เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 342 สยบกระบี่แห่งเดชานุภาพ
“อืม เทียนเฉิน ขอบคุณมาก ฉันจะพยายามร่าเริงขึ้นให้เร็วที่สุด ฉันเชื่อว่าแม่ของฉันคงจะดีใจอยู่บนสวรรค์ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันอีก!” เสี้ยวหยาเผยรอยยิ้มออกมา กล่าวด้วยความแน่วแน่
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เริ่มจากไข่ใบนี้ก่อนเลย หลายวันมานี้เธอไม่ได้กินดีหลับสบาย ถ้าหากไม่บำรุงคงไม่ไหว!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดอย่างชื่นชม
ภายในคฤหาสน์ คนธรรมดาสองคน บะหมี่ธรรมดาสองถ้วย แต่เย่เทียนเฉินกับเสี้ยวหยากินกันอย่างมีความสุข ซึมซับความรู้สึกที่ไม่มีใครรบกวน มีเพียงพวกเขาสองคน บางครั้งก็สนทนากันหลายประโยค บ้างครั้งก็เผยรอยยิ้มออกมา บางครั้งก็มองความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของกันและกัน มีคลื่นแห่งความรักอยู่เล็กน้อย
ตอนเย็น เสี้ยวหยาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงแล้ว ส่วนเย่เทียนเฉินที่เป็นคนไม่ยอมร่ำเรียนย่อมอยู่ในคฤหาสน์ แต่เขาเองก็ไม่ได้ว่าง กำลังนั่งสมาธิ ใช้พลังพิเศษภายในร่างกายของตนรวมกับพลังพิเศษอันอ่อนโยนสายนั้นสมานแผลต่อไป ไม่ทราบว่าคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาลอบโจมตีเมื่อไหร่ และไม่ทราบว่าในหมู่คนเหล่านี้จะมียอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างไรอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าครั้งนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะส่งคนที่ร้ายกาจยิ่งกว่าซาโต้มา ถ้าเป็นแบบนั้นคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่ไม่ได้อีก คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงก็มีความกดดันอันไร้รูปแบบ นี่เป็นคนที่เย่เทียนเฉินเฝ้ารอมากที่สุด การต่อสู้เป็นตายระหว่างเขาและคุณชายใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หวังเพียงว่าเมื่อถึงตอนนั้นทุกคนจะมีชีวิตต่อไป
เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บริเวณสระน้ำของคฤหาสน์ ครั้งที่แล้วที่คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงส่งคนของตนมาลอบโจมตีกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ทำให้ที่นี่ถูกทำลายยับเยิน แต่ก็ซ่อมแซมเรียบร้อยดีหมดแล้ว สวยงามและใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มาก เย่เทียนเฉินสวมกางเกงว่ายน้ำตัวหนึ่ง นั่งอยู่ริมสระน้ำเช่นนั้น
หลินตวนนำดาบเจ็ดดาวและกระบี่ไท่อาเดินเข้ามา เห็นเย่เทียนเฉินกำลังนั่งสมาธิอยู่จึงไม่ได้รบกวน เพียงแต่กล่องสีดำใบใหญ่ในมือของเขากำลังสั่นไม่หยุด เขาพยายามควบคุมเต็มที่แต่กลับไม่สามารถควบคุมได้
“นั่งลงสิ ช่วงนี้นายต้องควบคุมกระบี่ไท่อา ดูท่าทางจะลำบากมาก!” เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้นแล้วพูดกับหลินตวนด้วยรอยยิ้ม
