เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 355 ชิงเฉิงเยว่เกิดเรื่องเลยมาสาย
พรรคมีดบิน พรรคสุสานโบราณ สระหยก พรรคเทียนซู่ฉี ในหมู่ลูกศิษย์หญิงรุ่นเยาว์ของพรรคใหญ่ทั้งสี่พรรคนี้ คนทั้งสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังจะสู้กันแล้ว นั่นคือการต่อสู้ของพรรควรยุทธโบราณ!
ตัวเต็งก็คือพรรคสระหยก เนื่องจากชิงเฉิงเยว่ที่อยู่ในพรรคของพวกเธอถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านการฝึกฝนวรยุทธในรอบ 100 ปี และเพิ่งจะอายุ 20 ก็สามารถสู้กับอาจารย์ของเธอได้แล้ว ซึ่งก็คือเจ้าสำนักของสระหยก สู้กัน 10 กว่ารอบก็ยังไม่แพ้ พลังต่อสู้เช่นนี้ทำให้ใครหลายคนต้องตื่นตกใจจริงๆ
“ฉันแค่หวังว่าในยุทธภพจะมีการต่อสู้กันให้น้อยลงเท่านั้น ไม่มีการฆ่าฟันให้มากเกินไปอีก ไม่ว่าฉันจะชนะหรือแพ้ ก็หวังว่าจะเซ็นสัญญาร่วมมือกันได้ ทุกคนจะได้ไม่ต้องต่อสู้กันอีก!”
ตงฟางเมิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหิน เธอกำลังปรับสภาพตนเองให้ยอดเยี่ยมที่สุด เตรียมรับการต่อสู้ที่จะมาถึง คนที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงก็คือ ชิงเฉิงเยว่ ผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักหน้า แข็งแกร่งจนทำให้ใครไม่กล้าดูถูก
“โธ่ พูดแบบนี้ ตงฟางเมิ่ง เธอช่างมีจิตใจดีงามจริงๆ ฉันได้ยินว่าตอนที่อาจารย์ของเธอตาย กำลังคิดเรื่องร่วมมือกันของพรรควรยุทธโบราณอยู่ เธอมีความคิดเดียวกันกับอาจารย์ของเธอเลย!”
ดูเหมือนว่าเทียนซวงเอ๋อร์จะขัดตาตงฟางเมิ่ง พูดจาเพ่งเล็งไปที่เธอ
“ตอนนี้พรรคสุสานโบราณก็เหลือเธอแค่คนเดียวแล้ว จะยุบสำนักหรือเปล่า?” เซี่ยอวี่เหอก็พูดด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
ตงฟางเมิ่งมองเทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอ คำพูดบาดลึกเสียดแทงของสองคนนี้จงใจทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอยังอดกลั้นไม่ยอมลงมือ จะอย่างไรชิงเฉิงเยว่ก็ยังมาไม่ถึง นี่เป็นไปได้มากว่าการประลองยุทธในครั้งนี้ เธอเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจสูญเสียพลังภายในไปกับเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ มิฉะนั้นเมื่อถึงตอนที่ต้องสู้กับชิงเฉิงเยว่ อัตราชนะสักเล็กน้อยก็คงไม่มีแล้ว
ไม่อาจเรียกได้ว่าเทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอโหดเหี้ยมอะไร เดิมทีผู้หญิงพรรควรยุทธโบราณทั้งสี่คนอย่างพวกเธอมาที่เมืองก็เพื่อการประลองยุทธของพรรควรยุทธโบราณเท่านั้น นี่เป็นการต่อสู้ที่เป็นตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา คุณพูดดีกับคนอื่น เขาก็ยังฆ่าคุณอยู่ดี มีประโยชน์อะไรล่ะทำไมไม่พูดจาตามใจปาก เมื่อถึงตอนนั้นก็ลงมือเต็มที่ได้
“พวกเธอสองคนหุบปากโคจรพลังไปเถอะ ฉันคิดว่าชิงเฉิงเยว่ใกล้จะมาถึงแล้ว ตอนนั้นก็อย่ามาตายโดยไม่รู้เรื่องล่ะ!” ตงฟางเมิ่งยังคงพูดด้วยเสียงเย็นชา
“เธอ…ฉันจะรอ อยากจะทดสอบดูสักหน่อยว่าคัมภีร์ดรุณียกของพรรคสุสานโบราณที่ว่ากันว่าไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพรรคเส้าหลิน จะมีความสามารถจริงหรือเปล่า!” เทียนซวงเอ๋อร์จ้องตงฟางเมิ่งอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
“ถ้าไม่หาผู้ชายมาร่วมฝึกฝนก็ไม่สามารถทำให้วิชาคัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์ได้ตลอดกาล นั่นก็เรียกได้ว่า คัมภีร์ดรุณีหยกที่ตงฟางเมิ่งฝึกฝนมาจนถึงขั้นเก้า ไม่อาจไปถึงขั้น 10 ที่สมบูรณ์แบบได้ การต่อสู้นี้เธอไม่ใช่ผู้ชนะคนสุดท้ายแน่!”
