เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 372 พรรคท่องกระบี่
เย่เทียนเฉินที่แบกตงฟางเมิ่งอยู่บนหลังร่วงลงสู่พื้น ชั่วขณะที่เขาลงถึงพื้นก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของการเคลื่อนไหวรอบๆ แม้แต่น้อย และไม่มีเสียงร้องของสัตว์กลางคืนอีกด้วย เงียบจนเหมือนกับสรรพสิ่งล้วนตายไปหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น น่าแปลกมากจริงๆ
ดวงตาทั้งสองอัดแน่นไปด้วยพลังพิเศษ อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมี 1000 เมตรรอบๆ ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นสำหรับเย่เทียนเฉินแล้ว ช่วงเวลากลางคืนไม่ต่างอะไรจากช่วงเวลากลางวัน สำหรับยอดฝีมือจำนวนมาก การต่อสู้ในยามค่ำคืนไม่แตกต่างอะไรจากเรื่องปกติการ ต่อสู้ของยอดฝีมือไม่แบ่งแยกกลางคืนกลางวัน ถ้าหากกระทั่งจุดนี้ก็ทำไม่ได้ก็ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว
รอบๆ มีสิ่งต่างๆ มากมาย แต่เย่เทียนเฉินยังคงไม่พบส่วนที่ไม่ถูกต้องอะไรจึงทำให้เกิดความรู้สึกสงสัยมากขึ้น เพราะเหตุใดป่าแห่งนี้จึงเหมือนกับตายไปแล้ว? จะต้องมีอะไรไม่ถูกต้องแน่นอน เพียงแต่ตนยังไม่รู้เท่านั้น ดังนั้นหลังจากเย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งจึงแบกตงฟางเมิ่งเดินไปเบื้องหน้า เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเย่เทียนเฉินก็ต้องชะงัก ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องมองไปยังตำแหน่งประมาณ 1000 เมตรเบื้องหน้า พบว่าด้านหน้ามีรอยเลือดอยู่ทุกแห่ง ผืนหญ้าทั้งผืนถูกอาบยอมจนกลายเป็นสีแดงเลือดสี ต้นหญ้าที่นั่นก็เปื้อนเลือดไปหมด ดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“การต่อสู้เหรอ?” เย่เทียนเฉินคิดในใจ
ที่นี่เป็นป่าบรรพกาล คนธรรมดาจะโผล่ออกมาได้อย่างไร หรือจะเป็นการต่อสู้ของคนจากพรรควรยุทธโบราณหรือไม่ก็การต่อสู้ของสัตว์ดุร้าย? เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปช้าๆ ด้วยความสงสัยและอยากรู้ ในตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พบว่าที่นั่นมีศพนอนกองอยู่หลาย 10 ศพ ทั้งหมดถูกคนฆ่าตาย สถานที่เกิดเหตุโหดเหี้ยมจนทนมองไม่ได้ ไม่มีแม้แต่ศพเดียวที่สมบูรณ์แบบ ทุกที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนร่างกาย
เย่เทียนเฉินย่อตัวลง เก็บชิ้นส่วนศพบางอย่างขึ้นมาดู พบว่าคนที่ลงมือร้ายกาจและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ต้องเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งแน่นอน ทั้งหมดตายในการโจมตีครั้งเดียว บางคนถูกฝ่ามือโจมตีหน้าอกจนระเบิด บางคนถูกหมัดต่อยทะลุหัวใจ บางคนถูกฉีกแขนฉีกขาทั้งเป็น สรุปคือการตายของคนเหล่านี้ชัดเจนมาก พวกเขาตายด้วยการโจมตีครั้งเดียว คนที่ฆ่าพวกเขาร้ายกาจมาก
ศพหลาย 10 ศพนี้ไม่ได้สวมชุดแบบโบราณอะไร แต่สวมเครื่องแต่งกายเหมือนคนสมัยปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สามารถสัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังภายในจากบนศพของพวกเขา คนเหล่านี้ควรจะเป็นศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณถึงจะถูก และไม่รู้ว่าเป็นศิษย์ของพรรคไหน ถึงกับมีคนตายมากขนาดนี้ แถมยังตายอย่างอนาจอีกด้วย
