เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 368 ตงฟางเมิ่งตายแล้ว
ตู้ม!
จางอีเต๋อโกรธจริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่ล้อเล่นกันเท่านั้น แต่ปล่อยหมัดโจมตีไปยังเย่เทียนเฉินจริงๆ พลังพิเศษผันผวนดุดันรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง เย่เทียนเฉินทำได้เพียงหลบไม่หยุด ไม่ได้ตอบโต้
ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินไม่เข้าใจอารมณ์ของจางอีเต๋อ หลานสาวของจางอีเต๋อเสียสละเพื่อตน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว การจากไปของจางรั่วถง ทำให้ในใจของเย่เทียนเฉินรู้สึกตำหนิตนเองเช่นกัน เดิมทีตระกูลจางก็เหลือแค่จางอีเต๋อและจางรั่วถงสองคน พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด ตอนนี้เพราะตนเองจางรั่วถงจึงไปจากบ้านตระกูลจาง เรียกได้ว่าไปจากสถานที่ที่ทำให้เสียใจ ส่วนจางอีเต๋อก็ต้องอยู่เพียงลำพัง อารมณ์จะต้องไม่ดีแน่นอน ทั้งยังเป็นห่วงหลานสาวของตนมากด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันรุนแรงของจางอีเต๋อ เย่เทียนเฉินก็หลบไม่หยุด เขาไม่ได้ตอบโต้ เพียงดูการโจมตีของจางอีเต๋อและพยายามไม่เข้าไปใกล้ตงฟางเมิ่งอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้ตงฟางเมิ่งลมหายใจแทบจะขาดห้วงอยู่แล้ว พลังต้นกำเนิดที่ดำรงอยู่ในร่างกายก็อ่อนแอมาก หากได้รับบาดเจ็บอีกแม้เพียงครึ่งส่วน ไม่ต้องพูดถึงบาดเจ็บเลย เพียงแค่ถูกกระทบเล็กน้อยก็อาจจะสิ้นชีพได้ ก็เหมือนกับที่จางอีเต๋อกล่าว ดูเหมือนตงฟางเมิ่งจะไม่มีทางช่วยแล้ว
ตู้ม!
ถึงแม้จางอีเต๋อจะพูดแบบนี้แต่เย่เทียนเฉินก็ยังไม่ยอมแพ้ ประการแรกเป็นเพราะความรับผิดชอบ เขารับปากท่านผู้นำสูงสุดแล้วว่าจะปกป้องตงฟางเมิ่ง เย่เทียนเฉินเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น หากตงฟางเมิ่งตายเขาคงรู้สึกผิด ประการที่สองเป็นเพราะเขารู้สึกว่าตงฟางเมิ่งนั้นแม้จะเย็นชาอยู่บ้าง แต่ก็มีจิตใจดี ต้องการก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธแห่งพรรควรยุทธโบราณเพื่อลดการนองเลือดในยุทธภพลงบ้าง ผู้หญิงแบบนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกนับถือ
ฝีมือของจางอีเต๋อแข็งแกร่งมาก หากเย่เทียนเฉินเอาแต่หลบไม่ตอบโต้คงยืนหยัดได้ไม่นาน ดังนั้นหลังจากหลายกระบวนท่าผ่านไป เย่เทียนเฉินก็ถูกฝ่ามือซัดเข้าที่ไหล่ ทั้งร่างกระเด็นไปชนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง ทำให้ต้นไม้ด้านหลังสั่นสะเทือน เห็นได้ว่าจางอีเต๋อไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ ซัดไปอย่างแรงทีเดียว
“ถ้านายยังไม่ตอบโตอีกฉันจะฆ่านายแน่!” จางอีเต๋อมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างเย็นชา
“ผู้เฒ่าครับ ผมรู้ว่าคุณโกรธมาก แต่ผมตอบโต้ไม่ได้เพราะผมเคารพคุณ!” เย่เทียนเฉินมองจางอีเต๋อแล้วพูดอย่างจริงจัง
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินจริงจังมาก ไม่ได้เสแสร้งอะไรทั้งนั้น ในใจเขาเคารพจางอีเต๋อมากจริงๆ ถึงแม้ในยามปกติเย่เทียนเฉินจะดูพึ่งพาไม่ได้ แต่ก็รู้สึกว่าจางอีเต๋อเป็นผู้อาวุโสที่ดูถูกไม่ได้ท่านหนึ่งมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝีมือความสามารถที่แข็งแกร่งหรือวิชาแพทย์อันสูงส่ง อีกทั้งยังมีจิตใจเมตตากว้างขวาง ได้รับการขนานนามว่าเซียนแพทย์เทวะก็ไม่เกินไป บนโลกใบนี้ หากจะหาคนที่มีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้และเป็นคนที่มีคุณธรรมของแพทย์อยู่นั้น หาได้ยากมากจริงๆ
