เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 310 ผู้หญิงที่เป็นห่วงเย่เทียนเฉินมากที่สุด
ตระกูลหลิง ภายในบ้านของหลิงอวี่สวิ๋น ระยะนี้หลิงอวี่สวิ๋นถูกกักบริเวณอยู่ตลอด หลิงเยว่พ่อของเธอไม่อนุญาตให้หลิงอวี่สวิ๋นเหยียบย่างออกไปจากตระกูลหลิงแม้แต่ครึ่งก้าว มิฉะนั้นจะไม่คิดว่าตนมีลูกสาวคนนี้อีก ในขณะเดียวกันก็ส่งบอดี้การ์ดไปดูแลหลิงอวี่สวิ๋น เนื่องจากหลิงเยว่รู้ว่าเย่เทียนเฉินจะประมือกับคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ยิ่งไปกว่านั้นยังล่วงเกินตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางอีกด้วย กล่าวได้ว่าสิ่งที่เย่เทียนเฉินกำลังเผชิญหน้าก็คืออันตราย จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย
หลิงเยว่ออกเดินทางมาจากบ้านตระกูลหลิงของตน ออกเดินทางมาจากความปลอดภัยของลูกสาวของตน ดังนั้นจึงกักบริเวณหลิงอวี่สวิ๋นให้อยู่ในบ้าน ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปสังเกตการณ์เย่เทียนเฉิน เขาไม่ได้มองชายหนุ่มคนนี้ดีๆ แต่กลับอยากจะเห็นเสียหน่อยว่าเย่เทียนเฉินจะรับมืออย่างไร ต่อให้พ่ายแพ้ เย่เทียนเฉินก็สามารถภาคภูมิใจได้ ทั่วทั้งประเทศจีน เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าล่วงเกินอำนาจใหญ่เหล่านี้พร้อมกัน แต่เขากลับสามารถทำได้ มีความกล้าและความเฉลียวฉลาดมาก
ตอนนี้หลิงอวี่สวิ๋นกำลังนำกาแฟแก้วนึงไปเสริ์ฟให้พ่อ ต่อให้พ่อจะกักบริเวณเธอไว้ในบ้าน แต่อย่างไรก็ยังเป็นพ่อของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อก็เลี้ยงดูตนมาอย่างยากลำบาก หลิงอวี่สวิ๋นเป็นลูกสาวที่กตัญญูมาโดยตลอด
ไหนเลยจะรู้ว่า เพิ่งจะเดินเข้าไปถึงบริเวณประตูห้องหนังสือของพ่อ กลับได้ยินเสียงเหมือนพ่อกับย่าขู่กำลังสนทนากันอยู่ เนื้อหาเกี่ยวกับเย่เทียนเฉิน ดังนั้นหลิงอวี่สวิ๋นจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง ในช่วงเวลาที่เธอถูกกักบริเวณนี้ กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่ได้แตะ ดังนั้นจึงต้องการรู้ข่าวของเย่เทียนเฉินมา
“นายท่าน เพิ่งจะได้รับข่าวของเย่เทียนเฉินมาค่ะ!” ย่าขู่เอ่ยปากพูดกับหลิงเยว่
“ย่าขู่ มีข่าวอะไรก็พูดมาเถอะ ที่นี่ไม่มีคนอื่น!” หลิงเยว่พยักหน้าพลางกล่าว
“เย่เทียนเฉินพากลุ่มอำนาจที่เขาสร้างขึ้นไปทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางแล้ว!” ย่าขู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“หือ? ทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกลูโอวหยาง? กลุ่มอำนาจของตัวเขาเอง?”
