังของตนเองเพียงลำพังเพื่อท้าทายพวกเขาทั้งหมด
นี่ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินลำพองใจและไม่ใช่ว่าเขาจะยโสโอหังจนไม่เห็นหัวใคร แต่เป็นเพราะเขามองออกว่าคนสิบกว่าคนที่อยู่ที่นี่ แต่ละคนต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ในใจของเขาย่อมยินดีเป็นอย่างมาก ความสามารถในการสร้างอำนาจของอู๋เสวี่ยอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาไปแล้ว ถึงกับสามารถรับสมัครยอดฝีมือชั้นยอดสิบกว่าคนนี้มาได้ นี่นับว่าการก่อตั้งอำนาจในครั้งแรกของตนประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
และเป็นเพราะคนสิบกว่าคนที่อยู่ที่นี่ แต่ละคนต่างก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง มีฝีมือแข็งแกร่งห้าวหาญเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินจึงใช้วิธีเช่นนี้มาสยบพวกเขา เพราะเขาเข้าใจถึงหลักการอย่างหนึ่งว่า ยิ่งเป็นยอดฝีมือก็ยิ่งต้องสยบให้ดี ใช้ความสามารถของตนทำให้พวกเขายอมรับทั้งกายใจ พวกเขาจึงจะยอมเก็บความโอหังของตนกลับไป และทำเรื่องต่างๆ ให้คุณอย่างเต็มใจ มิฉะนั้นคุณก็ทำได้เพียงถูกพวกเขาดูถูก พวกเขาไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาแล้วยังจะทำอะไรให้คุณได้อีก?
ใช้ความสามารถสยบคนเหล่านี้ถึงจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การพูดจามากความยังไม่อาจสู้หมัดของคุณได้ ใช้หมดไปบอกคนเหล่านี้ว่าตนเองเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขาได้ นี่ถึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด
บนโลกใบนี้ บางคนสามารถใช้เงินหรือสามารถใช้อำนาจซื้อตัวมาได้ แต่มีบางคนต้องใช้ความสามารถสยบเท่านั้น!
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินยืนอยู่ที่พื้นตรงกลาง จากที่อู๋เสวี่ยบอก ในหมู่คนเหล่านี้หวังเจี๋ยเป็นคนที่มีฝีมือแข็งแกร่งห้าวหาญที่สุด และปลีกตัวออกไปฉี่อยู่ ส่วนจางอู่เฉวียนและชายวัยกลางคนที่ชื่อเติ้งซวง ต่างก็มาด้วยกันกับหวังเจี๋ย พวกเขาก้าวออกมาพร้อมกันเตรียมจะลงมือกับเย่เทียนเฉิน
ตอนนี้เอง บริเวณนั้นเงียบเป็นพิเศษ ทุกคนต่างมองไปยังเย่เทียนเฉิน เพราะเมื่อครู่นี้ฝีมือที่แสดงออกมาของชายหนุ่มที่ถูกพวกเขาดูหมิ่นและดูถูกคนนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก กระทั่งเรียกว่าสั่นสะท้านเลยก็ว่าได้
จางอู่เฉวียนมีความสามารถแข็งแกร่งห้าวหาญมาก เรียกได้ว่าเป็นรองเพียงหวังเจี๋ยเท่านั้น สามารถปะทะกับเปาเทียนหลงที่เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้าได้ ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ถึงความร้ายกาจของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจุดที่ร้ายกาจที่สุดของจางอู่เฉวียนก็คือการโจมตีอันรวดเร็วของเขาที่รวดเร็วดุจสายฟ้า และใช้จุดนี้รับมือกับเปาเทียนหลง มิฉะนั้นหากต่อสู้กันตรงๆ บางทีจางอู่เฉวียนก็คงไม่สามารถเอาชนะเปาเทียนหลงได้
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า ลูกเตะของจางอู่เฉวียนที่รวดเร็วยากจะป้องกัน หลายคนที่อยู่ที่นี่ถามตนเองก็พบว่าไม่สามารถหลบได้ แต่เย่เทียนเฉินกลับหลบได้ง่ายๆ แล้วยังเกือบจะโจมตีจางอู่เฉวียนจนบาดเจ็บได้อีกด้วย หากไม่ใช่ว่าจางอู่เฉวียนมีฝีมือแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน คงจะยับเยินไปแล้ว
“ต้องการให้พวกฉันสองคนลงมือพร้อมกัน แกรนหาที่ตายจริงๆ แล้วหรือไง?” จางอู่เฉวียนมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถาม
“ฉันบอกแล้ว พวกแกเข้ามาพร้อมกันอีกหลายคนก็ได้ ยังไงฉันก็รอด!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
“ฉันไม่ชอบพูดจาไร้สาระ พวกเรามาจัดการไอ้หนูนี่กันเถอะ แล้วก็ไปหาหวังเจี๋ย ไปจากที่นี่ด้วยกัน ไม่สนุกเลยสักนิด!”
