เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 382 ดอกไม้ดอกหนึ่ง
พรรควรยุทธโบราณตั้งอยู่ในภูเขาแห่งหนึ่ง เมื่อเย่เทียนเฉินแบกตงฟางเมิ่งเดินเข้าไปในพรรคก็พบว่ามีห้องที่เป็นสุสานโบราณอยู่จำนวนมาก ห้องหินเหล่านี้ไม่ได้แยกกันอยู่ แต่อยู่รวมกันเหมือนห้องพักอย่างไรอย่างนั้น ต่อกันยาวเป็นทอด ด้านใต้ของสุสานโบราณอันกว้างใหญ่แห่งนี้ถึงกับมีอุโมงค์น้ำแข็งอยู่แห่งหนึ่ง ด้านในมีน้ำแข็งหมื่นปีอยู่ซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดกาล แต่ที่ทำให้เย่เทียนเฉินแปลกใจก็คือ หลังจากที่เข้าไปในอุโมงค์น้ำแข็ง เขาก็ยากที่จะต่อต้านไอเย็นอันเข้มข้นด้านในได้ ความเย็นเช่นนั้นสามารถทำให้ผู้ถูกแช่แข็งไปถึงกระดูกได้เลยทีเดียว น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังพบโลงศพน้ำแข็งโลงบิรเวณหนึ่งใจกลางอุโมงค์น้ำแข็ง ในโลงศพมีคนอยู่สองคน นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว สองคนนี้เป็นใครกันกันแน่?
จากสิ่งที่เย่เทียนเฉินได้รู้มาจากจางอีเต๋อ พรรคสุสานโบราณก่อตั้งขึ้นเมื่อ พันปีที่แล้ว และเรียกได้ว่าที่นี่ถูกผู้หญิงที่ก่อตั้งพรรควรยุทธโบราณครอบครองแล้ว นี่เป็นผู้หญิงยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่เย่เทียนเฉินรู้สึกนับถือเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่เพราะผู้หญิงคนนี้สร้างเคล็ดวิชาฝึกฝนกำลังภายในที่เทียบได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเท่านั้น แต่ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่และนิสัยตรงไปตรงมาของผู้หญิงคนนี้ยังทำให้เย่เทียนเฉินอดนับถือไม่ได้
ดังนั้นผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมให้มีศพหลงเหลืออยู่ในพรรคสุสานโบราณแน่นอน โลงศพน้ำแข็งที่อยู่ในอุโมงค์น้ำแข็งนี้มีศพอยู่ได้อย่างไร? หรือจะเป็นผู้หญิงคนนั้นเอง? ทุกคนต่างรู้กันดีว่าผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเจ็บปวดจากความรัก ไม่ได้แต่งงานชั่วชีวิต ต่อให้เป็นเธอ จะอนุญาตให้มีคนอื่นถูกบรรจุอยู่ในโลงเดียวกับเธอได้อย่างไร?
แต่อย่างไรในเวลาสั้นๆ ก็ยังดูไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้เย่เทียนเฉินก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงอุ้มตงฟางเมิ่งกระโดดขึ้นไปบนกำแพงสูง ในตอนที่เขาตกลงสู่พื้นก็พบว่าตนถึงกับมองใบหน้าของคนทั้งสองที่นอนอยู่ด้านในโลงศพได้ไม่ชัดเจน
เพิ่งจะลงถึงพื้น เย่เทียนเฉินก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนกำลังขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไปใกล้โลงศพน้ำแข็ง นี่ทำให้เย่เทียนเฉินจำต้องกระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันในร่างกายของตนขึ้นมาสกัดเอาไว้แล้วเดินไปเบื้องหน้า เขารู้สึกได้ว่าเปลืองแรงมาก ในตอนที่เขาไปถึงข้างโลงศพน้ำแข็งเขาก็มีเหงื่อไหลท่วมหัว ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพที่หนาวเย็นจนเสียดแทงกระดูกเช่นนี้ ในร่างกายกลับร้อนเหมือนไฟแผดเผา เป็นเพราะพลังที่เอาแต่ใจจากด้านนอกซึ่งพุ่งออกมาจากโลงศพน้ำแข็ง หากไม่พยายามสกัดกั้นเอาไว้ เกรงว่าเย่เทียนเฉินคงตายไปนานแล้ว
ตอนนี้เย่เทียนเฉินเดินไปถึงเบื้องหน้าโลงศพน้ำแข็งแล้ว โลงศพน้ำแข็งไม่ได้ถูกผนึก ด้านในมีไอเย็นอันเข้มข้นจนทำให้เกิดหมอกเย็นบดบังใบหน้าของคนทั้งสองที่อยู่ในโลงน้ำแข็งเอาไว้ มิน่าล่ะถึงมองไม่เห็นว่าสองคนนี้มีหน้าตาอย่างไรกันแน่
