เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 307 อลิซก็เข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ด้วย
ฉีหรูเสวี่ยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย อลิซก็ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ถึงแม้อลิซจะยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน กระทั่งเยื่อพรมจรรย์ก็ยังอยู่ แต่เธอเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ย่อมไม่ใช่พวกอ่อนแอ เธอฉลาดเป็นอย่างมาก คำพูดไม่กี่ประโยคของฉีหรูเสวี่ยทำให้เธอรู้ว่าผู้หญิงชาวจีนที่หน้าตาสวยงามข้างหน้านี้จะต้องชอบเย่เทียนเฉินแน่นอน ส่วนพวกเขาจะมีความสัมพันธ์แบบชายหญิงหรือไม่นั้นอลิซเองก็ไม่รู้
“คุณป้าคะ ฉันและเทียนเฉินเพิ่งจะอยู่ด้วยกันไม่นาน อาจเป็นเพราะเขายังไม่ทันได้มาบอกคุณ ครั้งนี้เขาพาฉันกลับมาด้วยก็เพื่อให้มาพบกับคุณค่ะ!” อลิซพูดกับหลัวเยี่ยนด้วยรอยยิ้มหวาน
“อา… ฮ่าๆ ป้า…ป้าไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อนจริงๆ ตอนนี้หนูนั่งอยู่ที่นี่สักครู่นะ ป้าจะขึ้นไปเรียกเทียนเฉิน!” หลัวเยี่ยนรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ในใจคิดว่าเย่เทียนเฉินเจ้าเด็กหน้าเหม็นคนนี้คงจะไม่ได้ไปมีแฟนสาวผมทองภายในเวลาแค่ไม่กี่วันจริงๆ หรอกนะ?
“ค่ะ ไม่ขอปิดบังพวกคุณ ฉันกับเขามีความสัมพันธ์ที่มั่นคงแล้ว…อีกไม่นานพวกเราอาจจะแต่งงานกัน ต่อให้ไม่แต่งงานก็คงจะหมั้นกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอลิซ หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน และฉีหรูเสวี่ยต่างก็ตกตะลึงไป รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี อลิซยิ่งพูดก็ยิ่งร้ายกาจ ขาดแต่ไม่ได้พูดตรงๆ ว่าเธอขึ้นเตียงกับเย่เทียนเฉินและมีความสัมพันธ์แบบผู้ชายผู้หญิงเกิดขึ้นแล้ว
“เธอ…เธอพูดจาเหลวไหลที่นี่ให้มันน้อยๆ หน่อย เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เธอจะต้องโกหกแน่!”
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าอลิซแข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทั้งมีความมั่นคงทางอารมณ์และฉลาดเป็นอย่างมาก ระหว่างเธอกับเย่เทียนเฉินไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง แต่ถึงกับกล้าอาศัยข้ออ้างนี้พูดเหลวไหลออกมาได้ และยังพูดได้อย่างออกรสออกชาติอีกด้วย ทำให้หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน และฉีหรูเสวี่ยอึ้งไปเลย เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ดูถูกไม่ได้จริงๆ
อลิซปิดซ่อนตัวตนได้ลึกล้ำยิ่งนัก ตั้งแต่ที่ได้พบกับเย่เทียนเฉิโดยบังเอิญจนถึงตอนนี้ที่ได้มาเยี่ยมบ้านเย่เทียนเฉินแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างมีลำดับเหตุผล เย่เทียนเฉินไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าผู้หญิงน่ารักที่เข้าใจวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้งคนนี้จะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษของประเทศ M เป็นคนที่โฮบาม่าส่งมาฆ่าเขา
หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งเกินไป ความสามารถที่แสดงออกมาลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เกรงว่าอลิซคงลงมือไปนานแล้ว ไหนเลยจะรอจนถึงตอนนี้
“ฉันไม่ใช่พวกหลอกลวง ฉันกับเทียนเฉินรักกันดี เธอเป็นใคร?” อลิซถามฉีหรูเสวี่ยด้วยความโกรธอย่างจงใจ
“ฉัน ฉันสิถึงจะเป็นแฟนของเทียนเฉิน ไม่ใช่เธอ!”
ฉีหรูเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงโง่ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก เพียงแต่ตอนนี้ถูกอลิซหลอกไปแล้วโดยสิ้นเชิง ราวกับทำสมองหายไปก็มิปาน จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะนับวันเธอยิ่งรักเย่เทียนเฉินอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ในตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ต่อให้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากแค่ไหนก็จะกลายเป็นคนโง่ได้
เย่เชี่ยนเหวินยืนกระอักกระอ่วนอยู่ในห้องโถง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี อลิซและฉีหรูเสวี่ยต่างก็เป็นผู้หญิงที่สวยเหนือระดับทั้งคู่ กำลังทะเลาะกัน ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ส่วนหลัวเยี่ยนเดินขึ้นไปเรียกเย่เทียนเฉินที่ชั้นสองนานแล้ว เรื่องนี้ถ้าลูกชายไม่ออกหน้าก็เกรงว่าจะจัดการไม่ได้ สงครามแย่งชิงระหว่างผู้หญิงเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดแล้ว
ปังๆๆ!
หลัวเยี่ยนเคาะประตูห้องของเย่เทียนเฉิน ความจริงแล้วตอนนี้เย่เทียนเฉินหลับอยู่เขาไม่รู้เลยว่าข้างล่างอลิซกับฉีหรูเสวี่ยกำลังทะเลาะกัน เขาเพียงแค่ไม่อยากเจออลิซก็เท่านั้น ถ้าไม่เห็นก็ไม่ทะเลาะ ไหนเลยจะรู้ว่าอลิซจะเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดคนหนึ่ง อธิบายเรื่องราวจนกลายมาเป็นแบบนี้ได้ ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำหวงโหก็ทำให้บริสุทธ์ไม่ได้แล้ว
“เทียนเฉิน ข้างล่างมีคนมาหาลูกรีบออกมาเร็ว!” หลัวเยี่ยนเอ่ยปากพูด
“แม่ครับ ผมนอนหลับแล้ว ง่วงจริงๆ แม่ส่งเธอกลับไปก็พอแล้วครับ!” เย่เทียนเฉินตอบกลับไปอย่างเกียจคร้าน
“เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของลูก หรูเสวี่ยกับเธอทะเลาะกันขึ้นมาแล้ว ถ้าลูกไม่ออกไปเรื่องนี้คงไม่จบแน่!” ฉันแม่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเล็กน้อย
“หา?”
เย่เทียนเฉินที่อยู่ในห้องนอนอุทานออกมา จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอลิซจะถึงกับบอกว่าเป็นแฟนของเขา ดูเหมือนตนกับอลิซจะเพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียว นี่จะบ้าเกินไปหรือเปล่า
ผู้หญิงในสังคมปัจจุบันนี้ทำให้ผู้คนมองไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดูเหมือนว่ายิ่งมีคนเป็นคู่แข่งกับเธอ เธอก็จะยิ่งบ้า ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดคำจาหรือการกระทำยังไม่มีขีดจำกัด ทำให้ผู้คนอยากร้องไห้ก็ไร้น้ำตา แน่นอนว่ามีผู้หญิงสวยมาแย่งตนแบบนี้ ผู้ชายคนใดก็ต้องรู้สึกดีจนแทบคลั่ง
แต่เย่เทียนเฉินเป็นข้อยกเว้น ในช่วงเวลาแบบนี้มีคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาอยู่ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเย่เทียนเฉิน ดังนั้นเขาคิดมาตลอดว่าจะทำให้คุณชายใหญ่ออกมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นจะจัดการเขาอย่างไร คนคนนี้ร้ายกาจกว่ากลุ่มอำนาจและตระกูลใหญ่ทั้งหลายมาก