เย่เทียนเฉินรู้ว่าพรรควรยุทธโบราณบางพรรคในปัจจุบัน ถึงแม้จะเก็บซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดกับโลกภายนอก ไม่ใช่ว่าไม่มีการติดต่อกับโลกใบนี้โดยสิ้นเชิงเพียง แต่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบ่มเพาะเท่านั้น พวกเขาหลายคนเป็นคนจากในเมือง เที่ยวเสาะหาและกราบกรานอาจารย์ ดังนั้นการแต่งกายจึงไม่ได้เป็นแบบโบราณเหล่านั้น
ทันใดนั้น เย่เทียนเฉินเห็นคนผู้หนึ่งยืนพิงบนต้นไม้อยู่ไม่ไกล เป็นคนที่ยืนอยู่บนพื้นไม่ได้ล้มลงไป นับว่าเป็นศพที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพียงแต่ถูกเผาไหม้ไปทั้งร่างคล้ายกับถูกโจมตีด้วยสายฟ้า เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปดู พบว่าคนผู้นั้นยืนพิงต้นไม้ ฝ่ามือทั้งสองยื่นออกมาด้านหน้า ถูกเผาไหม้จนตาย เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในใจคิดว่าคนแบบไหนถึงร้ายกาจขนาดนี้ได้? และเป็นเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณแบบไหนที่สร้างความร้ายกาจขนาดนี้ออกมาได้?
เมื่อเย่เทียนเฉินเดินไปถึงคนที่ถูกเผาไหม้และยืนหันหลังพิงต้นไม้ใหญ่นั้น เขาพลันต้องชะงักไป เนื่องจากต้นไม้ใหญ่หลังคนคนนี้ บริเวณที่ถูกพิงทั้งหมดถูกเผาไหม้ไปด้วยเช่นกัน กล่าวได้ว่าในตอนที่ฝ่ามือทั้งสองของคนคนนี้ปะทะกับฝ่ามือของคนอื่นทำให้เกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่ ระเบิดร่างกายจนเกิดรูทั้งเป็น และทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาหันหลังพิงอยู่นั้นเกิดการเผาไหม้
ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เย่เทียนเฉินจินตนาการถึงฉากนั้นได้เลยทีเดียว คนผู้หนึ่งสะกิดตัวกระโดดขึ้นฟ้า ใช้ฝ่ามือโจมตีมา ยอดฝีมือที่ยืนพิงต้นไม้คนนี้ถอยหลังไม่หยุด ไม่กล้าปะทะด้วย ไหนเลยจะรู้ว่าพริบตาเดียวจะถูกต้นไม้ใหญ่ด้านหลังขวางทางไว้ ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีก ทำได้เพียงใช้ฝ่ามือทั้งสองโจมตีขัดขวาง ผลก็คือไม่ใช่คู่มือของคนที่โจมตีมา ถูกระเบิดร่างกายจนไหม้ไปทั้งร่าง
“ยอดฝีมือ คนที่โจมตีพวกเขาร้ายกาจมาก!”
ในใจของเย่เทียนเฉินคิดว่า ยอดฝีมือที่สามารถโจมตีกลุ่มคนจากพรรควรยุทธโบราณที่มีฝีมือไม่อ่อนแอทั้งหมดจนตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวคนนี้ นี่ยังไม่เรียกว่าเป็นยอดฝีมืออีกหรือ? ศพศพนี้สมบูรณ์ ไม่ได้ล้มลงไป ความสามารถอาจจะสูงที่สุดในหมู่ยอดฝีมือกลุ่มนี้ แต่ยังถูกฆ่าอย่างอนาถเช่นเดียวกัน ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งมาก
คิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสถานที่นี้ไม่อาจอยู่นานได้ เย่เทียนเฉินที่แบกตงฟางเมิ่งอยู่บนหลังรีบจากไป ในตอนที่เขาเพิ่งจะจากไปไม่นาน คนสวมชุดสีดำสามคนก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ ด้านหลังล้วนมีกระบี่ยาวแขวนอยู่ สวมใส่ชุดโบราณ เพียงมองก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่มาตรวจสอบสถานการณ์ของคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ศิษย์พี่เฉินฮุย ทุกคนตายในการโจมตีเดียว!” หนึ่งคนในนั้นพูดอย่างดุดัน
