เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 431 ไม่บ้าก็ไม่รอด
“เย่เทียนเฉิน? แกคือผู้มีพลังพิเศษ ถ้างั้นพวกศิษย์น้องรองเฉินฮุยก็เป็นแกที่ฆ่าสินะ?” เสี้ยวหย่วนถามเสียงเย็น
“ถูกต้อง ฉันเป็นคนฆ่าเอง!” เย่เทียนเฉินตอบอย่างเรียบเฉย
“ไอ้พวกไม่รู้จักที่ตาย แกรู้หรือเปล่าว่าจุดจบที่มาล่วงเกินพรรคท่องกระบี่ของฉันคืออะไร?” เสี้ยวหย่วนเห็นเย่เทียนเฉินมีท่าทางสงบนิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดออกมา
“ไม่รู้สิ ฉันรู้แค่ว่าแกจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
ตอนนี้เย่เทียนเฉินก็คิดอยากฆ่าขึ้นมาแล้ว เสี้ยวหย่วนคือลูกศิษย์คนโตของพรรคท่องกระบี่ มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ทั้งยังฉลาดลึกล้ำ หากไม่จัดการเขาให้สิ้นชีพไปที่นี่ เกรงว่าภายภาคหน้าคงนำพาความยุ่งยากมาให้เขา เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนถ่อย ไร้ยางอายเช่นนี้ เย่เทียนเฉินไม่เคยคิดจะออมมือ กำจัดเสี้ยวหย่วนแล้วก็นับว่ากำจัดอุปสรรคให้เถียนปอกวงด้วย
เสี้ยวหย่วนคือลูกศิษย์คนโตของพรรคท่องกระบี่ ถ้าพูดถึงความรู้ความก็นับว่ากว้างขวางมาก ส่วนพลังการบ่มเพาะก็ไปถึงระดับนักรบจอมราชันขั้นกลางแล้ว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าการบ่มเพาะของเขาสูงส่งลึกล้ำมาก เทียบได้กับชิงเฉิงเยว่และหลี่ชิวสุ่ย ยิ่งไปกว่านั้น เสี้ยวหย่วนก็เหมือนกับหลี่ชิวสุ่ย เพื่อที่จะได้รับเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อที่จะเพิ่มพลังความสามารถของตนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ถึงกับละทิ้งวรยุทธของพรรคตนโดยไม่คิดเสียดาย ถึงขขั้นทรยศอาจารย์ไปฝึกฝนเพลงกระบี่มารอำมหิตซึ่งเป็นวิชาอันโหดเหี้ยมเหมือนกับฝ่ามือสลายกระดูก ตอนนี้เย่เทียนเฉินลงมือแล้ว ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันแข็งแกร่งออกไป เสี้ยวหย่วนจะคาดเดาไม่ได้เลยหรือว่าคนที่ฆ่าพวกเฉินฮุยก็คือเย่เทียนเฉิน?
เย่เทียนเฉินก้าวออกมาประกาศชื่อของตนด้วยเสียงอันดังโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังท้าทายเสี้ยวหย่วนอีกด้วย เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่ขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว เขารู้ถึงเจตนาดีของเถียนปอกวง อีกฝ่ายไม่อยากให้เขาเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ของพรรควรยุทธโบราณและไม่อยากให้เขาไปล่วงเกินพรรคท่องกระบี่ จะอย่างไรพรรคท่องกระบี่ก็ไม่เหมือนกับกลุ่มอำนาจธรรมดาเหล่านั้น ลึกล้ำไม่อาจคาดเดายิ่งกว่ามาก หากพูดถึงความสามารถและการบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ ถ้าไปเจอกับยอดฝีมือเข้าคงยากจะรับมือจริงๆ อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต
แต่เย่เทียนเฉินไม่ได้คิดแบบนั้น ในเมื่อเขาสาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวงแล้ว ลูกผู้ชายพูดออกมาแล้วก็ต้องทำตามคำพูด จะปล่อยให้พี่ใหญ่เถียนรับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร? หากทำเช่นนี้ยังนับว่าทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ไม่ใช่นิสัยของเขาเย่เทียนเฉิน
จากการคาดเดาของเย่เทียนเฉิน ถึงแม้พลังบ่มเพาะของเสี้ยวหย่วนจะสูงส่งลึกล้ำจนไปถึงระดับนักรบจอมราชันขั้นกลางแล้ว ทในหมู่คนที่อยู่ที่นี่ นอกจากเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งที่มีพลังอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้น คนที่มีความสามารถต่ำต้อยที่สุดก็คงจะเป็นเขา อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เขาเป็นผู้มีพลังพิเศษ จะอย่างไรก็ยังมีความแตกต่างจากผู้ฝึกฝนวรยุทธโบราณ รวมกับที่เขาสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ในช่วงเวลาสำคัญ อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่พลังป้องกันและพลังโจมตีแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน หากพวกเขาสามคนต้องการฆ่าเสี้ยวหย่วนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
ฉัวะ!
