เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 409 นั่งเงียบๆ ห้าวันห้าคืน
ค่ายกลหมื่นกระบี่ เป็นสถานที่ที่ซ่อนอยู่ในกระบี่เซวียนหยวน ในช่องว่างอันแปลกประหลาดที่อยู่ภายในกระบี่เซวียนหยวน สร้างมาเป็นโลกของตน ด้านในมีกระบี่ปักอยู่นับหมื่นเล่ม จากคำพูดของปรมาจารย์กระบี่ กระบี่เซวียนหยวนซ่อนอยู่ในนั้น เย่เทียนเฉินมองไป ภายในค่ายกลกระบี่ล้วนเป็นกระบี่เซวียนหยวนทั้งหมด เป็นกระบี่ที่มีรูปร่างเหมือนกัน หากต้องการหากระบี่เซวียนหยวนออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย
แน่นอนว่าหากต้องการได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวน มันไม่ง่ายแค่หากระบี่เซวียนหยวนออกมาให้เจอ ปรมาจารย์กระบี่เคยบอกเย่เทียนเฉินแล้วว่า เมื่อเขาเข้าไปหากระบี่ภายในค่ายกลหมื่นกระบี่ เพียงแค่สัมผัสถูกกระบี่เล่มใดเล่มหนึ่งก็จะมีไอสังหารจากกระบี่หมื่นเล่มโจมตีมา ไอสังหารจากกระบี่หมื่นเล่มนั้น คนธรรมดาไม่อาจรับไหว ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นปลายก็อาจจะตกลงสู่จุดจบที่ต้องร่างกายแหลกสลายได้ เนื่องจากภายในกระบี่หมื่นเล่มมีกระบี่เซวียนหยวนที่แท้จริงซ่อนอยู่ มันมีพลังแห่งสวรรค์แฝงอยู่ น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เย่เทียนเฉินเข้าใจดี ด้วยความสามารถของตนในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังแห่งเส้นทางปราชญ์คงมีแต่ความตายที่รออยู่
“โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากเจ้าไม่สามารถหากระบี่เซวียนหยวนพบในชั่วพริบตาที่พุ่งเข้าไปได้ เช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีก ส่งตัวเองไปตายเปล่า!” ปรมาจารย์กระบี่พูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่มั่นใจว่าจะหากระบี่เซวียนหยวนออกมาท่ามกลางกระบี่นับหมื่นเล่มในชั่วพริบตาได้จริงๆ ปรมาจารย์กระบี่พูดได้ชัดเจนมาก โอกาสมีเพียงครั้งเดียว เมื่อเขาเข้าไปหยิบกระบี่เซวียนหยวนแล้วหนีมา บางทีอาจจะมีโอกาสได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวน แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินต้องหยิบกระบี่เซวียนหยวนที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะทำได้ หากเขาหยิบกระบี่เซวียนหยวนผิดเล่ม เช่นนั้นก็จะต้องพบกับไอสังหารจากกระบี่นับหมื่นเล่มตามฆ่า สิ่งที่รออยู่มีเพียงความตาย
ปรมาจารย์กระบี่มองเย่เทียนเฉิน เห็นว่าเจ้าหนูคนนี้มองไปยังค่ายกลหมื่นกระบี่โดยไม่พูดอะไร อดไม่ได้ที่จะคิดว่า เจ้าหนูนี่คงไม่ได้ขี้ขลาดแล้วหรอกนะ? ปรมาจารย์กระบี่เริ่มเข้าใจนิสัยของเย่เทียนเฉินบ้างแล้ว คนคนนี้เป็นคนที่ทำให้ผู้อื่นมองไม่ออก จะตกม้าตายทีหลังก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
“ทำไม? เจ้ากลัวเหรอ?” ปรมาจารย์กระบี่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร นั่งขัดสมาธิลงโดยหันหน้าหาค่ายกลหมื่นกระบี่ หลับตาลง ใช้ใจไปสัมผัส ปรมาจารย์กระบี่ชะงักไป ไม่ได้พูดอะไรอีก พยักหน้าด้วยความชื่นชม เขามองคนไม่ผิดจริงๆ ถึงแม้ว่าเย่เทียนเฉินจะดูเหลาะแหละไปบ้าง หลายครั้งอาจจะดูพึ่งพาไม่ได้ แต่กลับมีศักยภาพและมีความพยายาม จิตใจแน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เขาสั่นคลอนได้เลย คนที่มีนิสัยเช่นนี้จะได้เป็นผู้แข็งแกร่งหรือไม่ก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องความเป็นความตายอย่างแท้จริง เย่เทียนเฉินก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย เขาได้รู้เรื่องมากมายจากปรมาจารย์กระบี่ ทำให้เขามั่นใจในความคิดของตนและแน่วแน่ในเส้นทางการบ่มเพาะของตน เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล หากทนรับความเจ็บปวดที่ต้องเห็นครอบครัวจากไปไม่ได้ หากไม่อยากโศกเศร้าเหมือนที่ดาวสิ้นโลกอีก เขาจะต้องแข็งแกร่งไม่หยุด เขาต้องหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวให้พบ ในเมื่อได้เกิดใหม่แล้ว โลกนี้จะไม่ให้มีอะไรต้องเสียใจอีก!
เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิเบื้องหน้าค่ายกลหมื่นกระบี่ ตาทั้งสองปิดลง รวบรวมพลังจิตของตน แผ่การรับรู้ไปตรวจสอบค่ายกลหมื่นกระบี่ ใช้ในไปสัมผัส หาและตรวจสอบไปช้าๆ หวังว่าจะพบกับสถานที่ที่มีกระบี่เซวียนหยวนซ่อนอยู่
วิ้ง!
วิ้ง!
เสียงกระบี่ดังขึ้นสองครั้ง กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางโผล่ออกมาจากช่องว่างภายในตัวเย่เทียนเฉินด้วยตัวเอง ลอยอยู่ซ้ายขวาของเขา ปรมาจารย์กระบี่ที่ได้เห็นพลันต้องตกใจ เขาคาดเดาไม่ผิดจริงๆ ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินเข้ามาที่นี่เขาก็สัมผัสได้ว่าบนร่างของเย่เทียนเฉินมีพลังอำนาจสองสายของกระบี่เทพที่ไม่ธรรมดาอยู่ กระบี่เทพสองสายแตกต่างจากกระบี่เซวียนหยวน มีเอกลักษณ์อยู่ในตัว หากต้องการกล่าวว่ากระบี่เล่มใดแข็งแกร่งกว่าก็ไม่อาจพูดได้ชัดเจน ในฐานะที่เป็นช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งในใต้หล้า ความรู้สึกที่ปรมาจารย์กระบี่มีต่อกระบี่ย่อมแข็งแกร่งมาก ในใจของเขาตื่นตะลึง เย่เทียนเฉินเป็นคนที่มีวาสนาแข็งแกร่งจริงๆ กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางนี้ปรมาจารย์กระบี่ย่อมรู้จัก สิบกระบี่บรรพกาล ทุกเล่มล้วนเป็นกระบี่เทพที่มีอำนาจแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งจางอีเต๋อก็เดาได้ว่า สิบกระบี่บรรพกาลอาจจะเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน ปรมาจารย์กระบี่เป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาหมื่นปีก่อนหน้านี้ ความลับที่รู้ย่อมมากกว่าจางอีเต๋อมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่การคาดเดาอีกด้วย การได้พบปรมาจารย์กระบี่ทำให้เย่เทียนเฉินดีใจมาก เพราะปรมาจารย์กระบี่คนนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ หากต้องการหาคนเช่นนี้บนโลก เป็นเรื่องยากมากจริงๆ
เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าค่ายกลหมื่นกระบี่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน ซึ่งในขณะนั้นปรมาจารย์กระบี่ก็อยู่เป็นเพื่อนที่นี่ด้วย แม้ปรมาจารย์กระบี่จะอยู่ในช่องว่างที่อยู่ภายในตัวกระบี่เซวียนหยวนเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าภายในค่ายกลหมื่นกระบี่นี้ กระบี่เล่มใดที่เป็นกระบี่เซวียนหยวนที่แท้จริง ถ้าเขามองออก ไหนเลยจะต้องรอให้เย่เทียนเฉินมาถึง
“หากไม่มั่นใจก็คิดให้นานเสียหน่อย!” ปรมาจารย์กระบี่มองไปยังเย่เทียนเฉินที่ยังคงหลับตาแล้วเอ่ยขึ้น
“ปรมาจารย์กระบี่ มีคนคาดเดาว่าสิบกระบี่เทพบรรพกาลนั้น เดิมทีก็เป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน และไม่ใช่สิ่งของของโลกนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?” เย่เทียนเฉินยังคงไม่ลืมตา เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย
ปรมาจารย์กระบี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าการที่เย่เทียนเฉินถามคำถามนี้ในเวลานี้มีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่า หรือจะกล่าวว่ามีประโยชน์อะไรหรือไม่ แต่ยังคงเอ่ยปากไปว่า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน สิบกระบี่บรรพกาลล้วนเป็นกระบี่เทพทุกเล่ม ข้าเคยได้ยินมาเท่านั้น แต่จะมาจากโลกไหนก็ยังไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นผู้สร้างกระบี่เทพทั้งสิบ ข้านับถือจริงๆ !”