“พวกเรามาช้าไป ไอ้วิปริตเถียนปอกวง พวกเราจะต้องฆ่ามันให้ได้เพื่อล้างแค้นให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ตายไป!” อีกคนหนึ่งพูดอย่างดุดันเช่นเดียวกัน
คนชุดดำที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่รองนั่งย่อตัวลงกับพื้น มองดูศพของศิษย์ในพรรคที่ตายไปเหล่านี้ สีหน้าเคร่งขรึม ไม่อาจระงับความโกรธได้ ในพรรคของตนมีหลาย 10 คนที่ไล่ตามฆ่าเถียนปอกวง แต่กลับถูกฆ่าตายอย่างอนาถทั้งหมด พวกเขามาสายไปก้าวหนึ่ง
“ตามไป มันคงยังไปได้ไม่ไกลแน่!” เฉินฮุยยืนขึ้น มองไปเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
“นี่…ศิษย์พี่รอง พวกเราไม่รู้จักเถียนปอกวง หากไล่ตามไปแบบนี้เกรงว่า…”
คนที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกมีท่าทางลังเล เนื่องจากเถียนปอกวงขึ้นชื่อว่าเป็นพวกวิปริตในโลกของวรยุทธ ข่มขืนปล้นฆ่าไปทั่ว แต่ไอ้คนวิปริตคนนี้กลับมีวรยุทธสูงส่ง ร้ายกาจเป็นอย่างมาก กระทั่งหัวหน้าพรรคก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของเขา คนต้องการฆ่าเถียนปอกวงมีมากมาย แต่คนที่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ กลับมีน้อยมาก รวมกับที่คนคนนี้เดินทางไปทั่วทั้งใต้หล้าเพียงลำพังจึงมีน้อยคนที่สามารถไล่ตามเขาได้ ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคบางพรรคต้องการฆ่าเขาจึงเป็นเรื่องยากมาก
“หรือต้องปล่อยให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องเหล่านี้ตายเปล่า?” อีกคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่เป็นไร คงจะยังไปได้ไม่ไกล ไม่นานศิษย์พี่ใหญ่คงตามทัน ด้วยวิชาบ่มเพาะของศิษย์พี่ใหญ่ เถียนปอกวงคงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครกล้าฆ่าคนของพรรคท่องกระบี่ของพวกเรามากขนาดนี้ เถียนปอกวงจะต้องตาย ในเวลาจำเป็นพวกเราจะฆ่ามันกับมือ ไม่ต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่ออกโรง!” เฉินฮุยพูดอย่างเย็นชา
อีกสองคนที่เหลือพยักหน้า ในใจของพวกเขาเองก็รู้สึกโกรธแค้นและไม่พอใจ เถียนปอกวงน่ารังเกียจเกินไปแล้วจริงๆ ทุกคนล้วนอยากฆ่าเขา แต่พวกเขาเองก็เข้าใจดี ศิษย์พี่รองเฉินฮุยและศิษย์พี่ใหญ่เสี้ยวหย่วน ทั้งสองแม้ดูผิวเผินจะอ่อนโยนแต่ความจริงในการต่อสู้พวกเขาสามารถทำได้ทุกวิถีทาง ครั้งนี้หัวหน้าพรรคท่องกระบี่บอกว่า ใครฆ่าเถียนปอกวงได้จะให้คนคนนั้นสืบทอดเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ เนื่องจากเถียนปอกวงกล้ารังแกลูกสาวของหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้นเกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสของพรรคท่องกระบี่มาพบทันเวลาและสู้กับเถียนปอกวงด้วยเคล็ดวิชากระบี่อันลึกล้ำจนมันหนีไปได้ เกรงว่าลูกสาวของหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คงถูกทำลายไปแล้ว
ไม่ได้มีเพียงศิษย์ของพรรคท่องกระบี่เท่านั้นที่ต้องการเคล็ดวิชาปราณกระบี่ กระทั่งพรรควรยุทธโบราณพรรคอื่นก็อยากได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าประวัติศาสตร์ของพรรคท่องกระบี่ยาวนาน เรียกได้ว่ามีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉิน ตอนนั้นก็มีการก่อตั้งสำนักทักในสมัยราชวงศ์ชิงแล้วเพียงแค่คำว่าตอนนั้นมีการก่อตั้งพรรคขึ้นในสมัยรราชสงศ์ฉิน เป็นหนึ่งในไม่กี่พรรคที่แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณ ในอดีต ไม่รู้ว่ามีกี่คนต้องการเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ เมื่อใช้ปราณกระบี่ออกมาจะมีพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน คำเหล่านี้มากเพียงพอที่จะอธิบายความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาปราณกระบี่ได้