“อะไรนะ? เธอบอกว่าเป็นแฟนของผมหรอครับ? แม่ครับ นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ลูกชายของแม่ไม่ใช่คนที่ดูถูกเรื่องความรัก ในจุดนี้แม่วางใจได้!” เย่เทียนเฉินเปิดประตูห้องออกมาเห็นหลัวเยี่ยนมีท่าทางไม่มีความสุขจึงรีบเอ่ยปากพูด
“เทียนเฉิน แม่จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูก ยังไงลูกก็โตแล้ว แต่แม่หวังว่าลูกชายของแม่จะไม่ใช่คนเสเพล ถ้าหากชอบผู้หญิงคนหนึ่งด้วยใจจริงก็ต้องรับผิดชอบเขาให้ดี” หลัวเยี่ยนพูดอย่างจริงจัง
“แม่ครับ ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับอลิซจริงๆ วันนี้ผมเพิ่งจะรู้จักกับเธอเอง เธอเป็นลูกครึ่งและเป็นคนที่มีงานอดิเรกท่องเที่ยว ผมติดรถเธอไปโดยไม่ตั้งใจถึงได้รู้จักกันแบบนี้!” เย่เทียนเฉินรีบพูดอธิบาย
หลัวเยี่ยนมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูก ความจริงตั้งแต่ที่เย่เทียนเฉินกลับมายังเมืองหลวงนิสัยก็เปลี่ยนไปมาก มีความเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่ และยังทำเรื่องที่ทำให้บารมีของตระกูลเย่เพิ่มมากขึ้น เธอไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นคนเกเรเสเพล มีความสัมพันธ์แบบชายหญิงไปมั่วซั่ว
อย่างไรก็ตามการที่อลิซมาเยือนในครั้งนี้และยังบอกว่าเป็นแฟนของลูกชายของตนทำให้หลัวเยี่ยนรู้สึกว่าลูกชายที่กลับมาที่เมืองมีผู้หญิงอยู่ข้างกายไม่หยุด หรูเสวี่ย ซูเฟยเฟย หลิ่วหรูเหมย หลิงอวี่สวิ๋น เสี้ยวหยา บางทีนี่อาจจะทำให้เย่เทียนเฉินสับสน กระทั่งไม่รู้แน่ชัดว่าควรจะทำอย่างไร เธอที่เป็นแม่รู้สึกดีใจและในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ลูกของตนเป็นคนที่ถูกคนอื่นเห็นเป็นผู้ชายสารเลว ที่มีสัมพันธ์ไปทั่ว
“เทียนเฉิน แม่ไม่สนใจว่าลูกจะชอบฉีหรูเสวี่ยหรือไม่ แต่เด็กคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ มีรักเดียวใจเดียวต่อลูก นอกจากนั้นแม่ยังอยากจะเตือนลูกด้วยว่า ลูกโตแล้ว เรื่องราวของตัวเองต้องตัดสินใจเอง ต่อให้เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกแม่ก็จะไม่วุ่นวาย แต่อย่าได้ทำร้ายคนอื่นเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่รักลูก!” หลัวเยี่ยนพูดอย่างจริงจัง
“วางใจเถอะครับแม่ ผมจะจัดการเอง ผมจะจัดการเอง…” เย่เทียนเฉินรีบพูดขึ้นมาแล้วเดินไปยังห้องโถงชั้นหนึ่ง
หลัวเยี่ยนเดินตามหลังเย่เทียนเฉิน สองแม่ลูกมาที่ห้องโถงของคฤหาสน์ เห็นอลิซกับฉีหรูเสวี่ยทะเลาะกันจนหน้าแดงหูแดง ส่วนเย่เชี่ยนเหวินยืนอยู่ระหว่างผู้หญิงทั้งสอง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ เป็นบางครั้ง
“เทียนเฉิน ตัวออกมาแล้วเหรอ ทำไมไม่รอเค้าล่ะ ตัวนี้บ้าจริง บ้านของตัวไม่เลวเลย ในอนาคตเค้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จะต้องมีความสุขมากแน่!” อลิซเห็นเย่เทียนเฉินออกมาแล้วจึงรีบเดินไปข้างหน้า กอดแขนเย่เทียนเฉินเอาไว้แล้วพูดอย่างออดอ้อน
เย่เทียนเฉินรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว รีบสะบัดอลิซออก สะบัดมือของเธอออกแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นี่เธออย่าพูดมั่วๆ ฉันกับเธอไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน อย่างมากก็นับเป็นเพื่อนกันเท่านั้น!”
