เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 309 การประชุมของสิบสามจ้าวสวรรค์
วันต่อมา ผู้หญิงทั้งสองทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็ทะเลาะกันมาตลอด เย่เทียนเฉินรู้สึกอดไม่ได้ที่จะปวดหัว ในใจรู้สึกเสียใจมาก ทำไมเมื่อวานถึงได้นัวเนียกับอลิซนะ? หรือว่าตนจะไม่ได้แตะต้องผู้หญิงนานแล้วถึงรู้สึกอัดอั้น?
ไม่พูดไม่ได้ว่า อลิซเป็นสาวสวยผมทองที่เซ็กซี่เป็นอย่างมาก ร่างกายเช่นนั้น สัมผัสเช่นนั้น การลูบคำเช่นนั้น ทำให้ผู้คนอยากที่จะถอนตัว รวมกับที่เย่เทียนเฉินไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานานแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะทะลวงด่านกับจางรั่วถงมาแล้ว แต่จะอย่างไรก็อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่สามารถสัมผัสถึงความยั่วยวนระหว่างชายหญิงได้อย่างเต็มที่
ถึงแม้จะไม่เกิดเรื่องเกินเลยอะไร เย่เทียนเฉินก็สัมผัสยอดหยกและประตูหยกของอลิซไปแล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่หาได้ยากมากคนหนึ่ง ในตอนที่เพิ่งจะพบกับตนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เพียงแต่นับได้ว่าเป็นเพื่อนธรรมดาๆ แต่ยังกล้าแอบอ้างว่าเป็นแฟนของเขาและมาที่ตระกูลเย่ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
อาหารเช้าอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อุดมสมบูรณ์จนทำให้เย่เทียนเฉินเกือบจะร้องไห้ออกมา ฉีหรูเสวี่ยทำบะหมี่ผัดซอสจานใหญ่ ส่วนอลิซก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ทำสปาเก็ตตี้จานใหญ่หนึ่งจาน ทั้งหมดล้วนวางไว้เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน สายตาที่มองราวกับจะฆ่ากันนั้นจ้องมาที่เย่เทียนเฉินจนทำให้เขาขนลุก
“บะหมี่ที่ดูน่าเกลียดขนาดนี้ยังกล้ายกออกมาอีก ดูดีเท่าสปาเก็ตตี้ของฉันที่ไหนกัน?” อลิซมองไปที่บะหมี่ผัดซอสที่ฉีหรูเสวี่ยทำแล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ดูดีอย่างเดียวแต่ไม่ได้เรื่องหรอก เทียนเฉินจะต้องกินบะหมี่ผัดซอสที่ฉันทำจนหมดแน่!” ฉีหรูเสวี่ยมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเง้างอนแล้วพูดขึ้น
“สปาเก็ตตี้ของฉัน นายเองก็จะกินหมดใช่ไหม…” อลิซยิ้มให้เย่เทียนเฉินอย่างหวานหยาดเยิ้มแล้วพูดขึ้น
บนหน้าผากของเย่เทียนเฉินมีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี การต่อสู้แย่งชิงของผู้หญิงสองคนนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เดิมที่ตนควรเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก แต่ตอนนี้กลับลำบากที่สุด การต่อสู้แย่งชิงของผู้หญิงทั้งสองแทบจะทำให้เขาแหลกสลายอยู่แล้ว
ดังนั้นผลสุดท้ายก็คือเย่เทียนเฉินกินสปาเก็ตตี้ที่อลิซทำจนหมด และกินบะหมี่ผัดซอสที่ฉีหรูเสวี่ยทำจนหมดเช่นเดียวกัน หลังจากกินเสร็จเขาก็รีบพุ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำ ส่วนอลิซอลิซและฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงสวยทั้งสองคนนี้ยังคงใช้สายตาราวกับจะฆ่าแกงมองอีกฝ่าย
ส่วนแม่ลูกหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินนั้นฉลาดเป็นอย่างมาก ในสภาพแบบนี้ไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ตามใจ หากผู้หญิงต้องการจะแข่งขันขึ้นมา จะน่ากลัวและโหดร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด พวกเธอจึงรีบหาข้ออ้างต่างๆ นานาจากไปแล้ว เย่เชี่ยนเหวินแน่นอนว่าต้องไปเรียน ส่วนหลัวเยี่ยนบอกว่าจะออกไปช็อปปิ้ง
“เทียนเฉิน ออกมาเถอะ มาดื่มน้ำสักหน่อย จะต้องเป็นเพราะกินสปาเก็ตตี้แล้วย่อยไม่ได้เลยอ้วกออกมาแน่!” เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นฉีหรูเสวี่ยประคองน้ำเปล่าแก้วหนึ่งเดินเข้ามา
“ปกติกินสปาเก็ตตี้ของฉันก็อิ่มพอแล้ว มีบางคนร้องเรียกให้เขากินบะหมี่ผัดซอส เป็นยังไงล่ะ? กินจนอ้วกเลยมั้ง?”อลิซพูดตอกกลับโดยไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
“เป็นความผิดของสปาเก็ตตี้ของเธอนั่นแหละ!”