ความสามารถของเฉินฮุยไม่อาจสู้เสี้ยวหย่วนได้ แต่ก็ต่างกันไม่มาก ทว่าความสุขุมของเฉินฮุยกลับลึกล้ำยิ่งกว่าเสี้ยวหย่วนเล็กน้อย เขารู้ว่าความสามารถของตนสู้เสี้ยวหย่วนไม่ได้ หากต้องการสู้กันถึงขั้นเป็นตายจริงๆ คนแพ้อาจเป็นเขา ดังนั้นคราวนี้จึงพาคนไล่ฆ่าเถียนปอกวงมาก่อน หวังว่าเมื่อฆ่าเถียนปอกวงได้แล้วจะได้รับเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่มา หากฆ่าไม่ได้ เชื่อว่าเมื่อเสี้ยวหย่วนลงมือ เขาก็ยังมีไพ่ตายอยู่
ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่อีกสองคนที่ติดตามเฉินฮุยมาเพื่อฆ่าเถียนปอกวงนั้น แม้จะรู้ว่าเฉินฮุยมีแผนการ และรู้ว่าความคิดความสุขุมของเฉินฮุยลึกล้ำ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงตามเฉินฮุยออกมา ประการแรกเป็นเพราะนี่เป็นคำสั่งของหัวหน้าพรรค ประการที่สองเป็นเพราะเฉินฮุยอาจได้รับเคล็ดวิชาปราณกระบี่มาจริงๆ หรือกระทั่งอาจได้เป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ ดังนั้นแม้หัวหน้าพรรคท่องกระบี่จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนแต่ก็หมายความเช่นนั้น นั่นก็คือ ใครฆ่าเถียนปอกวงได้ ไม่เพียงแต่จะได้รับเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ แต่ยังอาจจะได้เป็นลูกเขยของหัวหน้าพรรคอีกด้วย หัวหน้าพรรคท่องกระบี่มีลูกสาวคนเดียว หากได้กลายเป็นลูกเขยของเขา ภายภาคหน้าจะต้องได้รับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคแน่นอน เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคท่องกระบี่
ในหมู่พรรควรยุทธโบราณ พรรคท่องกระบี่นับเป็นพรรคที่แข็งแกร่งมากพรรคหนึ่ง เนื่องจากเคล็ดวิชาท่องกระบี่สืบทอดกันมานาน เรียกได้ว่ามีวิชาการท่องกระบี่มาตั้งแต่สมัยยุคราชวงศ์ฉินแล้ว ผ่านการสืบทอดและพัฒนามาหลายพันปีจนแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ครับ!”
เฉินฮุยศิษย์อันดับสองของพรรคท่องกระบี่พาศิษย์อีกสองคนไล่ตามเถียนปอกวงไป ส่วนเย่เทียนเฉินในตอนนี้กำลังแบกตงฟางเมิ่ง อยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง รวบรวมพลังพิเศษไว้ที่ดวงตาทั้งสอง กำลังตามหาสถานที่ที่อาจจะมีพรรคสุสานโบราณอยู่ ถึงแม้จะมั่นใจว่าพรรคสุสานโบราณต้องอยู่ในแนวเขาฉินหลินส่วนกลาง และควรจะอยู่ในขอบเขตนี้ แต่หากจะหาจริงๆ ยังคงเป็นเรื่องยาก เย่เทียนเฉินทำได้เพียงอาศัยการตัดสินใจตามสัญชาตญาณของตนเท่านั้น เนื่องจากตงฟางเมิ่งที่อยู่บนหลังของเขายังคงอยู่ในสภาพสลบไสลไม่ได้สติ ยังมีเวลาอีก 10 วัน แม้จางอีเต๋อจะบอกวิธีการปลุกตงฟางเมิ่งแก่เขาแล้ว เผื่อในกรณีที่เข้าไปถึงพรรคสุสานโบราณและหาเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายพบก่อนตงฟางเมิ่งตืน แต่เมื่อตงฟางเมิ่งตื่นมา หากไม่รีบฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยก เธอก็จะตายโดยไม่ต้องสงสัย