“ถ้างั้นที่ว่าสิบกระบี่เทพบรรพกาลนี้เป็นค่ายกลกระบี่เดียวกันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินถามต่อไป
“อาจใช่หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น ข้าคิดว่าความเป็นไปได้ที่สิบกระบี่เทพบรรพกาลจะเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกันมีไม่มาก ต่อให้มีค่ายกลกระบี่ที่รวบรวมขึ้นมาเช่นนี้จริงๆ ก็คงถูกผู้แข็งแกร่งในระดับเทพราชันครอบครองไปแล้ว เนื่องจากกระบี่เทพทุกเล่มมีพลังของตน หากต้องการแยกแยะว่ากระบี่เล่มใดแข็งแกร่งที่สุดดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นหากต้องการรวมพวกมันเข้าด้วยกันจำเป็นต้องมีพลังอันยิ่งใหญ่ อาวุธเทพเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมให้ใคร!” ปรมาจารย์กระบี่คิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากขึ้น
“ผมรู้แล้ว ให้เวลาผมอีกวันแล้วกัน!” หลังจากเย่เทียนเฉินพูดจบก็รวบรวมพลังจิตอีกครั้ง แผ่ออกไปยังค่ายกลหมื่นกระบี่ ค่อยๆ รับรู้ใคร่ครวญไปทีละขั้น นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แม้จะมีจุดประสงค์แต่ก็ไม่รู้ว่ากระบี่เล่มไหนที่เป็นกกระบี่เซวียนหยวนที่แท้จริงกันแน่
หลังจากที่เย่เทียนเฉินถามเสร็จก็เงียบลงอีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ไม่รู้ว่าคำถามเหล่านี้มีประโยชน์อะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้รบกวนเย่เทียนเฉิน ตอนนี้จะได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนหรือไม่ต้องอาศัยตัวเย่เทียนเฉินเอง แม้ปรมาจารย์กระบี่ต้องการช่วยแต่ก็มีข้อจำกัด
เย่เทียนเฉินกล่าวว่าให้เวลาเขาอีกวัน แต่การนั่งขัดสมาธิในครั้งนี้กินเวลาไปอีกสามวันสามคืน ปรมาจารย์กระบี่ยืนอยู่ด้านข้างโดยตลอด และรวบรวมพลังจิตเพื่อค้นหาเช่นกัน เขาไม่อยากรอแล้ว แม้ว่าตนจะเป็นเพียงรอยประทับจิตวิญญาณที่มีชีวิตอยู่ภายในช่องว่างอันแปลกประหลาดที่อยู่ในตัวกระบี่อยู่แห่งนี้มาหลายพันปี แต่หากให้อยู่เช่นนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นปรมาจารย์กระบี่คิดว่าเขาเข้าใจเรื่องมากมายแล้ว ตอนนี้เขามีเพียงอย่างเดียวที่อยากรู้ นั่นก็คือภรรยาและลูกสาวของตนที่เดินทางไปยังดาวจักรพรรดิจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ มีชีวิตที่ดีหรือไม่!
ซู่ม!
