เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 364 ช่วยตงฟางเมิ่ง ล่วงเกินชิงเฉิงเยว่
พรสวรรค์ ความรู้ ใบหน้า ทรวดทรงองค์เอว ไม่มีสิ่งใดที่ตงฟางเมิ่งด้อยไปกว่าชิงเฉิงเยว่เลย อย่างน้อยนี่ก็เป็นความเห็นของเย่เทียนเฉิน
แต่ที่ชิงเฉิงเยว่มีพลังความสามารถแข็งแกร่งกว่าตงฟางเมิ่งเป็นเพราะชิงเฉิงเยว่ฝึกเคล็ดวิชาพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณจนสมบูรณ์แล้ว ส่วนคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณที่ตงฟางเมิ่งฝึก จะอย่างไรก็ยังขาดส่วนสุดท้ายไป หากไม่สามารถฝึกฝนไปจนถึงขั้นสุดท้ายได้ก็ไม่นับว่าสมบูรณ์แบบ
ในเรื่องพลังภายใน ตงฟางเมิ่งยังด้อยกว่าชิงเฉิงเยว่อยู่บ้าง แน่นอนว่านี่เป็นการมองตามสภาพความเป็นจริงเท่านั้น แต่แพ้ก็คือแพ้
ไม่เพียงแต่ชิงเฉิงเยว่ที่รู้สึกตื่นตกใจ กระทั่งเย่เทียนเฉินก็ยังรู้สึกนับถือตงฟางเมิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของผู้หญิงคนนี้ อีกทั้งยังมีความแข็งกร้าวเช่นนั้น หาได้ยากยิ่งจริงๆ ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าความสามารถของตนสู้ชิงเฉิงเยว่ไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย แต่เธอยังต้องการต่อสู้อีกครั้งในสภาพที่จะต้องตายแน่นอน เพื่อเอาชนะชิงเฉิงเยว่ให้ได้ เพื่อทำความปรารถนาของอาจารย์ให้สำเร็จ ก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธขึ้นมา ทำให้การต่อสู้และกลิ่นคาวเลือดในยุทธภพลดลงบ้าง
เคล็ดวิชาพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณที่ยังฝึกฝนได้ไม่สมบูรณ์ แต่สามารถทำร้ายชิงเฉิงเยว่จนบาดเจ็บแบบนี้ได้ ตงฟางเมิ่งนับว่าเป็นคนแรก!
เคยมีหลายครั้ง ก่อนหน้านี้หลายปี มีคนเปรียบเทียบชิงเฉิงเยว่แห่งพรรคสระหยกและตงฟางเมิ่งแห่งพรรคสุสานโบราณ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง หรือความสามารถ ล้วนนำมาเปรียบเทียบทั้งสิ้น เนื่องจากพวกเธอสองคนถูกขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดของพรรควรยุทธโบราณ เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเกิดความรู้สึกอยากเปรียบเทียบขึ้นมา
แน่นอนว่าหากพูดกันถึงเรื่องชื่อเสียง ตงฟางเมิ่งยังคงโด่งดังกว่าเล็กน้อย ก่อนหน้านี้หลายปี พรรคสระหยกก็มีการเล่าลือออกมาแล้วว่าชิงเฉิงเยว่เป็นบุคคลผู้มีพรสวรรค์ทางด้านการฝึกยุทธที่หาได้ยากยิ่งในรอบหลาย 100 ปีของพรรควรยุทธโบราณ อายุเพียง 20 ปีก็สามารถฝึกคัมภีร์ทลายสูญทุกส่วนจนสมบูรณ์ได้แล้ว อีกทั้งยังชำนาญเคล็ดวิชาวรยุทธแต่ละอย่างของพรรคสระหยกอีกด้วย กลายเป็นที่รู้กันว่าเหนือกว่าไท่ซือสังหารเหี้ยนซึ่งเป็นอาจารย์ของเธอแล้ว
ชิงเฉิงเยว่เช็ดเลือดที่มุมปาก มองตงฟางเมิ่งอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า
“ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ฉันไม่ยั้งมือแน่ ควรตัดสินได้แล้ว!”
“ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกเธอก็คือ ฉันยังมีกระบวนท่าสุดท้ายอยู่!” ตงฟางเมิ่งมองชิงเฉิงเยว่อย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
วิปลาสขั้นสุดแล้วจริงๆ เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง ผู้หญิงสองคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ ผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามแบบนี้บ้าคลั่งจนถึงขีดสุด หลังจากการต่อสู้ที่ถล่มภูเขาจนเป็นพื้นราบไปแล้ว พลังอันรุนแรงที่มีฤทธิ์ถล่มภูเขาทลายมหาสมุทรปะทะกันไป จนถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บที่ตงฟางเมิ่งได้รับสาหัสกว่าชิงเฉิงเยว่ แต่ชิงเฉิงเยว่เองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เพียงแต่เพราะความแข็งแกร่งของร่างกายจึงไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ผู้หญิงสองคนนี้ยังมีแรงสู้กันอีก จะร้ายกาจเกินไปแล้ว ใช้คำว่าวิปลาสมาบรรยายได้เท่านั้น
เย่เทียนเฉินดูการประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณมาตั้งแต่เริ่มต้น ได้รับประสบการณ์การต่อสู้ในด้านเคล็ดวิชาของวรยุทธโบราณมาไม่น้อยเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันก็มีความคาดหวังในเคล็ดวิชาแห่งพรรควรยุทธโบราณมากขึ้น ความจริงมันร้ายกาจมากเหลือเกิน หากตนฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งพรรควรยุทธโบราณได้ และนำมาใช้ร่วมกับเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งของตน ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างเป็นกระบวนท่าออกมา และกลายเป็นเคล็ดวิชาสังหารที่มีความสามารถถล่มสวรรค์ทลายดินก็เป็นได้
“งั้นฉันจะให้เธอได้เห็นกระบวนท่าสุดท้ายนี้…”
ชิงเฉิงเยว่เองก็รู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว สู้กับตงฟางเมิ่งมานานเพียงนี้ ถึงกับยังไม่สามารถฆ่าเธอได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตงฟางเมิ่งยังไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาพลังภายในแห่งพรรควรยุทธโบราณจนสมบูรณ์ก็ยังทำให้ตนบาดเจ็บสาหัสได้ นี่นับเป็นความอัปยศในการประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชิงเฉิงเยว่โดยสิ้นเชิง
ครั้งนี้ชิงเฉิงเยว่ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาทั้งร่าง ให้ความรู้สึกราวกับสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ พุ่งทะยานใส่ตงฟางเมิ่งรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ซัดฝ่ามือไปบริเวณหน้าอกของตงฟางเมิ่ง
มุมปากของตงฟางเมิ่งเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ความจริงเธอสู้ชิงเฉิงเยว่ไม่ได้ ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งและร้ายกาจมากจริงๆ เธอยืนหยัดมาได้จนถึงขั้นนี้ก็ลำบากมากแล้ว กระบวนท่าสุดท้ายนี้ หากใช้ออกไปจะต้องแลกกับชีวิตของเธอ
เย่เทียนเฉินยืนมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่ด้านข้าง เขารับรู้ได้จากพลังพิเศษแห่งการรับรู้ว่า บนร่างของตงฟางเมิ่งมีพลังไม่มั่นคงแพร่ออกมา เป็นพลังที่บริสุทธิ์และทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้ ที่สำคัญก็คือให้ความรู้สึกราวกับมี “เซียน” โบยบิน ซึ่งในยามปกติไม่สามารถสัมผัสได้ เขาขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ฉันไม่อยากฆ่าเธอ แต่สถานะของแต่ละคนแตกต่างกัน!”
ชิงเฉิงเยว่ขมวดคิ้วแน่น ดูออกว่าเธอไม่อยากฆ่าตงฟางเมิ่งจริงๆ แต่คำสั่งของอาจารย์ยากจะปฏิเสธ เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้
“ดรุณี…หยก…เซียน…โบยบิน” ตงฟางเมิ่งเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น เกิดประกายแสงอันอ่อนโยนพุ่งออกมาจากร่างกายของตงฟางเมิ่ง ทำให้พลังฝ่ามือของชิงเฉิงเยว่สลายไปโดยพลัน ในขณะเดียวกันก็ห้อมล้อมชิงเฉิงเยว่เอาไว้ ภายใต้สถานการณ์ร้อนรนเช่นนี้ ชิงเฉิงเยว่ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นก็ซัดฝ่ามือทั้งสองออกไปไม่หยุด พลังภายในผันผวน มากเพียงพอที่จะทำลายทุกสิ่งเป็นผุยผง เพียงแต่ไม่สามารถทำลายแสงอันโอนโยนที่ครอบคลุมอยู่รอบๆ นี้ได้ ตงฟางเมิ่งอ่อนระโหยโรยแรงจนถึงขีดสุด มองชิงเฉิงเยว่ที่คิดจะดิ้นรนออกมา แย้มยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“ดรุณีหยกเซียนโบยบินเป็นวิชาต้องห้ามของพรรคสุสานโบราณของพวกเรา เมื่อใช้ออกไป ตัวเองและศัตรูจะกลายเป็นหมอก เหมือนกับไม่เคยอยู่บนโลกนี้มาก่อน และเกิดเป็นทิวทัศน์ดุจเซียนโบยบิน ดังนั้นจึงมีชื่อว่าดรุณีหยกเซียนโบยบิน!”