“เป็นความผิดของบะหมี่ผัดซอสเธอนั่นแหละ!”
เมื่อต้องเจอกับการทะเลาะกันของอลิซและฉีหรูเสวี่ย เย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงแขวนรอยยิ้มแห้งๆ ไว้บนใบหน้า ค่อยๆ เดินจากไปจากที่เดิม เขาควบคุมไม่อยู่แล้วจริงๆ ถ้าถูกผู้หญิงสองคนนี้ก่อกวนต่อไป เขาไม่บ้าก็ต้องเป็นโรคประสาทแล้ว
ในตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเย่เทียนเฉินก็ดังขึ้น เมื่อดูก็เห็นว่าเป็นอู๋เสวี่ยโทรมา สิบสามจ้าวสวรรค์สู้กับคนของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ต่างได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกันไป หลังจากผ่านการรักษามาหนึ่งวัน ส่วนใหญ่ก็กลับไปที่คฤหาสน์แล้ว ดังนั้นสำหรับเย่เทียนเฉินแล้ว การโทรครั้งนี้คือการช่วยชีวิต เป็นวิธีที่ทำให้เย่เทียนเฉินสามารถสลัดพวกผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไปได้อย่างดีที่สุด
“พวกเธอค่อยๆ ทะเลาะกันไปนะ ฉันออกไปประชุมก่อน!” เย่เทียนเฉินหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วพูดขึ้นพลางเดินออกไปข้างนอก
“ฉันไปกับนายด้วย!” ดูเหมือนว่าอลิซและฉีหรูเสวี่ยจะพูดขึ้นพร้อมกัน
แต่ในตอนที่พวกเธอพูดจบก็พบว่าเย่เทียนเฉินเปิดประตูบ้านเดินออกไปแล้ว
“หึ!”
ฉีหรูเสวี่ยและอลิซแค่นเสียงใส่อีกฝ่ายพร้อมกัน ทำท่าทางกรอกตา ทนมองอีกฝ่ายไม่ไหวจนกลับไปในคฤหาสถ์ คนหนึ่งอยู่ชั้นหนึ่ง อีกคนอยู่ชั้นสอง ต่างคนต่างเล่น
เรื่องที่น่าเบิกบานใจมากที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือ ควงผู้หญิงกินลมชมวิว กินหม้อไฟ ร้องเพลง ในตอนที่เย่เทียนเฉินบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ ถึงแม้ว่าด้านหลังจะไม่มีสาวงามแต่ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างหาใดเปรียบ ถ้ามีผู้หญิงสองคนมาก่อความวุ่นวายต่อไป เขาไม่บ้าก็แปลกแล้ว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เทียนเฉินก็มาถึงบริเวณที่ว่างๆ ของคฤหาสน์ของตน หลังจากที่ต่อสู้กับมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนของคุณชายใหญ่ ที่นี้ก็ราบเป็นหน้ากลอง แต่ถูกผู้ดูแลในเขตคฤหาสน์ซ่อมเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องความสงสัยของพวกเขาแน่นอนว่าไม่มีคำอธิบายให้ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้
“พี่ใหญ่!” เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินเดินมา ทุกคนของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก็ยืนอย่างเรียบร้อย ตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ดี เห็นพวกแกกระตือรือร้นกันมากฉันก็วางใจ!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเย่เทียนเฉินพูด ทุกคนที่อยู่ด้านล่างก็ไม่มีใครส่งเสียงออกมา ทั้งหมดต่างมองไปที่เย่เทียนเฉิน กฎเกณฑ์สำคัญมาก ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ก็ไม่มีความเป็นหนึ่ง ในตอนที่พี่ใหญ่กำลังพูดไม่ว่าใครๆก็ไม่กล้าสอดปากตามใจ
“กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราเพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่ถึงเดือนแต่กลับทำเรื่องใหญ่สองเรื่องที่สั่นสะท้านไปทั้งเส้นทางเบื้องหน้าและเบื้องหลัง กำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางในเวลาเดียวกัน การล่มสลายของตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังที่ปิดซ่อนตัวตนทั้งสองนี้ นับว่าช่วยคลี่คลายวิกฤตของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราไปได้ แต่ทุกคนอย่าได้ลำพองใจแม้แต่ครึ่งส่วน เพราะพวกแกต่างก็รู้ว่าอำนาจของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเหนือกว่าตระกูลโอวหยางและตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมาก เขาแค่ส่งขุนพลที่เป็นลูกน้องของตนออกมาไม่กี่คนก็เกือบทำลายพวกเราได้แล้ว พวกเราจะดูถูกได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินพูดเสียงดังมองไปยังสมาชิกของกลุ่มจ้าวสวรรค์ทุกคน
“รอให้พวกเราหายดีก่อน จะต้องกำจัดคุณชายใหญ่ได้แน่!” หวังเจี๋ยพูดอย่างดุดัน
“ใช่ จะต้องกำจัดคุณชายใหญ่ได้แน่!” อู๋เสวี่ยเองก็กำหมัดแน่นแล้วพูดขึ้น
ตามมาด้วยการตะโกนของทุกคน พวกเขารู้ว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงแข็งแกร่งมาก รับมือไม่ง่ายเลย แต่กลับยังมีความหวัง ในจุดนี้สำคัญมาก
“ดีมากถึงแม้ว่าคุณชายใหญ่จะแข็งแรงแต่ก็ไม่แข็งแกร่งไปกว่าสิบสามจ้าวสวรรค์อย่างพวกเรา รอให้พวกแกหายดีก่อน ฉันจะพาพวกแกไปทำลายล้างคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง!” เย่เทียนเฉินชูกำปั้นข้างขวาของตนขึ้นแล้วตะโกนออกมา
ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินรู้ว่าการปลุกระดมทุกคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา มือสังหารชุดดำทั้งสี่คนที่เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แข็งแกร่งมากจริงๆ ในมือของแต่ละคนมีอาวุธเทพอยู่หนึ่งชิ้น มีพลังอำนาจที่ทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อ ในตอนที่คนในหมอกโลหิตปรากฎตัวออกมานั้น เดิมที่เย่เทียนเฉินต้องการเก็บอาวุธเทพทั้งสี่ชิ้นเอาไว้ให้สมาชิกในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เพราะในตอนนี้ นอกจากอาวุธของหลินตวนแล้วคนอื่นก็ไม่มีอาวุธอะไร นี่ไปจำกัดการแสดงความสามารถของพวกเขาอย่างใหญ่หลวงจริงๆ
เพียงแต่น่าเสียดาย เมื่อคนที่อยู่ในหมอกโลหิตปรากฎตัวออกมาก็เก็บอาวุธเทพทั้งสี่ชิ้นไปแล้ว มิฉะนั้นเย่เทียนเฉินคงไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด ในตอนที่เขาโจมตีคนในหมอกโลหิตอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าคนคนนี้จะแข็งแกร่งมาก ไม่อ่อนแอไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดว่าสมาชิกคนอื่นๆ อีกสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส หากมียอดฝีมือคนอื่นโผล่ออกมาอีกหลายคนก็คงจะยุ่งยาก จะอย่างไรชีวิตของเหล่าพี่น้องก็สำคัญที่สุด ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ก็จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อพี่น้องให้ดี
“พี่ใหญ่ พวกเราสองพี่น้องต้องขอโทษคุณด้วย ขอให้คุณลงโทษด้วยครับ!” จางเหลยเดินออกมา มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด
“พวกเราทำผิดไปแล้ว ไม่ว่าพี่ใหญ่จะลงโทษยังไงพวกเราล้วนยินดี หวังเพียงว่าพี่ใหญ่จะไม่ไล่พวกเราออก!” จางต๋าก้าวออกมา มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจังเช่นกัน
เย่เทียนเฉินมองสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋า เรื่องนี้เขาได้ฟังมาจากอู๋เสวี่ยแล้ว ในตอนที่เขายังไม่ได้กลับมา คนที่ก่อเรื่องร้ายแรงที่สุดก็คือสองพี่น้องคู่นี้ ทำให้สมาชิกกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เกือบจะแยกย้ายกันไป เรื่องราวรุนแรงมาก
ตู้ม!
