เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 412 ความฉลาดของตงฟางเมิ่ง
“ศิษย์น้องเล็ก เธอทำให้ฉันลำบากจริง!”
หลี่ชิวสุ่ยเดินเข้ามา ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร มองไปยังตงฟางเมิ่งอย่างเย็นชา สำหรับหลี่ชิวสุ่ยที่เป็นผู้หญิงโหดเหี้ยม ตอนที่อยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง เพียงเพราะอยากได้คัมภีร์ดรุณีหยก เธอถึงกับถูกเย่เทียนเฉินพันธนการเหมือนกับดักหนู จนไม่ได้ฆ่าตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉินทันที ทำให้พวกเขาหนีไปได้ เกือบจะหาไม่เจออยู่แล้ว ตนเดินอยู่ในสุสานโบราณอย่างยากลำบาก แผนตามหาคัมภีร์ดรุณีหยกก็ล้มเหลว ครั้งนี้หลี่ชิวสุ่ยไม่พูดอะไรมาก เกิดความคิดที่จะสังหารแน่แล้ว ต่อให้ไม่ได้คัมภีร์ดรุณีหยกเธอก็จะไม่ออมมือให้ตงฟางเมิ่งอีก จะฆ่าตงฟางเมิ่งซะแล้วค่อยๆ หาของในพรรคสุสานโบราณ จะอย่างไรก็คงหาอะไรเจอบ้าง ทำไมต้องปล่อยคนที่จะเป็นอุปสรรคในอนาคตไปด้วย ถ้าหากปล่อยให้ตงฟางเมิ่งสำเร็จวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกอย่างสมบูรณ์จริงๆ เกรงว่าคนที่ต้องหนีคงจะเป็นเธอหลี่ชิวสุ่ย
ตงฟางเมิ่งเห็นหลี่ชิวสุ่ยเดินเข้ามาก็ขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าศิษย์พี่ไม่มีความรู้สึกของการเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักกันแน่นอน อย่างไรก็ตามเธอยังคิดจะยืดเยื้อเวลาออกไปอยู่ เธอต้องการฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จ ตอนนี้คิดแต่จะเพิ่มพูนพลังความสามารถ บางทีอาจจะเอาชนะศิษย์พี่ได้ แต่ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของเย่เทียนเฉิน กังวลมากจริงๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เธอกับฉันไม่มีความแค้นต่อกัน เธอก็แค่ต้องการเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกเท่านั้น พวกเราจะคุยกันไม่ได้เลยเหรอ?” ตงฟางเมิ่งขยับสมองคิด พูดด้วยสีหน้าอ่อนลง
หลี่ชิวสุ่ยมองตงฟางเมิ่งครู่หนึ่ง ถึงแม้เธอจะรู้ว่าตงฟางเมิ่งจงใจถ่วงเวลา เมื่อเห็นเด็กคนนี้นั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองอยู่ในท่าโคจรพลังก็รู้แล้วว่ากำลังขับเคลื่อนพลังภายใน แต่เธอก็ยังหยุดการเคลื่อนไหวของตน เดินไปเบื้องหน้าตงฟางเมิ่งและไม่ได้ลงมือ เนื่องจากหากทำให้ศิษย์น้องเล็กพูดเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกออกมาด้วยตัวเองได้ก็จะเป็นการดีที่สุด ถึงแม้โอกาสนี้จะน้อยมากก็ตาม แต่ตอนนี้ขอบเขตการบ่มเพาะของศิษย์น้องเล็กเพิ่มขึ้นจนสามารถสู้กับตนได้หลายร้อยกระบวนท่าแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่เป็นปัญหามาก ตัวเธอเองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ มิฉะนั้นด้วยนิสัยโหดเหี้ยมของหลี่ชิวสุ่ยคงลงมือไปนานแล้ว คิดว่าเธอเห็นแก่ความสัมพันธ์ของศิษย์ร่วมสำนักหรือ?