ในตอนที่สนทนากับจางอีเต๋อ เย่เทียนเฉินก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ดังนั้นในใจจึงรู้สึกซาบซึ้งต่อจางอีเต๋อมาก และเคารพผู้อาวุโสที่มีอายุเกือบ 100 ปีคนนี้ด้วย
“งั้นเหรอ? งั้นฉันจะฆ่านายซะ!” จางอีเต๋อชะงักไปครู่หนึ่ง พลังพิเศษในฝ่ามือทั้งสองพลุ่งพล่านยิ่งขึ้น ทั่วทั้งร่างไม่มีส่วนใดที่เหมือนกับคนชราอายุเกือบ 100 ปีเลย เมื่อเคลื่อนไหวขึ้นมาก็ไม่แตกต่างอะไรจากเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีโดยสิ้นเชิง
เย่เทียนเฉินหลบไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถขวางการโจมตีอันบ้าคลั่งที่จู่โจมมาเต็มกำลังของจางอีเต๋อได้ เขาทำได้เพียงหลบเท่านั้น กระทั่งลงมือขัดขวางก็ยังไม่ทำ นี่เป็นเรื่องยากลำบากมาก จางอีเต๋อเป็นยอดฝีมือระดับสูงคนหนึ่ง ความสามารถของเย่เทียนเฉินยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นที่อาศัยแค่เพียงการหลบเลี่ยงก็จะทำให้จางอีเต๋อไม่อาจทำร้ายตนเองได้
พลั่ก!
ฝ่ามือของจางอีเต๋อโจมตีโดนอีกครั้งแล้ว คราวนี้เย่เทียนเฉินกระเด็นออกไปชนกับก้อนหินในลายก้อนหนึ่ง ทำให้ก้อนหินแตกกระจุยเป็นผง มุมปากมีเลือดไหลออกมา ลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ยังคงมองไปยังจางอีเต๋อด้วยท่าทีสงบนิ่ง
จางอีเต๋อเห็นเย่เทียนเฉินไม่ลงมือตอบโต้จริงๆ จึงกำหมัดขวาแน่น มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยสีหน้าโกรธเคืองแล้วกล่าวว่า “นายคิดจะตายจริงๆ เหรอ?”
“ผู้เฒ่าครับ ผมเพียงหวังว่าคุณจะช่วยเธอสักหน่อย เรื่องของรั่วถงผมเองก็รู้สึกผิดมาก แต่ผมรับประกันได้ หากเธอเต็มใจ ผมจะดูแลเธอไปชั่วชีวิต!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
“หึ ดูท่านายจะมีใจให้ผู้หญิงคนนี้ ฉันจะวางใจมอบรั่วถงให้นายดูแลได้ไง…” จางอีเต๋อมองไปที่ตงฟางเมิ่ง พูดออกมาอย่างไม่เชื่อเย่เทียนเฉิน
“ผู้เฒ่าครับ…”
“นายไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ถ้ายังไม่ไปอีก อย่ามาหาว่าฉันลงมือฉันไม่ไว้ไมตรี!” จางอีเต๋อขัดคำพูดเย่เทียนเฉินพูดขึ้นอย่างดุดัน
“ผมไปได้ แต่บนโลกใบนี้ คนที่จะช่วยเธอได้มีเพียงคุณคนเดียว ดังนั้นผมหวังว่า…” เย่เทียนเฉินยังไม่คิดจะยอมแพ้ จะอย่างไรเขาก็ไม่อยากเห็นตงฟางเมิ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งตายไปแบบนี้
“ได้ ในเมื่อนายอยากช่วยเธอขนาดนี้ก็ใช้ชีวิตนายมาแลกเปลี่ยนเป็นยังไง?” จางอีเต๋อเอ่ยปากพูด
เย่เทียนเฉินตกตะลึง เขารู้สึกว่าจางอีเต๋อไม่ได้กำลังล้อเล่น แต่กำลังพูดจริง ในใจของผู้เฒ่าคนนี้มีความโกรธอยู่ เย่เทียนเฉินรู้ดี หากไม่ใช่เพราะเขาจางรั่วถงคงไม่หนีออกไปจากบ้าน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอย
“ได้รับการไหว้วานจากผู้อื่นมาย่อมต้องทำอย่างจริงใจ ในเมื่อผมรับปากท่านผู้นำสูงสุดแล้วว่าจะปกป้องตงฟางเมิ่ง ผมก็จะทำให้ได้ ถ้าฆ่าผมแล้วช่วยเธอได้ งั้นผู้เฒ่าครับ คุณก็เข้ามาเลย!” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อก็ส่ายหัว มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกไร้ค่าแทนรั่วถงจริงๆ เสียสละเพื่อนายมากขนาดนั้น งั้นให้ฉันฆ่านายตัดความคิดของเธอซะเถอะ!”
