เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 426 พรรควรยุทธโบราณและคลื่นใต้น้ำ
ตงฟางเมิ่งสงสัยในคำพูดและเรื่องราวของเถียนปอกวงมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมดในทันที นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องที่ว่าจะเชื่อเถียนปอกวงหรือไม่ แต่หากอิงตามทัศนคติของคนทั่วไป ถามหน่อยว่า ปีศาจที่ฆ่าคนเป็นผักปลาคนหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็มีคนบอกว่าเขาเป็นคนดี คุณจะเชื่อหรือเปล่า?
ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือตอนที่เถียนปอกวงบอกเรื่องลูกสาวพรรคท่องกระบี่กับเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง ทำให้พวกเขาสองคนถึงกับตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของหัวหน้าพรรคท่องกระบี่จะเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมขนาดนี้ บางทีเย่เทียนเฉินอาจจะไม่รู้จักลูกสาวของพรรคท่องกระบี่ว่ามีนิสัยอย่างไร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ตงฟางเมิ่งเป็นคนในโลกของวรยุทธโบราณ เธอรู้จักเป็นอย่างดี หัวหน้าพรรคท่องกระบี่มีชื่อว่าเฉินอวี๋เต้า ลูกสาวของเขาชื่อว่าเฉินอ้ายอ้าย ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้ยินหรือได้พบเฉินอ้ายอ้าย ความประทับใจที่มีต่อเฉินอ้ายอ้ายก็คือเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงาม เป็นคุณหนูสูงศักดิ์คนหนึ่ง แตกต่างจากลูกศิษย์หญิงของพรรควรยุทธโบราณคนอื่นๆ ปรากฏตัวต่อโลกภายนอกน้อยมาก จะอย่างไรก็คือไม่ใช่ผู้หญิงชั่วช้า ดังนั้นในตอนที่เถียนปอกวงพูดถึงเฉินอ้ายอ้าย ไม่เพียงแต่จะกล่าวว่าเธอวางแผนร้ายต่อพ่อของตัวเองเพราะต้องการตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ ทั้งยังฆ่าแม่แท้ๆ ของตัวเองอีกด้วย ตงฟางเมิ่งจึงไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง กระทั่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกไม่เชื่อถืออยู่บ้าง คนคนหนึ่งต้องโหดเหี้ยมชั่วช้าขนาดไหนคงถึงทำเรื่องอย่างการฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเองได้!
“เคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชากระบี่ที่อยู่ในระดับสูงของโลกวรยุทธโบราณ ฉันคิดว่านอกจากเก้ากระบี่เดียวดายของพรรคหัวซานและกระบี่ไท่จี๋ของบู๊ตึ้ง ในโลกนี้ก็ไม่มีเคล็ดวิชากระบี่ไหนที่จะทำลายเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ได้อีก เคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่เน้นการฝึกฝนลมปราณเป็นสำคัญ ใช้ลมปราณควบคุมกระบี่ ทั่วทั้งพรรคท่องกระบี่ นอกจากหัวหน้าพรรคซึ่งก็คือเฉินอวี๋เต้าก็ไม่มีใครได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่อีก ส่วนวิชาที่ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ฝึกฝนอยู่เป็นเพียงวิชากระบี่ในเคล็ดปราณกระบี่ที่ลึกล้ำสูงส่ง ใช้ร่วมกับการโคจรพลังพระภายในที่แข็งแกร่งของตัวเอง ส่วนวิธีการฝึกฝนปราณกระบี่ที่แท้จริงมีแค่เฉินอวี๋เต้าคนเดียวที่รู้ กระทั่งภรรยาของเขาก็ไม่เคยดู!” เถียนปอกวงเอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง
