เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 304 ผมทอง
เย่เทียนเฉินเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนไปได้ ต่อให้ในมือของพวกเขาจะมีอาวุธเทพอยู่สี่ชิ้นก็ตาม แต่ยังไม่สามารถต่อต้านได้เช่นเดิม เย่เทียนเฉินที่กลับมาจากความตายในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการเกิดใหม่ท่ามกลางเปลวเพลิง เหมือนกับมังกรที่เกิดขึ้นจากไฟและเปลี่ยนสภาพไปอีกครั้ง ความสามารถแตกต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว มิฉะนั้นในตอนที่เผชิญหน้ากับมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น อีกทั้งยังมีอาวุธที่แปลกประหลาดยากคาดเดาในมือของพวกเขา เย่เทียนเฉินจะต้องไม่ใช่คู่มือแน่นอน
ตั้งแต่ที่ได้สติตื่นขึ้นมา เย่เทียนเฉินก็รับรู้ได้ว่าอาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายในของเขาไม่เพียงแต่จะหายดีแล้ว แต่พลังที่อยู่ภายในร่างกายยังมั่นคงขึ้นไม่น้อย กระทั่งระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ ไม่อาจเทียบได้กับก่อนหน้านี้เลยทีเดียว นี่เป็นความสูงส่งของเคล็ดวิชาพลังพิเศษแห่งการรักษาของจางอีเต๋อ รวมกับเป็นสิ่งที่จางรั่วถงยอมสละร่างกายอันมีความพิเศษของตนแลกมา
“พี่ใหญ่ คุณกลับมาแล้ว!” พวกอู๋เสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน พูดออกมาด้วยความยินดี
“อืม พวกแกไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ คืนนี้พวกเราจะจัดปาร์ตี้เลี้ยงฉลองกัน!” เย่เทียนเฉินเห็นทุกคนบาดเจ็บไม่เบา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกันจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
ภายในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่มีเพียงเย่เทียนเฉินและอลิซสองคน ส่วนสระว่ายน้ำของคฤหาสน์และดินฟ้ารอบๆ ถูกทำลายไปหมดแล้ว เย่เทียนเฉินโทรไปให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเขตคฤหาสน์หาคนมาซ่อมแซมให้แล้ว
“หวา คิดไม่ถึงเลยว่าที่ที่นายอาศัยอยู่จะใหญ่ขนาดนี้? อยู่คนเดียวจะต้องเหงาไม่น้อยแน่นอน ฉันย้ายมาอยู่ด้วยดีไหม!” อลิซอุทานออกมาอย่างตื่นตกใจโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“เธอเข้ามาอยู่หรือ? ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอะไรต้องย้ายแล้วละมั้ง” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
อลิซจ้องเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน สาวผมทองคนนี้สวยมาก ไม่ด้อยไปกว่าหลิ่วหรูเหมยและซูเฟยเฟยเลย แต่กลับมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ในสายตาของเย่เทียนเฉิน ผู้หญิงคนนี้ร่าเริงมาก เป็นสาวลูกครึ่งที่มีความกระปรี้กระเปร่า
“นายจะอีคิวต่ำเกินไปหรือเปล่า? ฉันมั่นใจได้เลยว่าตอนนี้นายจะต้องไม่มีแฟนแน่!”