“ไม่ได้เจตนารุกราน แค่อยากจะดูสักหน่อย ล่วงเกินแล้ว…”
เย่เทียนเฉินเพิ่งจะพูดจบ มือขวาก็กำแน่น ในตอนที่เขายื่นมือออกไป หมัดขวาก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ นี่เป็นเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณประเภทหนึ่ง ชื่อว่า “ดาบเพลิงผลาญ” เมื่อปีนั้นเย่เทียนเฉินได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่ใช้วิชา “ดาบเพลิงผลาญ” ผู้หนึ่ง ทำให้เขาได้รียนรู้ถึงความมหัศจรรย์นี้มา ถึงแม้ยังไม่อาจใช้ได้โดยสมบูรณ์ เทียบกับยอดฝีมือระดับสูงคนนั้นไม่ได้ แต่ก็มีพลังอำนาจอยู่บ้าง ดังนั้นครั้งนี้เขาคิดอยากจะดูใบหน้าของคนทั้งสองที่อยู่ในโลงศพน้ำแข็งให้ชัดเจนจึงตัดสินใจใช้ “ดาบเพลิงผลาญ” ออกมา
ฟู่!
เปลวเพลิงกองใหญ่กวาดผ่านด้านบนของโลงศพน้ำแข็ง เย่เทียนเฉินไม่ได้คิดจะรุกรานคนทั้งสองที่นอนอยู่ในโลงศพ แค่เพียงให้เปลวเพลิงผ่านไปด้านบนเท่านั้น จากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปในโลงศพน้ำแข็ง หวังว่าจะเห็นใบหน้าของคนทั้งสองให้ชัดเจน
ในตอนที่เย่เทียนเฉินใช้ “ดาบเพลิงผลาญ” กำจัดหมอกที่ลอยอยู่เหนือโลงศพน้ำแข็งออกไปได้ชั่วคราว ชั่วขณะนั้นเขาก็มองเห็นใบหน้าของคนทั้งสองที่อยู่ในโลงศพได้อย่างชัดเจนแล้ว ทว่าเย่เทียนเฉินกลับต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก ขมวดคิ้วแน่น เผยท่าทางยากจะเชื่อออกมา เนื่องจากจะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนทั้งสองที่นอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็งจะไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เลย ศพไม่มีร่องรอยการเน่าเปื่อยแม้แต่น้อย แต่ที่ทำให้เขาตื่นตะลึงมากที่สุดก็คือ คนที่นอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็งเป็นวัยรุ่นทั้งสองคน คนที่นอนอยู่ทางขวามือก็คือผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณ ผู้หญิงมหัศจรรย์คนนั้นเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่า…”
ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินรู้สึกคล้ายจะเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาก แต่ยังคงมีความสงสัยอย่างยิ่งยวด เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริงที่คิดได้ในใจ มือขวาของเย่เทียนเฉินจึงยื่นเข้าไปในโลงศพน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว หยิบหยกพกด้านในออกมา มือขวาของเย่เทียนเฉินถูกแช่แข็งไปแล้ว เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจึงรีบโคจรพลังพิเศษภายในร่างกายเพื่อกำจัดไอเย็นที่มือขวาออกไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังกอดตงฟางเมิ่งอยู่ในอ้อมกอด เขากลัวว่าตงฟางเมิ่งจะถูกแช่แข็งจนตาย ถ้าเช่นนั้นคงตลกมาก
เย่เทียนเฉินมองหยกพกในมือขวา วางมันลงบนมือ พบว่าบนหยกมีตัวอักษรเล็กๆ สลักอยู่แถวหนึ่ง ด้านบนเหมือนจะบันทึกชื่อของคนทั้งสองที่อยู่ในโลงศพน้ำแข็งเอาไว้
“โลงศพร่วมของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณและหัวหน้าพรรครุ่นที่สองของสำนักฉวนเจิน…”
เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะอ่านตัวอักษรเหล่านี้ออกมา ในใจรู้สึกตื่นตะลึงอย่างยิ่ง จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนทั้งสองที่อยู่ในโลงศพน้ำแข็งจะเป็นผู้หญิงที่เป็นคนก่อตั้งพรรคสุสานโบราณและหัวหน้าพรรครุ่นที่สองของสำนักฉวนเจิน แต่เหตุใดพวกเขาจึงได้ดูหนุ่มสาวขนาดนี้?
