เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 397 นี่ต้องการต่อต้านสวรรค์หรือ
เย่เทียนเฉินฆ่าพวกเฉินฮุยซึ่งเป็นคนของพรรคท่องกระบี่ไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีก แต่กลับไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคท่องกระบี่ซึ่งก็คือเซียวหย่วนที่ดูเหมือนเป็นคนซื่อตรงแต่กลับปิดซ่อนความคิดได้อย่างลึกล้ำกำลังตามมาฆ่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นพลังบ่มเพาะของเขาก็ไปถึงขอบเขตนักรบจอมราชันขั้นกลางค่อนไปทางขั้นสุดท้ายแล้วด้วย แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ขอบเขตความสามารถสูงกว่าเย่เทียนเฉินเสียอีก เกรงว่าจะด้อยกว่าหลี่ชิวสุ่ยไม่เท่าไหร่ เซียวหย่วนเป็นคนที่เจ้าแผนการคนหนึ่ง เก็บซ่อนแผนการของตนมาหลายสิบปี ครั้งนี้ศิษย์น้องเล็กถูกเถียนปอกวงหยอกล้อ อาจารย์โกรธหนักจนตามฆ่าเถียนปอกวงไปทั่วทุกมุมโลก แล้วยังให้คำสัญญาหนักแน่นว่า หากศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนใดนำหัวของเถียนปอกวงกลับมาที่พรรคท่องกระบี่ได้ก็จะให้สืบทอดเคล็ดปราณกระบี่ลับของพรรคท่องกระบี่ และยังอาจจะได้แต่งงานกับลูกสาวของตน หากเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนใหม่จะหลุดมือไปไหนได้
เซียวหย่วนเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคท่องกระบี่ ความประทับใจที่ทุกคนมีต่อเขาคือซื่อตรงจริงใจ ขยันหมั่นเพียรตั้งใจฝึกฝน หลายคนจึงชอบเซียวหย่วนมาก รู้สึกว่าเขาดูไปแล้วก็มีความจริงใจอยู่มาก ไม่เคยชิงอำนาจชื่อเสียง และดูเหมือนจะไม่เคยคาดหวังในตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่มาก่อน แต่ผู้ชายเช่นนี้กลับซ่อนงำมานานหลายปี กระทั่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ก็ถูกเขาหลอก คนเช่นนี้อย่างน่ากลัวกว่าคนถ่อยนับ 100 เท่า เพราะเป็นพวกเสแสร้งไม่จริงใจ
การตามฆ่าเถียนปอกวงในครั้งนี้ เซียวหย่วนรู้ว่าโอกาสที่ตนรอคอยมาถึงแล้ว ก่อนหน้านี้เขามองออกว่าท่านอาจารย์ยังอายุน้อย คงไม่มีความคิดที่จะเกษียณ ต่อให้แสดงท่าทางดีอย่างไรก็ได้รับคำชื่นชมในใจท่านอาจารย์เท่านั้น และอาจถูกเลือกให้เป็นตัวเลือกหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนใหม่เท่านั้น ส่วนเขาเซียวหย่วนเดิมทีก็มีฐานะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคท่องกระบี่อยู่แล้ว เป็นตัวเลือกที่รอจะเป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนใหม่อยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในสามัญสำนึก ไม่จำเป็นต้องจงใจแสดงออก
แต่ครั้งนี้เรื่องราวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ท่านอาจารย์ใกล้จะเข้าไปนอนในโลงแล้ว ทั้งยังไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวซึ่งก็คือศิษย์น้องเล็กคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ศิษย์น้องเล็กจะมีพรสวรรค์สูงส่ง มีการบ่มเพาะไม่ด้อย แต่จะอย่างไรก็เป็นผู้หญิง หากต้องการรับช่วงเป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนต่อไปยังคงลำบากอยู่มาก ดังนั้นวิธีเดียวก็คือรับลูกเขยมาคนหนึ่ง ให้ลูกเขยเป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนใหม่
