เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 360 ผู้หญิงงดงามและแข็งแกร่งเกินพิกัดทั้งสอง
เย่เทียนเฉินหลบอยู่บนต้นไม้มองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้มาโดยตลอด พรรคที่สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณแต่ละคนสังกัดอยู่ล้วนร้ายกาจเป็นอย่างมาก พลังการต่อสู้ที่เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอแสดงออกมาทำให้เย่เทียนเฉินตื่นตะลึง โดยเฉพาะหลังจากที่ชิงเฉิงเยว่มาถึง เธอและตงฟางเมิ่งยังไม่ทันลงมือก็ทำให้ผู้คนตื่นตกใจหาใดเปรียบแล้ว ทำให้เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ว่าพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนในโลกใบนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ
ชิงเฉิงเยว่ต้องการฆ่าเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ให้ได้ ส่วนตงฟางเมิ่งตั้งแต่ต้นก็ต้องการให้แต่ละพรรคร่วมมือกันเพื่อลดการฆ่าฟันให้น้อยลงอยู่แล้ว นี่คือความปรารถนาของอาจารย์ของเธอ ดังนั้นเธอจึงขัดขวางเต็มกำลัง เมื่อต่อสู้เผชิญหน้ากับชิงเฉิงเยว่ เธอก็ลงมือเต็มที่เช่นกัน
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นฟ้า การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว นี่เป็นการต่อสู้ของผู้หญิงทั้งสี่ และเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้หญิงสองคน เนื่องจากเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์สูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว ส่วนตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพิ่งจะเริ่มสู้กันเท่านั้น สุดท้ายใครจะเป็นศิษย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลาย 100 ปีของพรรควรยุทธโบราณ บางทีคืนนี้อาจจะได้รู้ผล
ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ปะทะฝ่ามือกันอย่างแท้จริง พลันนั้นภายในป่าเต็มไปด้วยพลังภายในที่แพร่ไปทั่วทุกทิศ แต่คนทั้งสองกลับไม่มีใครสนใจ ยังคงลงมือโจมตีไม่หยุด ฝ่ามือและหมัดปะทะกันอย่างรวดเร็ว เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่าความสามารถของชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งคงไม่ด้อยไปกว่าเขาแน่นอน การต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนของผู้หญิงสองคนนี้ล้วนดุดันรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนใช้เคล็ดวิชาของพรรคตัวเองออกมา ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ทั้งหมดล้วนเป็นการต่อสู้ปะทะกันอย่างแท้จริง มองผลแพ้ชนะไม่ออกไปชั่วครู่
ซู่ม!
ประกายกระบี่ส่องสว่าง ในมือขวาของตงฟางเมิ่งมีกระบี่เยือกแข็งปรากฏขึ้นเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่ราวกับสร้างมาจากหยกขาวก็มิปาน ส่วนชิงเฉิงเยว่ก็โบกมือขวาครั้งหนึ่ง ในมือขวาของเธอปรากฏกระบี่ขึ้นเล่มหนึ่งเช่นเดียวกัน ตัวกระบี่เป็นสีฟ้า ทั้งสองเริ่มต้นด้วยการสู้กันมือเปล่า ตอนนี้เปลี่ยนมาสู้กันด้วยอาวุธแล้ว ทั่วทั้งป่านี้ หากไม่ใช่เพราะว่ามีค่ายกลควบคุมอยู่ เกรงว่าคงถูกทำลายไปนานแล้ว ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินที่หลบอยู่บนต้นไม้ไม่กล้าส่งเสียงมาตลอดก็ยังต้องใช้โล่พลังพิเศษคุ้มครองตัวเอง เนื่องจากบนพื้น บนฟ้า และในอากาศ ต่างเต็มไปด้วยพลังภายในอันน่ากลัว มากพอที่จะฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่าง ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ จากการคาดเดาของเย่เทียนเฉิน ความสามารถของสองคนนี้อย่างน้อยควรจะอยู่ในขอบเขตนักรบราชันหรือสูงกว่า กระทั่งไปถึงความสามารถขั้นต้นของระดับนักรบจอมราชันแล้ว
เคร้งๆๆ!