“ทำไมล่ะ? หรือเฉินอวี๋เต้ากลัวว่าถ้าภรรยาและลูกสาวของตัวเองฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่แล้วจะไม่เป็นผลดีต่อเขา?” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ก่อนหน้านี้ฉันเองก็คิดแบบนี้ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันบุกเข้าไปในพรรคท่องกระบี่ เจอเฉินอวี๋เต้ากำลังทำพิธีเซ่นไหว้ภรรยาของตนที่สุสาน ฉันแอบฟังอยู่ด้านข้างเงียบๆ จึงได้ยินความลับที่ทำให้ต้องตกใจอย่างหนึ่ง เป็นความลับที่ว่าทำไมเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ถึงไม่สามารถถ่ายทอดให้ลูกศิษย์คนอื่นได้ตามใจ ต่อให้เป็นลูกศิษย์ที่เฉินอวี๋เต้าให้ความสำคัญที่สุดทั้งสองคนอย่างเสี้ยวหย่วนและเฉินฮุยก็ไม่สามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาปราณกระบี่ให้พวกเขาได้ ที่แท้เป็นเพราะหลายปีก่อนหน้านี้ ในตอนที่หัวหน้าพรรคคนที่สามสิบเจ็ดกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่ได้ทำให้เคล็ดวิชาถูกเผาโดยไม่ทันระวัง โชคดีที่หัวหน้าพรรคคนนั้นจำวิธีฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่ได้ขึ้นใจแล้ว เดิมทีเขาต้องการบันทึกใหม่อีกครั้ง แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่านี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์ จึงตัดสินใจว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่จะต้องสืบทอดโดยการสอนปากต่อปากจากหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันเท่านั้น ไม่มีตำราอะไรหลงเหลือไว้อีก เมื่อเวลาผ่านมาหลาย 1000 ปี ความจริงวิชากระบี่ที่ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่เหล่านั้นฝึกฝนก็เป็นวิชาขั้นสูงในเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรค เพียงแค่ไม่ได้รับวิธีการฝึกฝนปราณกระบี่เท่านั้น และเพราะเป็นแบบนี้ เมื่อใช้ร่วมกับพลังภายในที่แข็งแกร่งก็จะมีพลังอำนาจร้ายกาจ!” เถียนปอกวงพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนรู้ออกมารวดเดียว
เย่เทียนเฉินตกตะลึง ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากพูด “ ดูแล้วเฉินอวี๋เต้าหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คงไม่คิดจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้ลูกสาวของเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาปราณกระบี่ให้เฉินอ้ายอ้ายมาโดยตลอด นี่ทำให้เฉินอ้ายอ้ายรู้สึกโกรธแค้น ความโกรธแค้นนี้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนไปสมรู้ร่วมคิดกับเสี้ยวหย่วนซึ่งเป็นศิษย์คนโตของพรรค ไม่เพียงแต่จะต้องการเคล็ดวิชาปราณกระบี่ แต่ยังวางแผนเอาตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกด้วย ความคิดของผู้หญิงคนนี้ลึกล้ำจริงๆ !”
“แต่เธอก็ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่าแม่ของตัวเองเลย…” ตงฟางเมิ่งพูดแล้วส่ายหน้า
“ตั้งแต่เล็กจนโตเฉินอ้ายอ้ายได้รับความรักจากพ่อแม่มาโดยตลอดจนถูกอำนาจที่สามารถชี้นิ้วสั่งพรรควรยุทธโบราณในแผ่นดินทำให้เสียนิสัย เธอเป็นลูกสาวเพียงหนึ่งเดียวของเฉินอวี๋เต้า แล้วยังมีศักยภาพไม่เลว พลังการบ่มเพาะก็ไม่ต่ำต้อย ในความคิดของเธอ เฉินอวี๋เต้าต้องมอบเคล็ดวิชาปราณกระบี่ให้เธอแน่ ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องให้เธอสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย แต่ความจริงไม่ใช่ เฉินอวี๋เต้าคิดจะรับลูกเขย ให้ลูกเขยเป็นหัวหน้าพรรคท่องกระบี่คนต่อไป แบบนั้นเธอก็จะกลายเป็นภรรยาของหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นอาจารย์หญิงของทุกคน มีอำนาจสูงส่ง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ก่อนหน้านี้เฉินอวี๋เต้าคิดจะรับลูกเขยคนหนึ่ง เขาถูกใจคนที่มีความสุขุมทั้งยังอายุน้อยคนหนึ่ง ต้องการให้มาสืบทอดมรดกของตน แต่ภายหลังเขาไม่คิดแบบนั้นแล้ว เขาไม่อยากให้ลูกสาวของตนต้องเข้ามาพัวพันกับการต่อสู้นองเลือดของยุทธภพ เฉินอวี๋เต้าและภรรยาจึงปรึกษากัน คิดจะหาคนธรรมดามาเป็นสามีให้เฉินอ้ายอ้าย ทางที่ดีให้เธอแต่งออกไปจากพรรคท่องกระบี่ซะ!” เถียนปอกวงพูดต่อไป