หลิงเยว่ได้ยินคำพูดนี้ก็เกิดความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะไม่เชื่อแม้แต่น้อย ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหลิงเยว่หรือกระทั่งคนอื่นอีกจำนวนมากที่เพิ่งจะได้ยินข่าวนี้ต่างรู้สึกไม่กล้าเชื่อ ไม่ต้องพูดถึงว่าเย่เทียนเฉินสามารถทำก่อตั้งอำนาจของตนขึ้นมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังพากองทัพนี้ไปทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางได้อีกด้วย ทำให้ผู้คนตื่นตกใจจนคางแทบร่วง
ต้องทราบว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางเป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลัง ทั้งสองตระกูลมีพื้นเพลึกล้ำหาใดเปรียบ กระทั่งรัฐบาลก็ไม่กล้าแตะต้องง่ายๆ แต่เย่เทียนเฉินถึงกับสามารถทำลายล้างตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังตระกูลใหญ่ทั้งสองนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
“เย่เทียนเฉินก่อตั้งอำนาจของตนแล้วใช้ชื่อว่า “สิบสามจ้าวสวรรค์” เป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หลังจากที่ไปทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแล้วก็ทำลายตระกูลโอวหยางเมื่อวาน อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของตระกูลโอวหยางมีคนระดับสูงของประเทศเคลื่อนไหวพลังของกองทัพด้วย!” ย่าขู่เอ่ยปากพูดต่อไป
หลิงเยว่ได้ยินคำพูดของย่าขู่ก็ขมวดคิ้ว ท่าทางเรื่องนี้จะไม่ใช่ข่าวโคมลอย ตระกูลหลิงของเขา ในฐานะที่เป็นตระกูลชาวจีนโพ้นทะเลที่ร่ำรวยที่สุด อำนาจในแต่ละทางด้านล้วนไม่อ่อนแอ ข่าวที่ได้รับย่อมเป็นข่าวที่แม่นยำที่สุดเป็นอันดับหนึ่งแล้ว
“รัฐบาลเคลื่อนไหวด้วยหรือ?” หลิงเยว่ยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นมา
หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว ตระกูลเย่เป็นตระกูลชั้นสามที่ตกต่ำไป เมื่อมาถึงรุ่นของเย่เทียนเฉินก็ตกต่ำจนตกต่ำไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ในสายตาใครในเมืองหลวงเลย ถึงกับได้รับความช่วยเหลือและความสนใจจากบุคคลระดับสูงในประเทศได้เชียว ในจุดนี้ทำให้หลิงเยว่คิดไม่ถึงจริงๆ ครั้งนี้หลิงเยว่ต้องการย้ายกลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนว่าต้องการความช่วยเหลือและนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น กระทั่งท่านผู้นำสูงสุดหลิงเยว่ก็เคยพบมาแล้ว ใส่ใจตระกูลหลิงมาก
“หลังจากที่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของเย่เทียนเฉินจัดการกับกลุ่มสิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยางแล้ว ทางรัฐบาลก็ส่งขุนพลระดับทัพฟ้าออกมานำทหารชั้นยอดมาปิดล้อมคฤหาสน์ของตระกูลโอวหยางเอาไว้ และลงมือทำจัดตระกูลโอวหยาง เป็นวิธีการที่รวดเร็วและงดงามมาก!” ย่าขู่พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ตระกูลโอวหยางเป็นตระกูลในโลกเบื้องหลัง มีอำนาจมืดแข็งแกร่งมาก กระทั่งทางรัฐบาลเอง แม้หลายปีมานี้จะไม่ได้แตะต้องตระกูลโอวหยางแต่ก็สนใจอยู่ตลอด หากตระกูลโอวหยางต้องการจะเผยตัวออกมา บางทีคงจะมีอันตรายไปถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นทางรัฐบาลจึงใช้นโยบายกับตระกูลที่มีอำนาจมืดยิ่งใหญ่เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าทางรัฐบาลไม่ต้องการกำจัด แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสมก็เท่านั้น
“ดูท่าทางฉันจะประเมินเย่เทียนเฉินต่ำเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอยู่ในระดับสูงของประเทศอีกด้วย!” หลิงเยว่พูดขึ้นไม่อาจไม่นับถือ
