เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 316 เย่เทียนเฉินโกรธแล้ว
หลังจากที่หลัวเหว่ยเคอตีงูหลามตัวใหญ่จนหนีไปได้ แต่กลับนำพาความยุ่งยากครั้งใหญ่มาให้ นี่เป็นงูโลหิตที่มีจิตอาฆาตรุนแรงและเป็นงูที่มีนิสัยโหดเหี้ยมมากที่สุด งูตัวนั้นถูกหลัวเหว่ยเคอตีหัวจนเกือบตายและยังถูกมีดแทงเข้าไปที่จุดเจ็ดชุ่นของงูอีกด้วย ซึ่งจะต้องตายอย่างแน่นอน พวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นของแม่งูโลหิต จำเป็นจะต้องระวังให้มาก งูที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับถังน้ำนี้ แค่คิดก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย อีกทั้งงูที่หลัวเหว่ยเคอตีจนมันหนีไปตัวนั้นไม่นับว่าใหญ่
“สหาย คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? เป็นยังไงบ้าง?” ชางหลางประคองคนที่เกือบจะถูกงูกลืนเข้าไปคนนั้นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่คือชุดมาตรฐานของทหารหน่วยรบพิเศษแห่งประเทศจีนจึงถามออกมาอย่างร้อนใจ สหายผู้นี้ช่วยไม่ได้แล้วแน่นอน ลำไส้ทะลักออกมา ลำคอก็ถูกกัดจนเป็นรูใหญ่ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“เร็ว รีบไปช่วยพวกหัวหน้าหลีหวัง…”
หลังจากที่สหายหน่วยรบพิเศษคนนี้พูดจบ ศีรษะตกลงตายไป เขาสามารถยืนหยัดจนมาถึงตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะต้องการบอกข่าวนี้ต่อพวกชางหลาง
ชางหลางขมวดคิ้ว ศพของสหายผู้นี้วางอยู่ด้านข้าง เดิมทีเขาคิดจะช่วยฝังแต่กลับถูกคำพูดหนึ่งของเย่เทียนเฉินหยุดเอาไว้
“ไม่ต้องฝัง ถ้าฝังก็จะถูกสัตว์ร้ายขุดออกมากินอยู่ดี!”
ในตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ที่ดาวสิ้นโลก ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าขั้นสูงสุด ในโลกนั้นมีสัตว์อสูรและมนุษย์กลายพันธุ์อยู่จำนวนมาก มีกระทั่งปีศาจที่หาได้ยากยิ่ง ล้วนเป็นตัวตนที่เกิดจากการวิวัฒนาการมาจากสัตว์ร้ายทั้งสิ้น สัตว์ร้ายที่มีลักษณะดังเดิมเหมือนกับงูโลหิตนี้เขาก็เคยพบมาก่อน แน่นอนว่างูโลหิตที่พบในตอนนี้ย่อมไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวตนเหล่านั้นบนดาวสิ้นโลก เป็นแค่สัตว์ร้ายที่มีสัญชาตญาณดั้งเดิมของสัตว์ป่าเท่านั้น ไม่ได้มีความร้ายกาจขนาดนั้น มิฉะนั้นแค่งูหลามเมื่อสักครู่นี้ตัวเดียวก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับชางหลาง เย่เทียนเฉิน และหลัวเหว่ยเคอแล้ว
การต่อสู้ภายในป่าดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ ไม่ใช่จะบอกว่ามนุษย์ไร้ไมตรี แต่คุณไม่สามารถปกป้องคนตายคนหนึ่งได้ ไม่สามารถปกป้องศพของสหายตนได้ เนื่องจากขอเพียงคุณแบ่งสมาธิไป วินาทีต่อมาคนที่จะต้องตายอาจจะเป็นคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะจบสิ้นด้วย
“พวกเราไปกันเถอะ ต้องหาพวกเขาให้พบเร็วๆ!” ชางหลางวางศพของทหารหน่วยรบพิเศษคนนั้นลงแล้วเดินตรงไปข้างหน้า