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ เจตนาดีของสองสามีภรรยาเฉินอวี๋เต้ากลับกลายเป็นปมในใจของลูกสาว เฉินอ้ายอ้ายถูกอำนาจครอบงำจิตใจจนโสมมแล้ว ไหนเลยจะคิดถึงความลำบากใจของพ่อแม่ ทำให้ภายหลังเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ผู้หญิงคนนี้จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!” ตงฟางเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“ถูกต้องเฉินอวี๋เต้าเสียใจมาก เดิมทีเขามีเจตนาดี คิดถึงลูกสาวตัวเองทุกอย่าง ต้องการรับประกันความปลอดภัยให้กับลูกสาวของตน เพราะในช่วงหลายปีมานี้พรรคซงซานต้องการก่อตั้งพันธมิตรแห่งยุทธภพ มีแผนรวมยุทธภพให้เป็นหนึ่ง นับวันก็ยิ่งเหิมเกิมขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จ พรรคซงซานได้ทำเรื่องชั่วช้าไร้เหตุผลมากมายในทางลับ บีบบังคับพรรคอื่นๆ จนต้องเข้าร่วม ไม่อาจปฏิเสธ ถ้าเป็นแบบนั้น พรรคซงซานก็จะถือโอกาสดำเนินการจากภายใน ทำให้ความทะเยอทะยานที่จะรวมยุทธภพให้เป็นหนึ่งประสบความสำเร็จ หัตถ์เมตตาเป้ยเหลิ่งสือแห่งพรรคซงซานก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพันธมิตรแห่งยุทธภพ ใช่แล้ว พรรคสุสานโบราณของพวกเธอก็ต้องการก่อตั้งพันธมิตรยุทธภพมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? ฉันว่าถ้าเธออยากเป็นหัวหน้าพันธมิตรแห่งยุทธภพเป็นเรื่องยากมาก!” เถียนปอกวงพูดจบก็มองไปยังตงฟางเมิ่งด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“นั่นเป็นความปรารถนาของท่านอาจารย์ ท่านไม่เคยคิดจะเป็นหัวหน้าพันธมิตรแห่งยุทธภพงอะไรนั่น ท่านต้องการลดการแข่งขันและการฆ่าฟันระหว่างพรรควรยุทธโบราณให้น้อยลงเท่านั้น หลายปีมานี้ การต่อสู้ระหว่างพรรคต่างๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนบาดเจ็บล้มตายไปมาก อีกไม่นานคงเกิดการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่ ท่านอาจารย์จึงต้องการหยุดยั้ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ท่าน…” ตงฟางเมิ่งพูดด้วยความโศกเศร้าพลางส่ายหน้า
การต่อสู้ระหว่างพรรควรยุทธโบราณไม่เคยหยุดยั้ง ก็เหมือนกับการประลองของผู้หญิงทั้งสี่ซึ่งได้แก่ตงฟางเมิ่ง เซี่ยอวี่เหอ เทียนซวงเอ๋อร์และ ชิงเฉิงเยว่ ต่างก็สู้เพื่อพรรคของตน จะเป็นหรือตายอยู่ที่ลิขิตสวรรค์ ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะไม่เข้าใจเรื่องของพรรควรยุทธโบราณ แต่จากบทสนทนาของเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมีหลักการข้อหนึ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ที่ไหนมีคนที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ฆ่าฟัน ไม่อาจหยุดยั้งได้ตลอดไป มีเพียงคุณต้องแข็งแกร่งมากพแถึงจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ มิฉะนั้นก็เป็นได้แค่มดแมลง