ปราณกระบี่อำมหิตโจมตีเข้ามา เย่เทียนเฉินไม่ได้หลบแต่กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ มือขวากำแน่น มีพลังสายฟ้าเปล่งประกายลุกโชน โจมตีซัดหมัดออกไปปะทะกับปราณกระบี่อำมหิตนั้นโดยตรง
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินที่อยู่กลางอากาศกระเด็นถอยหลังไปหลายเมตร อย่างไรก็ตาม เมื่อพยุงร่างกายให้มั่นคงได้แล้วก็พุ่งทะยานเข้าหาเสี้ยวหย่วนอย่างรวดเร็ว ทำให้เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งตกใจจนชะงักไป เย่เทียนเฉินมีพลังความสามารถอยู่ในขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจอมราชันขั้นสูงสุดเท่านั้น หากเปรียบเทียบกันแล้วก็เท่ากับขอบเขตนักรบราชันของผู้ฝึกยุทธ ถึงแม้จะอยู่ขั้นสูงสุด แต่จะอย่างไรก็ยังไม่สามารถข้ามระดับไปได้ ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่เขาถึงกับสามารถเข้าต่อสู้กับปราณกระบี่อำมหิตที่เสี้ยวหย่วนใช้ออกมาด้วยเพลงกระบี่มารอำมหิตได้ ศักยภาพของคนคนนี้จะมหาศาลเกินไปแล้ว ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
เสี้ยวหย่วนเองก็ชะงักไปพลางขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลาง แต่ปีนี้ก็อายุ 40 ปีแล้ว แน่นอนว่าในพรรควรยุทธโบราณ การจะมีชีวิตอยู่ถึง 100 ปีไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่ก็ไม่นับว่าเป็นคนหนุ่มอายุน้อยแล้ว หากพูดถึงชิงเฉิงเยว่ เขาก็สามารถสู้กับชิงเฉิงเยว่ได้แน่นอน แต่เขาอายุ 40 ปีและชิงเฉิงเยว่เพิ่งจะอายุ 20 ปี นี่ไม่ใช่อะไรที่จะเทียบกันได้ ดังนั้นชิงเฉิงเยว่จึงถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านการฝึกยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปี ส่วนเย่เทียนเฉินก็เพิ่งจะอายุ 20 ปี ถึงกับสามารถสู้กับปราณกระบี่มารอำมหิตของเขาได้ นี่ถ้าปล่อยให้เขาเติบโต อีกไม่กี่ปีเสี้ยวหย่วนก็คงตกอยู่ในฐานะเป็นรอง เมื่อคิดถึงตรงนี้เสี้ยวหย่วนก็มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน มือขวากำกระบี่ มือซ้ายแผ่เป็นฝ่ามือ กลางฝ่ามือมีควันสีดำพุ่งออกมาช้าๆ
เย่เทียนเฉินเป็นคนที่ทำอะไรเด็ดขาด ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าเสี้ยวหย่วน ถ้างั้นเขาก็จะไม่ยั้งมือ เขาไม่สนใจว่าขอบเขตการบ่มเพาะของตนจะสู้เสี้ยวหย่วนไม่ได้ อย่างไรก็จะลงมือเต็มที่ด้วยจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ทำให้เสี้ยวหย่วนรู้สึกสั่นสะท้าน ชายหนุ่มคนนี้มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจิตใจเด็ดเดี่ยว หากปล่อยให้เขาเติบโตได้จริงๆ ผลลัพธ์ย่อมไม่อาจคาดเดา อย่างน้อยหากพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ดีกับตนแน่นอน
“หมัดอัสนีสวรรค์!”
“ฝ่ามือมารอำมหิต!”
ตู้ม!
พลังแพร่กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ เย่เทียนเฉินและเสี้ยวหย่วนปะทะกันทำให้อากาศรอบๆ สั่นสะท้านจนสลายไป เสี้ยวหย่วนตกใจจนหน้าถอดสี เขาถึงกับรู้สึกว่าข้อมือของตนชาวาบ ในเพลงกระบี่มารอำมหิตมีบันทึกฝ่ามือมารอำมหิตเอาไว้ด้วย นี่ล้วนเป็นเคล็ดวิชาสายมารที่ยอดเยี่ยม พลังในการฆ่าฟันรุนแรงหาใดเปรียบ มิฉะนั้นคงไม่ถูกปิดผนึกเอาไว้ที่ภูเขาด้านหลังของพรรคท่องกระบี่โดยไม่เปิดเผยสู่โลกภายนอกมาตลอด แต่ทั้งๆ ที่เย่เทียนเฉินมีพลังบ่มเพาะต่ำต้อยกว่าตน ทำไมถึงเข้าปะทะได้?