ทุกที่เต็มไปด้วยเงากระบี่ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่คล้ายกับเซียนสาวที่กำลังร่ายรำกระบี่อยู่ก็มิปาน แต่ละกระบี่หมายเอาชีวิต งดงามหาใดเปรียบ แต่กลับไม่มีใครกล้าสัมผัสความงามนี้ พลังภายในที่แฝงอยู่ในปราณกระบี่อันบ้าคลั่ง ไม่ว่าใครไปแตะต้องเกรงว่าจะถูกฟันจนแหลกเป็นชิ้น นี่ไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย กระทั่งเย่เทียนเฉิน หากตกไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะมีจุดจบที่ร้ายมากกว่าดี ต่อให้เขาใช้โล่ทองคำคุ้มครองร่างเอาไว้ก็ไม่กล้ารับประกันว่าตนจะไม่บาดเจ็บ เนื่องจากรู้สึกได้ว่าปราณกระบี่อันน่ากลัวนั้นมากเพียงพอที่จะฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่าง เย่เทียนเฉินไม่อาจไม่ระวัง
เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ที่ดูการต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปแล้ว จ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้ด้วยอาการตาค้าง พวกเธอไม่กล้าเชื่อเลยว่าความสามารถของชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งจะมาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องทราบว่าพวกเธอยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ การต่อสู้มือเปล่าเมื่อครู่นี้และการประดาบในตอนนี้ยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่แต่กลับรุนแรงมากพอที่จะทำลายภูเขาด้านหลังมหาวิทยาลัยหลงเถิงทั้งหมดได้ หากผู้หญิงสองคนนี้ลงมือเต็มที่จริงๆ เช่นนั้นจะมีสภาพอย่างไร? ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้เลย
ในตอนเริ่มแรก บางทีเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ยังคิดจะฝืนใช้ร่างกายที่บาดเจ็บเข้าร่วมการต่อสู้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ต่อให้พวกเธอสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้สูญเสียพลังภายใน หากต้องการสู้กับตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ก็เป็นเรื่องยากลำบากมาก ตอนนี้ความแตกต่างในความสามารถของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณสามารถมองเห็นได้ลางๆ แล้ว เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์อาจจะไม่อ่อนแอ แต่เมื่อเทียบกับตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่จริงๆ อาจด้อยกว่าเล็กน้อย ใครจะเป็นศิษย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลาย 100 ปีของพรรควรยุทธโบราณ คงเกิดขึ้นในการต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่แล้ว
ฉัวะ!
ฉัวะ!
ตงฟางเมิ่งแทงกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วหาใดเปรียบ ส่วนชิงเฉิงเยว่ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก แทงกระบี่ออกไปเช่นเดียวกัน เกิดเสียงเคร้งดังขึ้น ปลายกระบี่ทั้งสองปะทะกันจนเกิดประกายไฟ ในขณะเดียวกันทั้งสองก็ซัดฝ่ามือใส่อีกฝ่ายแทบจะพร้อมกัน
ตู้ม!