เติ้งซวงเป็นคนที่พูดคนสุดท้ายแต่กลับเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉิน จางอู่เฉวียนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกำหมัดแน่นก้าวขึ้นไปพร้อมกับเติ้งซวง หวังเข้าไปฆ่าเย่เทียนเฉิน
คนทั้งหมดต่างจดจ่ออยู่กับการมองเหตุการณ์นี้ ต่างคิดอยากจะเห็นว่าตกลงแล้วใครกันแน่จะเป็นผู้ชนะ อู๋เสวี่ย หูหลง หลินตวน และเปาเทียนหลงทั้งสี่คนก็จับตาดูอย่างใกล้ชิด พวกเขารู้ว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก มีความสามารถที่ลึกล้ำเกินหยั่ง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล เพราะจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงทั้งสองเรียกได้ว่านอกจากหวังเจี๋ยแล้ว ก็เป็นคนที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนหลายสิบคนนี้ หากต้องการที่จะเอาชนะคนทั้งสองที่ร่วมมือกันโจมตีเข้ามา คงจะยากลำบากเป็นอย่างมาก ถ้าหากเย่เทียนเฉินพ่ายแพ้ เช่นนั้นยอดฝีมือสิบกว่าคนที่เขาหามาอย่างยากลำบากจะต้องจากไปทั้งหมดแน่นอน ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ตู้ม!
เสียงดังสนั่น เย่เทียนเฉินไม่ได้ลำพองใจ เขารู้ว่าจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงทั้งสองแข็งแกร่งมาก และไม่ได้แข็งแกร่งธรรมดาๆ หากตนเองต้องการจะเอาชนะพวกเขาจะต้องลงมือเต็มที่ หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียวก็อาจจะได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้ ดังนั้นในตอนที่เติ้งซวงพุงเข้ามาหาตนแล้วซัดหมัดออกมา มือขวาของเย่เทียนเฉินก็กำแน่น กระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขึ้นมาแล้วปล่อยหมัดออกไปเช่นเดียวกัน
ดวลกันหนึ่งหมัด เย่เทียนเฉินซัดเติ้งซวงจนกระเด็นออกไปหลายเมตร ถึงแม้ว่าเติ้งซวงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ตื่นตะลึงอย่างหาใดเปรียบ เมื่อครู่นี้เขาเพียงเห็นจางอู่เฉวียนลงมือกับเย่เทียนเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ ถึงกับใช้หมัดเดียวต่อยตนจนกระเด็นถอยหลังออกไปได้ ต้องทราบว่าความสามารถของเขาเติ้งซวงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจางอู่เฉวียนเลย
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
เย่เทียนเฉินเพิ่งจะต่อยเติ้งซวงจนกระเด็นออกไป จางอู่เฉวียนก็มาใกล้ด้านหน้าแล้ว จากนั้นจึงจัดกระบวนท่าที่เขาชำนาญที่สุดออกมา เรียกว่าหมัดสายฟ้า ซึ่งก็คือหมัดที่รวดเร็วดุจสายฟ้าตามชื่อ โจมตีไปยังเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรงไม่หยุด ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเย่เทียนเฉินทำได้เพียงถอยหลังหลบไปไม่หยุด หาทางที่จะทำลายให้ได้
“หึ ฉันว่าไอ้หนูนี่ไม่ใช่คู่มือของจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงหรอก!”
“จะถูกกำจัดเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้ว!”
“แต่เขาสามารถป้องกันการร่วมมือการโจมตีของพวกเขาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว!”