“คุย? ถ้างั้นตอนนี้เธอจะท่องเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกออกมาเหรอ?” หลี่ชิวสุ่ยถามอย่างเย็นชา
“ศิษย์พี่ใหญ่ เธอก็รู้กฎเกณฑ์ของพรรคสุสานโบราณของพวกเราดี คนที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกได้จะต้องเป็นเจ้าสำนักสุสานโบราณเท่านั้น แน่นอนว่าฉันไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นเจ้าสำนัก หวังเพียงว่าจะทำความปรารถนาสุดท้ายของท่านอาจารย์ให้สำเร็จ เลือกผู้เป็นประมุขยุทธภพออกมาคนหนึ่ง ทำให้การฆ่าฟันของพรรควรยุทธโบราณน้อยลงบ้าง ส่วนตำแหน่งเจ้าสำนักของพรรคสุสานโบราณนี้ฉันมอบให้เธอได้ และจะยอมเป็นมือเท้าให้เธอด้วย!” ตงฟางเมิ่งมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดอย่างจริงจัง
“จริงเหรอ?” หลี่ชิวสุ่ยชะงักไป คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะกล่าวว่าจะให้เธอเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณ สำหรับหลี่ชิวสุ่ยที่เป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมแล้ว อำนาจและตำแหน่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ในตอนที่ยังไม่ได้ทรยศพรรคสุสานโบราณเธอก็ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่อาจารย์ของตงฟางเมิ่งพบนิสัยโหดเหี้ยมของหลี่ชิวสุ่ยก่อนจึงตัดขาดและไล่เธอออกจากพรรค หากจะได้เป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณอีกครั้ง หลี่ชิวสุ่ยยังรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง
“ฉันว่าเธอเองก็คงรู้ เดิมทีฉันไม่ใช่คนของพรรคสุสานโบราณ ตระกูลตงฟางของฉันคัดค้านเรื่องที่ฉันจะอยู่ในพรรคสุสานโบราณมาโดยตลอด บอกว่าอยากให้ฉันกลับไปช่วยเรื่องของตระกูล พลังบ่มเพาะและอำนาจของเธอเหนือกว่าฉัน การจะได้เป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณย่อมเป็นเรื่องที่มีเหตุผล!” ตงฟางเมิ่งมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางเมิ่ง หลี่ชิวสุ่ยก็มองไปยังตงฟางเมิ่งด้วยความสงสัย ในใจมีความระแวง เพียงแต่คำพูดของตงฟางเมิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ หลังจากถูกไล่ออกมาจากพรรคสุสานโบราณ หลี่ชิวสุ่ยก็อยู่กับการฆ่าฟันด้านนอกเพียงลำพัง บางครั้งก็ไล่ฆ่าผู้อื่น บางครั้งก็ถูกผู้แข็งแกร่งไล่ฆ่า หากได้เป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณและรับลูกศิษย์ลูกหา คอยออกคำสั่งพวกเธออย่างเเดียวจะดีมากขนาดไหนกัน?
“ศิษย์น้องเล็ก ถ้าเธอคิดแบบนี้จริงๆ ฉันก็ดีใจ ใช่แล้ว เจ้าหนุ่มหน้าขาวนั่นล่ะ?” หลี่ชิวสุ่ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวังด้วยกลัวว่าเย่เทียนเฉินจะลอบโจมตีจากที่ใดสักแห่ง
“ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน หลังจากฉันกับเขาลงมาก็แยกย้ายกันแล้ว!” ตงฟางเมิ่งพูดโกหก แน่นอนว่าไม่อาจให้หลี่ชิวสุ่ยรู้ว่าเย่เทียนเฉินถูกขังอยู่ในโลงศพหิน มิฉะนั้นจะอันตรายมาก!
