เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 288 ขัดขวางสิบสามราชาเสือดาว
เย่เทียนเฉินเพิ่งจะพาสิบสามจ้าวสวรรค์เดินออกมาจากสนามบินแห่งเมืองหลวงก็ได้รับโทรศัพท์จากชางหลาง ได้รู้ว่าตระกูลโอวหยางลงมือกับตระกูลเย่ของตนแล้ว แต่เขากลับไม่ได้กังวลอะไร รู้สึกยินดีด้วยซ้ำ การต่อสู้ที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนทำให้ชื่อของสิบสามจ้าวสวรรค์โด่งดังขึ้นมาแล้ว ส่วนการต่อสู้กับตระกูลโอวหยางในครั้งนี้ ถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องทำให้ตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ทั้งหมดต้องสั่นสะท้านอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้องการให้พวกเขารู้ว่าวันข้างหน้าหากคิดจะแตะต้องตระกูลเย่มันไม่ง่ายเหมือนบีบโคลน ต้องพิจารณาให้ดี
สิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะเดินทางไปมณฑลชวน การต่อสู้ครั้งแรกก็สามารถฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่ปิดซ่อนตัวตนได้อย่างประสบความสำเร็จ ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา บางทีเมื่อก่อนอาจจะยังมีคนมากมายที่ไม่เชื่อใจความสามารถของเย่เทียนเฉิน คิดว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบปีคนนี้ต่อให้มีฝีมือแข็งแกร่งสูงส่ง แต่ก็ไม่อาจทำเรื่องใหญ่ได้ จะอย่างไรก็ยังอายุน้อย นิสัยจิตใจยังไม่มั่นคง จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาถึงจะพบว่าเย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะมีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา แต่ยังมีสมองอันชาญฉลาดอีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี มีคนเช่นนี้เป็นผู้นำ ยังจะต้องกังวลว่าจะไม่มีชีวิตที่ดุเดือดเลือดพล่านอีกหรือ? ยังต้องกังวลว่าจะไม่สามารถสร้างชื่อให้สิบสามจ้าวสวรรค์ได้อีกหรือ?
ตอนนี้เย่เทียนเฉินต้องการที่จะสร้างชื่อให้กับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ให้เร็วสักหน่อย เขาไม่ใช่คนที่ลังเลและอึดอัดยืดยาด ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะก่อสร้างอำนาจของตนเพื่อปกป้องคนในครอบครัวของตน ทำให้ตระกูลเย่โผทะยานขึ้นมาอยู่ในระดับของตระกูลชั้นหนึ่งอีกครั้ง เขาก็จะทำทันที
ตระกูลเย่ เมื่อมาถึงรุ่นของเย่เทียนเฉินก็เรียกได้ว่าตกต่ำไปแล้วสามสิบสี่สิบปี จากตระกูลชั้นหนึ่งกลายเป็นตระกูลชั้นสาม กลายเป็นตัวตลกของทั่วทั้งเมืองหลวง ดูเหมือนใครก็สามารถที่จะมาหาเรื่องและรังแกได้ ได้รับความลำบากมาไม่น้อยเลยจริงๆ หากไม่ใช่ว่ายังมีเย่หย่วนซานปู่ของเย่เทียนเฉินอยู่ ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอะไรไปแล้ว ดังนั้นอก่อนอื่นในตอนนี้เย่เทียนเฉินจะต้องทำให้ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่อื่นๆ ได้รู้ว่า ตอนนี้ตระกูลเย่เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ตระกูลทีพวกเขาอยากรังแกก็มารังแก อยากกดดันก็มากดดันได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ใครกล้ามาแตะต้องจะต้องเลือดสาด
“ดี ตอนนี้พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ เป้าหมายคือเดินทางไปตระกูลโอวหยาง!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
“ครับ/ค่ะพี่ใหญ่!” สิบสามจ้าวสวรรค์ตอบรับขึ้นพร้อมกัน
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะพาสิบสามจ้าวสวรรค์ออกมาจากสนามบินแห่งเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปยังตระกูลโอวหยาง สาวผมทองคนหนึ่ง รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสะสวย สวมแว่นกันแดดและชุดหนังกางเกงหนัง ก็เดินออกมาจากสนามบินแห่งเมืองหลวงเช่นเดียวกัน คนคนนี้ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคืออลิซนั่นเอง เธอติดตามเย่เทียนเฉินมาโดยตลอด ต้องการที่จะหาโอกาสลงมือกำจัดเย่เทียนเฉิน ถ้าหากเป็นไปได้เธอก็จะนำหัวของเย่เทียนเฉินกลับไปที่ประเทศ M เพราะโฮบาม่าอยากเห็นเป็นอย่างมาก
