เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 345 เคล็ดวิชาโครงกระดูกสังหาร
เย่เทียนเฉินสูญเสียพลังไปมากถึงจะสยบกระบี่ไท่อาได้ กำจัดหยดเลือดที่มีความคิดของจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ออกไปจากตัวกระบี่ไท่อา และนำพลังของตนแฝงเข้าไปอย่างรวดเร็ว กดดันพลังแห่งเดชานุภาพบนตัวกระบี่ไว้ ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังพิเศษของตนผสานเข้าไปช้าๆ เพื่อช่วยให้บังคับกระบี่ไท่อาได้อย่างแท้จริง
เพิ่งจะผสานพลังเข้าไปในกระบี่ไท่อาได้ เย่เทียนเฉินก็รู้มันยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังต้องผสานกันให้แน่นสนิท มีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะสามารถใช้กระบี่ไท่อาได้อย่างแท้จริง ในตอนที่เขาใช้จิตใจและพลังพิเศษในร่างกายของตนหลอมเข้าไปในกระบี่ไท่อาไม่หยุด มีคนเงาร่างสีแดงเลือดมาลอบสังหาร ร้ายกาจเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินสยบกระบี่ไท่อาได้แล้ว เกรงว่ามีดที่โจมตีมาของเงาร่างสีแดงเลือดเมื่อครู่นี้ เขาเองก็คงยากที่จะป้องกัน
ฝีมือของเงาร่างสีแดงเลือดไม่ได้แข็งแกร่งธรรมดาๆ ในตอนที่มีดในมือของเขาขวางกระบี่ไท่อาเอาไว้ได้ เขาก็ซัดฝ่ามือมาที่หลังศีรษะของเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว เย่เทียนเฉินไม่ได้ขยับ ยังคงเคลื่อนย้ายพลังเดชานุภาพดั้งเดิมของกระบี่ไท่อาเพื่อทำการป้องกันและโจมตี แต่กลับถูกเงาร่างสีแดงหลบเลี่ยงได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ
กระบี่ไท่อาได้ชื่อว่าเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ ความร้ายกาจไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพียงคำว่าเดชานุภาพคำเดียวก็เป็นตัวแทนของทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว การโจมตีรวดเร็วขนาดนั้นเงาร่างสีแดงเลือดยังสามารถหนีได้ ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงจริงๆ เย่เทียนเฉินยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ในใจ เขารู้ว่าผู้มาลอบสังหารคือใคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้แลกเปลี่ยนฝีมือกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ความสามารถของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่กล้าดูเบา
“ดูท่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงจะรอไม่ไหว ต้องการฆ่าฉันแล้วล่ะมั้ง?” มุมปากของเย่เทียนเฉินเผยรอยยิ้มออกมา ยังคงนั่งขัดสมาธิหันหลังให้เงาร่างสีแดงเลือด กระบี่ไท่อาเล่มนั้นเขาใช้พลังจิตใจที่แข็งแกร่งควบคุมอยู่ เตรียมจะโจมตีสังหารได้ทุกเมื่อ
“จะฆ่าแกไม่จำเป็นต้องให้คุณชายใหญ่ลงมือด้วยตัวเองหรอก แกไม่เพียงแต่จะสยบกระบี่ไท่อาได้ แต่ยังไปถึงขั้นบังคับกระบี่ได้แล้ว ถ้าคุณชายใหญ่รู้ บางทีคงยินดีที่จะลงมือ!”