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินเตะสองพี่น้องจางเหลยจางต๋าไปคนละครั้ง ทำให้พวกเขากระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตรและตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนลุกไม่ไหวไปครึ่งค่อนวัน เห็นได้ชัดว่าลูกเตะนี้ของเย่เทียนเฉินไม่เบาเลย
คนอื่นๆ ได้เห็นภาพนี้ก็ชะงักไปนี่พี่ใหญ่จะทำอะไร? หรือต้องการฆ่าสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าจริงๆ?
“กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะก่อตั้ง ความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนและความภาคภูมิใจในทีมยังไม่แข็งแกร่ง ฉันไม่ตำหนิพวกแก จางเหลยจางต๋า ความผิดพลาดของพวกแกฉันจะไม่ไต่สวนอีก ยังไงซะทุกคนก็ยังไม่เชื่อใจฉัน แต่เรื่องในครั้งนี้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงได้เห็นความสามารถของฉันแล้ว และได้เห็นอนาคตของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แล้ว ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันจะไม่ไล่พวกแกออกแต่จะฆ่าพวกแกซะ!” เย่เทียนเฉินพูดเสียงดัง
“ครับพี่ใหญ่!” ทุกคนตอบรับอย่างเข้มงวดจริงจังหาใดเปรียบ
“ระยะนี้ทุกคนรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีๆ ฉันต้องการบอกพวกแกทุกคนว่า ยังมีสงครามที่ตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่านี้ นองเลือดยิ่งกว่านี้และโหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้กำลังรอพวกเราอยู่ สงครามแห่งความเป็นความตายที่แท้จริงยังมาไม่ถึง หากพวกแกไม่สามารถทำให้ตัวเองแข็งแกร่งในกระบวนการนี้ได้ เช่นนั้นสิ่งที่รอพวกแกอยู่ก็มีแต่ความตาย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินยืนอยู่ในห้องหนังสือของคฤหาสน์ อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวนและเปาเทียนหลงต่างก็อยู่ข้างในด้วย นี่เป็นการประชุมของสมาชิกที่สำคัญของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ แน่นอนว่ามีความแตกต่างกันไป
“พี่ใหญ่ ตอนที่คุณไม่อยู่ผมทำได้ไม่ดี ทำให้สองพี่น้องจางเหลยจางต๋าก่อเรื่องขึ้นมา ผมเต็มใจรับโทษ!” อู๋เสวี่ยก้าวออกมาพูดอย่างรู้สึกผิด
“ผมเองก็ต้องรับผิดชอบ!” หวังเจี๋ยเองก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น
“เอาละพวกแกทั้งสี่คนนั่งลงเถอะ พวกเราเป็นพี่น้อง ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจ สถานการณ์เป็นยังไงฉันเองก็พอจะคิดออก ตอนนั้นฉันจะกลับมาได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องไม่แน่นอน ทุกคนอารมณ์ร้อนก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ฉันไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก พวกเราสิบสามจ้าวสวรรค์มีรากฐานเดียวกัน ต้องสามัคคีกัน ไม่สามารถล่าถอยเพราะวิกฤติและความลำบากใดๆ ได้!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
………..