“ลูกพี่ กระบี่ไท่อานี้ร้ายกาจมากจริงๆ มีหลายครั้งที่ผมควบคุมไม่ได้ กลัวจริงๆ ว่าปราณกระบี่จะพุ่งออกมาโจมตีตัวผมเอง คิดแล้วก็ไม่กล้านอนเลย!” หลินตวนถอนใจ นำกล่องสีดำใบใหญ่วางไว้เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน
กระบี่ไท่อา กระบี่แห่งเดชานุภาพ เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล อยู่ในลำดับที่สี่ เย่เทียนเฉินเกือบจะถูกกระบี่นี้กำจัดไปแล้ว หลังจากที่ได้รับกระบี่ไท่อามา เย่เทียนเฉินก็นำกระบี่ไท่อาไปมอบให้หลินตวน ให้หลินตวนคอยดูแล เนื่องจากกระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ ไอสังหารที่แฝงอยู่ด้านในแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถสยบได้ หากสยบไม่อยู่ก็จะถูกมันเอาชีวิตแทน ดังนั้นมีเพียงหลินตวนที่มีดาบเจ็ดดาวซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธเทพของพรรควรยุทธโบราณเช่นเดียวกันเท่านั้นถึงจะสามารถสยบกระบี่ไท่อาได้ ย่อมต้องมอบให้หลินตวนไปดูแล
วันนั้นที่เย่เทียนเฉินสู้กับเสวี่ยโม่เจียวซึ่งเป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่ เขาได้รับกระบี่ไท่อามา ตอนนั้นเสวี่ยโม่เจียวยังไม่สามารถใช้กระบี่ไท่อาได้อย่างเต็มกำลัง ทำได้เพียงกระตุ้นพลังบริสุทธิ์ออกมาเท่านั้น แต่ก็แสดงพลังที่แกร่งกล้าออกมาจนเย่เทียนเฉินเกือบตายไปแล้ว สุดท้ายเมื่อฆ่าเสวี่ยโม่เจียวได้จึงได้กระบี่ไท่อามา
จากการคาดเดาของจางอีเต๋อ สิบกระบี่บรรพกาลไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ แต่เป็นสิ่งที่มาจากนอกโลก เนื่องจากในกระบี่เทพทุกเล่มล้วนแฝงไปด้วยพลังงานที่แตกต่างกันไป ถ้าหากเป็นเหมือนการคาดเดาของจางอีเต๋อจริงๆ เช่นนั้นในหมู่กระบี่เทพทั้งสิบนี้จะต้องซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่อยู่แน่นอน ควรค่าที่จะสำรวจ เมื่อหลายพันปีก่อน ผู้ฝึกตนที่มีชื่อว่าทงเทียนได้รับกระบี่สี่เล่มจากสิบกระบี่บรรพกาลมา และนำพวกมันมาหลอมเป็นค่ายกลกระบี่ทั้งสี่ที่มีความสามารถถล่มฟ้าทลายดิน. สุดท้ายคนผู้นี้ก็ก่อตั้งสำนักสั่งสอนขึ้น และถูกคนรุ่นหลังเรียกอย่างเคารพมาตลอดว่า ทงเทียนเจี้ยวจู่
ความลับนี้สำหรับคนส่วนใหญ่ในโลกอาจจะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งจากสิ่งที่รู้ดั้งเดิม กระทั่งยากที่จะรับได้ ดังนั้นคนในยุคปัจจุบันจึงถูก “ล้างสมอง” มีโหมดความคิดที่ตายตัว ไม่มีใครตรวจสอบว่าความรู้ในหนังสือและความรู้ที่สืบต่อกันมาถูกต้องหรือไม่ ทำเพียงยอมรับไปก็พอแล้ว แต่เย่เทียนเฉินไม่เหมือนกัน ตัวเขาไม่ใช่คนบนโลกนี้ เขามาจากดาวสิ้นโลก เดิมทีดาวสิ้นโลกก็เป็นโลกที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง เย่เทียนเฉินรู้ว่าเรื่องความยิ่งใหญ่ของจักรวาล ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน และคนที่มีอายุยืนยาวเป็นอมตะ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่มี แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกเล่า?