ในตอนนี้เอง หลิงอวี่สวิ๋นที่ได้ยินข่าวเหล่านี้จึงดีใจและเบิกบานใจอยู่นอกประตูอย่างยิ่งยวด เนื่องจากข่าวที่เธอได้ยินต่างเป็นข่าวดีเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินทั้งนั้น เธอจะไม่ดีใจได้อย่างไรล่ะ! กำลังคิดจะเดินเข้าไปแต่กลับได้ยินคำพูดของย่าขู่อีกครั้ง
“แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงลงมือแล้ว เขาส่งคนไปสี่คน เกือบจะกำจัดกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้แล้ว หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินตามมาทันเกรงว่ากลุ่มอำนาจที่เขาเพิ่งจะก่อตั้งคงถูกทำลายไปแล้ว!” ย่าขู่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง
“คุณชายใหญ่ลงมือแล้วหรือ?” หลิงเยว่ถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ค่ะ ส่งคนออกไปสี่คนเพื่อสู้กับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ครั้งใหญ่ เกือบจะได้รับชัยชนะแล้ว!” ย่าขู่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“คุณชายใหญ่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ ด้วย ส่งคนออกไปแค่สี่คน ถึงกับเกือบจะทำลายกลุ่มอำนาจของเย่เทียนเฉินได้เชียว ดูท่าเย่เทียนเฉินจะไม่ใช่คู่มือของคุณชายใหญ่จริงๆ รับมือได้ไม่นานก็คงจะถูกทำลายแล้ว!” หลิงเยว่ขมวดคิ้วพูด
“หลายปีมานี้ไม่เคยมีคนเป็นคู่มือของคุณชายใหญ่ได้เลย สิ่งที่เย่เทียนเฉินแสดงออกมาน่าแปลกใจมาก เพียงแต่น่าเสียดายที่สู้คุณชายใหญ่ไม่ได้ เสียดายคนมีความสามารถแบบนี้จริงๆ!” หลิงเยว่พูดออกมาอย่างรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
“รายละเอียดการต่อสู้ฉันไม่รู้แน่ชัด แต่ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว!” ย่าขู่เอ่ยปากพูด
“อืม ใส่ใจให้ตลอดล่ะ นอกจากนั้นอย่าให้หลิงอวี่สวิ๋นออกไป ถ้าคุณชายใหญ่คิดจะกำจัดเย่เทียนเฉินแล้ว เกรงว่าคงจะมีการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่แน่ ฉันไม่อยากให้เธอมีอันตราย!” หลิงเยว่เอ่ยปากพูด
ย่าขู่เดินไปยังประตู หลิงอวี่สวิ๋นได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว เดิมทีหลิงอวี่สวิ๋นที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในใจตอนนี้กลับเป็นกังวลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงแข็งแกร่งขนาดนั้น ส่งคนออกไปแค่สี่คนก็เกือบจะทำลายกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้แล้ว นี่จำเป็นต้องมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงจะสามารถทำได้?
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพราะพวกเธอไม่รู้ว่า คนทั้งสี่ที่คุณชายใหญ่ส่งออกไป ไม่เพียงแต่จะมีฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในมือของพวกเขาล้วนมีอาวุธเทพอยู่ ของเหล่านั้นล้วนเป็นอาวุธในตำนานเล่าขานที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน เพียงแค่ชิ้นเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้โลกต้องตกตะลึงแล้ว มิฉะนั้นจะสามารถกดดันกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แบบนี้ได้อย่างไร
หลิงอวี่สวิ๋นรีบเดินลงไปชั้นล่าง ในใจเป็นห่วงเย่เทียนเฉินมากนัก ทั้งยังไม่กล้าให้ย่าขู่และพ่อรู้ มิฉะนั้นเกรงว่าหลิงเยว่พ่อของเธอจะยิ่งควบคุมอิสรภาพของเธอยิ่งขึ้น
นำกาแฟมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟในห้องโถงใหญ่บริเวณชั้นหนึ่ง พบว่าย่าขู่เดินลงมาแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นรีบแสร้งทำเป็นบังเอิญพบ ยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปข้างกายย่าขู่ กอดแขนย่าขู่แล้วพูดว่า “ย่าขู่คะ มีข่าวเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินหรือเปล่าคะ?หลายวันนี้หนูอารมณ์ไม่ค่อยดี รู้สึกเป็นห่วงน่ะค่ะ!”