“เอ๋? เรื่องนี้เธอก็มองออกเหรอ? รู้ได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินแกล้งทำเป็นถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ผู้ชายที่ไม่มีอีคิวแบบนาย ถ้าคิดจะมีแฟนนั่นก็เป็นเรื่องเพ้อฝันแล้ว…ไม่ใช่ว่าทุกคืนต้องจัดการด้วยตัวเองรึไง?” จู่ๆ อลิซก็เดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน จงใจเม้มปากอันเซ็กซี่แล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เย่เทียนเฉินหน้าตาหมดอาลัยตายอยากโดยพลัน จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ในตอนนี้อลิซจะถามความลับแบบนี้ออกมา จัดการด้วยตัวเอง? มือซ้ายหรือบางทีก็มือขวานี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผู้ชายโสดขี้เหงาทั้งนั้นแหละ แต่อย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่มีความนิสัยเช่นนี้ ในดาวสิ้นโลกเขามีผู้หญิงอยู่มาก จะใช้มือจัดการด้วยตัวเองได้ยังไง หลังจากได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ ถึงแม้ว่ามีบางครั้งที่คิดถึงผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ใช่คนหื่นกามอะไร รวมกับที่เพิ่งจะปัปๆๆกับจางรั่วถงมาก็ไม่รู้สึกอัดอั้นแล้ว
“แม้แต่เรื่องนี้เธอก็ทายถูกแล้ว หรือว่าวันนี้จะช่วยฉันจัดการสักหน่อยล่ะ? ใช้ปากเล็กๆ ของเธอหรือจะใช้…ของเธอ” ในขณะที่พูด เย่เทียนเฉินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และจับจ้องไปยังหน้าอกอันอุดมสมบูรณ์ของอลิซ
“ฝันหวานไปเถอะ สรุปว่าเอาแบบนี้แล้วกัน คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้นายอยู่คนเดียวไม่ไหวหรอก ฉันจะช่วยนายอยู่เอง ใช่แล้ วฉันจะไว้หน้านายสักหน่อย จะไม่คิดค่าอยู่ของฉันกับนายแน่ ค่าใช้จ่ายในประจำวันพวกนั้นฉันจะจัดการเอง!” อลิซพูดอย่างเคร่งขรึม
“หือ?”
นี่ทำให้เขารู้สึกอับจนคำพูดมากนัก พวกผู้หญิงสวยๆ เหล่านี้แปลกขึ้นทุกคน อลิซที่เป็นสาวสวยลูกครึ่งทำตัวสนิทชิดเชื้อมาก เหมือนกับคฤหาสน์หลังนี้เป็นของเธอส่วนเย่เทียนเฉินเป็นคนที่คิดอยากจะเข้ามาเช่าอยู่ ยังไม่รอให้เย่เทียนเฉินพูดอะไร อลิซก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปสำรวจแล้ว
เย่เทียนเฉินที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ไม่ได้สนใจอลิซอีก ผู้หญิงที่เปิดเผยถึงขนาดนี้ เธออยากอยู่ก็ให้เธออยู่ไปเถอะ ตนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อยู่ข้างในก็รู้สึกน่าเบื่อมาก ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขารับมือได้ยากมากที่สุดก็คืออำนาจของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่อยู่เหนือจินตนาการของเขาไปมาก คนลึกลับคนนี้ เพียงแค่ลูกน้องของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกโลหิตคนนั้น ต่างมีฝีมือแข็งแกร่งยากที่จะต่อกร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวคุณชายใหญ่เองเลยว่าจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล เขาคิดไม่ถึงว่าอำนาจของคุณชายใหญ่จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ลูกน้องเหล่านั้นของเขา ไม่เพียงแต่แต่ละคนจะมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก แต่ยังมีอาวุธเทพที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงอีกด้วย อย่างน้อยสิบกระบี่โบราณก็ปรากฏออกมาสองเล่มแล้ว ไม่รู้ว่าจะยังมีเล่มที่สามหรือกระทั่งเล่มที่สี่อีกหรือไม่…