ในกลุ่มคนที่เหลือ มีบางคนอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา จนถึงตอนนี้แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ได้โจมตีจางอู่เฉวียนและเติ้งซวง แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาก็ทำให้ใครหลายคนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านแล้ว คนเพียงคนเดียวรับมือกับยอดฝีมือทั้งสองอย่างจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงเพียงลำพังได้ ไม่เพียงแต่จะไม่พ่ายแพ้ แต่ยังหาทางหนีทีไล่และตอบโต้กลับได้อีกด้วย จะไม่ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านได้อย่างไร
หมัดของจางอู่เฉวียนรวดเร็วอย่างมาก เหมือนกับสายฟ้าจริงๆ โดยเฉพาะในหมัดของเขาที่คละเขาไปด้วยพลังภายในอันมหาศาล พลังภายในประเภทนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ว่า ไม่เหมือนกับพลังภายในที่ยอดฝีมือคนอื่นๆ ใช้ พลังภายในที่จางอู่เฉวียนฝึกฝน ไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งหาใดเปรียบ แต่ยังเข้ากันได้ดีกับเคล็ดหมัดที่รวดเร็วอีกด้วย กลายเป็นการปิดล้อมคู่ต่อสู้ ทำให้อยากหลบก็ไม่อาจหลบได้ เบื้องหน้าของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ก็คือเงาหมัดจำนวนหนึ่ง หากไม่ระวังก็จะถูกโจมตีจนบาดเจ็บได้
ตอนนี้เองเติ้งซวงบุกเข้ามาอีกครั้ง ในมือขวาปรากฏมีทหารเล่มหนึ่งขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นบนมีดทหารเล่มนั้นก็มีพลังภายในล้นทะลักออกมาอีกด้วย มหาศาลจนทำให้ผู้คนต้องตกใจ ทำให้มีดทหารด้ามเล็กกลายเป็นมีดทหารที่ส่องประกายลุกโชน
ฟู่!
มีทหารถูกฟันลงมา เย่เทียนเฉินที่กำลังหลบหมัดอันรวดเร็วของจางอู่เฉวียนอยู่ กลับพบว่ามีเงามีดอันใหญ่ยักษ์ร่วงหล่นลงมากลางอากาศ มีพลังที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เขาขมวดคิ้ว แต่มุมปากกับเผยรอยยิ้มออกมา สิ่งที่เขารอก็คือโอกาสเช่นนี้ โอกาสที่จะโจมตีจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงในเวลาเดียวกัน
“ย๊าก!”
เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา เบื้องหน้าของเขาปรากฏกำแพงดินขึ้นแห่งหนึ่ง เขาใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาออกมา ในตอนที่หมัดและเงามีดของจางอู่เฉวียนและเติ้งซวงโจมตีลงมาบนกำแพงดินทั้งหมด การโจมตีของพวกเขาก็เหมือนกับโคลนที่จมลงสู่ทะเลสาบ ไม่มีผลอะไรโดยสิ้นเชิง ต่างพากันตกใจรีบพุ่งเข้าไปด้านล่างของกำแพงดิน แล้วใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป ต้องการจะทำลายกำแพงดินนี้แล้วอัดเย่เทียนเฉินให้ได้
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่จางอู่เฉวียนและเติ้งซวงพุ่งไปเบื้องล่างกำแพงดิน จะมีกำแพงดินอีกหลายแห่งปรากฏขึ้น ล้อมพวกเขาเอาไว้ คนที่อยู่ด้านนอกจึงไม่อาจเห็นสถานการณ์ด้านในได้
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงดังลั่นดังขึ้นสองครั้ง จางอู่เฉวียนและเติ้งซวงซัดกำแพงดินที่ปิดล้อมตนออกมาได้ในเวลาเดียวกัน แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้เอง เงาร่างเงาหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าตกลงมาจากฟ้า และใช้หมัดทั้งสองโจมตีพวกเขาพร้อมกัน คนคนนี้ก็คือเย่เทียนเฉิน
จางอู่เฉวียนและเติ้งซวงทำได้เพียงโจมตีสกัดเท่านั้น ในอากาศที่ไม่มีจุดยืนที่มั่นคง พวกเขาถูกหมัดทั้งสองของเย่เทียนเฉินซัดจนกระเด็นเข้าไปในช่องว่างที่กำแพงหลายแห่งสร้างขึ้น เย่เทียนเฉินเองก็พุ่งตามเข้าไปด้วย
จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครมองเห็นด้านในกำแพงแล้ว สถานการณ์การต่อสู้ของเย่เทียนเฉินและจางอู่เฉวียนกับเติ้งซวงทั้งสามจะเป็นอย่างไรกันแน่ เนื่องจากทั้งสี่ด้านต่างถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงดิน แล้วพวกเขาเองก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปใกล้ตามใจชอบ ทั้งสามต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นสูง ตอนนี้เกรงว่าคงจะต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง หากเข้าไปใกล้ตามใจ เป็นไปได้มากว่าจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ
ตู้ม!