ด้วยความสามารถของประเทศหนึ่ง ต่อให้ตระกูลที่ปิดกั้นตัวตนเหล่านั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน หากต้องการที่จะรู้สถานที่ซ่อนตัวของพวกเขาก็ไม่ยาก เพียงแต่ตระกูลที่ปิดกั้นตัวตนเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับหลายสิ่งหลายอย่าง หากต้องการที่จะแตะต้องพวกเขา ก็เป็นไปได้มากว่าจะส่งผลกระทบชีวิตของกับประชาชนคนธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นขอเพียงตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตนเหล่านี้ไม่มีอันตรายไปถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจมากนัก ถึงแม้ต้องการที่จะกำจัดและควบคุมพวกเขาก็ตาม แต่จะอย่างไรบนโลกใบนี้มีดำก็ต้องมีขาว มีคนดีก็ต้องมีคนเลว ไม่อาจกำจัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไปได้โดยสิ้นเชิง
อลิซมองไปยังทิศทางที่พวกเย่เทียนเฉินนั่งรถจากไป โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง พูดขึ้นด้วยภาษาจีนชัดเจนว่า “รบกวนคุณไปส่งฉันที่เครือไห่หวางด้วยค่ะ!”
“ได้ครับ!” คนขับรถต่อด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนี้อลิซไม่ได้ตามเย่เทียนเฉินไป แต่มุ่งหน้าไปยังเครือไห่หวาง สำหรับหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M แล้ว ข้อมูลที่เป็นความลับสูงสุดมากมายบนโลกใบนี้ต่างก็ถูกควบคุมอยู่ในมือพวกเธอ สำหรับข้อมูลส่วนใหญ่ของเย่เทียนเฉินอลิซรู้ไปหมดแล้ว สิ่งเดียวที่ไม่รู้ก็คือเย่เทียนเฉินมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ เธอจะสามารถหาวิธีเข้าใกล้เย่เทียนเฉินและฆ่าเขาได้สำเร็จหรือไม่
เมื่อคืนเย่เทียนเฉินพาสิบสามจ้าวสวรรค์เดินทางไปยังเกาะทะเลทรายที่อยู่ท่ามกลางทะเลจำลองซือไห่ ฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน อลิซยืนมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่บนชายหาดมาโดยตลอด ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเย่เทียนเฉินทำการต่อสู้อย่างไรในเกาะทะเลทราย แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินประมือกับอาชูร่าจนถึงที่สุดนั้น ต่อให้มีพลังเขตแดนปิดกั้นครอบคลุมเกาะทะเลทรายอยู่ ก็ยังมีพลังพิเศษอันมหาศาลปะทุออกมา กระตุ้นให้เกิดคลื่นพันชั้นรอบเกาะทะเลทราย อลิซที่เห็นดังนั้นต้องขมวดคิ้วแน่น จินตนาการได้เลยว่าพลังการต่อสู้ต้องมากมายขนาดไหนถึงจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ เย่เทียนเฉินก็เป็นเหมือนกับพี่โทมัสพูด ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
ดังนั้นในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M ในฐานะที่เป็นผู้หญิงสวยและฉลาดคนหนึ่ง อลิซรู้ดีว่าขอให้ตนมีฝีมืออยู่บ้างก็ไม่มีทางสู้เย่เทียนเฉินซึ่งๆ หน้าได้โดยเด็ดขาด หากต้องการที่จะใช้การต่อสู้อันยุติธรรมเพื่อฆ่าเย่เทียนเฉินนั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นต้องค่อยๆ เข้าใกล้เย่เทียนเฉิน และฆ่าเขาในตอนที่ไม่รู้ตัวหรือกระทั่งในตอนที่กำลังยั่วยวน