พริบตานั้น ในตอนที่เย่เทียนเฉินนั่งอยู่เบื้องหน้าค่ายกลหมื่นกระบี่เป็นวันที่ห้า เย่เทียนเฉินก็ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ดวงตาทั้งสองยิงประกายแสงสีทองออกมาสองสาย ชั่วขณะนั้นหางตาของเย่เทียนเฉินมีเลือดไหลออกมา เขาใช้เคล็ดวิชา “เนตรประกายทอง” ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ของตน ในเวลาห้าวันนี้เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะรวบรวมพลังจิตเพื่อค้นหาที่อยู่ของกระบี่เซวียนหยวน แต่ยังสะสมพลังที่โคจรอยู่ในร่างกายทั้งหมดเพื่อใช้ “เนตรประกายทอง” ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปด้วย
ประกายแสงสีทองสองสายถูกยิงออกไปจากดวงตาของเย่เทียนเฉิน พริบตาเดียวก็พุ่งไปในค่ายกลหมื่นกระบี่ ถึงกับสั่นสะเทือนจนค่ายกลกระบี่กรีดร้อง ในขณะเดียวกันเย่เทียนเฉินก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ดวงตา ลืมตาทั้งสองขึ้นมองไปตามประกายแสงสีทองด้วยความรวดเร็ว เขาอยากจะใช้วิธีนี้หาตำแหน่งที่แม่นยำของกระบี่เซวียนหยวน
ปรมาจารย์กระบี่มองไปยังประกายแสงสีทองสองสายด้วยความตื่นตะลึง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนเฉิน เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินที่มีอายุเพียง 20 ปีจะมีเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แสงสีทองที่ถูกยิงออกไปจากดวงตา พลังอำนาจนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินในตอนนี้มีความสามารถอยู่ในระดับจอมราชันขั้นสูงสุดเท่านั้น ถึงกับใช้เคล็ดวิชาสังหารจนถึงขนาดนี้ได้ หากความสามารถเย่เทียนเฉินไปถึงระดับจักรพรรดิหรือกระทั่งระดับพระเจ้าจริงๆ จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
เพียงแค่เห็นประกายแสงสีทองที่ถูกยิงออกมาจากดวงตาทั้งสองของเย่เทียนเฉิน ปรมาจารย์กระบี่ก็ตื่นตะลึงแล้ว อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเย่เทียนเฉิน ตอนแรกเขาคิดว่าเย่เทียนเฉินเป็นคนหนุ่มที่มีโอกาสดีและมีพลังการเรียนรู้ไม่เลวคนหนึ่ง มิเช่นนั้นคงไม่บ่มเพาะได้ขนาดนี้ในขณะที่อายุเพียง 20 ปี ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาคิดว่าศักยภาพของเย่เทียนเฉินไม่อาจคาดเดา เพียงแค่ต้องการเวลาให้เขาเติบโต
ฟิ้ว!
ต่อมาเย่เทียนเฉินพลันยืนขึ้น เหลือเพียงภาพติดตาอยู่ที่เดิม จนกระทั่งปรมาจารย์กระบี่ได้สติกลับมา เห็นว่าเย่เทียนเฉินเข้าไปถึงใจกลางของค่ายกลหมื่นกระบี่แล้ว ปรมาจารย์กระบี่ตกใจจนหน้าถอดสี หรือว่าสถานที่ที่กระบี่เซวียนหยวนอยู่อย่างแท้จริงก็คือศูนย์กลางค่ายกลหมื่นกระบี่นี้? ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อเย่เทียนเฉินดึงกระบี่เซวียนหยวนออกมา อยู่ในตำแหน่งใจกลางของค่ายกลหมื่นกระบี่เช่นนั้นคงไม่มีทางหนีได้ จะต้องถูกปราณกระบี่ที่เกิดจากกระบี่นับหมื่นกลืนกินและตกตายไปแน่นอน
“หมัดอัสนีสวรรค์!”
เสียงตะโกนดังขึ้นทำให้ปรมาจารย์กระบี่ตกใจจนคางแทบร่วง เย่เทียนเฉินทะยานร่างไปบริเวณใจกลางของค่ายกลหมื่นกระบี่แต่ไม่ได้ดึงกระบี่ออกมา คิดว่ากระบี่เล่มใดเล่มหนึ่งก็คือกระบี่เซวียนหยวน แต่กำหมัดขวาแน่น พลังปราณสายฟ้าราวกับจะทะลวงผ่านฟ้าดิน บ้าคลั่งและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินต่อยหมัดไปยังใจกลางค่ายกลหมื่นกระบี่อย่างคิดแลกชีวิต นี่เป็นการสัมผัสกับค่ายกลหมื่นกระบี่โดยตรง รนหาที่ตายหรือไง?
ปรมาจารย์กระบี่เริ่มเข้าใจสิ่งที่เย่เทียนเฉินพูดแล้ว ท่ามกลางค่ายกลหมื่นกระบี่ ไม่ว่าจะสัมผัสกระบี่เล่มใดก็จะถูกโจมตีจากพลังสังหารของกระบี่หมื่นเล่ม หมัดนี้ของเย่เทียนเฉินไม่ได้สัมผัสถูกกระบี่เล่มใด แต่ถูกกระบี่ทั้งหมื่นเล่ม ทำให้ผู้คนแปลกใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่…
………………