หัวหน้าพรรคทองกระบี่ถึงวัยที่จะเข้าไปนอนในโลงแล้ว นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือ ครั้งนี้เถียนปอกวงถึงกับกล้ามาล่วงเกินลูกสาวหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ถึงในพรรค นี่นับเป็นความอัปยศสูงสุดของพรรคท่องกระบี่และทำให้หัวหน้าพรรคท่องกระบี่โกรธเกรี้ยว ต้องการใช้โอกาสนี้สรรหาคนที่ตนต้องใจเพื่อมารับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่และสืบทอดเคล็ดปราณกระบี่ลับ ในจุดนี้ไม่ได้มีเพียงเฉินฮุยและเซียวหย่วนสองคนที่เข้าใจ แต่ลูกศิษย์คนอื่นๆ ในพรรคท่องกระบี่ก็รู้เจตนาของท่านอาจารย์เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่มีความสามารถเช่นนั้น พลังบ่มเพาะของเถียนปอกวงอย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตนักรบจอมราชันขั้นกลาง คนในพรรคท่องกระบี่ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเถียนปอกวงได้ นอกจากเซียวหย่วนแล้วก็เกรงว่าจะมีเพียงเฉินฮุยเท่านั้น ดังนั้นการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่จึงเกิดขึ้นระหว่างเฉินฮุยและเซียวหย่วน
ในตอนที่ท่านอาจารย์มีคำสั่งลงมา สิ่งที่ทำให้ศิษย์แห่งพรรคท่องกระบี่ทั้งหมดคิดไม่ถึงก็คือ เซียวหย่วนจะถึงกับมีเจตนายอมถอยด้วยตัวเอง ไม่ได้ตามไปฆ่าในทันที แต่กล่าวกับท่านอาจารย์ ศิษย์น้องเล็กและศิษย์พี่ศิษย์น้องของพรรคท่องกระบี่ทั้งหมดว่า “ครั้งนี้เถียนปอกวงกล้ามาล่วงเกินศิษย์น้องเล็กถึงพรรคเรา ฉันขอรับประกันกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ว่า ฉันจะต้องฆ่าเถียนปอกวงด้วยมือของตัวเองให้ได้ ส่วนเคล็ดปราณกระบี่ลับที่ท่านอาจารย์พูดถึง นั่นเป็นของที่หัวหน้าพรรคทุกท่านเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติได้รับ ฉันเซียวหย่วนรู้ตัวดีว่าความสามารถในการเรียนรู้และพรสวรรค์ของฉันไม่อาจสู้ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าหวัง เพียงแต่ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ จะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นพรรคท่องกระบี่ของพวกเราง่ายๆ แน่นอน!”
คำพูดนี้กล่าวได้อย่างฮึกเหิมยิ่งนัก ศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนอดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ร่วม กระทั่งหัวหน้าพรรคเฉินเจี้ยนซูก็อดไม่ได้ที่จะลอบผงกหัวชื่นชม เซียวหย่วนเป็นศิษย์คนแรกที่เขารับ แม้การเรียนรู้และพรสวรรค์จะไม่สูง แต่มีความพยายามและความหมั่นเพียร ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีมานี้เขาก็ช่วยตนจัดการเรื่องในพรรคท่องกระบี่มาโดยตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ไม่เพียงแต่จะต้องมีพลังบ่มเพาะสูงส่งลึกล้ำมากพอที่จะค้ำจุนพรรคได้เท่านั้น ที่สำคัญก็คือต้องทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยู่เบื้องล่างมีความสามัคคี ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ชี้นำผู้คนด้วยคุณธรรม มิฉะนั้นถ้าอาศัยเพียงความกดดันจากพลังวรยุทธอย่างเดียวคงไม่อาจอยู่ได้ยาวนาน
จะอย่างไรหลายปีมานี้ความเก็บงำและความโหดเหี้ยมของเซียวหย่วนก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาเลย มีเพียงคนสนิทหลายคนในตอนนี้เท่านั้นที่รู้จุดประสงค์และความทะเยอทะยานของเซียวหย่วน เซียวหย่วนเองก็รู้ว่าสำหรับเขา นี่เป็นโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต ขอเพียงตนฆ่าเถียนปอกวงและแก้แค้นให้เฉินฮุยที่สมควรตายได้ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ก็ต้องอยู่ในมือเขาแล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” มีศิษย์น้องคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“ตาม จะต้องฆ่าเถียนปอกวงให้ได้ และต้องแก้แค้นให้พวกศิษย์น้องรองทั้งสามคนด้วย ใช่แล้ว นายรีบกลับไปที่พรรค ไปรายงานท่านอาจารย์ซะ บอกว่าศิษย์น้องรองถูกคนชั่วทำร้าย ฉันกำลังตรวจสอบอยู่ ภายในสามวันจะกลับไปที่พรรค เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องมีศพของเถียนปอกวงหรือคนสารเลวนั่นกลับไปด้วย!” เซียวหย่วนพูดอย่างฮึกเหิมเร่าร้อน
“ครับ!”