ในฐานะที่เป็นสายลับ ย่อมไม่มีการพูดถึงความยุติธรรมหรือความดูถูกเหยียดหยามอะไรแน่นอน วัตถุประสงค์สุดท้ายของพวกเขาก็คือทำภารกิจให้สำเร็จโดยไม่สนใจว่าจะใช้วิธีใด การทำภารกิจให้สำเร็จถึงจะเป็นสิ่งที่ต้องการ หากทำภารกิจไม่สำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเสียเปล่า อลิซเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ย่อมเข้าใจในหลักการนี้แน่นอน ครั้งนี้ประธานาธิบดีโฮบาม่าโกรธมาก ถูกทำให้คิดว่าเขาเป็นความอัปยศอดสูของประเทศ M ทั้งประเทศ และจะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการดำเนินการในทางลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เขาโฮบาม่าไม่ยอมเสียหน้า ดังนั้นอลิซจึงรู้สึกได้ว่าภารกิจของตนเองในครั้งนี้สำคัญมาก เธอต้องการที่จะไปยังเครือไห่หวางก่อนเพื่อหาโอกาสเข้าใกล้เย่เทียนเฉิน
ตอนนี้เองเย่เทียนเฉินพาสิบสามจ้าวสวรรค์เดินทางไปยังโรงงานรกร้างแห่งหนึ่งของเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลที่ชางหลางให้เขา เถี่ยเป้าซึ่งเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของตระกูลโอวหยาง พาสิบสามราชาเสือดาวไปรวมตัวกันที่โรงงานรกร้างแห่งนั้น เพื่อที่จะไปทำลายตระกูลเย่ มือสังหารก่อนหน้านี้ของตระกูลโอวหยางที่จับตามองบ้านเย่เทียนเฉินและบ้านเดิมตระกูลเย่ ได้มีการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ถูกชางหลางพาคนไปหยุดเอาไว้ มิฉะนั้นตอนนี้ตระกูลเย่อาจจะถูกฆ่าล้างไปแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งที่เย่เทียนเฉินต้องทำก็คือพาสิบสามจ้าวสวรรค์ไปสู้กับสิบสามราชาเสือดาว ตัดสินแพ้ชนะ ดูซิว่าใครจะเป็นราชาที่แท้จริง!
ในตอนนี้สิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ก็คือ ศัตรูในอนาคตที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาซึ่งก็คือคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษห้าธาตุ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่บ่มเพาะเคล็ดวิชาพลังพิเศษทั้งห้าสายในเวลาเดียวกัน ได้ลงมือกับเย่เทียนเฉินเป็นครั้งแรกแล้ว ก่อนหน้านี้จะพูดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่จำเป็น คิดว่าไม่ต้องทำแบบนี้ แต่ครั้งนี้เขาได้ส่งลูกน้องคนหนึ่งของตนออกไป ส่งคนที่ชื่อว่าเสวี่ยโม่เจียวออกไปโจมตีแล้ว เดิมทีสิ่งที่เขาสั่งกับโม๋สู่ก็คือ อย่าให้เสวี่ยโม่เจียวฆ่าเย่เทียนเฉิน แค่ตัดแขนข้างหนึ่งของเขากลับมาเล่นสักหน่อยก็พอแล้ว
จนถึงตอนนี้คุณชายใหญ่รู้สึกแปลกใจกับเย่เทียนเฉินอยู่บ้างเท่านั้น เรียกได้ว่าเขาไม่เห็นเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตา ก่อนหน้านี้เขามีความรู้สึกโดดเดี่ยวของยอดฝีมือ ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ง่ายเลยกว่าที่จะมีคนอย่างเย่เทียนเฉินโผล่ขึ้นมา ดูแล้วท่าทางจะสนุกอยู่บ้าง ดังนั้นจึงคิดจะเล่นด้วยให้มากสักหน่อย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่เทียนเฉินพาสิบสามจ้าวสวรรค์มาถึงตำแหน่งของโรงงานรกร้าง พบว่ารอบๆ เงียบสงบ ไม่เหมือนกับมีคนมารวมตัวกันเลย จึงแผ่พลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปอย่างรวดเร็ว มุมปากของเย่เทียนเฉินเผยรอยยิ้มเย็นชาขึ้นมา เขารู้แล้ว เถี่ยเป้าแห่งตระกูลโอวหยางพาสิบสามราชาเสือดาวของเขาไปซ่อนตัวอยู่รอบๆ โรงงานรกร้าง ท่าทางพวกเขาจะรู้ข่าวแล้วว่าตนเองพาสิบสามจ้าวสวรรค์มา ท่าทางอำนาจของตระกูลโอวหยางไม่อ่อนแอเลยจริงๆ ยังเหนือกว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่เล็กน้อย มิฉะนั้นคงไม่รู้ข่าวอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าในหมู่บุคคลระดับสูงของประเทศมีคนของตระกูลโอวหยางอยู่ แล้วเป็นสายลับภายในด้วย
แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องไปจัดการหลังจากเก็บกวาดตระกูลโอวหยางแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดก็คือกำจัดสิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยาง ดูปฏิกิริยาของตระกูลโอวหยางเสียหน่อย ถ้าเป็นไปได้หลังจากที่เย่เทียนเฉินฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแล้วก็จะฆ่าล้างตระกูลโอวหยางอีกครั้ง เขาไม่สนใจวันนี้จะมีผลกระทบมากมายขนาดไหน กล่าวคือในเมื่อลงมือแล้วก็ยากที่จะหยุดยั้ง