เงาร่างสีแดงเลือดพูดอย่างเย็นชา ความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉิน การเติบโตและพลังที่ระเบิดออกมาของเย่เทียนเฉิน เขาล้วนรู้ทั้งหมด จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เย่เทียนเฉินที่อายุน้อยกว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงสิบปีคนนี้จะมีความสามารถที่ไม่อาจดูถูกได้ เมื่อเปรียบเทียบกับความสามารถของคุณชายใหญ่ตอนที่อายุยี่สิบปี เย่เทียนเฉินยังแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของคุณชายใหญ่จริงๆ แน่ หากต้องการฆ่าก็จะยากยิ่งขึ้น มิน่าล่ะครั้งนี้คุณชายใหญ่จึงออกคำสั่งตนมาอย่างจริงจังว่าจะต้องเอาหัวเย่เทียนเฉินกลับไปให้ได้ มิฉะนั้นเขาก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว
คนที่มาก็คือหมอกโลหิต ในตอนที่เขามาถึงอย่างเงียบเชียบเย่เทียนเฉินก็รู้ตัวแล้ว ตอนนั้นเย่เทียนเฉินยังไม่ได้ลงมือ เขากำลังหลอมรวมกับกระบี่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็อยากจะลองการควบคุมกระบี่ของตนในตอนนี้ดูเสียหน่อย หากไม่สามารถใช้พลังจิตใจและพลังพิเศษที่แข็งแกร่งไปบังคับกระบี่ไท่อาให้ป้องกันหรือสังหารศัตรูได้ ถ้าเช่นนั้นผลก็มีอย่างเดียวคือไม่สามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินได้
ในตอนที่หลอมรวมและบังคับกระบี่ไท่อาอยู่นั้น เย่เทียนเฉินพลันคิดถึงคนในตำนานที่เคยใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบเล่มขึ้นมา คนคนนี้ไม่หากบอกว่าเป็นแข็งแกร่งจนถึงขั้นไร้ศตรูทั้งฟ้าดินก็คงไม่เกินไป กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบเล่ม ทุกเล่มร้ายกาจเป็นอย่างมาก มีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ คนเพียงคนเดียวสามารถใช้กระบี่เทพบรรพกาลพร้อมกันทั้งสิบเล่มได้ และยังสร้างเป็นค่ายกลกระบี่สังหารด้วยตนเอง นี่จึงจะเป็นขอบเขตสูงที่สุดของการบังคับสิ่งของ ไม่ว่าจะโลกนี้หรือในดาวสิ้นโลก เย่เทียนเฉินก็ยังไปไม่ถึง เขาสามารถจินตนาการถึงความร้ายกาจของคนในตำนานคนนี้ได้เลย คนคนนี้จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตจักรพรรดิแน่นอน กระทั่งยังสูงกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดกระบี่เทพทั้งสิบเล่มของคนคนนี้ถึงได้ตกลงมาบนโลก และคนในตำนานนี้ไปไหนแล้ว? คงไม่ตายหรอกนะ?
เย่เทียนเฉินไม่คิดว่าคนในตำนานคนนี้จะตายไปแล้ว เขารู้สึกว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน เมื่อดูจากความสามารถของบุคคลในตำนานที่ครอบครองกระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบเล่มแล้ว เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่หาได้ยาก และยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งมีชีวิตยืนยาวขึ้นมาก นี่เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่งแล้วจะมีชีวิตรอดจากอันตรายแต่ละอย่างในการเสาะหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวได้อย่างไร?
“การบังคับกระบี่เป็นแค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้น วันนี้แกฆ่าฉันไม่ได้ ภารกิจที่คุณชายใหญ่มอบให้แก แกก็ทำไม่สำเร็จ!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวไป มองหมอกโลหิตอย่างเย็นชา
“ถ้าฆ่าแกไม่ได้ ฉันก็จะตาย ดังนั้นเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จะต้องฆ่าแกให้ได้!” หมอกโลหิตขมวดคิ้วพูด
“ดูท่าคุณชายใหญ่จะบีบแกให้สู้จนตาย โหดเหี้ยมจริงๆ!” เย่เทียนเฉินพูดขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
ฉัวะ!
ความสามารถของหมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก และเป็นคนที่สังหารโดยไม่ลังเล เขารู้ว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงพูดคำไหนคำนั้นมาโดยตลอด ถ้าหากเขาไม่สามารถนำหัวของเย่เทียนเฉินกลับไปได้ เขาก็จะต้องตายแน่นอน ติดตามข้างกายคุณชายใหญ่มาหลายปีขนาดนี้ เขาไม่เคยพบใครที่รับภารกิจจากคุณชายใหญ่ไปแล้วทำไม่สำเร็จจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เลย ต่อให้เป็นคนเก่าแก่ที่ติดตามคุณชายใหญ่มายี่สิบปี ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย เขาในฐานะที่เป็นขุนพลของคุณชายใหญ่ ดูเหมือนไม่ต้องให้เขาลงมือ เพราะว่าในหมู่ลูกน้องของคุณชายใหญ่ ไม่มีใครซักคนเดียวที่ไมาใช่ยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ล้วนเพียงพอที่จะทำภารกิจพื้นฐานให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ ถ้าหากต้องการให้เขาหมอกโลหิตลงมือก็แสดงว่าคนคนนั้นแข็งแกร่งมาก และได้รับความสำคัญจากคุณชายใหญ่ เย่เทียนเฉินก็เป็คนแรกในรอบสิบปีมานี้
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หมอกโลหิตตวัดมีดในมือฟันไปยังเย่เทียนเฉิน นิ้วชี้และนิ้วกลางที่มือขวาของเย่เทียนเฉินรวมเข้าด้วยกัน ตวัดเล็กน้อย กระบี่ไท่อาพลันขวางปราณดาบเอาไว้ในตอนที่ปราณดาบเกือบจะฟันถูกเย่เทียนเฉิน เพียงแต่ในตอนนี้เอง หมอกโลหิตก็ทะยานตัวเข้ามาใช้มีดแทงเข้าไปที่หัวใจเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินไม่กล้าลำพองใจ หมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก นั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ความสามารถแข็งแกร่ง ฝีมือเสมือนปีศาจ กระทั่งเย่เทียนเฉินก็ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง
เคร้ง!
มือขวาของเย่เทียนเฉินจับกระบี่ไท่อาขวางเอาไว้เบื้องหน้าโดยเร็ว มีดในมือของหมอกโลหิตฟันในแนวขวางเข้ามา ถูกมันขวางเอาไว้พอดี ในขณะเดียวกันฝ่ามือซ้ายของเย่เทียนเฉินก็ตบออกไปโดยพลัน การโจมตีของหมอกโลหิตทำให้เย่เทียนเฉินไม่มีเวลาหายใจเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงลงมือขัดขวางและโจมตีไปไม่หยุด ทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธในมือของทั้งสองก็มีอำนาจร้ายแรงมาก
ตู้ม!
อาวุธในมือขวาของทั้งเย่เทียนเฉินและหมอกโลหิตปะทะเข้าด้วยกัน มือซ้ายกลายเป็นฝ่ามือปะทะกันอย่างฉับพลัน ทั้งสองล้วนไม่ขยับเขยื้อน ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง ฝ่ามือนี้อย่างน้อยเย่เทียนเฉินก็ใช้พลังไปเจ็ดส่วน ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำให้หมอกโลหิตบาดเจ็บได้ กระทั่งไม่อาจทำให้หมอกโลหิตถูกกระแทกถอยไปได้แม้เพียงหนึ่งก้าว ในใจอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าหมอกโลหิตใช้พลังไปมากขนาดไหน รู้เพียงว่าหมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก ไม่เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลใหญ่ข้างกายคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ในตอนนี้เย่เทียนเฉินกระตุ้นรังสีฆ่าฟันขึ้นมาแล้ว เขาไม่ใช่คนที่อ่อนโยนอะไร โดยเฉพาะกับศัตรู ศัตรูที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟันและบรรยากาศโหดเหี้ยม เขาจำเป็นต้องฆ่าอีกฝ่าย ความเมตตาต่อศัตรูคือความโหดร้ายต่อตัวเอง เหตุผลนี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอน เพียงแต่บางครั้งเขาก็มีหลักการของตนเองเท่านั้น นี่คือนิสัยของเย่เทียนเฉิน เป็นส่วนที่ไม่เหมือนใครของเขา