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเปิดกล่องสีดำใบใหญ่ มีพลังกดดันอันไร้รูปแบบพุ่งออกมา ดูคล้ายว่าต้องการจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มีความรู้สึกที่จะทลายสวรรค์ หากไม่ใช่ว่าหลินตวนใช้กระบี่เจ็ดดาวสยบไว้ด้านบนอยู่ตลอด เกรงว่ากระบี่ไท่อาคงระเบิดไปนานแล้ว
เย่เทียนเฉินมองกระบี่ไท่อาแล้วขมวดคิ้ว กระบี่เล่มนี้มีพลังมากจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ พลังที่มี ไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม เดิมทีกระบี่เทพเช่นนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถควบคุมได้ และมันก็ไม่ยอมถูกคนธรรมดาควบคุมด้วย เหมือนกับยอดอาชาที่ยังไม่ถูกปราบพยศ หากคนที่ไม่มีความสามารถอย่างแท้จริงต้องการฝืนรับมัน มีแต่ต้องมอบชีวิตออกไปเท่านั้น ทำได้เพียงส่งตัวเองไปเป็นอาหาร
“พี่ใหญ่ อย่า อันตรายเกินไป…” หลินตวนเห็นเย่เทียนเฉินค่อยๆ ยื่นมือขวาออกไป คิดจะหยิบกระบี่ไท่อา จึงอดไม่ได้ที่จะรีบเอ่ยออกมา
ต้องพูดว่าหลังจากที่ฆ่าเสวี่ยโม่เจียวเย่เทียนเฉินก็เคยถือกระบี่ไท่อาอยู่ในมือมาก่อน แต่ตอนนั้นกระบี่ไท่อาเพิ่งจะถูกเสวี่ยโม่เจียวใช้ พลังส่วนใหญ่ถูกใช้ออกไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญก็คือพลังของดาบเจ็ดดาวปะทะเข้ากับมัน ดังนั้นจึงไม่มีพลังตีกลับที่รุนแรงเกินไป แต่ตอนนี้กระบี่ไท่อาอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างสิ้นเชิง ดาบเจ็ดดาวแทบจะสยบไม่ได้ ถ้าหากเย่เทียนเฉินถือกระบี่ไท่อาอยู่ในมือและนำดาบเจ็ดดาวที่สยบเอาไว้ออกอาจจะตายได้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ พลังแห่งเดชานุภาพที่แฝงอยู่ด้านในนั้น ไม่ว่าใครที่ได้สัมผัสล้วนต้องสั่นสะท้าน เย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อพูดถึงการใช้ดาบเจ็ดดาวสยบกระบี่ไท่อา นั่นไม่ได้กล่าวว่าพลังของกระบี่ไท่อาด้อยกว่าดาบเจ็ดดาว แต่เดิมทีกระบี่ไท่อาก็ไม่มีคนใช้ มีเพียงปราณดาบที่อยู่ในตัวกระบี่อันบริสุทธิ์ที่กำลังบ้าคลั่งเท่านั้น ส่วนดาวเจ็ดดาวถูกหลินตวนใช้ เมื่อรวมกับพลังภายในของหลินตวนที่แฝงเข้าไปจึงฝืนสยบกระบี่ไท่อาได้
อาวุธเทพหลายชิ้นของพรรควรยุทธโบราณและกระบี่บรรพกาลสิบเล่ม อาวุธทุกชิ้นล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากจะพูดว่าอาวุธเล่มนั้นแข็งแกร่งที่สุด นี่ไม่อาจกล่าวได้ ที่สำคัญก็คือต้องดูจากผู้ถือว่ามีความสามารถแข็งแกร่งพอหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธชิ้นนี้หลอมรวมกับเขาได้เป็นอย่างไร
“ไม่เป็นไร แกไปยืนห่างซักหน่อย ฉันอยากจะลองดูหน่อยว่าพลังของกระบี่ไท่อานี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินตวนไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้ว่าเรื่องที่เย่เทียนเฉินตัดสินใจแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้เพียงถือดาบเจ็ดดาวไว้ในมือเป็นเครื่องป้องกัน ป้องกันเผื่อว่ากระบี่ไท่อาปะทุพลังออกมาและเย่เทียนเฉินถือไม่ไหว เขาจะใช้ดาบเจ็ดดาวไปสยบ
ตู้ม!