เย่เทียนเฉินมองโรงงานรกร้างที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นจึงมองพงหญ้าสูงเท่าตัวคนที่ล้อมรอบอยู่ เขารับรู้ผ่านพลังพิเศษแห่งการรับรู้ว่ามีการผันผวนของพลังอันแข็งแกร่งอยู่สิบกว่าที่ ถึงแม้คนเหล่านั้นจะซ่อนตัวได้ดีมาก คนธรรมดาคงไม่พบโดยเด็ดขาด แต่กลับไม่อาจหลุดลอดการรับรู้อันแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินไปได้ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้างก็คือ สิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยางมีความสามารถแข็งแกร่งมาก ไม่ด้อยไปกว่าสิบสามจ้าวสวรรค์ของเขาเลย นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งหนึ่ง เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับมือสังหารชั้นยอดของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเหล่านั้นแล้ว สิบสามจ้าวสวรรค์เสือดาวเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขาผ่านการคัดเลือกจากตระกูลโอวหยางมานานหลายปี เป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างโหดเหี้ยมมาหลายปี และเคยผ่านการฝึกฝนของเถี่ยเป้าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอาชูร่า จนกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร
“ทุกคนระวังหน่อย ตอนนี้พวกเราจะแยกย้ายกันลงมือ ฉันบอกว่าแกได้แค่ว่า คนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก ไม่ด้อยไปกว่าพวกแกเลย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
“ครับ!” สิบสามจ้าวสวรรค์พยักหน้า
ฟิ้วๆๆ!
สิบสามจ้าวสวรรค์ สิบสามจ้าวสวรรค์ที่เย่เทียนเฉินก่อตั้งขึ้นมาไม่ใช่ของประดับโดยเด็ดขาด แต่ละคนต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง มีหลายคนที่ไม่ได้หวาดกลัวเพราะคำพูดของเย่เทียนเฉินแต่กลับรู้สึกเลือดร้อนยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เช่นอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ยและเปาเทียนหลง ต่างดวงตาเปล่งประกายไปหมดแล้ว ในการต่อสู้ฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พี่ใหญ่เย่เทียนเฉินได้โจมตีต่อสู้กับอาชูร่าที่แข็งแกร่งที่สุดจนเอาชนะได้ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนไม่มีโอกาสลงมือ จึงรู้สึกเสียดายมาก ตอนนี้สิบสามจ้าวสวรรค์เสือดาวของตระกูลโอวหยางมีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่ง พอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาได้
เย่เทียนเฉินมองไปเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มบางเบา เดินไปยังโรงงานที่ถูกทิ้งร้าง เขารู้ว่าสิบสามราชาเสือดาวแห่งตระกูลโอวหยางแข็งแกร่งมาก และเคยผ่านสงครามมานับร้อย จะเป็นศัตรูตัวฉกาจของสิบสามจ้าวสวรรค์แน่นอน กระทั่งพวกเขาอาจจะตายได้ แต่ก็ไม่ได้กังวลจนเกินไป สิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะก่อตั้ง ถึงแม้ฝีมือจะแข็งแกร่งมากแต่ก็ยังต้องผ่านการฝึกฝนอันโหดเหี้ยมและยังต้องการความสามัคคี ถ้าไม่ผ่านการต่อสู้เป็นตายหลายครั้งก็จะไม่สามารถเติบโตขึ้นได้โดยเด็ดขาด
ตู้ม!
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินไปเบื้องหน้าไม่กี่ก้าว เงาร่างร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉินรวดเร็วปานสายฟ้า คนยังไม่ทันมาถึงก็มีหมัดอากาศปะทะเข้ามาแล้ว แฝงไปด้วยพลังภายในอันมหาศาลจนทำให้หญ้าที่สูงเท่าตัวคนแหวกเป็นทาง พุ่งโจมตีเข้าไปยังเย่เทียนเฉิน
……………