เซี่ยอวี่เหอก็มองไปยังตงฟางเมิ่ง จากนั้นจึงนั่งลงกับพื้น เริ่มปรับสภาพร่างกายของตนเพื่อให้อยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณมากันสามคนแล้ว มีเพียงชิงเฉิงเยว่ที่กล่าวกันว่าร้ายกาจที่สุดยังมาไม่ถึง อีกสามคนที่เหลือถึงแม้จะมีปากเสียงกัน แต่ใครก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะลงมือก่อน ถ้าใครลงมือก่อนก็จะเป็นการสิ้นเปลืองพลังภายใน เมื่อถึงการต่อสู้ที่แท้จริงก็จะเสียเปรียบแน่นอน จะต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่คงไม่อ่อนแอไปกว่าตน นี่เป็นการฆ่าตัวตายแท้ๆ
เย่เทียนเฉินนั่งอยู่บนต้นไม้ สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่าง เขาปิดซ่อนกลิ่นอายของตนเองทั้งหมดแล้ว หากตอนนี้ถูกพวกตงฟางเมิ่งทั้งสามพบเข้า เกรงว่าคนที่จะถูกล้อมฆ่าก็คือเขา
ในครั้งนี้ เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าตนจะมาพบกับการประลองสุดยอดสี่สาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณเข้าพอดี ความจริงหยางอี้และท่านผู้นำสูงสุดต้องการให้เขามาสังเกตการณ์การประลองสี่สุดยอดสาวงามอย่างลับๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องตงฟางเมิ่งด้วย ไม่ให้เธอไปฆ่าใคร และไม่ให้ใครฆ่าเธอ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกท่านผู้นำสูงสุดกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกตงฟางเมิ่ง เย่เทียนเฉินก็พอจะเดาได้อย่างสองอย่าง
อย่างแรก พรรควรยุทธโบราณนั้นสืบทอดกันมาจนกระทั่งวันนี้โดยไม่ขาดตอน เรียกได้ว่าเปลี่ยนราชวงศ์ยุคสมัยไปหลายครั้ง พรรควรยุทธโบราณก็ยังดำรงอยู่ต่อไป ยืนหยัดไม่ล้ม นี่เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก มีหลายพรรคที่ผ่านวันเวลามานานยิ่งกว่าประเทศในปัจจุบันนี้เสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดมาก็ไม่มีราชวงศ์ไหนที่สามารถควบคุมพรรควรยุทธโบราณได้ ประเทศในตอนนี้ก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นทำได้เพียงจับตาดูและรวบรวมข้อมูลไว้ในมือ หลายปีมานี้พรรควรยุทธโบราณจะต้องเกิดเรื่องขึ้นมากมายแน่นอน เกิดการนองเลือดมากมาย ก่อเรื่องอย่างไม่สงบ เพียงแต่ไม่พัวพันไปถึงชาวบ้านธรรมดาก็เท่านั้น แต่สิ่งที่ทางการสนใจคือการสังเกตการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างใกล้ชิด
อย่างที่สอง ดูได้จากคำพูดของตงฟางเมิ่ง พรรคสุสานโบราณของพวกเธอต้องการรวมพันธมิตรพรรควรยุทธโบราณใหญ่ๆ พูดให้ชัดเจนก็คือ ให้เหมือนกันกับเมื่อก่อน ต้องการเลือกผู้นำยุทธภพออกมาคนหนึ่งเพื่อนำพรรควรยุทธโบราณแต่ละพรรค ทำแบบนี้ อย่างน้อยก็สามารถลดการต่อสู้และการฆ่าฟันลงได้!