ตอนนี้ในใจของเย่เทียนเฉินก็ตื่นตะลึงหาใดเปรียบ มิน่าล่ะจึงมีชื่อว่าดรุณีหยกเซียนโบยบิน เขาสัมผัสได้นานแล้วว่าอะไรบางอย่างของตงฟางเมิ่งไม่ถูกต้อง ที่แท้ในตอนที่ใช้เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ตงฟางเมิ่งก็รวบรวมพลังภายในที่ลึกล้ำที่สุดในร่างกาย คิดจะใช้ “ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” ออกมา หลังจากใช้กระบวนท่านี้แล้ว จะทำให้พลังในร่างกายของผู้ใช้แห้งเหือด และฆ่าล้างศัตรูไปพร้อมกัน คนที่ใช้กระบวนท่านี้ก็จะตายด้วย นี่เป็นกระบวนท่าที่ลากศัตรูไปตายด้วยกัน
“คิดไม่ถึงว่าพรรคสุสานโบราณของพวกเธอจะมีเคล็ดวิชาแบบนี้ด้วย ทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ!”
ตู้ม!
ชิงเฉิงเยว่ไม่อาจพูดได้ว่าไม่แข็งแกร่งห้าวหาญ เมื่อเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เธอยังคงไม่ยอมแพ้ ซัดหมัดออกไปยังพลังที่ครอบคลุมเธอไว้อย่างรุนแรงดุเดือดอย่างยิ่ง เกือบจะโจมตีพลังที่ปกคลุมอยู่จนทะลุออกไปได้แล้ว ในตอนนี้มุมปากของตงฟางเมิ่งก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมาเช่นกัน ทั่วทั้งร่างโอนเอน เกือบประคองไม่ไหวอีกต่อไป เธอนิ้วชี้ขวาของตนออกมา พึมพำที่มุมปากเบาๆ ว่า
“ทลาย…”
เพียงแต่น่าเสียดาย ตงฟางเมิ่งพูดได้เพียงคำว่าทลายคำเดียวก็ล้มลงไปที่พื้น เธอไม่อาจประคองร่างกายของตนได้อีก ไม่อาจต่อต้านชิงเฉิงเยว่ได้ ในตอนที่เธอยืนหยัดจนถึงเฮือกสุดท้ายนั้น พลังที่ปกคลุมชิงเฉิงเยว่ที่เดิมทีไม่ว่าชิงเฉิงเยว่จะโจมตีอย่างไรก็ไม่อาจทำลายได้พลันสลายไป
“เธอไม่มีแรงใช้กระบวนท่านี้แล้วยังฝืนใช้อีก เสียแรงเปล่าจริงๆ!”
ชิงเฉิงเยว่สูดหายใจลึก เธอคิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะมีเคล็ดวิชาสังหารแบบนี้อยู่ด้วย เกือบจะทำให้เธอตายไปด้วยกันแล้ว เมื่อเป็นศัตรูกับผู้หญิงคนนี้ ทำให้ชิงเฉิงเยว่กดดันไม่น้อยเลยจริงๆ
ตงฟางเมิ่งคิดจะลากชิงเฉิงเยว่ไปตายด้วยกันจึงใช้ “ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาลับของพรรคสุสานโบราณออกมา แต่เพราะไม่มีเรี่ยวแรงฝืนร่างกายของตนจึงไม่ประสบความสำเร็จ มิฉะนั้นตอนนี้เธอกับชิงเฉิงเยว่คงตายไปด้วยกันแล้ว
ตงฟางเมิ่งล้มลงไปกับพื้น ลมหายใจรวยระริน ในการต่อสู้เริ่มแรกของเธอกับชิงเฉิงเยว่ เธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว สุดท้ายยังฝืนใช้พลังดั้งเดิมของร่างกายออกมา และใช้กระบวนท่า “ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” ออกมาด้วย ทำให้เธอผลักชีวิตของตนเข้าสู่รอยต่อแห่งความเป็นความตาย ดูเหมือนจะตายโดยไม่ต้องสงสัย
“เธอสูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว ฉันไม่อยากทำแบบนี้ แต่คำสั่งของอาจารย์ไม่อาจต่อต้าน…”
ชิงเฉิงเยว่ส่ายหน้า เธอนับถือตงฟางเมิ่งที่เป็นคู่ต่อคนนี้มาก แต่กลับไม่มีทางเลือก เดิมทีนี่ก็เป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ไม่เพียงแต่การต่อสู้ของพรรควรยุทธโบราณที่มีไม่หยุดหย่อน แต่ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนมีการต่อสู้และฆ่าฟันทั้งสิ้น หากเมตตาต่อศัตรู ในอนาคตจะกลายเป็นความโหดร้ายต่อตนเอง