ในตอนที่มือขวาของเย่เทียนเฉินจับกระบี่ไท่อา ชั่วพริบตานั้น พลังเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่กลายเป็นประกายแสงยิงตรงเข้าไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน ทำให้หลินตวนตกใจจนชะงักค้าง จะใช้ดาบเจ็ดดาวลงมือโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามเย่เทียนเฉินเตรียมตัวไว้นานแล้ว เร็วกว่าหลินตวนก้าวหนึ่ง เบื้องหน้าปรากฏ “โล่ทองคำ” ขึ้น ขวางลำแสงฆ่าล้างเอาไว้ ในขณะเดียวกันเขาก็ขมวดคิ้ว ใช้พลังที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมที่สุดในร่างกายแทรกซึมเข้าไปในกระบี่ไท่อา
ตอนนี้หลินตวนเพิ่งจะพบว่า ที่แท้พี่ใหญ่เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่คิดจะลองพลังของกระบี่ไท่อา แต่ยังคิดจะเกลี้ยกล่อมกระบี่เล่มนี้กลับมาให้ตนเองใช้ด้วย ดังนั้นตอนนี้จึงส่งพลังที่แข็งแกร่งของตนเข้าไป ต้องการเปลี่ยนกระบี่ไทอ่าให้ใช้ได้
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ในดาวสิ้นโลกยังมีอาวุธที่หลอมจากวัสดุหายาก แต่ในการต่อสู้ก่อนจะมาเกิดใหม่ มันถูกสัตว์ร้ายหายากทำลายจนแตกหัก หลังจากมาเกิดใหม่บนโลก เย่เทียนเฉินก็ไม่มีอาวุธคู่มือมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ต่อสู้กับผู้แข่งแกร่งล้วนใช้พลังพิเศษอันแข็งแกร่งเท่านั้น สร้างเท็จเป็นจริง หลอมเป็นอาวุธออกมา ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษนี้ได้ยอดเยี่ยมแต่ก็สิ้นเปลืองพลังพิเศษมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น จะอย่างไรก็ไม่ใช่ของจริง เมื่อปะทะเข้ากับอาวุธของคู่ต่อสู้นับว่าไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่กลับมาเมืองหลวง เย่เทียนเฉินก็ใคร่ครวญแล้วว่าจำเป็นต้องมีอาวุธเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครั้งนี้เป็นไปได้มากว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาลอบสังหารตนที่เมืองหลวง ในหมู่พวกเขาจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าซาโต้มาด้วยแน่นอน การต่อสู้ในตอนนั้นจะต้องรุนแรงนองเลือดและน่าตื่นเต้นแน่ ระดับความรุนแรงของการต่อสู้เพิ่มขึ้นไม่หยุด ความสามารถของตัวเขาเองไม่สามารถยกระดับขึ้นได้ และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอาวุธคู่มือของตน เช่นนั้นก็จะทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น นี่ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง ในการต่อสู้ของยอดฝีมือ ทุกรายละเอียดล้วนตัดสินแพ้ชนะเป็นตาย
คิดไปคิดมา มีเพียงกระบี่ไท่อาที่เหมาะสมกับตนที่สุด นี่เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล เป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ ทรงอำนาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หากสามารถควบคุมกระบี่เทพนี้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะแข็งแกร่งมากขึ้นราวกับเสือติดปีก แน่นอน หากคิดจะใช้กระบี่ไท่อาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ระวังก็อาจเป็นการทำลายตนเอง
เย่เทียนเฉินขวางการโจมตีถึงชีวิตที่ปะทุออกมาจากกระบี่ไท่อา ในขณะเดียวกันก็รีบใช้ความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในร่างกายของตนแฝงเข้าไปด้านใน เขารู้ว่าในตัวกระบี่ไท่อาแฝงไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่ง นี่เป็นพลังแห่งเดชานุภาพดั้งเดิมของตัวกระบี่ไท่อา เขาต้องใช้ความสามารถของตนหลอมรวมกับพลังเดชานุภาพของกระบี่ไท่อา มีเพียงทำแบบนี้ถึงจะประสบความสำเร็จในการใช้กระบี่ไท่ อามิฉะนั้นก็ไม่สามารถควบคุมได้โดยสิ้นเชิง ไม่สามารถนำกระบี่ไท่อามาใช้ได้
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น เย่เทียนเฉินกระเด็นออกไปทั้งร่าง ตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ทำให้แผ่นหินบนพื้นแตกกระจุย มุมปากของเย่เทียนเฉินมีเลือดสดๆ ไหลออกมา เมื่อครู่นี้เขาฝืนใช้พลังในร่างกายของตนแทรกเข้าไปในกระบี่ไท่อา คิดจะสยบและหลอมรวมพลังเดชานุภาพดั้งเดิมของกระบี่ไท่อาจนพลังสองสายประทะกัน เย่เทียนเฉินได้รับการโจมตีและพลังสะท้อนอันรุนแรง เพียงแต่นี่เป็นเพียงการโจมตีธรรมดาๆ เท่านั้น เย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ ว่าถ้าคนธรรมดาถือกระบี่ไท่อาจะแข็งแกร่งขนาดไหน ท่าทางเย่เทียนเฉินจะได้รับกระบี่ไท่อามาหรือไม่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่รู้…