เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 432 เย่เทียนเฉินตายแล้ว
ใครก็คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เทียนเฉินจะเลือกต่อสู้ข้ามขั้น พริบตาเดียวก็ทำให้ขอบเขตการบ่มเพาะของตนไปถึงขอบเขตจักรพรรดิ สู้กับเสี้ยวหย่วนไปหลาย 100 กระบวนท่า สู้กันจนถึงจุดเดือด นี่เป็นความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของเย่เทียนเฉิน หากต้องการทำให้สภาวะร่างกายของตนอยู่ในขอบเขตที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ ไม่เพียงแต่จะต้องมีความสามารถส่วนตัวที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญคือต้องมีความเข้าใจด้วย
เสี้ยวหย่วนโกรธจัด มือขวาฟาดฟันกระบี่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง เพลงกระบี่มารอำมหิตของเขาฝึกจนสำเร็จนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดในเรื่องพลังการบ่มเพาะ เกรงว่าคงจะพัฒนาไปได้อีกขั้น คงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป จะทำให้แผนการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเคล็ดวิชาปราณกระบี่ของพรรคท่องกระบี่เป็นจริงไปแล้ว ตอนนี้ถึงกับถูกชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 20 ปีคนหนึ่ง ทั้งยังมีพลังบ่มเพาะต่ำต้อยกว่าเขากดดันและไม่เห็นอยู่ในสายตา เสี้ยวหย่วนที่มีความหยิ่งทนงในใจจะรับได้อย่างไร พลันนั้นจึงฟาดฟันการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเพลงดาบกระบี่มารอำมหิตออกไป
สิ่งที่ทำให้เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งคาดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่อันโหดเหี้ยมเช่นนั้นของเสี้ยวหย่วน เขาถึงกับไม่ต้องการให้พวกตนทั้งสองเข้าช่วยเหลือ ต้องการต่อสู้เพียงลำพัง!
ฟิ้ว!
เย่เทียนเฉินเห็นงูตัวใหญ่สีดำที่ก่อกำเนิดมาจากปราณอำมหิตตัวนั้นอ้าปากกว้าง ต้องการกลืนกินตนเอง ทั้งยังกลืนกินอากาศรอบๆ ไปนานแล้ว พบว่าเกิดเสียงดังสนั่น น่ากลัวเป็นอย่างมาก เขาถึงกับไม่ได้หลบและไม่ได้โจมตีกลับ แต่พุ่งเข้าไปในปากของงูตัวใหญ่สีดำนั้นในชั่วพริบตา ทำให้เสี้ยวหย่วน เถียนปอกวง และตงฟางเมิ่งตื่นตะลึงจนนิ่งค้าง
“ไอ้น้องชาย…” เถียนปอกวงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นร้องตะโกนขึ้น
“เย่เทียนเฉิน เจ้าโง่…” ในดวงตาของตงฟางเมิ่งแฝงไปด้วยน้ำตา เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะทำเช่นนี้ เพลงกระบี่มารอำมหิตเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม กระทั่งอากาศก็สามารถกลืนกินเข้าไปได้ ทำให้ในอากาศไม่หลงเหลือสิ่งใดอีก นี่เป็นความน่าหวาดกลัวระดับไหนกัน? ดูเหมือนว่าใครก็ไม่กล้าเอาตัวเข้าไปสัมผัส หากโดนเข้าไป ไม่ว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ เพียงแค่ของอัปมงคลเช่นนี้ก็ทำให้ผู้คนถอยหนีแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เย่เทียนเฉินถึงกับส่งตัวเองเข้าไป ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไง?
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้โง่ ปัญญาอ่อน แกยอมแพ้ไม่ยอมป้องกันเพราะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันสินะ? แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครรับกระบวนท่านี้ได้ แกถึงกับกล้าพุ่งเข้าไปข้างใน เป็นคนไม่รู้จักที่ตายจริงๆ !” บนใบหน้าของเสี้ยวหย่วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย บรรยากาศโอหังลุกโชน ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาอย่างยิ่ง บ้าคลั่งจนถึงขีดสุด
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
ราวกับว่าเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งจะลงมือพร้อมกัน ไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว พวกเขาก็ต้องการฆ่าเสี้ยวหย่วน หากเย่เทียนเฉินตายไปแล้ว พวกเขาก็จะทำเพื่อแก้แค้นให้เขา หากเย่เทียนเฉินยังอยู่ เกรงว่าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหรือพิการ เสี้ยวหย่วนคงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่
เคร้งๆๆ !