ที่แท้บนหยกพกบันทึกทุกสิ่งเอาไว้แล้ว ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณก็คือผู้หญิงยอดเยี่ยมคนนั้น ในตอนที่คนที่ตนรักได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักฉวนเจิน เธอก็ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณขึ้นมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป พรรคสุสานโบราณและสำนักฉวนเจินก็มีเพียงภูเขาลูกเดียวขวางกั้น ความรู้สึกโกรธแค้นในตอนแรกก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา สุดท้ายผู้หญิงคนนี้กับผู้ชายที่เธอรักล้วนเป็นคนที่มีชีวิตอยู่มาครึ่งร้อย ทั้งสองจากเดิมทีที่มองกันโดยมีภูเขาขั้นกลางทุกค่ำคืน สุดท้ายจึงมาพบหน้า พูดคุยกันถึงเรื่องคุณธรรม วรยุทธ จนกระทั่งเรื่องของชีวิต ต่างรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก ส่วนความรู้สึกที่อยู่ในใจคนทั้งสองก็เก็บฝันมันเอาไว้ด้วยกัน จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นหัวหน้าพรรคที่สูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีอายุมาถึงขนาดนี้แล้ว หากข่าวที่ว่าอยากอยู่ด้วยกันแพร่ออกไป เกรงว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะจนฟันร่วง ไม่ดีต่อชื่อเสียงของพรรคตนเองยิ่งนัก
จากสถานการณ์ที่ได้อ่านในบันทึกบนหยกพก เห็นได้ว่าผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณในวัยชราและผู้ชายที่เธอรักอย่างลึกซึ้งต่างมีความสุขเป็นอย่างมาก ค่อยๆ แก่เฒ่าไป พูดคุยเกี่ยวกับวรยุทธและชีวิตไป สามีภรรยาที่แท้จริงก็เพียงเท่านี้เอง ถึงแม้จะไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจน แต่ในใจของทั้งสองก็มีความสุขและพึงพอใจมาก ส่วนเรื่องบุญคุณความแค้นในกาลก่อนก็หายไปราวหมอกควัน ตอนนั้นแต่ละฝ่ายล้วนมีความลำบากใจและความคิดของตน ถามหน่อยว่าใครอยากละทิ้งครอบครัวละทิ้งอาจารย์ของตนบ้าง ใครอยากละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปตามหาความรักบ้าง?