ระหว่างการเดินทาง ชางหลางอธิบายสถานการณ์โดยรวมให้เย่เทียนเฉินฟัง หลีหวังก็คือหัวหน้าของทหารหน่วยรบพิเศษหน่วยนี้ที่บริเวณชายแดน เคยเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มขุนพลระดับทัพฟ้ามาก่อน แต่ก็เป็นเพียงทัพฟ้าชั้นต้นเท่านั้น ขุนพลระดับทัพฟ้าแบ่งออกเป็นชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นอ๋อง แต่ถึงแม้ว่าหลีหวังจะเป็นขุนพลทัพฟ้าชั้นต้นก็มากพอที่จะเป็นผู้นำของทหารหน่วยรบพิเศษนี้แล้ว เพียงแค่คำว่าทัพฟ้าสองคำนี้ก็รู้แล้วว่าหนักหนาขนาดไหน
ถ้าหากจะพูดถึงเฮยเมี่ยน เขาควรจะนับว่าเป็นขุนพลทัพฟ้าในชั้นกลาง ยังไม่ถึงขอบเขตชั้นอ๋อง นี่เป็นจุดที่เย่เทียนเฉินสนใจในขุนพลระดับทัพฟ้า ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องไปฝ่าด่านทัพฟ้าดูสักหน่อยแน่นอน
“เพียงแต่สิ่งที่ฉันแปลกใจก็คือ ทำไมหลีหวังถึงพาคนเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ได้? ไม่ใช่ว่าเบื้องบนสั่งเข้ามาแล้วว่าอย่าให้เขาบุ่มบ่ามรึไง?” ชางหลางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา
ในความคิดของชางหลาง หลีหวังมีฐานะเป็นหัวหน้าของทหารหน่วยรบพิเศษชายแดนกลุ่มนี้ การเชื่อฟังคำสั่งเป็นเรื่องที่เขารับรู้แน่นอนอยู่แล้ว และดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่จะขัดคำสั่งได้ แต่ครั้งนี้กลับผิดปกติ ถึงกับพาทหารหน่วยรบพิเศษกลุ่มนี้เข้ามาในป่าหมอกดำเป็นการส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ปกติอยู่บ้าง
“ท่าทางจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น บางทีศัตรูอาจจะจงใจล่อลวงให้หลีหวังพาคนเข้ามาโดยไม่ทันได้รายงานสถานการณ์ไปยังเบื้องบน” หลัวเหว่ยเคอขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ความจริงนี้ทำให้เขาคิดไม่ถึง ศัตรูในครั้งนี้ท่าทางจะแข็งแกร่งมากและมีการวางแผนมาล่วงหน้านานแล้ว หลังจากที่ทำให้ทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดและหานเจี๋ยหายตัวไป พวกเขาก็รู้ว่าทางประเทศจีนจะต้องส่งคนมาช่วยที่ค่ายแน่นอน ระหว่างนี้พวกเขายังทำร้ายคนที่มาช่วยเหลือที่ค่ายไม่หยุด นี่ไม่ใช่แค่การหาเรื่องแล้ว แต่เป็นความต้องการที่จะทำให้กองกำลังบริเวณชายแดนของประเทศจีนอ่อนแอลงอย่างแท้จริง จุดประสงค์ชัดเจนอย่างมาก
เรื่องที่ชายแดนมีความซับซ้อนมาโดยตลอด อีกทั้งบริเวณที่การต่อสู้ไม่เคยหยุดก็คือเขตชายแดนนี้เอง เพราะว่านี่เป็นเขตพรมแดนระหว่างประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่ง เรื่องต่างๆ มากมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการรุกล้ำเขตแดนต่างเกิดขึ้นที่นี่ แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจเพ่งเล็งมาที่ประเทศจีน ต้องการโจมตีพลังอำนาจในเขตชายแดนของประเทศจีน ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปจะส่งผลกระทบและคุกคามประเทศจีนในระดับนานาชาติ จะทำให้เกิดความอ่อนแอครั้งใหญ่ และทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก
“คงจะไม่ไกลนัก ทางซ้ายมือมีลมหายใจอ่อนๆ ของคนอยู่ด้วย!” เย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ไปนานแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจจะรักษาพลังเอาไว้แล้ว เป็นไปได้มากว่าใกล้จะเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้ว
“พวกเราไปกันเถอะ!” ชางหลางพูดขึ้น
เย่เทียนเฉิน ชางหลางและหลัวเหว่ยเคอ ทั้งสามคนเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือในระดับสูง ดังนั้นถึงแม้จะกล่าวว่าเป็นตอนกลางคืน แต่ก็มีไฟฉายพกพา มีแสงสว่างของดวงจันทร์ รวมกับการรับรู้อันเฉียบแหลมของแต่ละคนแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดรอดผ่านไปได้ ไม่นานก็มาถึงจุดที่เย่เทียนเฉินรับรู้
ในตอนที่พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามคนมาถึงพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง ทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก ขมวดคิ้วแน่น พบว่าที่นั่นมีศพของทหารหน่วยรบพิเศษอยู่ประมาณเจ็ดแปดคน ทั้งหมดต่างถูกฟันศีรษะจนศีรษะกับตัวแยกออกจากกัน โหดเหี้ยมอย่างผิดปกติ และบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้างต้นหนึ่ง มีทหารหน่วยรบพิเศษผู้หนึ่งถูกดาบเล่มใหญ่แทงปักเอาไว้ บริเวณหน้าอกถูกแทงทะลุ กระทั่งต้นไม้ก็ถูกแทงทะลุไปด้วย เลือดสดๆ ไหลลงมาตามกิ่งไม้ ต้องการให้เลือดไหลออกมาจนตาย
“เขายังมีลมหายใจอยู่…” ในขณะที่เย่เทียนเฉินพูด มือขวาก็วางลงบนหน้าอกของทหารหน่วยรบพิเศษคนนั้นเบาเบาแล้วส่งพลังพิเศษเข้าไปอย่างเชื่องช้า นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาพลังพิเศษแห่งการรักษา แต่เป็นเพียงแค่การทำให้อาการบาดเจ็บไม่รุนแรงไปกว่านี้ ทำให้เลือดไม่เกิดการแข็งตัวไปชั่วคราว
“เป็นอาไท่ เขาเป็นลูกน้องของหลีหวัง เป็นรองหัวหน้าหน่วย เคยฝ่าด่านขุนพลระดับทัพฟ้าเล็กน้อย แล้วพ่ายแพ้ที่ด่านสุดท้าย แต่หลีหวังให้ความสำคัญกับเขามาก คิดว่าภายในสองปีอาไท่จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือระดับทัพฟ้าได้แน่ ดังนั้นจึงรับเขาเป็นลูกน้อง!” หลัวเหว่ยเคอจำทหารหน่วยรบพิเศษคนนี้ได้จึงอดไม่ได้ที่จะพูดมาด้วยความสะเทือนใจเล็กน้อย
เย่เทียนเฉินย่อมรู้ดีว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร คนคนหนึ่งที่เกือบจะได้เป็นยอดฝีมือระดับทัพฟ้า เพียงแค่มีอายุน้อยยังไม่มีประสบการณ์มากเท่านั้น อีกไม่กี่ปีก็จะได้เป็นขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าความสามารถแข็งแกร่งเหนือระดับไ ม่ใช่คนอ่อนแอแน่ แต่กลับถูกศัตรูแทงทะลุจนปักติดกับต้นไม้ ต้องการให้เลือดไหลจนแห้งตาย ศัตรูแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนเกือบถึงขั้นวิปลาส
“แค่กๆ …อึก…”
อาไท่ลืมตาขึ้น คิดจะพูดแต่มุมปากกลับกระอักเลือดสดๆ ออกมาในทันที เย่เทียนเฉินรีบปิดบาดแผลบริเวณหน้าอกของเขาเอาไว้แล้วเอ่ยปากพูดว่า “พวกเราต้องการรู้ข้อมูล ต้องการไปช่วยคน คุณอย่าได้รีบร้อน ค่อยๆ พูด!”