“อ้อ ในเพื่อในเมื่อเธอจะเคารพฉันเป็นหัวหน้าพรรค ถ้างั้นก็มอบเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกออกมาเถอะ ในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้าพรรค ควรจะครอบครองวิชาที่สูงส่งที่สุดของพรรคสุสานโบราณของพวกเรา ซึ่งก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว เธอว่าถูกหรือเปล่า?” หลี่ชิวสุ่ยรีบใช้อำนาจหัวหน้าพรรคสุสานโบราณของเธอทันที
ตงฟางเมิ่งชะงักไป ลุกขึ้นยืนจากพื้น รู้ว่ามาถึงขั้นที่ไม่สามารถถ่วงเวลาต่อไปได้อีก หลี่ชิวสุ่ยเป็นคนฉลาด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนโหดเหี้ยมมาก พูดแต่ละคำก็ไม่พ้นความคิดที่ว่าจะให้ตนท่องเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกออกมา ถึงแม้จะใช้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาทำให้หลี่ชิวสุ่ยหวั่นไหวได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่อาจดึงเธอได้อีกต่อไป ทำได้เพียงเตรียมตัวต่อสู้อยู่ทุกเมื่อ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่บอกเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับเธอ ความจริง ทั้งหมดเป็นเพราะหวังดีกับเธอ!” ตงฟางเมิ่งทอดถอนใจ
“อ้อ? ดีกับฉันเหรอ?” หลี่ชิวสุ่ยขมวดคิ้วถาม
“เมื่อปีนั้น หลังจากที่เธอไปจากพรรคสุสานโบราณ ท่านอาจารย์ก็ป่วยหนึ่งเดือนกว่า ท่านอาจารย์บอกฉันว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกให้ศิษย์พี่ ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของศิษย์พี่ นับว่าเป็นคนที่เหมาะต่อการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกมากที่สุดในพรรคสุสานโบราณของพวกเราแล้ว เพียงแต่…เธอฝึกวิชาฝ่ามือสลายกระดูกไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังฝึกอย่างลึกล้ำแล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกได้อีก!” ตงฟางเมิ่งเอ่ยปากพูด
“หมายความว่ายังไง? ฝึกฝนฝ่ามือสลายกระดูกแล้วจะไม่สามารถฝึกเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกได้อีกเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงมาก่อน?” เห็นได้ชัดว่าหลี่ชิวสุ่ยไม่เชื่อ ในขณะเดียวกันก็สงสัยมาก
“ศิษย์พี่ ฝ่ามือสลายกระดูกเป็นวิชาฝ่ามือที่ใช้หยินชักนำความหนาวเย็น เชื่อว่าตรงนี้คงไม่ต้องพูดมาก เธอคงเข้าใจดีกว่าฉัน ส่วนวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกเป็นเคล็ดวิชาที่ต้องสูดเอาพลังหลิงชี่ที่บริสุทธิ์ที่สุดในฟ้าดินเข้าไปแล้วค่อยๆ หล่อหลอมไปในจุดตันเถียน เป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดินอย่างแท้จริง หากศิษย์พี่ฝึกฝ่ามือสลายกระดูกถึงขั้นเก้าแล้วคงไม่สามารถทำลายวิชาได้ หากต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกอีก เกรงว่า…” ตงฟางเมิ่งพูดแล้วส่ายหน้า
ในตอนนี้ หลี่ชิวสุ่ยขมวดคิ้วอย่างดุดัน จากนั้นจึงยิ้มเย็นชาที่มุมปาก หันไปด้านหลังตงฟางเมิ่ง เอ่ยปากพูดอย่างไม่ร้อนไม่หนาว “ในเมื่ออาจารย์พูดแบบนี้ งั้นเธอก็ลองไปถามอาจารย์หน่อยแล้วกัน…”
ตู้ม!
หลี่ชิวสุ่ยลงมือ ซัดฝ่ามือไปที่หลังของตงฟางเมิ่ง ส่วนตงฟางเมิ่งก็ป้องกันตัวอยู่นานแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนใจคอโหดเหี้ยม เธอรู้นานแล้ว แล้วจะผ่อนคลายความระมัดระวังจนถูกลอบโจมตีได้อย่างไร ดังนั้นในตอนที่หลี่ชิวสุ่ยซัดฝ่ามือมาที่หลังของตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งก็หมุนไปซัดฝ่ามือไปอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
ก็เสียงดังสนั่น ฝ่ามือของตงฟางเมิ่งและหลี่ชิวสุ่ยปะทะกัน ทั้งสองไม่มีใครถอยแม้แต่ครึ่งเห้า หลี่ชิวสุ่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ คัมภีร์ดรุณีหยกลึกล้ำจริงๆ ตงฟางเมิ่งเพิ่งจะฝึก ยังได้ถึงขอบเขตสุดท้าย ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ ตอนนี้ก็มีความสามารถที่จะสู้ได้ตัวเองได้แล้ว หากเป็นก่อนหน้านี้ เพียง 10 กระบวนถ้าเธอก็มันใจว่าจะฆ่าศิษย์ๆ น้องเล็กได้ คัมภีร์ดรุณีหยกลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ เพียงแค่คิดก็อยากได้แล้ว
ผู้หญิงทั้งสองที่มีความสามารถแข็งแกร่งเริ่มต่อสู้กัน ต้องกล่าวว่าก่อนหน้านี้พลังบ่มเพราะของตงฟางเมิ่งยังขาดไปบ้าง จะอย่างไรการบ่มเพาะของหลี่ชิวสุ่ยก็สามารถสู้สูสีได้กับชิงเฉิงเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามือสลายกระดูกที่หลี่ชิวสุ่ยฝึกมีความโหดเหี้ยม หากไม่ระวังก็จะถูกสลายจนเหลือแต่กระดูกได้ ไม่มีใครไม่กล้าไม่ระมัดระวัง แต่หลังจากตงฟางเมิ่งฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกเสร็จ ต่อให้ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ก็ยังสู้กับหลี่ชิวสุ่ยได้
พลั่กๆๆๆๆ !