เพียงแต่น่าเสียดายที่พรรควรยุทธโบราณใหญ่ๆ คิดว่าตนเองใหญ่ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าใครก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าใคร ดังนั้นใครก็ไม่ยินยอมที่จะฟังใคร ต้องการกลายเป็นผู้นำยุทธภพนั้นยากมาก แต่ตงฟางเมิ่งความคิดแบบนี้ คนระดับสูงของทางการจะต้องเห็นด้วยแน่ ทำแบบนี้จะลดความวุ่นวายให้ทางการไม่น้อย ดังนั้นทางการจึงให้เย่เทียนเฉินปกป้องตงฟางเมิ่งที่มีความคิดแบบนี้
ไม่ให้ตงฟางเมิ่งไปฆ่าใคร และไม่ให้เธอถูกฆ่า ตอนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจประโยคนี้แล้ว ถ้าตงฟางเมิ่งถูกฆ่าก็จะสูญเสียคนที่หวังจะทำให้ยุทธภพสงบสุขลงไปอีกคนหนึ่ง ถ้าหากตงฟางเมิ่งฆ่าเซี่ยอวี่เหอ เทียนซวงเอ๋อร์ หรือกระทั่งฆ่าชิงเฉิงเยว่ จะต้องสู้กับพรรคมีดบิน พรรคเทียนซู่ฉีและสระหยกแน่นอน
พรรควรยุทธโบราณทั้งสามพรรคนี้จะไม่ยอมวางมือแน่ เป็นไปได้มากว่าจะทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างพรรรควรยุทธโบราณที่ไม่เคยมีมานับ 100 ปีแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น เป็นไปได้มากว่าจะส่งผลไปถึงคนธรรมดา
ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงเข้าใจภารกิจของตัวเองอย่างกระจ่างชัด นั่นก็คือให้มีการประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณนี้ แต่ไม่ให้ใครในสี่คนนี้ต้องตาย นี่นับว่าเป็นวิธีการจัดการที่ดีที่สุด
ต่อให้สี่คนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งหมดจนต้องกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่พรรควรยุทธโบราณของตัวเองก็ควรจะดีกว่ามาก อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เกิดสงครามระหว่างพรรควรยุทธโบราณด้วยเหตุนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การประลองสี่สุดยอดสาวงามในครั้งนี้ แต่ละพรรคก็ลงนามเป็นตายแล้ว ไม่มีพรรคไหนที่จะฉีกหน้ากากของตนแล้วทำสงคราม อย่างมากก็แค่ลงมือในทางลับ
เย่เทียนเฉินมองท้องฟ้า ดวงจันทร์กลมโตเป็นพิเศษ ทำให้ป่าหลังเขาของมหาวิทยาลัยหลงเถิงถูกแสงส่องสว่างเป็นพิเศษ รอจนกระทั่งเกือบจะถึงตีห้าแล้ว เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอก็ร้อนใจ เนื่องจากจนถึงตอนนี้ชิงเฉิงเยว่ก็ยังไม่มา พวกเธอสี่คนนัดเวลาและสถานที่ไว้ที่นี่แล้ว นี่เป็นการนัดหมายถึงขั้นเป็นตาย ชิงเฉิงเยว่ถึงกับยังไม่ปรากฏตัวออกมา หรือจะโดดนัดไม่มาแล้ว?
