เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 361 ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์
เมื่อถูกความแข็งแกร่งของชิงเฉิงเยว่บีบบังคับ ตงฟางเมิ่งจำเป็นต้องป้องกันตัว อาศัยแค่เคล็ดวิชาอื่นของพรรคสุสานโบราณเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขัดขวางการโจมตีของชิงเฉิงเยว่ได้ ตอนนี้เธอสัมผัสได้ว่าชิงเฉิงเยว่ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากที่สุดในรอบหลาย 100 ปีของพรรควรยุทธโบราณคนนี้ ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลย เธอแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เกรงว่าจนถึงตอนนี้ การต่อสู้ของทั้งสองดำเนินมาจนถึงจุดเดือดแล้ว หากพลังความสามารถเช่นนี้โจมตีปะทะกันคงรุนแรงเพียงพอที่จะทำลายภูเขาทั้งลูกจนแหลกระเบิด อีกทั้งเป็นไปได้ว่าชิงเฉิงเยว่ยังไม่ได้สู้เต็มกำลัง ตงฟางเมิ่งเองก็จริงจังขึ้นมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย หากตนแพ้ การถูกชิงเฉิงเยว่ฆ่าตายเป็นเรื่องเล็ก แต่การสืบทอดพรรคสุสานโบราณและความหวังชั่วชีวิตของท่านอาจารย์จะไม่มีทางเป็นจริงได้อีกใครจะทำให้สำเร็จได้เล่า?
คิดไปคิดมา ตงฟางเมิ่งก็เป็นผู้หญิงที่เด็ดขาดคนหนึ่ง ในเมื่อชิงเฉิงเยว่บีบบังคับเธอจนต้องใช้เคล็ดวิชาของคัมภีร์ดรุณียกออกมา ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะเอาชนะชิงเฉิงเยว่ให้ได้ มิฉะนั้นหากใช้เคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกแล้วยังไม่สามารถเอาชนะชิงเฉิงเยว่ได้อีก เธอก็คงแพ้เพราะหมดแรง นี่เป็นคัมภีร์ดรุณีหยกที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังไม่ได้หาผู้ชายมาฝึกร่วมกันให้สำเร็จขั้นสุดท้าย และทำให้ไร้ข้อบกพร่อง ดังนั้นอย่างมากใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็ทำให้พลังภายในเหือดแห้งแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ตงฟางเมิ่งทำอะไรไม่ได้ และเป็นสาเหตุที่เธอไม่ใช้คัมภีร์ดรุณีหยก มันมีผลเสียต่อเธอมากมายเกินไป หากลงมือโดยที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะ คงกลายเป็นสาเหตุใหญ่ที่เธอจะพ่ายแพ้
แต่ต่อให้คัมภีร์ดรุณีหยกยังไม่สมบูรณ์ ด้วยพรสวรรค์อันสูงส่งของตงฟางเมิ่ง และความเข้าใจก็อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ในยามที่ใช้เคล็ดวิชาออกมาก็สามารถใช้พลังของคัมภีร์ดรุณีหยกที่สมบูรณ์แบบออกมาได้เล็กน้อย
ในตอนนี้ ตงฟางเมิ่งลอยขึ้นไปทั้งร่าง เธออยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน ส่วนชิงเฉิงเยว่กำลังขมวดคิ้ว เธอสัมผัสได้ว่าพลังภายในอันรุนแรงที่ตนปล่อยออกไปถูกตงฟางเมิ่งทำให้สลายไปทั้งหมด ไม่มีผลอะไรแม้แต่น้อย ตงฟางเมิ่งในตอนนี้อยู่ในสภาพมีชีวิตชีวา ล่องลอยอยู่กลางอากาศ คล้ายกับนางเซียนที่แท้จริง หากมองไกลๆ คงแยกแยะความจริงไม่ออก
ฟู่!