ซัดฝ่ามือออกไป ชิงเฉิงเยว่ซัดฝ่ามือไปยังหัวใจของตงฟางเมิ่ง เธอต้องการทำให้ตงฟางเมิ่งตายอย่างแน่นอน ไม่อาจปล่อยให้หลงเหลือความเป็นไปได้ใดๆ แม้แต่น้อย เพียงแต่ในตอนที่ฝ่ามือของชิงเฉิงเยว่ใกล้จะซัดถูกหน้าอกของตงฟางเมิ่งนั้นเอง มือข้างหนึ่งพลันจับมือของเธอไว้ ทำให้ฝ่ามือของเธอไม่อาจเคลื่อนลงไปได้อีก
ชิงเฉิงเยว่ชงักไปเพียงชั่วครู่ จากนั้นจึงหมุนตัวออกกระบวนท่า การเคลื่อนไหวรวดเร็ว ฝ่ามือทั้งสองซัดออกไปไม่หยุด บางครั้งก็กลายเป็นหมัด เธอรู้ว่ามีคนมาช่วยตงฟางเมิ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งด้วย แต่จะเป็นใครกันแน่ก็ยังไม่รู้ ตอนนี้มีคนปรากฏตัวขึ้นก็ต้องฆ่าให้หมด ในจุดนี้ชิงเฉิงเยว่เข้าใจเป็นอย่างดี ไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องเหนือคาดใดๆ ได้
ตู้มๆ ๆ …ในป่าเกิดการต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ชิงเฉิงเยว่และเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่งออกกระบวนท่าสู้ไม่หยุด เพียงพริบตาเดียวก็สู้กันไปเกือบ 100 กระบวนท่าแล้ว
ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่ใช้ฝ่ามือซัดเงาร่างของผู้ชายคนนั้นออกไปได้เธอก็ต้องขมวดคิ้ว มองผู้ชายเบื้องหน้าที่กำลังหัวเราะให้เธอ เธอไม่มีความทรงจำใดๆ ต่อเขาแม้แต่น้อย ในใจคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ถึงกับร้ายกาจขนาดนี้เชียว เมื่อครู่เธอลงมือเต็มที่แล้ว ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย ลมปราณฝ่ามือแข็งแกร่งรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะหลบได้ แต่ยังตอบโต้ได้อีกด้วย ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ หรือจะเป็นยอดฝีมือของพรรคไหน?
คนที่ลงมือช่วยเหลือตงฟางเมิ่งย่อมต้องเป็นเย่เทียนเฉิน ในป่าแห่งนี้ไม่มีบุคคลที่สี่แล้ว มีแค่เขาที่ดูการต่อสู้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าชิงเฉิงเยว่จะลงมือสังหารตงฟางเมิ่ง เย่เทียนเฉินจึงพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด ขวางชิงเฉิงเยว่เอาไว้ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ชิงเฉิงเยว่จะร้ายกาจขนาดนี้ ดูเหมือนจะใคร่ครวญเพียงชั่วครู่ก็ลงมือกับเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพอลงมือก็ทำเหมือนว่าเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ ทำให้เย่เทียนเฉินรับมือไม่ทัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เทียนเฉินทำได้เพียงใช้ “หมัดพี่ชายสุดหล่อ” ของเขาสกัดกั้น ต่อสู้กับชิงเฉิงเยว่อย่างสุดกำลัง แต่กลับไม่สามารถเอาชนะชิงเฉิงเยว่ได้ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งห้าวหาญจนถึงขีดสุด ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ยังร้ายกาจขนาดนี้ แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส
เย่เทียนเฉินย่อมไม่อาจดูตงฟางเมิ่งตายไปแบบนี้ได้ มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถอธิบายกับท่านผู้นำสูงสุดได้ ยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนเฉินเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ลูกผู้ชายควรจะรักษาคำพูด เพียงแต่เมื่อต้องล่วงเกินตอแข็งอย่างชิงเฉิงเยว่ เย่เทียนเฉินยังต้องร้องโอดครวญด้วยความลำบากใจ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้หาเรื่องไม่ได้ หาเรื่องไม่ได้เด็ดขาด!
เฮ้อ การต่อสู้ครั้งใหญ่ยากจะหลีกเลี่ยง!
……………..