“ย้าก!”
เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง ทั่วทั้งร่างมีพลังการต่อสู้ไหลเวียน บรรยากาศเผด็จการอันแข็งแกร่งพุ่งทะยานออกมาจากในร่าง สายฟ้าบนหมัดทั้งสองส่งเสียงดังเปรี้ยงปร้างราวกับเขาเป็นเทพสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น เพียงพริบตาเดียวก็ซัดออกไปแล้ว 237 หมัด แต่ละหมัดโจมตีไปยังเสี้ยวหย่วนด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
ใครก็คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้เย่เทียนเฉินจะสู้กับเสี้ยวหย่วนในสภาวะที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าโดยไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย เถียนปอกวงกับตงฟางเมิ่งที่คิดจะเข้าไปช่วยล้วนตื่นตะลึงจนยืนนิ่งอยู่บริเวณไม่ไกล จ้องมองภาพนี้อย่างนิ่งงั้นราวกับต้องการจะเห็นว่าศักยภาพของเย่เทียนเฉินจะมากมายขนาดไหนกันแน่ เขาถึงกับสู้เสี้ยวหย่วนได้ นับว่าความสามารถในการบ่มเพาะไม่ด้อยไปกว่าเถียนปอกวงเลย ดังนั้นเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งจึงรู้สึกแปลกใจกับความสามารถของเย่เทียนเฉินที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
เสี้ยวหย่วนสกัดกั้นหมัดของเย่เทียนเฉินไปพลางหาวิธีการทำลายไปพลาง ใบหน้าเปลี่ยนไปโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ คิดในใจว่าเขาเสี้ยวหย่วนมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลาง สูงกว่าทั้งสามคนที่อยู่ที่นี่ หากต้องการฆ่าคนทั้งสามก็ง่ายดายเหมือนฆ่าไก่ฆ่าหมา ไหนเลยจะรู้ว่าฝีมือของทั้งสามจะห่างจากจินตนาการของเขาไปมาก เถียนปอกวงสามารถสู้กับเขาได้ก็ช่างเถอะ จะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเถียนปอกวงก็ด้อยกว่าเขาไม่เท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น เพลงดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องก็ร้ายกาจมาก แต่ตอนนี้เย่เทียนเฉินที่เพิ่งจะอายุไม่ถึง 20 ปี พลังบ่มเพาะยังต่ำกว่าเขาอยู่สองขอบเขต ถึงกับต่อสู้กับตนได้โดยไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย เสี้ยวหย่วนรู้สึกโมโหจนแทบจะกระอักเลือดจริงๆ
“ไอ้ลูกเต่า ไปตายซะ!” เสี้ยวหย่วนตะโกน ทันใดนั้นเอง มือทั้งสองกำไปยังปราณกระบี่อำมหิตสีดำที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ฟาดฟันกระบี่ไปทางเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินที่เพิ่งจะโจมตีออกไป 200 กว่าหมัดสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายของตัวเองไม่ได้ว่างเปล่าพลันรู้สึกยินดีอยู่ในใจ ไม่ผิดจากที่เขาคาด การฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยก แม้จะไม่ได้เพิ่มพลังความสามารถดั้งเดิมของเขา แต่กลับทำให้พลังของเขามั่นคงขึ้นมาก นี่ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าการทะลวงขอบเขตความสามารถเสียอีก ถามหน่อยเถอะ พลังการต่อสู้ของคนคนหนึ่ง ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็จะต้องมีเวลาที่ว่างเปล่าและเหือดแห้ง แต่ตอนนี้เย่เทียนเฉินใช้หมัดอัสนีสวรรค์ไป 200 กว่าหมัดในพริบตาเดียว แต่ละมัดยังคละเคล้าไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับไม่รู้สึกว่าถึงการเหือดแห้งและว่างเปล่าของพลังในร่างกายแม้แต่น้อย นี่เป็นความน่าหวาดกลัวระดับไหนกัน?