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่ง เสี้ยวหย่วนจำต้องถอยไม่หยุด ในใจลอบสึกแปลกใจ พลังบ่มเพาะของสองคนนี้อยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้น ส่วนตนอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลาง ทั้งยังมีวรยุทธสายมารซึ่งก็คือเพลงดาบมารอำมหิต หากใช้เพลงกระบี่ของพรรคท่องกระบี่ที่ยังไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่เพียงอย่างเดียว เกรงว่าตอนนี้คงถูกสองคนนี้ฆ่าไปแล้ว
ตู้ม!
เสี้ยวหย่วนปะทะฝ่ามือกับตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งในตอนนี้ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ สาวงามที่มีนิสัยประดุจภูเขาน้ำแข็ง ในตอนนี้เกิดความคิดต้องการสังหารแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะขัดตาคนถ่อยไร้อย่างอายอย่างเสี้ยวหย่วน หรือจะเป็นเพราะต้องการแก้แค้นให้เย่เทียนเฉิน ในใจของตงฟางเมิ่งก็มีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือต้องฆ่าเสี้ยวหย่วน
ฝ่ามือปะทะกัน เสี้ยวหย่วนถอยหลังไปสองก้าว ส่วนตงฟางเมิ่งกลับถอยหลังไปหลายเมตร นี่คือความแตกต่างของขอบเขตพลังการบ่มเพาะ แต่เธอสามารถสู้กับเสี้ยวหย่วนได้เช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว จะอย่างไรเธอก็ยังไม่ได้ฝึกฝนขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกให้สมบูรณ์ ย่อมมีจุดอ่อนอยู่บ้าง
“ตงฟางเมิ่ง เธอเป็นลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ นับว่าเป็นพรรคฝ่ายธรรมะ ตอนนี้ถึงกับร่วมมือกับโจรชั่วอย่างเถียนปอกวงมาสู้กับฉัน เธอไม่กลัวว่าจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของพรรคสุสานโบราณของเธอรึไง?” เสี้ยวหย่วนมองไปยังตงฟางเมิ่ง จงใจพูดให้เธอเสียสมาธิ
“คนถ่อยโหดเหี้ยมอำมหิตและหน้าด้านไร้ยางอายอย่างแกยังสมควรฆ่ายิ่งกว่าโจรชั่วอีก!” ตงฟางเมิ่งฟาดฟันกระบี่ไปยังเสี้ยวหย่วน ทั้งยังทะยานตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย เตรียมตัวรับความตายซะ ฉันเถียนปอกวงที่เป็นมหาโจรชั่วช้าถูกทุกคนไล่ฆ่าก็ยังทนมองแกไม่ได้ แกคิดว่าบนโลกนี้ยังจะมีที่ยืนให้แกอีกหรือไง?” เถียนปอกวงก็รีบเร้นเคล็ดวิชาเทพท่องจนถึงขีดสุด ทำให้เสี้ยวหย่วนไม่สามารถสลัดออกจากขอบเขตการโจมตีของเขาได้
เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งต่างก็เป็นยอดฝีมือในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้น และเป็นคนที่อยู่ในโลกของวรยุทธโบราณเช่นเดียวกัน ถึงทั้งสองจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ตอนนี้พวกเขามีความคิดที่จะแก้แค้นให้เย่เทียนเฉิน ดังนั้นจึงยอมร่วมมือกันสู้กับเสี้ยวหย่วน พลังบ่มเพาะของเสี้ยวหย่วนสูงกว่าพวกเขา หากไม่ใช่ว่าทั้งสองร่วมมือกัน เกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือของเสี้ยวหย่วนแน่นอน ตอนนี้พวกเขากดดันเสี้ยวหย่วนอย่างเต็มกำลัง แต่หากเสี้ยวหย่วนหนีไปได้ก็คงมีโอกาสอีกมาก ถ้าปล่อยคนแบบนี้หนีไป แค้นของเย่เทียนเฉินจะไปชำระที่ไหน?