ในตอนที่อู๋เสวี่ยจากไปได้บอกกับเย่เทียนเฉินไว้แล้วว่า รัฐบาลลงมือกำจัดตระกูลโอวหยางไปแล้ว หลังจากที่สิบสามจ้าวสวรรค์กำจัดสิบสามราชาเสือดาว เฮยเมี่ยนก็พาคนมาทำลายตระกูลโอวหยาง กระทั่งจุดจบของโอวหยางเจิ้นฮว๋าเป็นอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ และเย่เทียนเฉินก็ไม่อยากรู้ด้วย คนระดับสูงของประเทศต่างไม่ใช่พวกอ่อนแอ ย่อมต้องจัดการได้แน่ ในเมื่อรัฐบาลสอดมือมาแล้วก็ทำให้เขาสบายไปได้เรื่องหนึ่ง
“ต้องการชะล้างความโศกเศร้าและความเจ็บปวดออกไป ความอ่อนโยนดูดซับฉันเอาไว้…”
ในตอนนี้เอ งมือถือของเย่เทียนเฉินดังขึ้นเป็นเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่จอ แสดงชื่อว่าแม่โทรมาจึงรีบกดรับโทรศัพท์ เขาไม่ได้กลับบ้านสิบกว่าวันแล้ว และก็ไม่ได้โทรไปหาแม่ด้วย แม่จะต้องเป็นห่วงตนแน่นอน
“สวัสดีครับแม่คิดถึงลูกชายสุดหล่อของแม่ใช่หรือเปล่า? วางใจเถอะผมไม่เป็นไร!” เย่เทียนเฉินนอนลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย เขาไม่ต้องการให้แม่เป็นกังวล ดังนั้นเมื่อรับโทรศัพท์จึงพูดหยอกล้อออกมา
“เทียนเฉิน ลูกไม่ได้กลับบ้านมาสิบกว่าวันแล้วคืนนี้กลับมากินข้าวกันเถอะ!” หลัวเยี่ยนเอ่ยปากพูด
“ไม่มีปัญหาผมอยากกินบะหมี่ผัดซอสนะครับ!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วจึงพูดออกมา
“คิกๆ มีหรูเสวี่ยอยู่ ลูกอยากกินอะไรก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น ฝีมือการทำอาหารของเธอ ลูกก็รู้ดี!” หลัวเยี่ยนพูดยิ้มยิ้ม
“เอ๋? ฉีหรูเสวี่ยยังอยู่ที่บ้านพวกเราอีกหรือ? ยังไม่ไปอีก?” เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง ฉีหรูเสวี่ยหมายความว่าอย่างไรกันแน่ จะอยู่ที่บ้านของตนถาวรหรือไง? ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะไม่มีความคิดอะไรต่อฉีหรูเสวี่ย และนับว่าเป็นเพื่อนกัน แต่จะอย่างไรก็ไม่ใช่คนครอบครัวเดียวกันอยู่ดี มักจะรู้สึกกระอักกระอ่วน
“ลูกพูดอะไรแบบนี้ แม่รั้งหนูหรูเสวี่ยให้อยู่ต่อเองไม่ได้รึไง? ถึงเวลาที่ลูกจะตัดสินใจเมื่อไหร่กัน?” หลัวเยี่ยนพูดอย่างไม่พอใจชัดเจน
เย่เทียนเฉินรู้สึกหดหู่มาก ตอนนี้หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่เข้าข้างฉีหรูเสวี่ยมากขึ้นทุกวัน ขอเพียงตนพูดจาแย่ๆ เกี่ยวกับฉีหรูเสวี่ยก็จะถูกตำหนิอย่างหนัก ไม่รู้จริงๆ ว่าฉีหรูเสวี่ยฉลาดเกินไปหรือหลัวเยี่ยนหลอกง่ายเกินไป
“เอาล่ะๆ แม่เป็นใหญ่ แม่พูดคำไหนคำนั้น ฮี่ๆ!” เย่เทียนเฉินไม่อยากให้แม่โกรธจึงรีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้แล้วกันลูกกลับมาให้เร็วหน่อยพวกเรารอกินข้าวอยู่!”