การต่อสู้ของยอดฝีมือ เมื่อถึงท้ายที่สุดยังคงไม่พ้นความน่าเบื่อ อย่างไรก็ตาม เป็นการปะทะกันของความสามารถ หลังจากที่หลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งสู้กันหลายกระบวนท่า ฝ่ามือทั้งสี่ปะทะกัน ทั้งสองก็ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ทำการรวมพลังภายในกัน พลังภายในอันบ้าคลั่งแผ่กระจายรอบด้าน ทำให้ภายในห้องที่ไม่ใหญ่เกิดเสียงระเบิดอยู่ในอากาศ นอกจากโรงศพทั้งสองแล้ว กำแพงที่ถูกหลี่ชิวสุ่ยพัง รวมถึงเก้าอี้และโต๊ะหินที่ถูกกระแทกออกไป ถึงกับแหลกเป็นผงทั้งหมด จินตนาการได้เลยว่าพลังภายในระหว่างพวกเธอแข็งแกร่งขนาดไหน ระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างโดยไร้ซุ่มไร้เสียง
การดวลกันเช่นนี้ ทั้งหลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งต่างไม่กล้าออมมือ เนื่องจากพลังภายในอันแข็งแกร่งนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรับได้ หากไม่ใช่ว่าทั้งสองอ้อมมือพร้อมกันแล้ว หากได้รับพลังภายในเข้าไปเช่นนั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บรุนแรงแน่นอน กระทั่งอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการดวลนี้จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ มิฉะนั้นก็ไม่อาจหยุดมือ
ในใจของหลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งต่างไร้ก้นบึ้ง รีบโคจรพลังภายในบริเวณจุดตันเถียนผลักอีกฝ่ายออกไป เพียงแต่ความสามารถของทั้งสองในตอนนี้พอๆ กัน ในเวลาเพียงชั่วครู่ไม่สามารถรู้แพ้รู้ชนะได้ เท่ากับทั้งสองถูกขังอยู่แบบนั้น ไม่มีใครกล้าขยับมั่วๆ หากไม่ระวังแม้แต่น้อยอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำให้ตายได้
“ศิษย์น้องเล็ก หลังจากเธอร่วมฝึกฝนกับเจ้าหนุ่มหน้าขาวนั่น พลังก็เพิ่มขึ้นมากจริงๆ รสชาติของผู้ชายไม่เลวเลยใช่หรือเปล่า?” หลี่ชิวสุ่ยมองไปยังตงฟางเมิ่ง พูดลามกออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลวจริงๆ ฉันยังอยากจะลองอีกหน่อย!” ตงฟางเมิ่งหน้าแดง รู้ว่าหลี่ชิวสุ่ยจงใจทำให้เธออับอาย ต้องการทำให้เธอเสียสมาธิ นี่เป็นการอธิบายแล้วว่าในใจของหลี่ชิวสุ่ยไม่มั่นใจว่าจะฆ่าตนได้ ถึงแม้ตงฟางเมิ่งจะเป็นผู้หญิงที่ราวกับภูเขาน้ำแข็งแต่ก็ไม่ใช่คนโง่อะไร จึงแสร้งทำเป็นพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่ชิวสุ่ยขมวดคิ้วแน่น กล่าวลามกต่อไปว่า “ศิษย์น้องเล็กแตกต่างไม่ธรรมดาจริงๆ คิดได้รอบคอบมาก เมื่อปีนั้นกว่าฉันจะได้ผสานกายกับผู้ชายยังต้องคิดอยู่นานถึงจะเริ่ม เธอร้ายกาจกว่าฉัน ภายหลังคงต้องการผู้ชายตลอดเวลาละมั้ง!”
……………………..