อาไท่มองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่งแล้วจึงสูดหายใจลึก เขารับรู้ได้ว่าตนเองไม่มีทางรอดแล้ว จะต้องตายแน่แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นทหารคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรายงานข้อมูลให้กับคนที่สามารถทำสำเร็จ นี่ถึงจะเป็นการปฎิบัติภารกิจได้สำเร็จและทำตามเป้าหมายได้ ในยุคนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของวีรบุรุษเพียงคนเดียวแล้ว
“หัวหน้า เขา เขาไล่ตามไปโจมตี มีแค่เขาคนเดียว…พวกคุณรีบไป…สนับสนุนเขา…พวกเราถูกลอบโจมตีที่นี่…เป็นยอดฝีมือของสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริว…แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งมาก…” อาไท่กลั้นใจ ฝืนพูดออกมาด้วยร่างกายอันสั่นเทา
จินตนาการได้เลยว่า คนผู้หนึ่งที่บริเวณหน้าอกถูกดาบเล่มใหญ่ปักทะลุจนเลือดไหลออกมา ได้รับความเจ็บปวดมากขนาดไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังพยายามฝืนความหวาดกลัวในความตายแล้วพูดออกมา น่านับถือจริงๆ อาไท่ได้แสดงส่วนที่แข็งแกร่งทรหดที่สุดของผู้เป็นทหารแห่งประเทศจีนออกมาแล้ว
“ทำไมถึงไม่ฟังคำสั่ง ทำไมถึงเข้ามาโดยพลการ?” ชางหลางขมวดคิ้วถาม เขาไม่ได้ตำหนิ แต่ต้องการรับรู้ให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
“ศัตรู…ศัตรูส่งศีรษะของสหายร่วมรบของพวกเราทั้งสิบคนมา…ไม่มีพี่น้องแม้แต่คนเดียวที่จะทนได้ ดังนั้นพวกเราจึงไล่ตาม…ไหนเลยจะรู้ว่า…” อาไท่พูดอย่างปวดใจ
ชางหลางชะงักไปครู่หนึ่ง ทอดถอนใจออกมา ความสัมพันธ์ของสหายร่วมรบนั้นสำคัญมาก หากตนเองพบว่าศีรษะของสหายร่วมรบทั้งสิบคนถูกศัตรูส่งมา เกรงว่าก็คงควบคุมความบ้าคลั่งเอาไว้ไม่ได้ ต้องการที่จะฆ่าล้างพวกเขาทั้งหมดเพื่อแก้แค้น ใครก็ระงับความโกรธเช่นนี้ไม่ได้
“ผม…อึก!” อาไท่ยืนหยัดจนถึงขีดสุดแล้ว อดทนไม่ไหวอีกต่อไปจนกระอักเลือดสดๆ ออกมาและสิ้นใจตาย
ฝ่ามือข้างซ้ายของเย่เทียนเฉินประคองศพของอาไท่ มือขวาใช้ออกแรงดึงดาบที่ปักอยู่ออกมาในช่วงอึดใจ ด้านบนดาบเต็มไปด้วยรอยเลือดและมีสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ด้วย สัญลักษณ์นี้เย่เทียนเฉินเคยเห็นมาก่อนในตอนที่สู้กับคาเอดะอิจิโร่ เป็นสัญลักษณ์บนดาบใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริว
เขาส่งพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไป เย่เทียนเฉินพบว่าบนดาบใหญ่เล่มนี้มีพลังอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ แข็งแกร่งเป็นอย่างมากถึงแม้จะสลายไปเยอะแล้วแต่ยังคงสัมผัสได้บ้าง คนที่ฆ่าอาไท่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากรอบๆ ตัวของอาไท่มีศพของคนชุดดำอยู่จำนวนหนึ่ง คนพวกนี้คงเป็นคนของสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริว เป็นคนที่สู้กับอาไท่ และต้องเป็นยอดฝีมือชั้นสูงของสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวแน่นอนที่สามารถใช้ดาบแทงเขาจนปักติดอยู่กับต้นไม้ ทำให้ผู้คนต้องทอดถอนใจด้วยความตื่นตกใจ
“สหาย คุณพักผ่อนอย่างสงบเถอะ ผมนับถือความพยายามของคุณมาก ดังนั้นผมจะแก้แค้นให้คุณเอง!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเป็นคนที่โกรธยาก กระทั่งตอนที่ฆ่าคนก็ยังมีใบหน้าประดับรอยยิ้มไร้พิษภัย แต่ครั้งนี้เขาโกรธเขาจริงๆ แล้ว
ครืน!
หลังจากที่เย่เทียนเฉินดึงดาบใหญ่เล่มนั้นออกมา ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอาไท่ก็พังทลาย เห็นได้ชัดว่าพลังของดาบนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด สามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นระเบิดเป็นชิ้นๆ ได้ทั้งหมด เพียงแค่แตะเบาๆ ก็ล้มทลายลงแล้ว
“พวกเราต้องปฏิบัติการณ์ให้เร็ว ฉันกังวลว่าหลีหวังจะมีอันตราย คนของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า จะต้องระวังสักหน่อย!” ชางหลางขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดออกมาอย่างดุดัน