เมื่อวางโทรศัพท์ไปเย่เทียนเฉินก็หาวออกมาครั้งหนึ่งแล้วมองไปยังชั้นบน ดูเหมือนอลิซจะยังสำรวจอยู่ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ด้านข้างด้านล่างห้องโถงของชั้นหนึ่งมีห้องนอนอยู่สองห้อง ตอนนี้เย่เทียนเฉินต้องการห้องว่างให้ตนเองเท่านั้น
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว เย่เทียนเฉินก็ปิดประตูลง หลังจากที่แผ่ขยายพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปเขาก็นั่งสมาธิลงบนเตียง ตั้งแต่ได้สติฟื้นขึ้นมา ถึงแม้จะรับรู้ได้ว่าพลังของตนและกายเนื้อของตนพัฒนาขึ้นระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถทะลวงขอบเขตได้เลย นี่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจมาก
หลังจากเข้าสู่สภาวะสมาธิ เย่เทียนเฉินก็เห็นสภาพภายในร่างกายของตน พลังพิเศษที่แตกต่างกันหลายสายอยู่ในอวัยวะภายในแต่ละชิ้นอย่างสงบ ไม่ได้มีการโจมตีต่อต้านกันเลยแม้แต่น้อย ส่วนพลังในชีพจรและเลือดก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย กายเนื้อพัฒนาขึ้นระดับหนึ่ง แต่ขอบเขตพลังยังคงอยู่ในขอบเขตจอมราชัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะทะลวงออกไป
หลังจากผ่านการตรวจสอบอยู่นาน เย่เทียนเฉินจึงรับรู้ถึงสาเหตุที่ชัดเจนได้ นั่นก็คือ ขอบเขตพลังพิเศษของเขาในตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับจอมราชัน ถึงแม้กายเนื้อและพลังพิเศษจะสามารถทะลวงพลังไปได้ก็ยังไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิได้ แต่ใช้ความสามารถในขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นออกมาได้ลางๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่สุกงอมก็เท่านั้น สาเหตุที่ก่อให้เกิดสภาพเช่นนี้ก็คือ พลังธรรมชาติของโลกเหือดแห้งไปนานแล้ว ไม่เหมาะสมกับการบ่มเพาะ ไม่สามารถเติมเต็มพลังให้ท่วมท้นจนทำให้เย่เทียนเฉิทะลวงขอบเขตไปได้ หากคิดจะใช้พลังพิเศษของตนเพื่อจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิจริงๆ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครลองทำมาก่อน เพียงแต่คนแบบนี้ ต้องแข็งแกร่งถึงขั้นวิปลาส ไม่ต้องพึ่งพาพลังจากภายนอกก็สามารถทะลวงขอบเขตได้ เพียงแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
ในตอนนี้เอง บริเวณทะเลสาบเล็กๆ ที่คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงมักจะนั่งตกปลา พบว่ามีหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาเช่นนั้น นั่นเป็นหมอกโลหิตรูปร่างคน อีกทั้งเบื้องหลังคุณชายใหญ่ยังมีหัววางอยู่สี่หัว นั่นก็คือหัวของมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนั้น คุณชายใหญ่ไม่ได้พูดอะไร บรรยากาศในตอนนี้หนักอึ้งอยู่บ้าง
“เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหน?” คุณชายใหญ่เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย
“แข็งแกร่งมาก ผมสู้กับเขาครั้งหนึ่ง ใช้พลังไปเจ็ดส่วนโจมตีเข้าไปที่มือของเขา ไม่รู้ว่าเขาใช้พลังกี่ส่วน แต่ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขายังไม่ได้ออกแรงเต็มที่!” หมอกโลหิตรูปมนุษย์พูดด้วยความสงสัย
“ดูท่าฉันจะประเมินเขาต่ำไป ครั้งนี้นับว่าเย่เทียนเฉินได้เกิดใหม่แล้ว จะทำให้พลังแข็งแกร่งมากขึ้นอีกก้าวหนึ่ง” คุณชายใหญ่พูดออกมาอย่างชื่นชม
หากเป็นเมื่อก่อน คุณชายใหญ่จะต้องคิดว่าเย่เทียนเฉินไม่พอให้มอง เพียงต้องการให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างความสนุกสนาน ในสายตาของเขา เย่เทียนเฉินไม่นับว่าอ่อนแอจริงๆ แต่ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ประโยคเดียวของเขาก็สามารถตัดหัวเย่เทียนเฉินมาได้แล้ว
แต่ตอนนี้คุณชายใหญ่รู้สึกว่ารับมือได้ยากจริงๆ ความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินอยู่นอกเหนือจินตนาการของเขาไปมาก โดยเฉพาะการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้ มือสังหารระดับสูงทั้งสี่ที่เป็นลูกน้องของเขาและยังเป็นยอดฝีมือที่ใช้อาวุธเทพทั้งสี่ชิ้น ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถกำจัดกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้ แต่ยังถูกเย่เทียนเฉินโจมตีจนพ่ายแพ้อีกด้วย แม้แต่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกโลหิตที่อยู่ด้านหลังเขาคนนี้ซึ่งเป็นขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ลูกน้องของเขาใช้พลังออกไปเจ็ดส่วนก็ยังไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตนไม่สามารถลังเลได้อีกต่อไป จะต้องสังหารเย่เทียนเฉินให้รวดเร็วที่สุด
……..