“หึ คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งแห่งพรรคสุสานโบราณ ผู้หญิงบริสุทธิ์ประหนึ่งน้ำแข็งกระจ่างใส ถูกเรียกขานว่างดงามเทียบเท่ากับชิงเฉิงเยว่ที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในโลกของวรยุทธโบราณ จะร่วมมือกับเถียนปอกวงที่เป็นโจรชั่วช้า ดูแล้วพรรคสุสานโบราณคงเป็นพรรคของหญิงชายโสเภณี น่าหัวเราะ น่าหัวเราะจริงๆ!” เสี้ยวหย่วนหัวเราะ พยายามพูดกระตุ้นเธอ
ไหนเลยจะรู้ว่าตงฟางเมิ่งจะใจแข็งประหนึ่งเหล็กกล้า ผู้หญิงคนนี้ดูงดงามราวกับนางเซียน ดูแล้วน่ารักสวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ในวินาทีที่ท่านอาจารย์ตายไป เธอก็รู้ถึงภารกิจของตัวเอง รู้เรื่องที่ตนเองสมควรกระทำ เธอต้องทำให้พรรคสุสานโบราณผงาดขึ้นมา ต้องพยายามทำความปรารถนาของท่านอาจารย์ให้สำเร็จ ต่อให้ทำไม่สำเร็จก็จะต้องพยายามเต็มที่ จะอย่างไรบุญคุณที่ท่านอาจารย์มีต่อเธอก็ยิ่งใหญ่ประหนึ่งเขาไท่ซาน
นึกไปถึงปีนั้น ตงฟางเมิ่งเป็นคุณหนูในตระกูลตงฟาง สูงศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ตระกูลตงฟางก็เป็นตระกูลในโลกของวรยุทธโบราณเช่นเดียวกัน ย่อมเข้าใจเรื่องของพรรควรยุทธโบราณแน่นอน ในตอนที่ตงฟางเมิ่งเกิดมาเธอมีร่างกายอ่อนแอ ตระกูลตงฟางคิดทำทุกวิถีทางถึงจะรักษาชีวิตของเธอไว้ได้ แต่ก็ไม่ยืนยาว พยายามคิดหาทุกวิถีทาง ใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย เชิญยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้ สุดท้ายหัวหน้าพรรคสุสานโบราณซึ่งก็คืออาจารย์ของตงฟางเมิ่งเห็นเด็กน้อยน่ารักคนนี้ฉลาดเฉลียวรู้ความ ไม่ควรต้องตายไปแบบนี้ จึงรับเธอเป็นลูกศิษย์ไว้ข้างกาย แต่ละวันผ่านไป แต่ละปีผ่านไป ทุกวันล้วนใช้พลังภายในอันแข็งแกร่งชะล้างไขกระดูกให้ตงฟางเมิ่ง จึงค่อยๆ ทำให้ร่างกายของตงฟางเมิ่งแข็งแกร่งขึ้นมา ไม่อ่อนแอเจ็บป่วยง่ายอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังถ่ายทอดเคล็ดวิชาอันลึกล้ำสูงส่งของพรรคสุสานโบราณให้เธอด้วย เรียกได้ว่าหากไม่มีท่านอาจารย์ ตงฟางเมิ่งคงตายไปนานแล้ว ดังนั้นความรู้สึกที่เธอมีต่อท่านอาจารย์ก็เหมือนกับพ่อแม่แท้ๆ ของตน
“เสี้ยวหย่วน แกกำลังกลัวอยู่หรือไง? ถ้าจะใช้คำพูดแบบนี้ทำให้ตงฟางเมิ่งเสียสมาธิ วันนี้แกคงต้องตายที่นี่แน่แล้ว!”
เถียนปอกวงพูดอย่างเย็นชา เดิมทีเขาก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง นิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา หากต้องการฆ่าก็จะไม่กระทำลับหลัง แต่จะพูดให้ชัดเจนต่อหน้า และเพราะนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้จึงทำให้เย่เทียนเฉินสาบานเป็นพี่น้องกับเขา ทั้งสองมีความรู้สึกเสียดายฝีมือของอีกฝ่าย ถึงแม้ตงฟางเมิ่งจะชอบหยอกล้อว่าทั้งสองเป็นคนบ้ากามประเภทเดียวกันก็ตาม
ดาบผ่าฟืนโบกสะบัด ชั่วขณะนั้นเถียนปอกวงร่ายรำเพลงดาบว่องไวของตนจนถึงระดับสูงสุด ร่ายรำออกมาจนกลายเป็นเงาดาบกักขังตงฟางเมิ่งเอาไว้ด้านใน อย่างน้อยในขอบเขต 100 เมตรรอบด้านก็เต็มไปด้วยปราณดาบที่เถียนปอกวงร่ายรำมา อากาศถูกฉีกขาด ต้นหญ้าบนพื้นราบกลายเป็นฝุ่นผง เห็นได้ชัดว่าปราณดาบนี้แข็งแกร่ขนาดไหน
“พวกแกฆ่าฉันไม่ได้หรอก ไอ้คนไม่รู้จักที่ตายนั่นตายไปแล้ว พวกแกก็ลงนรกไปด้วยกันกับมันซะเถอะ!”