ในตอนที่ชีวิตใกล้จะร่วงโรย ทั้งสองคิดว่าเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันน้อยมาก ถ้าเช่นนั้นก็อยากตายไปด้วยกัน แต่พวกเขาสองคนมีฐานะเป็นหัวหน้าพรรค หากต้องการตายด้วยกันจะง่ายเช่นนั้นหรือ? จินตนาการได้เลยว่า หากหัวหน้าพรรคของพรรคหนึ่งตายไป กระทั่งศพก็ไม่พบ เกรงว่าพรรคนั้นจะออกตามหาอย่างบ้าคลั่งแน่นอน และพวกเขาก็ไม่สามารถบอกคนของพรรคตนเองได้ว่าอยากจะฟังศพไว้ด้วยกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดออกไปได้
สุดท้ายพวกเขาสองคนจึงคิดวิธีขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง นั่นก็คือเลือกอุโมงค์น้ำแข็งในพรรควรยุทธโบราณเป็นที่ฝังศพของคนทั้งสอง ในขณะเดียวกันเจ้าสำนักฉวนเจินก็ตามหา “ย้อนคืนวสันต์” มาได้ นี่เป็นยาพิษอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อได้รับพิษ “ย้อนคืนวสันต์” เข้าไปก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผลของ “ย้อนคืนวสันต์” ก็คือจะทำให้คนชรากลายเป็นเด็กอายุ 20 ปีในพริบตา นี่คือที่มาของชื่อ “ย้อนคืนวสันต์”
วันนั้นเป็นเช้าที่งดงามอากาศดี เจ้าสำนักฉวนเจินประกาศว่าเขาจะออกไปท่องเที่ยว หากไม่ได้กลับมาตามกฏที่บัญญัติไว้ก็ให้ผู้อื่นมารับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่สนใจเสียงคัดค้านของคนอื่น นำ “ย้อนคืนวสันต์” จากไปด้วย ไปรวมตัวกับผู้หญิงที่ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองเต็มใจจะตายด้วยกัน แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ก็รักผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ไม่อาจละทิ้งอาจารย์ที่สั่งสอนเลี้ยงดูตนได้ และไม่อาจตัดความสัมพันธ์ที่มีกับสำนักฉวนเจินไปได้
หลังจากที่เจ้าสำนักฉวนเจินไปรวมตัวกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ทั้งสองก็ไปยังสถานที่เงียบๆ แห่งหนึ่ง ไม่มีร่องรอยของผู้คน กลืน “ย้อนคืนวสันต์” ไปด้วยกัน จากนั้นก็ย้อนกลับไปสู่วัย 20 ปี บุรุษยอดเยี่ยมสตรีงดงาม นับเป็นคู่สร้างคู่สมฟ้าประทานอย่างแท้จริง ตอนนี้ทั้งสองกุมมือกันและกัน เสพสุขวันสุดท้ายที่เหลืออยู่ด้วยกัน นี่เป็นวันเวลาที่มีความสุขที่สุดในชั่วชีวิตของพวกเขา สุดท้ายทั้งสองก็ตายไปด้วยกัน จับมือกันจากโลกนี้ไป
ในเวลาหนึ่งวัน พวกเขาไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย ไปดูทิวทัศน์ที่งดงามมากมาย ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเวลาของตนเหลือไม่มากแล้ว ทั้งสองสามารถมีความสุขในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตได้ และได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว คนหนึ่งคือผู้หญิงยอดเยี่ยมที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณใน ยามชรายังได้สร้างคัมภีร์ดรุณีหยกขึ้นมาด้วย ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนกำลังภายในที่ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถูกเรียกว่าเป็นผู้หญิงยอดเยี่ยมที่หาได้ยากในโลกหล้าก็ไม่เกินไป อีกคนหนึ่งคือเป็นสาเหตุที่ทำให้พรรคสุสานโบราณได้ก่อตั้งขึ้น เป็นยอดฝีมือของสำนักฉวนเจินที่หาได้ยากราวปุยเมฆ ผู้ก่อตั้งสำนักฉวนเจินเคยประกาศว่าตนเป็นหนึ่งในใต้หล้า ฉายานี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีกี่คนที่ทำได้? สำนักที่เขาตั้งขึ้นจนกระทั่งวันนี้ก็ยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก วรยุทธที่ผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้าหลงเหลือเอาไว้จะต้องร้ายกาจเป็นอย่างมากแน่นอน แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของทั้งสอง ต่างทำเพื่อความรักของตน ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มุ่งหน้าสู่น้ำพุเหลืองด้วยกัน ความรักเช่นนี้เกรงว่าต้องใช้คำว่า “ยิ่งใหญ่” มาบรรยายเท่านั้น
“ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด ใยยอมมอบแก่กันด้วยชีวิต…”
หลังจากอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้บนหยกพกเรียบร้อย เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะท่องกลอนบทนี้ออกมาอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ มีเพียงกลอนสองประโยคนี้เท่านั้นที่จะบรรยายอารมณ์ของเขาได้ หญิงหนึ่งชายหนึ่ง ล้วนเป็นผู้มีความสามารถในด้านการเรียนรู้วรยุทธจนเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากยิ่งในยุทธภพ สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ชื่อเสียง ไม่ใช่การเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่กลับทำทุกวิถีทางเพื่อได้อยู่ด้วยกัน ตายด้วยกัน งดงามเพียงใด!