ปลายกระบี่ในมือขวาของชิงเฉิงเยว่ปะทะเข้ากับปลายกระบี่ในมือขวาของตงฟางเมิ่ง ฝ่ามือซ้ายของคนทั้งสองก็ปะทะกันเช่นเดียวกัน ตอนแรกสู้ด้วยเคล็ดวิชากระบี่ ตอนนี้สู้กันด้วยพลังภายใน ทั้งสองยืนที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเคร่งเครียดหาใดเปรียบ การประลองพลังภายในนั้นไม่อาจลำพองใจได้เลย หากเสียสมาธิแม้เพียงนิดหรือมีคนเผยช่องว่างให้เห็น จะต้องมีจุดจบที่ความตายโดยไม่ต้องสงสัย พลังภายในพุ่งพล่านผันผวน นี่เป็นพลังที่ทำให้คนตายได้ ไม่ว่าใครต่างไม่กล้าลำพองใจ
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินที่หลบอยู่บนต้นไม้มาโดยตลอดอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน ยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่เช่นนั้น ไม่ซ่อนร่างของตนเองอีกต่อไป เนื่องจากเขาถูกการต่อสู้ระหว่างตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ดึงดูดไปแล้วโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะตอนนี้ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ประลองพลังภายในกัน เขาสัมผัสได้ว่าบนร่างของผู้หญิงสองมีพลังภายในอันแข็งแกร่งปะทุออกมา มีการผันผวนของพลังที่ตาเปล่ามองไม่เห็นอยู่
พลังภายในที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของตงฟางเมิ่งอาจจะอ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วนพลังภายในที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของชิงเฉิงเยว่กลับรุนแรงอยู่บ้าง นี่อาจจะมีสาเหตุมาจากการฝึกฝนพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณที่แตกต่างกันของเธอทั้งสอง
“คิดไม่ถึงว่าคัมภีร์ดรุณีหยกของพรรคสุสานโบราณจะแข็งแกร่งขนาดนี้ สามารถสลายพลังภายในอันรุนแรงของฉันได้!” ชิงเฉิงเยว่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างตื่นตะลึง
“ฝ่ามือสะท้านฟ้าของพรรคสระหยก คัมภีร์ทลายสูญ ก็ร้ายกาจจริงๆ!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
ชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้านฝีมือความสามารถไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเธอยังไม่ได้ลงมือโจมตีกัน เพียงแค่เคยได้ยินมาว่าเคล็ดวิชาของพรรคอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน วันนี้ได้มาเห็นเคล็ดวิชาของพรรคอีกฝ่าย ต่างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ลอบรู้สึกนับถืออยู่ในใจ ท่าทางพรรคสระหยกและพรรคสุสานโบราณล้วนไม่เสียทีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แข็งแกร่งมากจริงๆ
ตู้ม!
ชิงเฉิงเยว่เพิ่มพลังภายในอันรุนแรงบริเวณฝ่ามือซ้ายอย่างฉับพลัน ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอไม่ได้ใช้พลังภายในจากคุมภีร์ดรุณีหยกมาต่อสู้ พลังภายในของคัมภีร์ทลายสูญที่ชิงเฉิงเยว่ฝึกค่อยๆ สลายพลังบริเวณฝ่ามือซ้ายของตนไปแล้ว ที่ชิงเฉิงเยว่เพิ่มพลังภายในนั้น ประการแรกเพราะยังไม่สามารถทำลายมาถึงตนได้ ประการที่สองเพราะยังไม่อาจทำลายสรรพสิ่งอื่นที่อยู่รอบๆ ได้ เมื่อตอนนี้ชิงเฉิงเยว่เพิ่มพลังภายในขึ้นมา ตงฟางเมิ่งจึงรู้สึกเปลืองแรงยิ่งนัก
“ถ้าเธอยังไม่ใช้วรยุทธในคัมภีร์ดรุณีหยกอีกคงต้องตายที่นี่แล้ว!” ในขณะที่พูด กระบี่ในมือของชิงเฉิงเยว่ก็ส่องแสงออกมา ฟันลงไปยังตงฟางเมิ่ง
ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว ความจริงตอนนี้เธอไม่ได้ใช้วรยุทธของคัมภีร์ดรุณีหยก ใช้เพียงเคล็ดวิชาอื่นของพรรคสุสานโบราณสู้กับชิงเฉิงเยว่มาโดยตลอด ประการแรกเป็นเพราะเธอไม่อยากให้ชิงเฉิงเยว่เข้าใจเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกมากเกินไป ในพรรควรยุทธโบราณแต่ละพรรค นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก ในตอนสู้กันไม่อาจปล่อยให้ศัตรูเข้าใจเคล็ดวิชาของพรรคคุณมากเกินไปได้ มิฉะนั้นนานไปศัตรูอาจจะหาทางทำลายกระบวนท่าได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่สำคัญอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือคัมภีร์ดรุณีหยกที่ตงฟางเมิ่งฝึกฝนยังไม่อาจฝึกไปถึงขั้นสุดท้าย ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ใช้ออกมาจะทำให้ตงฟางเมิ่งสูญเสียพลังภายในเป็นจำนวนมาก และยังมีพลังตีกลับอีกด้วย เนื่องจากส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกต้องให้ผู้ชายมาฝึกร่วมด้วย แต่เมื่อไม่ฝึกร่วมกันก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของคัมภีร์ดรุณีหยก เมื่อเรียนรู้ได้ส่วนเดียวก็จะมีจุดอ่อน จะมากจะน้อยย่อมมีผลข้างเคียงต่อผู้ฝึกตน
อย่างไรก็ตาม หากต้องหาผู้ชายมาฝึกร่วมด้วยเพื่อช่วยให้ฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกสำเร็จ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเป็นเรื่องที่ยากมาก ฝึกฝนร่วมกับผู้ชายจะต้องร่วมหลับนอนกัน หากไม่เจอผู้ชายที่ตนรักอย่างลึกซึ้ง จะให้หาผู้ชายมาฝึกไปมั่วๆ เหรอ? ชั่วชีวิตหนึ่งของผู้หญิง เกรงว่าเรื่องนี้จะสำคัญเป็นอย่างมาก หากหาผู้ชายคนไหนก็ได้มาฝึกด้วย ก็แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าอะไรบนโลกนี้เลย กระทั่งขอบเขตความเป็นมนุษย์ก็ยังไม่มี ทำเพียงเพื่อจะฝึกฝนวิชาเท่านั้น บางทีหลายคนอาจจะทำอะไรออกมาก็ได้ แต่เธอตงฟางเมิ่งทำไม่ได้
“งั้นเธอก็ลองดูหน่อยแล้วกัน!” ตงฟางเมิ่งจ้องมองไปยังชิงเฉิงเยว่แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ปากแข็งไปก็ไม่มีประโยชน์!”
ประกายกระบี่ในมือขวาของชิงเฉิงเยว่ไม่ลดพลังลงเลย ฟาดฟันลงไปที่แขนของตงฟางเมิ่ง ในขณะเดียวกันพลังภายในบริเวณมือซ้ายก็ระเบิดขึ้น เธอใช้พลังภายในของคัมภีร์ทลายสูญแล้ว คำว่า “ทลายสูญ”จินตนาการได้เลยว่าจะเป็นวิชาพลังภายในที่โหดเหี้ยมขนาดไหน สามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ เผด็จการและยโสโอหังระดับไหนกัน
“ย่ะ!”
ตงฟางเมิ่งตะโกนออกมา เธอไม่อาจหลบซ่อนและเก็บงำได้อีกต่อไป ความสามารถของชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ บีบบังคับเธอจนจำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาของคัมภีร์ดรุณีหยก มิฉะนั้นอาจจะตายอยู่ที่นี่จริงๆ ก็เป็นได้
ชั่วขณะนั้น ชิงเฉิงเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เนื่องจากเธอสัมผัสได้ว่าพลังภายในอันรุนแรงที่โจมตีไปยังตงฟางเมิ่งถึงกับสลายไปทีละน้อย เหมือนกับถูกพลังอันอ่อนโยนกักขังเอาไว้ ไม่สามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ ในขณะเดียวกันลมปราณของตงฟางเมิ่งก็เปลี่ยนไป ค่อยๆ บินทะยานออกมาราวกับนางเซียน แม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนคนเมือง แต่ใบหน้าขาวนวลนั้นยังทำให้ผู้คนดวงตาพร่าเลือนได้ เธอค่อยๆ ใช้เคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกอันหาได้ยากยิ่งออกมา…