เสี้ยวหย่วนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ในมือขวามีประกายสีดำถูกยิงออกมาจากกระบี่ดำในมือ ทำให้เงาดาบที่เถียนปอกวงร่ายรำออกมาสลายไป จากนั้นจึงพุ่งทะยานออกมาจากด้านใน เพียงแต่ในตอนที่เขาเพิ่งจะพุ่งออกมา ตงฟางเมิ่งก็รวบรวมพลังภายในอันแข็งแกร่งของคัมภีร์ดรุณีหยกไว้ที่ฝ่ามือแล้ว ซัดลงไปยังเสี้ยวหย่วนจนฟ้าดินสะเทือน
ตู้ม!
ตงฟางเมิ่งถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ฝ่ามือขวาถูกโจมตีจนมีเลือดไหลออกมา ส่วนเสี้ยวหย่วนก็ถูกซัดจนกระเด็นออกไปไกลหลาย 100 เมตร หลังกระแทกเข้ากับก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งอย่างรุนแรง ทำให้ก้อนหินแหลกสลายเป็นผุยผง มุมปากมีเลือดไหลออกมา ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าฝ่ามือนี้ของตงฟางเมิ่งจะร้ายกาจขนาดนี้ ขอบเขตการบ่มเพาะสู้เขาไม่ได้ แต่สามารถโจมตีเขาจนบาดเจ็บได้เช่นนี้เชียว
“คัมภีร์ดรุณีหยก? คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งจริงๆ แกถึงกับฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกได้สมบูรณ์แล้ว ฝึกฝนร่วมกับไอ้ลูกเต่าไม่รู้จักที่ตายนั่นสินะ? จะน่าเสียดายเกินไปแล้ว ไม่สู้มาฝึกฝนร่วมกับฉันดีกว่า!” ใบหน้าของเสี้ยวหย่วนโหดเหี้ยม มองไปยังตงฟางเมิ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย
“จะผิดปกติเกินไปแล้ว คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งขนาดนี้ ถึงกับไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้เลย…” ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว อดไม่ได้ผู้ที่จะพูดพึมพำกับตนเองเสียงเบา
คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งขนาดไหน ถูกเรียกขานว่าเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่เทียบได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลินในรอบหลายพันปี คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลินสืบทอดกันมาเกือบหมื่นปีแล้ว เป็นวิชาที่คนในโลกวรยุทธคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดมาโดยตลอด มีคนไม่น้อยวาดฝันต้องการได้มาครอบครอง การที่คัมภีร์ดรุณีหยกสามารถเทียบได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นก็นับว่าดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ สตรีมหัศจรรย์ของพรรคสุสานโบราณคนนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงนัก ต่อให้ตงฟางเมิ่งยังขาดอีกนิดเดียวถึงจะฝึกฝนเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกให้สำเร็จสมบูรณ์ แต่ความจริงแล้วก็ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้เลย ฝ่ามือที่รวบรวมพลังภายในอันบริสุทธิ์และแข็งแกร่งเอาไว้เช่นนี้ จินตนาการได้เลยว่าจะมีพลังอำนาจมากขนาดไหน แต่กลับไม่สามารถฆ่าเสี้ยวหย่วนได้
“เธอลองดูรอบตัวมันให้ดี มันถูกพลังมารปกคุมไว้แล้ว เรียกได้ว่าถูกพลังมารนี้ควบคุมแล้ว…” เถียนปอกวงกล่าวอย่างเย็นชา
ตงฟางเมิ่งชะงักไป ตอนนี้เธอเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าบนร่างกายทั้งหมดของเสี้ยวหย่วนมีพลังมารสีดำชั้นหนึ่งปกคลุมเอาไว้ ดังนั้นทุกสิ่งที่ผ่านไปจะอันตธานหายไปจนสิ้น ฝ่ามือที่ตนปะทะกับเสี้ยวหย่วนเมื่อครู่นี้ก็คงถูกพลังมารทำให้พลังภายในอันแข็งแกร่งของคัมภีร์ดรุณีหยกสลายไปด้วย…
——————–