ภายหลังเย่เทียนเฉินได้รู้ว่าผู้ที่มีจิตใจทะเยอทะยานที่สุดในหมู่พรรควรยุทธโบราณก็คือเป้ยหลิงสือ เขาเป็นหัวหน้าพรรคซงซาน ถูกเรียกขานว่าเป็นหัตถ์เมตตา ที่มาของชื่อหัตถ์เมตตาก็คือ เขาลงมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถระเบิดสมองของคนคนหนึ่งได้ ว่ากันว่าความสามารถในการบ่มเพาะของเป้ยหลิงสือไปถึงขั้นนักรบจักรพรรดิแล้ว เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในหมู่พรรควรยุทธโบราณ คนที่สามารถสู้กับเขาได้ ไม่ใช่แค่ในพรรควรยุทธโบราณ แต่ทั้งโลกเกรงว่าจะหาได้ไม่ถึงห้าคน นอกจากปรมาจารย์ฟางเจิ้งของสำนักเส้าหลิน เฟิงไท่ชิงแห่งสำนักหัวซาน และจางเจี้ยนแห่งพรรคบู๊ตึ๊งแล้ว เกรงว่ามีน้อยคนที่สู้ได้ แต่ผู้อาวุโสสามคนนี้มีอำนาจสูงส่ง เป็นดังภูเขาไท่ซานของพรรควรยุทธโบราณ แต่ชื่อเสียงของพวกเขาเริ่มเลือนหายไปแล้ว และไม่คิดอยากเข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงในยุทธภพอีก ดูเหมือนว่าหลายคนจะเก็บซ่อนตัวตนไม่ออกมาสู่โลกภายนอก ทั้งยังมอบตำแหน่งเจ้าสำนักออกมาแล้วด้วย หากต้องการให้พวกเขาลงมือเพื่อหยุดเป้ยหลิงสือหรือให้พวกเขาฆ่าเป้ยหลิงสือเสีย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาคงไม่กระทำเรื่องเฉกเช่นการฆ่าฟัน
ตอนที่ได้รู้ว่าเป้ยหลิงสือแห่งพรรคซงซานไปถึงขอบเขตนักรบจักรพรรดิแล้ว เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและรู้สึกนับถือ ต้องทราบว่าบนโลกใบนี้พลังหลิงชี่ที่เหมาะแก่การบ่มเพาะได้เหือดแห้งไปนานแล้ว หากต้องการทะลวงขอบเขตเป็นเรื่องที่ยากมาก นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมีคนธรรมดามากมายที่เป็นได้เพียงคนธรรมดาไปชั่วชีวิต พวกเขาไม่อาจพบศักยภาพในร่างกายคนตนเองได้เลย แล้วขอบเขตนักรบจักรพรรดิจะเป็นพลังบ่มเพาะที่สูงส่งขนาดไหนกัน ก่อนหน้านี้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วย พรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนกว้างขวางลึกซึ้ง ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ควรค่าแก่การค้นหาจริงๆ !
“ฉันเชื่อว่าอาจารย์ของเธอไม่เคยคิดอยากเป็นจ้าวยุทธภพแน่นอน ไม่งั้นด้วยคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณของพวกเธอที่เทียบเท่าได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลิน หากต้องการตำแหน่งในพรรควรยุทธโบราณก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก ไม่งั้นก็คงไม่ยอมอยู่เงียบๆ มานานหลายปีขนาดนี้ ถึงขั้นเก็บตัวไม่ยอมออกสู่โลกภายนอก กระทั่งลูกศิษย์ก็ไม่รับเพิ่ม!” เถียนปอกวงพูดอย่างจริงจัง
“ตลอดมาอาจารย์ของฉันอยากให้การฆ่าฟันในหมู่พรรควรยุทธโบราณลดลง และลดการบาดเจ็บล้มตายของผู้บริสุทธิ์ แต่ดูแล้วความคิดนี้ของท่านอาจารย์จะผิดไปบ้าง เป้ยหลิงสือแห่งพรรคซงซานมีพลังบ่มเพาะสูงส่งลึกล้ำ เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต หลายปีนี้ เพื่อที่จะบีบบังคับให้พรรคอื่นรับปากเข้าร่วมพันธมิตรแห่งยุทธภพ เขาทำเรื่องเลวร้ายมากมายในทางลับ พยายามทุกทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายจริงๆ!” ตงฟางเมิ่งก็เคยได้ยินข่าวลือมาเช่นกัน ถ้าอาจารย์ของเธอยังไม่ตายก็จะเป็นตัวตนเช่นเดียวกับปรมาจารย์ฟางเจิ้งของเส้าหลิน
เย่เทียนเฉินชะงักไป จากนั้นจึงหาวออกมาครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับฉันทั้งนั้น ฉันไม่สนเรื่องพรรควรยุทธโบราณของพวกเธอหรอก ตอนนี้พี่ใหญ่เถียนก็พูดเรื่องของเขาเรียบร้อยแล้ว หลี่ชิวสุ่ยแข็งเมิ่งก็อย่าเข้าใจผิดอีก ฉันว่าตอนนี้พวกเราคิดหาวิธีออกไปจากสุสานโบราณนี่เถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องรีบกลับไปที่เมืองหลวง!”
“ไอ้หนู แกฆ่าเฉินฮุยของพรรคท่องกระบี่ไปแล้ว คิดว่าพรรคท่องกระบี่จะปล่อยไปง่ายๆ รึไง คิดว่าจะไม่มีคนรู้เหรอ?” เถียนปอกวงมองไปยังเย่เทียนเฉิน พูดด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนปอกวงเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไป ทำไมเถียนปอกวงถึงรู้ว่าเฉินฮุ่ยตายด้วยมือของตน?
………………………