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ซึ่งได้แก่ชิงเฉิงเยว่ เซี่ยอวี่เหอ เทียนซวงเอ๋อร์ รวมไปถึงเย่เทียนเฉิน ต่างมองตงฟางเมิ่งอย่างตกตะลึง เนื่องจากในตอนนี้พลังทั้งหมดในร่างกายของตงฟางเมิ่งเปลี่ยนไปแล้ว กระทั่งลมปราณก็เปลี่ยนไปทั้งหมด ลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่กลับมีชีวิตชีวาเช่นนั้น บริสุทธิ์เช่นนั้น ราวกับออกมาจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อน เป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดและดั้งเดิมที่สุดของสวรรค์
“คัมภีร์ดรุณีหยก ที่แท้นี่ก็คือพลังทั้งหมดของคัมภีร์ดรุณีหยก เรียบง่ายและบริสุทธิ์แท้จริง เหมือนกับดรุณีหยก แข็งแกร่งมาก!” ชิงเฉิงเยว่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
“เดิมทีฉันไม่อยากใช้เคล็ดวิชาพลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว รับมือเถอะ!” ตงฟางเมิ่งมองชิงเฉิงเยว่แล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“ได้ ให้พวกเราเห็นความแข็งแกร่งของคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณสักหน่อยเถอะ แต่ยังไงคัมภีร์ทลายสูญของพรรคสระหยกของฉันต้องชนะแน่!” มุมปากของชิงเฉิงเยว่เผยรอยยิ้มออกมา สายตาของเธอแปรเปลี่ยนไปมั่นคงหนักแน่น เมื่อมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจถอยแม้แต่ครึ่งก้าว หากถอยก็คือแพ้ มีแต่ต้องต่อสู้เต็มกำลังแล้วดูว่าใครจะร้ายกาจกว่ากัน
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินตื่นตะลึงก็คือ หลังจากชิงเฉิงเยว่พูดจบก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น มือทั้งสองวางอยู่บนเข่าค่อยๆ หลับตาลง ยื่นนิ้วที่ประดุจดอกกล้วยไม้ออกไป เธอกำลังกระตุ้นลมปราณทลายสูญในร่างกายของตัวเอง ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที บนร่างชิงเฉิงเยว่ก็ปรากฏลมปราณทลายสูญออกมาเป็นระลอก อากาศที่สัมผัสถูกลมปราณนี้จะเกิดเป็นระลอกคลื่นสีดำ ใบไม้ที่สัมผัสกับลมปราณจะแหลกสลาย ดินที่สัมผัสกับลมปราณจะกลายเป็นผุยผง เหมาะสมกับคำว่า “ทลายสูญ” จริงๆ เผด็จการยิ่งนัก
“ว่ากันว่าคนที่สร้างพรรคสระหยกเมื่อปีนั้นก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน เป็นผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ดังนั้นจึงสร้างเคล็ดวิชาที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ออกมาเพื่อระบายความโกรธ ดูท่าทางจะจริง!” เทียนซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้น
“หึ ดูแล้วพรรคเทียนซู่ฉีของพวกเธอมีข้อมูลไม่น้อยเลยจริงๆ ถ้างั้นก็ยิ่งต้องฆ่าเธอ!” ชิงเฉิงเยว่หัวเราะเสียงเย็น มองไปยังเทียนซวงเอ๋อร์แล้วพูดขึ้น
“คู่ต่อสู้ของเธอคือฉัน ฉันว่าเธอไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่นหรอก?”
เมื่อตงฟางเมิ่งพูดจบ ทั่วทั้งร่างก็อยู่ในสภาพคล้ายปิดซ่อนคล้ายปรากฏ ตอนนี้ผ้าแพรที่สวมอยู่บนหน้าของเธอก็ปลิวหลุดออกไปเงียบๆ ดวงหน้างดงามหาใดเปรียบ ไม่มีข้อตำหนิแม้เพียงครึ่งส่วน หากพูดว่าชิงเฉิงเยว่สวยล่มบ้านล่มเมือง ถ้าเช่นนั้นตงฟางเมิ่งก็สวยจนมัจฉาชมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง ความงามของพวกเธอทั้งสองคนไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากเป็นความงามคนละแบบโดยสิ้นเชิง แต่สรุปแล้วล้วนมีใบหน้างดงามที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้เห็นจะต้องรู้สึกบ้าคลั่ง สวยจนกระทั่งสวรรค์ยังต้องอิจฉา ขนาดเย่เทียนเฉินก็มองจนตกตะลึง ใบหน้างดงามที่ทำให้เขามองจนตกตะลึงได้มีน้อยมาก ความงามของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่นั้น คนหนึ่งคละเขาไปบรรยากาศของยุคปัจจุบัน อีกคนหนึ่งงดงามเหมือนสาวยุคโบราณ งดงามจนไม่มีอะไรแปดเปื้อน งดงามจนให้รสชาติราวกับไม่ได้กินอยู่บนโลกมนุษย์
“ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์!” ตงฟางเมิ่งตะโกนออกมา ทันใดนั้นข้างกายมีเงาของสตรีคล้ายปิดซ่อนคล้ายปรากฏจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละนางประดุจนางเซียน พร่าเลือนและงดงามเช่นนั้น มองไม่ออกโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คล้ายกับมีนางเซียนจำนวนมากกำลังรำกระบี่ แต่ในเงากระบี่นั้นเจือไปด้วยลมปราณแห่งการฆ่าฟันอันแข็งแกร่ง จินตนาการได้เลยว่า ในตอนที่นางเซียนนับ 100 คนกำลังรำกระบี่ ดูผิวเผินเหมือนรำกระบี่ แต่ความจริงกำลังเอาชีวิตคนโดยไร้รูปลักษณ์ไร้ร่องรอย นี่จะน่าหวานกลัวขนาดไหนกัน
ชิงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ตอนนี้เธอกระตุ้นพลังภายในของคัมภีร์ทลายสูญแห่งพรรคสระหยกของตนจนถึงขีดสุดแล้ว เตรียมใช้การโจมตีที่รุนแรงถึงชีวิตออกไป แต่ในตอนที่เธอเห็นตงฟางเมิ่งใช้เคล็ดวิชาของคัมภีร์ดรุณียกออกมา ยังคงอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความนับถืออยู่ในใจ คัมภีร์ดรุณีหยก ไม่เสียทีที่ว่ากันว่าเป็นเคล็ดวิชาพลังภายในที่ทัดเทียมกับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลิน เพียงแค่กระบวนท่า “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแล้ว!
ในคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ได้บันทึกไว้เพียงเคล็ดวิชานี้วิชาเดียวแน่นอน ยังมีกระบวนท่าแข็งแกร่งทรงอำนาจอีกมากมาย เพียงแต่ตงฟางเมิ่งไม่ได้ใช้ออกมาก็เท่านั้น สาเหตุก็ง่ายดายมาก นั่นเป็นเพราะเธอยังไม่สามารถหาผู้ชายมาฝึกร่วมกันได้จึงไม่อาจไปถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเช่น ในคัมภีร์ดรุณีหยกยังมีเพลงกระบี่อันลึกล้ำสูงส่งที่ชายหญิงต้องผสานกันใช้อยู่ด้วย แต่ต้องให้หญิงชายรวมเป็นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งยังมีการสัมผัสร่างกายกันด้วย หลายปีมานี้ตงฟางเมิ่งจึงฝึกฝนวรยุทธเป็นสำคัญ จนกระทั่งท่านอาจารย์ลาโลกนี้ไปจึงออกมาด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้ ดังนั้นเธอไม่อาจฝึกฝนเคล็ดวิชาจำนวนมากในคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ ทำให้มีข้อจำกัดอยู่
“ถ้าเธอรับกระบวนท่าต่อไปนี้ได้ บางทีเธอคงชนะ!” ตงฟางเมิ่งลืมตาขึ้น พูดอย่างเรียบเฉย
“เธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมเคล็ดวิชาพลังภายในของพรรคสระหยกของพวกเราถึงถูกเรียกว่าคัมภีร์ทลายสูญ? นั่นก็เพราะมันมีคำว่าทลายสูญสองคำนี้อยู่ ความหมายก็คือทำลายได้ทุกอย่าง…”
ชิงเฉิงเยว่ตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองซัดออกไปไม่หยุด เบื้องหน้าของเธอปรากฏฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้น นั่นคือการใช้ฝ่ามือสะท้านฟ้าผลาสรวมเข้ากับคัมภีร์ทลายสูญของพรรคสระหยก ฝ่ามือสะท้านฟ้ารวมเข้ากับลมปราณทลายสูญถูกซัดออกไป ให้ความรู้สึกราวกับสามารถถล่มฟ้าทะลายดินได้จริงๆ ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนสั่นไหว กระทั่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกตื่นตกใจ ผู้หญิงสองคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว หากเปลี่ยนให้ตนไปสู้กับพวกเธอเกรงว่าจะเป็นจะตายก็ยังไม่อาจทราบ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งจนใช้คำว่าวิปลาสมาบรรยายได้เท่านั้น
“ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์!”