“ทำไมชิงเฉิงเยว่ถึงยังไม่มาอีก? ให้พวกเราสามคนรอนานขนาดนี้ ฉันว่าพอเธอมาถึง พวกเราก็ร่วมแรงกันฆ่าเธอก่อนเลย!” เทียนซวงเอ๋อร์พูดอย่างไม่พอใจ
“ฟ้าจะสว่างแล้ว ถ้าหากเธอยังไม่มา การต่อรองในครั้งนี้ของพวกเราก็คงต้องยกเลิก หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เซี่ยอวี่เหอถามอย่างสงสัย
หากพูดกันตามเหตุผล ชิงเฉิงเยว่ไม่ควรไม่มา นี่เป็นการนัดหมายต่อสู้เป็นตายของพรรควรยุทธโบราณ หากไม่มา เกรงว่าตำแหน่งของพรรคสระหยกในหมู่พรรควรยุทธโบราณจะตกต่ำลงมาก และจะถูกคนอื่นดูหมิ่น กล่าวว่าไม่กล้าโผล่หัวออกมาอะไรแบบนั้น ชิงเฉิงเยว่ก็จะถูกแปดเปื้อนไปด้วยคำพูดเสียหาย
คนในพรรควรยุทธโบราณล้วนเห็นชื่อเสียงสำคัญกว่าชีวิตตัวเอง ปกติเรื่องที่นัดหมายกันดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการประลองแบบนี้ ไม่อาจไม่มา นอกจากพบกับสถานการณ์พิเศษอะไรเท่านั้น
“อีก 2 ชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้ว ฉันว่าชิงเฉิงเยว่คงไม่มาแล้ว ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเธอ ถ้าหากพวกเธอต้องการเล่นฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อน ไม่งั้นฉันจะไปแล้ว…”
เทียนซวงเอ๋อร์ยืนขึ้น หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป
“พี่ซวงเอ๋อร์ทำไมไม่รออีกหน่อย ยังเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ไม่งั้นพวกเราก็สู้กันก่อนเป็นยังไง?” เซี่ยอวี่เหอขวางอยู่หน้าเทียนซวงเอ๋อร์ มองแล้วพูดอย่างเย็นชา
เทียนซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วโดยพลัน เธอคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวี่เหอจะกล้ามาขวางทางเดินของเธอ พลันนั้นหมุนข้อมือช้าๆ ลมปราณที่สามารถแช่แข็งทุกอย่างได้ไหลเวียน ทำให้เทียนซวงเอ๋อร์เย็นชาถึงขีดสุด
เย่เทียนเฉินที่อยู่บนต้นไม้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พลังภายในของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยปราณเย็นที่เย็นเสียดกระดูก ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นวิชาพลังภายในที่พรรคไหนฝึกฝน สามารถหลงเหลือปราณเย็นแบบนี้เอาไว้ในร่างกายได้ และยังโคจรออกมาใช้ได้ด้วย
ถึงแม้ชิงเฉิงเยว่จะยังมาไม่ถึง หรือบางทีอาจจะไม่มาแล้ว การประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพระวรยุทธโบราณคงไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่นี่ก็ขาดชิงเฉิงเยว่ไปคนเดียวเท่านั้น ที่นี่ยังมีตงฟางเมิ่ง เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหออีกสามคน การประลองระหว่างพวกเธอสามคนยังไม่เริ่มขึ้น ผลลัพธ์เช่นนี้เซี่ยอวี่เหอรู้สึกไม่ยินดี เด็กคนนี้เดิมทีก็เป็นคนชอบเอาชนะอยู่แล้ว ต้องการสู้กับเทียนซวงเอ๋อร์ ในหมู่พวกเธอสามคน คนที่มั่นคงที่สุดก็คือเซี่ยอวี่เหอ จะอย่างไรก็พูดน้อย นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล ปรับสภาพของตนให้ยอดเยี่ยมที่สุด
“เธออยากจะสู้ ฉันก็จะสู้เป็นเพื่อนเธอ!”
เพิ่งจะพูดออกมา ฝ่ามือของเทียนซวงเอ๋อร์ก็ตบไปยังเซี่ยอวี่เหอ พริบตานั้นเบื้องหน้าของเซี่ยอวี่เหอปรากฏฝ่ามือขนาดใหญ่มหึมาขึ้น แฝงไปด้วยประกายเย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็ง ในตอนที่ยังไม่ถึงเบื้องหน้าของเซี่ยอวี่เหอก็แช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ในระยะ 10 เมตรไปแล้ว!
เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นก็ต้องตื่นตกใจอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าเทียนซวงเอ๋อร์ไม่เพียงแต่จะมีเคล็ดวิชาสะกดใจที่ร้ายกาจ แต่ยังมีกระบวนท่าสังหารแบบนี้ด้วย พรรคเทียนซู่ฉีเป็นพรรคที่ตามหาความลับและไล่ตามเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาว แต่กลับมีเคล็ดวิชาสังหารแบบนี้ ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
ฟิ้ว!
มีดบินเล่มหนึ่งพุ่งออกไป พุ่งไปยังฝ่ามือเย็นยะเยือกที่กำลังตบลงมา…