หมอกโลหิตเองก็ขมวดคิ้วมองเย่เทียนเฉิน เขาคิดไม่ถึงว่าการโจมตีที่รวดเร็วและใช้พลังมากเช่นนี้ของตนจะไม่สามารถกำจัดเย่เทียนเฉินได้ และไม่สามารถทำร้ายเย่เทียนเฉินได้ด้วย คนหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งอย่างไม่อยากจะเชื่อจริงๆ กำมีดในมือขวาแน่น พลังในมือซ้ายเพิ่มขึ้นไม่หยุด พลังภายในอันแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากในร่างกาย กระแทกเย่เทียนเฉินออกไป แต่เย่เทียนเฉินเป็นคนที่ยิ่งพบกับคนแข็งแกร่งก็ยิ่งแข็งแกร่ง เขาไม่ถอยแม้เพียงครึ่งก้าว ในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนพลังพิเศษภายในร่างกายของตนอย่างช้าๆ ต่อต้านหมอกโลหิต
ตู้มๆ ๆ …การปะทะกันอย่างรุนแรงดุเดือด เย่เทียนเฉินและหมอกโลหิตต่างสู้กันอย่างเคร่งเครียดหาใดเปรียบ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกศัตรู คิดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก หากลำพองใจแม้แต่น้อย คนที่ตายก็อาจจะเป็นตน ดังนั้นในตอนนี้ คนทั้งสองจึงไม่ได้เก็บซ่อนใดๆ ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา พลังก็ปล่อยออกมามากที่สุด
สระน้ำอยู่ห่างจากเย่เทียนเฉินและหมอกโลหิตนับร้อยเมตรสั่นสะเทือนไม่หยุด น้ำด้านในถูกกระตุ้นจนพุ่งขึ้นฟ้าเป็นเสาน้ำ คล้ายกับเบื้องล่างมีดินปืนปะทุไม่หยุดอย่างไรอย่างนั้น นี่ก็คือพลัง นี่คือการปะทะกัน ดูผิวเผินเหมือนการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนเฉินและหมอกโลหิตจะไม่มีพลังทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ความจริงเป็นเพราะทั้งสองคนล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในตอนที่พลังปะทะกัน พลังของทั้งสองฝ่ายก็สลายพลังของอีกฝ่ายแล้ว บางทีอาจกล่าวได้ว่ากระบวนท่าที่รุนแรงล้วนถูกหยุดเอาไว้แล้ว มิฉะนั้นการต่อสู้ไม่ถึง 10 นาทีนี้ อย่างน้อยก็คงทำให้บริเวณรอบๆ นับพันเมตรกลายเป็นพื้นราบไปแล้ว ไหนเลยจะยังมีสระน้ำและคฤหาสน์อะไรอยู่อีก ทุกสิ่งทุกอย่างคงราบเป็นหน้ากลอง
ฉัวะ! ทันใดนั้นหมอกโลหิตถอยหลังไปหลายก้าว กระโดดขึ้นสู่อากาศ มือขวากำมีดแน่น มือซ้ายชูนิ้วชี้ออกมา มีลำแสงกำลังเปล่งประกายอยู่เล็กน้อย ประกายสีแดงเลือดสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนนิ้วชี้ซ้ายของหมอกโลหิต เย่เทียนเฉินลอบตกตะลึงในใจ หมอกโลหิตคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ รวบรวมพลังภายในตามใจก็ยังดุดันขนาดนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังอำนาจในการทะลุทะลวงที่รุนแรง
“ก๊าซ!”
มีเสียงที่คล้ายกลับสัตว์ประหลาดกำลังกู่ร้องดังขึ้น เย่เทียนเฉินมองไปยังหมอกโลหิตที่อยู่กลางอากาศเบื้องหน้าด้วยความสงสัย พบว่าบนนิ้วชี้ซ้ายของหมอกโลหิตปรากฏลำแสงสีแดงเลือดออกมา ลำแสงนั้นเปลี่ยนไปอย่างเชื่องช้า ถึงกับกลายเป็นโครงกระดูกร่างหนึ่ง โครงกระดูกนั้นกำลังกรีดร้อง กำลังคำรามด้วยความโกรธ ดูเหมือนต้องการสลัดออกจากการควบคุมของหมอกโลหิต เพียงแต่ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไรก็ทำได้เพียงถูกควบคุมอยู่บนปลายนิ้วชี้ซ้ายของหมอกโลหิตเท่านั้น
“เคล็ดวิชาโครงกระดูกสังหาร!” หมอกโลหิตไม่ให้โอกาสเย่เทียนเฉินได้ใคร่ครวญใดๆ หลังจากบนปลายนิ้วชี้ซ้ายของเขากลายเป็นรูปร่างโครงกระดูกก็พุ่งออกไปในทันที ต้องการใช้เคล็ดวิชาสังหารที่รุนแรงที่สุดของหมอกโลหิตต่อเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว ถอยหลังไปสองก้าว ปักกระบี่ไท่อาลงกับพื้นโดยพลัน มือขวากำหมัดแน่น มีประกายแสงสีทองปะทุในดวงตา เขาต้องการใช้หมัดของตนทำลายเคล็ดวิชาโครงกระดูกสังหารของหมอกโลหิตให้แหลก