ฟิ้ว!
จางอีเต๋อกระตุ้นพลังการต่อสู้จนถึงขอบเขตสูงสุด ทะยานมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ซัดฝ่ามือไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน ไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ เขาต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินก็หลับตา ในตอนนี้เขากำลังเดิมพัน มิฉะนั้นคงไม่อาจช่วยตงฟางเมิ่งได้ และไม่อาจสลายความแค้นในใจของจางอีเต๋อได้ ทุกครั้งที่คิดถึงจางรั่วถงเขาก็รู้สึกผิดและปวดใจเช่นกัน
“หยุดมือ…”
ในตอนนี้เอง บริเวณลานบ้านมีเสียงอันอ่อนแรงของตงฟางเมิ่งดังขึ้น ฝ่ามือขวาของจางอีเต๋อหยุดอยู่บนตำแหน่งหน้าอกของเย่เทียนเฉินแต่ไม่ได้ซัดลงไป จากนั้นจึงหันไปมองตงฟางเมิ่ง เย่เทียนเฉินเองก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะตื่นมาแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ
“ถ้าคุณเต็มใจจะช่วยฉันคุณก็ช่วย ถ้าไม่เต็มใจก็ช่างเถอะ แล้วยังมีนาย นายไม่รู้จักฉัน ทำไมต้องขอร้องเขาให้ช่วยฉันด้วย…” ถึงแม้ตงฟางเมิ่งจะอ่อนแรงและอาจจะตายไปดุจตะเกียงขาดน้ำมันได้ทุกเมื่อ แต่ยังคงมองเย่เทียนเฉินและจางอีเต๋ออย่างแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่นี้ตงฟางเมิ่งได้ยินและได้เห็นทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนั้นร่างกายของเธออ่อนแอกว่าตอนนี้ เหลือเพียงพลังต้นกำเนิดอยู่ในร่างกายจำนวนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะพูดก็ไม่มี ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว เพื่อที่จะช่วยตน เย่เทียนเฉินไม่เสียดายที่จะเอาชีวิตเข้าแลก ในส่วนนี้ตงฟางเมิ่งเองก็เห็นเช่นกัน เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินเป็นใคร ทำไมถึงเสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเธอโดยไม่คิดเสียดาย
“เธออย่าพูดมั่วซั่วอีก ไม่ตายหรอก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น
“ฉันไม่กลัวตาย เพียงแต่เสียดายที่ไม่ได้ทำความปรารถนาของท่านอาจารย์ให้สำเร็จ พรรคสุสานโบราณของพวกเราก็ไม่มีคนสืบทอดแล้ว…” ตงฟางเมิ่งส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
“เธอเป็นศิษย์ของพรรคสุสานโบราณเหรอ?” จางอีเต๋ออดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เดินมาเบื้องหน้าตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถาม
“มีปัญหาอะไรเหรอคะ?” ตงฟางเมิ่งยังคงถามขึ้นด้วยท่าทางเย็นชา
“เดิมทีฉันไม่อยากช่วยเธอ แต่ในเมื่อเธอเป็นศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ…”
ฟุ่บๆ จางอีเต๋อสกัดจุดลงไปบนไหล่ทั้งสองของตงฟางเมิ่งโดยพลัน ตงฟางเมิ่งสลบไป เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นก็ตกตะลึง ไม่รู้ว่าจางอีเต๋อหมายความว่าอย่างไร ในตอนที่กำลังคิดจะเอ่ยปาก ไหนเลยจะรู้ว่าจางอีเต๋อกลับหันมามองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันฆ่าเธอแล้ว นายยังอึ้งอะไรอยู่ ช่วยฉันย้ายศพเธอไปในห้องยาซะ!”