“ฝ่ามือสะท้านฟ้าทลายสูญ!”
ในตอนนี้ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ระเบิดพลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา ใช้เคล็ดวิชาสังหารที่ร้ายกาจที่สุดของเคล็ดวิชาที่เคยร่ำเรียนออกมาแล้ว นางเซียนพร้อมด้วยกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสู้กับฝ่ามือสะท้านฟ้าทลายสูญ เหตุการณ์นี้สามารถใช้คำว่าสู้กันอย่างบ้าคลั่งมาบรรยายได้เท่านั้น เย่เทียนเฉินถูกทำให้สั่นสะท้านจนตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอโถมตัวออกไปนานแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงการผันผวนของพลังที่แข็งแกร่งนั้น
หลังจากเสียงดังสนั่นฟ้าผ่านไป ภูเขาด้านหลังมหาวิทยาลัยหลงเถิงก็ถูกทลายโจรเป็นพื้นราบ ต่อให้มีค่ายกลของพรรควรยุทธโบราณค้ำชูอยู่ก็ขวางการฆ่าฟันสู้รบของลูกศิษย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรควรยุทธโบราณเท่าที่เคยมีมาในรอบหลาย 100 ปีทั้งสองคนอย่างตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ไม่ได้ ค่ายกลทั้งหมดถูกทลายจนแตกสลาย ถูกทำลายไปแล้ว เย่เทียนเฉินก็ตกใจจนตกลงมาจากต้นไม้ ใช้โล่พลังพิเศษป้องกันไว้เบื้องหน้าตน พลังอันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นปะทะกับคลื่นผันผวนที่โจมตีเข้ามา เกือบทำให้โล่พลังพิเศษของเย่เทียนเฉินแตกสลาย ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอยู่ในใจว่า หาเรื่องใครก็ได้อย่าไปหาเรื่องผู้หญิง เพราะตอนที่ผู้หญิงบ้าคลั่งขึ้นมา จริงจังขึ้นมา ทำให้ผู้คนรับไม่ไหวจริงๆ !
ทั่วทั้งป่าเต็มไปด้วยเศษฝุ่น ฝุ่นควันฟุ้งกระจายทั่วท้องฟ้า เมื่อรวมกับที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนจึงมองไม่ชัดว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ตกลงแล้วคัมภีร์ดรุณีหยกของพรรคสุสานโบราณชนะ หรือคัมภีร์ทลายสูญของพรรคสระหยกร้ายกาจกว่า?
ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่สามารถซ่อนตัวต่อไปได้อีก หลังจากป้องกันได้แล้วก็เดินไปยังใจกลางป่าที่ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่สู้กัน เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็เห็นเงาคนสองคน คนหนึ่งยังลอยอยู่กลางอากาศ อีกคนยืนอยู่บนพื้น สวมใส่เสื้อผ้าแตกต่างกัน เย่เทียนเฉินสังเกตุเห็นว่า เมื่อตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ผ่านการโจมตีปะทะกันที่แข็งแกร่งไปแล้ว ก็ยังไม่เคลื่อนออกไปจากตำแหน่งเดิมของตนแม้แต่น้อย แข็งแกร่งจริงๆ
“ตงฟางเมิ่ง เธอแพ้แล้ว น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสุดท้าย ไม่งั้นต่อให้เอาชนะฉันไม่ได้ก็ยังสู้สูสีกับฉันได้ ไม่พูดไม่ได้ว่าเธอแข็งแกร่งจริงๆ!” เสียงของชิงเฉิงเยว่ดังขึ้น คละเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะ
“งั้นเหรอ? เธอลองดูไหล่ซ้ายของตัวเองสิ!” เสียงของตงฟางเมิ่งดังขึ้น เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ชิงเฉิงเยว่มองไปที่ไหล่ซ้ายของตน พบว่าไหล่ซ้ายถูกกระบี่แทงเป็นรู เพียงแต่การโจมตีสุดกำลังเมื่อครู่นี้ทำให้ชิงเฉิงเยว่ไม่ได้สังเกตุเห็นก็เท่านั้น เธอซัดตงฟางเมิ่งจนบาดเจ็บภายในและกระอักเลือดออกมา ส่วนเธอก็ถูกตงฟางเมิ่งทำร้ายจนบาดเจ็บ…