ในตอนนี้ไหนเลยเซียวหย่วนจะมีท่าทางจริงใจซื่อตรงอยู่อีก มีรอยยิ้มชั่วร้ายเต็มใบหน้า มีท่าทางเหมือนคนถ่อยที่หาได้ยาก ความยโสโอหังแผ่ออกมาในพริบตา หากหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนปัจจุบันและศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ อยู่ที่นี่จะต้องถูกทำให้ตกตะลึงแน่นอน เนื่องจากในหลาย 10 ปีมานี้เซียวหย่วนต่างเป็นคนที่มีลักษณะซื่อสัตย์จริงใจ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเก็บงำได้ลึกล้ำยิ่งกว่าผู้ใด เป็นพวกเสแสร้งที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่ง
ตอนนี้เอง ภายในห้องหินห้องหนึ่งในพรรคสุสานโบราณ ตงฟางเมิ่งยืนอยู่ที่มุมห้อง มองภาพเบื้องหน้าจนเกือบจะร้องไห้ เพียงแต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย เพียงแค่เธอเดินไปข้างหน้าก้าวเล็กๆ เพียงก้าวเดียว พลังแห่งเส้นทางปราชญ์ก็จะโจมตีจนเธอกระเด็นออกไป พลังเช่นนี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นพลังที่เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งไม่อาจต่อต้านได้
“เดี๋ยวเดินไปข้างหน้าอีกเลยเดี๋ยวนายจะตายเอา!” ตงฟางเมิ่งทนไม่ไหวจนต้องตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน
พบว่าเย่เทียนเฉินหันฝ่ามือทั้งสองไปด้านบน สีหน้าย่ำแย่อย่างหาใดเปรียบ เรียกได้ว่าเดินเคลื่อนไปด้านหน้าได้เพียงทีละก้าวเล็กๆ ข้างกายซ้ายขวาของมีกระบี่เทพลอยอยู่ข้างละเล่ม เล่มหนึ่งคือกระบี่ไท่อา อีกเล่มหนึ่งคือกระบี่อวี๋ฉาง กระบี่เทพสองเล่มนี้ขวางพลังแห่งเส้นทางปราชญ์เอาไว้ส่วนหนึ่ง รวมกับที่กายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งจึงเดินไปด้านหน้าอย่างยากลำบากได้บ้าง ถึงแม้ระยะห่างเพียงสิบก้าวก็จะไปถึงโลงศพได้แล้ว แต่เย่เทียนเฉินเดินไป 1 ชั่วโมงกว่าก็ยังไปไม่ถึง พลังกดดันอันมหาศาลเหนือศีรษะไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับไหวจริงๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงตกใจจนตายไปแล้ว ไหนเลยจะกล้าเดินไปเบื้องหน้าอีก
ติ๋ง!
ติ๋ง!
มีเลือดสดๆ ไหลลงสู่พื้น นั่นไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นเลือดของเย่เทียนเฉินนั่นเอง เย่เทียนเฉินให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะกายเนื้อมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางประกบอยู่ซ้ายขวา เพียงแต่พลังกดดันนั้นให้ความรู้สึกมหาศาลยิ่งกว่าภูเขาไท่ซานสิบลูกเสียอีก ทำให้ผู้คนแทบจะรู้สึกพังทลาย ผิวของเย่เทียนเฉินปรากฏร่องรอยบาดเจ็บ เลือดไหลออกมาตามแขนและไหล่หยดลงสู่พื้นนี่ เป็นเพียงพลังกดดันของพลังเส้นทางแห่งปราชญ์เท่านั้น กระบี่เซวียนหยวนนั้น บนตัวกระบี่ด้านหนึ่งสลักภาพสุริยันจันทราและดวงดาว อีกด้านหนึ่งสลักภาพขุนเขาสายธารแมกไม้ใบหญ้า แปรสภาพเป็นสุริยันจันทราและดวงดาว เป็นพลังต้นกำเนิดของจักรวาล กระบี่เช่นนี้หากต้องการครอบครองคงไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องครอบครองเลย แค่ตอนนี้เย่เทียนเฉินอยากเข้าใกล้ก็เกือบจะมีอันตรายถึงชีวิตแล้ว
“ไอ้โง่ กลับมา!” ตงฟางเมิ่งตะโกน ท่าทีประดุจภูเขาน้ำแข็งที่เป็นมาโดยตลอด ในยามนี้ดวงตาอันงดงามของตงฟางเมิ่งกลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอถูกความตั้งใจแน่วแน่เช่นนี้ของเย่เทียนเฉินทำให้ซาบซึ้ง และประทับใจผู้ชายที่ดูพึ่งพาไม่ได้คนนี้ซึ่งแบกตนเองฝ่าฟันอุปสรรคร้อยพันเพื่อตามหาคัมภีร์ดารุณีหยก
คนหาใช่ต้นไม้ใบหญ้า จะได้ไรรัก ตงฟางเมิ่งในยามนี้ซาบซึ้งจริงๆ เย่เทียนเฉินที่ดูท่าทางไม่เอาไหน ดูผิวเผินมีท่าทีเหลาะแหละ แต่ก็เป็นผู้ชายคนนี้ เมื่อจริงจังขึ้นมาบรรยากาศจักรพรรดิของเขาทำให้ผู้คนต้องนับถือจริงๆ ถูกเสน่ห์ของเขาอาบย้อมจนสิ้น
“ฉันไม่ยอมตายหรอก ฉันต้องเอากระบี่เซวียนหยวนมาให้ได้ แน่นอนว่าจะไม่ยอมให้เธอที่เพิ่งได้เป็นผู้หญิงเต็มตัวต้องเป็นม่ายหรอก!”
ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเย่เทียนเฉินเต็มไปด้วยเลือด ถูกพลังกดดันของพลังเส้นทางปราชญ์อันมหาศาลกดทับ ถูกปราบปรามนสิ้น กายเนื้อเริ่มผลิแตก เลือดไหลออกมาไม่หยุด เพียงไม่นานเย่เทียนเฉินก็กลายเป็นมนุษย์เลือด โชคดีที่พลังกายพลังใจไม่เลวนัก ราวกับว่ามีเลือดไหลออกมาไม่จบไม่สิ้น แต่อย่างน้อยก็ไม่มีความรู้สึกอะไรที่มากมายเกินไปชั่วคราว
เมื่อต้องเจอกับคำพูดหยอกล้อของเย่เทียนเฉินที่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีท่าทางไม่น่าเชื่อถือ ตงฟางเมิ่งก็ไม่ได้โกรธ เธอเป็นห่วงเย่เทียนเฉินขึ้นมาจริงๆ แล้ว จ้องมองอยู่เช่นนั้น มือเล็กๆ อันขาวนวลราวกับหล่ออ่อนกุมอยู่ที่หน้าอก ทำได้เพียงอวยพรอยู่เงียบๆ หวังว่าเย่เทียนเฉินจะไม่เป็นไร ด้วยพลังการบ่มเพาะของเธอและเย่เทียนเฉินไม่สามารถสกัดกั้นพลังเส้นทางแห่งปราชญ์นี้ได้จริงๆ ดีที่กายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่ง รวมกับที่มีกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางอยู่ในมือ มิฉะนั้นเกรงว่าเขาคงกลายเป็นกองเลือดไปนานแล้ว!
กรอบ!
เย่เทียนเฉินเดินไปเบื้องหน้าอีกก้าวหนึ่ง จนถึงตอนนี้เขาห่างจากโลงศพเพียงสองก้าวเท่านั้น เพียงแต่เท้าของเขายังไม่ได้เหยียบลงไปก็รู้สึกหนักที่ไหล่จนเกิดเสียงที่ราวกับเสียงกระดูกแตกดังออกมาเบาๆ เย่เทียนเฉินกัดฟันแน่น สายตาเปลี่ยนไปแน่วแน่เด็ดเดี่ยวหาใดเปรียบ นั่นเป็นกลิ่นอายของการไม่ยอมแพ้ที่เห็นได้จากสายตาของเขา มาถึงขั้นนี้เเล้ว ต่อให้ตายเขาก็ต้องดูกระบี่เซวียนหยวนในโลงศพเสียหน่อยว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
“พลังแห่งเส้นทางปราชญ์ ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นเส้นทางแบบไหน…”
เสียงตะโกนดังขึ้น เย่เทียนเฉินกำหมัดทั้งสองแน่น วาดหมัดที่ดูเละเทะเต็มไปด้วยเลือดของตนออกไปโดยไม่สนใจทุกสิ่ง โจมตีออกไปเหนือศีรษะ ทำให้ตงฟางเมิ่งตกตะลึง มองทุกสิ่งทุกอย่างนี้จนนิ่งงัน เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะกล้าลงมือโจมตีเส้นทางแห่งปรชญ์เช่นนี้ เส้นทางแห่งปราชญ์เป็นเส้นทางของสวรรค์ ลงมือโจมตีเส้นทางแห่งปราชญ์ นี่ไม่ใช่ว่าต้องการต่อต้านสวรรค์หรือ? ไม่กลัวถูกสวรรค์ลงทัณฑ์หรือไง?
“ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่ได้เห็นกระบี่เซวียนหยวนในโลงศพ!”
คละเคล้าไปด้วยเสียงตะโกนดังสนั่น คละเคล้าไปด้วยเลือดเต็มร่างกาย เย่เทียนเฉินซัดหมัดออกไปไม่หยุด ต่อให้มันมีบาดแผลลึกจนเกือบเห็นกระดูกก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ไม่รู้สึกว่าตนเองจะตาย ในใจมีเพียงความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ยอมแพ้คอยค้ำจุนเอาไว้ หนึ่งก้าว สองก้าว เดินมาถึงเบื้องหน้าโลงศพแล้ว!
………………