กับสถานการณ์ในตอนนี้เย่เทียนเฉินก็เคยคิดมาก่อนแล้ว เป็นไปได้มากว่าเมื่อฝึกฝนร่วมกับตงฟางเมิ่ง ด้วยคัมภีร์ดรุณีหยกกว้างขวางลึกล้ำ มีพลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์ที่สุดเช่นนั้น เมื่อผสานรวมกับพลังพิเศษในร่างกายของเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น มีความเป็นไปได้เพียงเช่นนี้เท่านั้น
ความจริงสิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ การที่เย่เทียนเฉินสามารถระเบิดพลังให้เพิ่มขึ้นในพริบตาจนสามารถสู้กับเสี้ยวหย่วนที่พลังสูงกว่าเขาอยู่สองระดับได้นั้น เป็นเพราะเขาได้กระตุ้นพลังการต่อสู้ข้ามขั้นออกมาแล้ว แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นก็จะสัมผัสถึงขอบเขตนี้ได้ เพียงแต่เขายังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงพุ่งเข้าไปหาเสี้ยวหย่วนโดยไม่สนใจอะไรและต่อสู้กับเขาอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ในใจของเย่เทียนเฉินคิดว่านี่เป็นการวางแผนที่อันตรายมาก หากพ่ายแพ้ก็อาจจะตายได้ อาจถูกเสี้ยวหย่วนฆ่าตาย
ฟู่!
นั่นคือความรู้สึกราวกับอากาศถูกเผาไหม้ ควันสีดำพุ่งออกมาดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก กระบี่นี้ของเสี้ยวหย่วนฟาดฟันออกไปด้วยพลังที่รุนแรงที่สุดของเพลงกระบี่มารอำมหิต เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้กับเย่เทียนเฉิน มองว่าเป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ปักกระบี่ลงพื้นด้วยท่าทีมั่นใจเป็นอย่างมาก รอดูเย่เทียนเฉินถูกปปราณอำมหิตฉีกขาดจนกลายเป็นฝนเลือด
ปราณกระบี่อำมหิตที่เสี้ยวหย่วนฟาดฟันออกไปกลายเป็นงูตัวเขื่องสีดำ อ้าปากกว้างมุ่งกลืนกินไปทางเย่เทียนเฉินด้วยความเร็วสูง ทั้งรุนแรงและเผด็จการอย่างยิ่ง ทุกที่ที่มันผ่านไปล้วนไร้ซึ่งสรรพสิ่ง ไอมารเช่นนั้นทำให้จิตวิญญาณของผู้คนรับรู้ได้อย่างชัดเจนจนกระทั่งมีความรู้สึกว่าแม้แต่วิญญาณของมนุษย์ก็จะถูกกลืนกินไปด้วย น่ากลัวยิ่งกว่าความตายมากนัก
“ไอ้น้องชาย!”
“เย่เทียนเฉิน!”
เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี เตรียมตัวจะลงมือช่วยเหลือเย่เทียนเฉิน พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือย่อมมองออกว่าคราวนี้เสี้ยวหย่วนลงมือเต็มที่ งูตัวใหญ่สีดำนั้นเกิดจากลมปราณอำมหิต กำเนิดจากลมปราณสร้างเป็นรูปลักษณ์ออกมา นี่มันน่าหวาดกลัวระดับไหนกัน เกรงว่าถ้าถูกกลืนเข้าไป กระทั่งกระดูกก็คงไม่เหลือ ไหนเลยจะยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่แน่ว่ากระทั่งวิญญาณก็อาจจะถูกกักขัง ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ชั่วกาล
“ไม่ต้องเข้ามา ฉันมีวิธี!”
ในขณะที่พูด เย่เทียนเฉินที่อยู่กลางอากาศก็ซัดฝ่ามือโจมตีไปยังเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่ง พลันปรากฏกำแพงหนาเบื้องหน้าพวกเขาสองคน สูงถึงหลาย 10 จั้ง หนากว่า 10 เมตร ขวางเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งเอาไว้ นี่คือกำแพงพสุธาซึ่งเป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายดินของเย่เทียนเฉิน เขาไม่อยากให้เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งมีอันตราย ในขณะเดียวกันก็ต้องการทำแผนเสี่ยงอันตรายของตนให้เป็นจริง
“ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย แกจะต้องถูกกินจนไม่เหลือเลือดแม้แต่หยดเดียว!” เสี้ยวหย่วนมองไปในอากาศอย่างดุดัน มุมปากเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมทั้งยังยโสไม่เห็นหัวผู้ใด
“ถ้าไม่บ้าก็ไม่รอดชีวิต”
เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง ถึงกับกางแขนกางขาพุ่งเข้าหางูตัวใหญ่สีดำที่ก่อกำเนิดมาจากพลังลมปราณอำมหิตอันแข็งแกร่งโดยไม่ได้ป้องกันและขัดขวาง พริบตาเดียวก็พุ่งเข้าไปในปากของมัน เรียกได้ว่าโยนตัวเองลงแหอย่างสิ้นเชิง
—————————————