หมัดหมัดหนึ่งระเบิดออกมา ซัดกำแพงดินจนเป็นรูใหญ่ แล้วพุ่งขึ้นไปในอากาศ!
ฉัวะ!
เงามีดฟันกำแพงดินจนแตก และพุ่งออกมาเช่นเดียวกัน เฉือนไปบนต้นไผ่ที่อยู่ไม่ไกลจนต้นไผ่ถูกฟันเป็นสองส่วน รอยฟันเรียบกริบเป็นอย่างมาก ถ้าหากฟันถูกตัวคนเกรงว่าคงจะกลายเป็นสองท่อนแน่นอน
ตู้มๆ!
เสียงดังขึ้นสองครั้ง มีเงาร่างของคนสองคนพุ่งออกมาจากกำแพงดิน แล้วร่วงลงสู่พื้น ต่างพากันมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความไม่พอใจ สองคนนี้ก็คือจางอู่เฉวียนและเติ้งซวง พวกเขาแพ้แล้ว แพ้ให้กับเย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินยังคงเดินออกมาจากกำแพงดินด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม มองไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่ที่กำลังตกตะลึงจนคางแทบร่วง
“นี่…จางอู่เฉวียนและเติ้งซวงแพ้แล้ว? เป็นไปได้ยังไง?”
“มะ ไม่จริงน่ะ พวกเขาสองคนแข็งแกร่งขนาดนี้ เข้าร่วมมือกันใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ ถึงกับแพ้เชียวหรือ?”
“ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกลับไม่อาจคาดเดา…”
“เป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งจริงๆ มิน่าล่ะพวกอู๋เสวี่ยทั้งสี่คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถึงได้สาบานว่าจะจงรักภักดี!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มายืนดูความคึกครื้นและไม่ได้ลงมือต่างก็อดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาเสียงเบา พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ภายใต้การร่วมมือกันของบุคคลที่มีความสามารถแข็งแกร่งทั้งสองคนอย่างจางอู่เฉวียนและเติ้งซวง ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้ แต่ยังแพ้ให้กับชายหนุ่มคนนี้อีกด้วย นี่จะอยู่นอกเหนือการคาดเดาของพวกเขาเกินไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับทุกคนมาเข้าร่วมกับพวกเรา ฉันก็คือเย่เทียนเฉิน!” เย่เทียนเฉินพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เอง ในใจของใครหลายคนต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสับสน ประหลาดใจในความสามารถที่แข็งแกร่งเหนือระดับของเย่เทียนเฉิน และสับสนในอายุของเย่เทียนเฉิน หากต้องถูกชายหนุ่มอายุยี่สิบปีคนหนึ่งออกคำสั่ง จะทำได้จริงๆ หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นจะสามารถร่วมกันบุกเบิกอำนาจกับวัยรุ่นคนหนึ่งได้จริงๆ หรือ? หลายคนยังคงสงสัย
“ทั้งหมดมารวมตัวกัน ยืนตรง!” เย่เทียนเฉินตระกูลอย่างดุดัน
ทุกคนชะงักไปเพียงพริบตา จากนั้นจึงยืดตัวขึ้นตรงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ต่างพากันยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาไม่ใช่ทหาร แต่ก็มีคุณสมบัติและความคิดที่ยอดฝีมือคนหนึ่งควรจะมี ชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้พวกเขาสั่นสะท้านมากจริงๆ ไม่อาจไม่เชื่อฟัง
……………