“หึ เทียนเฉิน ฉันรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้พูดเหลวไหล เธอเป็นใครมาพูดจาเหลวไหลที่นี่ เป็นยังไง ถูกเปิดโปงแล้วล่ะสิ ยังไม่ไปอีก?” ฉีหรูเสวี่ยได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็หัวเราะออกมาอย่างเบิกบานใจทันที แล้วหันไปพูดกับอลิซก่อนจะทำหน้ายู่ใส่
“เธอ…เธออย่ามาจับฉันแน่นขนาดนี้สิ พวกเธอสองคนเป็นอะไรไป? นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วยังมีอารมณ์มาทะเลาะกันอีก ไม่รู้ว่าหรือไงว่ามันรบกวนเพื่อนบ้าน? ไม่มีมารยาทกันเลยหรือไง?” เย่เทียนเฉินสะบัดมือของฉีหรูเสวี่ยออกด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาไม่ยืนอยู่ข้างใครอย่างชัดเจนด้วยกลัวว่าจะนำพาความวุ่นวายมา
“คืนนี้ฉันจะพักที่นี่!” อลิซนั่งลงบนโซฟา ทำท่าทางว่าต่อให้คุณไล่ยังไงฉันก็จะไม่ไปซะอย่าง
“ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าหนาแบบเธอมาก่อนเลยจริงๆ เธออาศัยอะไรถึงกล้ามาอยู่ที่นี่?” ฉีหรูเสวี่ยมองไปยังอลิซแล้วเอ่ยถาม
“นายว่ายังไงล่ะ? ฉันเคยช่วยเหลือนายมาก่อน ไม่งั้นนายคงต้องเดินกลับมาแล้ว คงไม่ทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณหรอกนะ?” อลิซมองเย่เทียนเฉินเจตนาชัดเจนมาก ฉันช่วยนาย นายก็ไม่สามารถไร้ไมตรีแบบนี้ได้
“เอาล่ะๆ แล้วแต่พวกเธอเลย คืนนี้ฉันนอนที่โซฟาก็พอแล้ว!” เย่เทียนเฉินรู้สึกรำคาญจริงๆ บางครั้งผู้หญิงก็วุ่นวายเกินไป โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ และยิ่งเป็นตอนที่ผู้หญิงสองคนอยู่ด้วยกัน ถ้ามีผู้ชายที่รับไหวก็เป็นสัตว์ประหลาดแล้ว
เรื่องทั้งหมดก็คือ อลิซและฉีหรูเสวี่ยที่เป็นคนสวยเหนือระดับทะเลาะแย่งชิงกันอุตลุดอยู่นาน ในที่สุดผลก็คือ เพราะคำพูดคำเดียวของเย่เทียนเฉินตัดสินลงมา อลิซและฉีหรูเสวี่ยจึงอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ส่วนเย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงนอนบนโซฟาที่ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ในตอนกลางคืนอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม แน่นอนว่าอาจจะหลายคืน ไม่ใช่แค่คืนเดียว
การต่อสู้แย่งชิงของผู้หญิงสองคนก็จบลงเช่นนี้เอง ผลสิ้นสุดแบบนี้ อลิซก็เข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วย ส่วนเย่เทียนเฉินก็ต้องนอนบนโซฟาแล้ว
หลัวเยี่ยนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจเช่นนี้ของลูกชาย จะอย่างไรเธอก็หวังว่าลูกชายโตแล้ว มีเรื่องมากมายที่ตัดสินใจและจัดการเองจะดีที่สุด
ม่านราตรีกว้างใหญ่ดุจสายน้ำ เย่เทียนเฉินนอนล้มตัวลงบนโซฟาแต่ยังไม่ได้หลับ ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว แต่เขากลับนอนไม่หลับ หากจะบอกว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไม่ได้ทำให้เขากดดันนั่นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ต่อให้เป็นลูกน้องของเขา ซึ่งก็คือคนที่อยู่ในหมอกโลหิตคนนั้น ยังมีความสามารถที่พอสู้กับเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายใหญ่เลย จะมีความสามารถสูงแค่ไหนจะเรื่องการทะลวงขอบเขตเป็นเรื่องที่ต้องจัดการเร่งด่วนแล้ว
……………