สามวันสามคืนแล้วที่เย่เทียนเฉินไม่ได้ไปจากบ้านตระกูลจางและไม่ได้ลงมือกับจางอีเต๋อ ส่วนจางอีเต๋อก็ไม่ได้ลงมือกับเขา ยามค่ำคืนหนาวเย็นดุจสายน้ำ เย่เทียนเฉินถือกาน้ำชานั่งอยู่บนเก้าอี้หินในลานบ้านตระกูลจางอยู่เช่นนั้น มองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า เขาพลันขมวดคิ้วขึ้นมา พบว่าไม่เห็นดาวจักรพรรดิแล้ว นี่เป็นดาวที่ควรจะอยู่ใกล้ดาวโลกมากที่สุดถึงจะถูก ในตอนที่เย่เทียนเฉินได้รู้ถึงความลึกลับของดาวจักรพรรดิ ทุกคืนก็จะจ้องมองไปยังดาวจักรพรรดิ อยากจะเห็นว่าดาวจักรพรรดิมีอะไรแตกต่างไปกันแน่ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าสักวันหนึ่งจะไปยังดาวจักรพรรดิเพื่อตามหาความลับของการมีอายุยืนยาว
ไหนเลยจะรู้ว่าคืนนี้ถึงกับหาดาวจักรพรรดิไม่เจอ เหมือนกับหายไปจากจักรวาลอย่างไรอย่างนั้น ความจริงนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจมาก
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เย่เทียนเฉินก็ยืนขึ้น หลับตาทั้งสองลง พริบตาเดียวก็ลืมตาขึ้น ในดวงตาทั้งสองมีประกายแสงส่องออกมา นี่เป็นเพราะเขารวบรวมพลังพิเศษเอาไว้บริเวณดวงตา ทำให้สามารถมองได้ไกลมาก หากไม่ใช่เพราะเพิ่งจะใช้เนตรประกายทองไปและไม่กล้าใช้อีกครั้งในเวลารวดเร็วเช่นนี้ เกรงว่าเย่เทียนเฉินคงใช้เนตรประกายทองมองให้ถึงที่สุดไปแล้ว เพียงแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เย่เทียนเฉินก็ยังหาดาวจักรพรรดิในท้องฟ้าไม่เจอ รู้สึกว่าต้องมีลับลมคมในอยู่จริงๆ
“ไม่ต้องดูแล้ว ฉันสังเกตคนมามากมายจนรู้ว่าทุกช่วงเวลาหนึ่งดาวจักรพรรดิจะหายไป แปลกมาก!” ตอนนี้เอง จางอีเต๋อเดินออกมาจากในห้องยา มองดวงตาทั้งสองของเย่เทียนเฉินที่กำลังมีประกายลุกโชน จึงรู้ว่าเขากำลังหาอะไรอยู่
“ผู้เฒ่าครับ ทำไมดาวจักรพรรดิถึงหายไปในอากาศได้ นี่เป็นดาวดวงหนึ่ง ไม่แตกต่างอะไรจากดาวดวงอื่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าระยะห่างของช่วงเวลาทุกครั้งที่ดาวจักรพรรดิหายไปล้วนไม่แน่นอน แปลกมากจริงๆ ในเมื่อถูกเรียกว่าดาวจักรพรรดิ ฉันคิดว่าดาวดวงนี้ต้องมีส่วนพิเศษอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนที่มีอายุยืนยาวเป็นอมตะอยู่จริงๆ ก็ได้ อยากจะเห็นจริงๆ …” จางอีเต๋อมองไปยังดาวจักรพรรดิแล้วพูดขึ้น
“ดาวจักรพรรดิ การดำรงอยู่ของคนที่มีอายุยืนยาวเป็นอมตะ จะต้องมีสักวันหนึ่งที่จะต้องซ่อมแซมค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้องไปดูให้ได้!” เย่เทียนเฉินตื่นตะลึงอยู่ในใจ คิดอย่างเด็ดเดียว
……….