“ฮ่าๆ เด็กน้อย เมื่อกี้คุณแอพฟังฉันคุยกับพ่อของคุณแล้ว ถ้าหากพ่อของคุณรู้เข้า เขาจะต้องโกรธมากแน่!” ย่าขู่พูดตำหนิหลิงอวี่สวิ๋นแต่กลับยิ้มอย่างเมตตา หลิงอวี่สวิ๋นก็เหมือนกับหลานสาวของเธอ เธอจะทำใจตำหนิลงได้อย่างไร
“หนูรู้ว่าย่าขู่ดีกับหนูที่สุดแล้ว จะไม่บอกพ่อแน่ ถ้างั้นคุณบอกข่าวเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินให้หนูฟังซักหน่อยเถอะ เขามีอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่าคะ?” หลิงอวี่สวิ๋นเกาะแขนของย่าขู่อย่างออดอ้อนแล้วพูดขึ้น
“จนปัญญากับคุณจริงๆ คำพูดเมื่อครู่นี้คุณก็ได้ยินหมดแล้ว เด็กน้อยอย่างคุณยังต้องการรู้อะไรอีกหรือคะ?” ย่าขู่ถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อสักครู่นี้หนูได้ยินคุณพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง บอกว่าเขาลงมือกับเย่เทียนเฉินแล้ว แล้วตอนนี้เย่เทียนเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิงอวี่สวิ๋นถามอย่างร้อนใจ
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เป็นลูกน้องของเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนที่ทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน แต่เมื่อเขากลับมาก็สามารถหยุดยั้งไม่ให้คนของคุณชายใหญ่ทำลายกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้ ท่าทางเด็กคนนี้คงจะไม่เป็นไรแล้ว!” ย่าขู่เอ่ยปากพูด
“ถ้างั้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ!” หลิงอวี่สวิ๋นถามอย่างร้อนใจ
“ยังไม่แน่ชัด ทำได้เพียงแต่ดูว่าก้าวต่อไปคุณชายใหญ่จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร!” ย่าขู่พูดอย่างจนใจ
หลิงอวี่สวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย เธอรู้ว่าย่าขู่คงไม่ล้อเล่นแน่ กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เย่เทียนเฉินก่อตั้งขึ้นทำลายล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางได้ ย่อมแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่คนที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาเช่นคุณชายใหญ่ ว่ากันว่าสิบกว่าปีมานี้ไม่มีใครเป็นคู่มือเขาได้ นั้นไม่ใช่ข่าวโคมลอยแน่ เพียงแค่ส่งคนออกไปสี่คนก็เกือบจะทำลายกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้แล้ว ความสามารถเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูก
“ย่าขู่ หนูอยากออกไป!” หลิงอวี่สวิ๋นดึงแขนของย่าขู่ มองไปยังย่าขู่ด้วยความร้อนใจแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ไม่ได้ค่ะ อันตรายเกินไป ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นการดวลกันครั้งใหญ่ของเย่เทียนเฉินและคุณชายใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด อาจจะตายก็ได้!” ย่าขู่พูดแล้วส่ายหน้า
“ย่าขู่ คุณเห็นหนูเติบโตมาตั้งแต่เล็กๆ หนูไม่เคยมีความรักมาเลย ตอนที่ได้เจอกับเย่เทียนเฉินหนูก็ไม่คิดว่าจะรักเขา ความรู้สึกในวัยเด็กนั้นหนูไม่สามารถลบทิ้งไปได้จริงๆ ไม่ว่าพ่อจะขัดขวางอย่างไรหนูก็ต้องการพบเย่เทียนเฉินจริงๆ ไม่งั้นหนูจะไม่วางใจ!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดตามจริง
“หลิงอวี่สวิ๋น คุณไปเจอเย่เทียนเฉินแล้วอย่างไร? คุณช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก กลับจะทำให้เย่เทียนเฉินพะว้าพะวงเสียมากกว่า เด็กคนนี้ร้ายกาจมาก หากเขามีความสามารถเอาชนะคุณชายใหญ่ได้จริงๆ ฉันเชื่อว่าถึงตอนนั้นพ่อของคุณก็จะไม่ขัดขวางคุณกับเขาอีก หากเขาแพ้และถูกฆ่า นั่นก็เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้!”ย่าขู่มองไปยังหลิงอวี่สวิ๋นแล้วพูดอย่างจริงจัง
“งั้น…งั้นหรือว่าหนูจะต้องรออยู่แบบนี้? หรือหนูทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงลืมตาดูเขาไปต่อสู้นองเลือดกับคุณชายใหญ่…”หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่าตำหนิตัวเองน้ำตาไหลวนอยู่ในดวงตา!