เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 435 ไอ้แก่หน้าซื่อใจคด
หมัดอัสนีสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาที่เย่เทียนเฉินสร้างขึ้นมา มีพลังทำลายล้างสูง ที่ตั้งชื่อว่าอัสนีสวรรค์เป็นเพราะเมื่อใช้ออกไปจะสั่นสะเทือนฟ้าสะท้านดินดั่งสายฟ้า ตอนนี้เย่เทียนเฉินต่อยหมัดอัสนีสวรรค์ออกไป ขณะที่เคลื่อนไหวยังรู้สึกว่าพลังในร่างกายไม่ลดลงเลย ความรู้สึกเช่นนี้ดีจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีขอบเขตการบ่มเพาะต่ำกว่าเสี้ยวหย่วน แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเขาราวกับตนอยู่ในสภาวะสูงสุด พลังภายในร่างกายเต็มเปี่ยม ระหว่างการเคลื่อนไหวมีพลังอันมหาศาลไหลเวียน ต่อให้ไม่เข้าสู่สภาวะต่อสู้ข้ามขั้น เย่เทียนเฉินก็เชื่อมั่นว่าจะฆ่าเสี้ยวหย่วนได้
“แกจะฆ่าฉันเหรอ?”
ตอนนี้ใบหน้าของเสี้ยวหย่วนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและความไม่อยากเชื่อ จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะพ่ายแพ้อยู่ในน้ำมือของเย่เทียนเฉิน ชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ตนยังฆ่าได้ในพริบตา ตอนนี้ถึงกับยืนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างแข็งกร้าว ส่วนเขากลับมีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความสามารถอันยอดเยี่ยม เขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร ทะยานไปยังเสี้ยวหย่วนกลางอากาศราวกับดาวตก ในฐานะที่ตนเป็นยอดฝีมือที่มีพลังพิเศษอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ส่วนเสี้ยวหย่วนก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลาง เรื่องการเหาะเหินเดินอากาศเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“เกรงว่าแกจะฆ่าฉันไม่ได้หรอก!”
เสี้ยวหย่วนตะโกนไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทีดุดัน มือขวามีเลือดไหลออกมาเป็นสาย มือขวาไม่หลงเหลือสภาพดั้งเดิมนานแล้ว มีกระดูกขาวโผล่ออกมาให้เห็น ดูแล้วน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในตอนที่ดวลกันเมื่อครู่นี้ ข้อมือขวาของเสี้ยวหย่วนถูกพลังเดชานุภาพของกระบี่ไท่อาทำร้ายจนระเบิด พลังอันแปลกประหลาดบนร่างก็สลายไปแล้ว
ตู้ม!
ไม่มีอะไรให้พูดมากและไม่มีอะไรน่าพูด เย่เทียนเฉินใช้หมัดอัสนีสวรรค์ออกไปอีกครั้ง โจมตีไปยังสมองของเสี้ยวหย่วนโดยตรง เสี้ยวหย่วนหัวเราะเสียงเย็น บริเวณบาดแผลที่มือขวามีพลังลมปราณสีดำพุ่งออกมา กลายสภาพเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ ซัดเข้าไปยังหมัดอัสนีสวรรค์ของเย่เทียนเฉิน
ตู้ม!
เสียงดังลั่นฟ้า เย่เทียนเฉินและเสี้ยวหย่วนต่างกระเด็นถอยหลังออกไปไกลหลายเมตร พลังโจมตีนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก แต่เสี้ยวหย่วนที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่ถูกฆ่า เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งที่อยู่บนพื้นได้เห็นภาพนี้ต่างก็ต้องขมวดคิ้ว รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
“ทั้งๆ ที่เสี้ยวหย่วนได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น ทำไมยังมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้อีก?” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
““ตอนนี้คนที่สู้กับเย่เทียนเฉินไม่ใช่เสี้ยวหย่วนแล้ว แต่เป็นพลังมารอันแปลกประหลาดกลุ่มนั้น!” เถียนปอกวงเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น
ตู้มๆๆ!
กลางอากาศ เย่เทียนเฉินและเสี้ยวหย่วนต่อสู้กันไม่หยุด พลังสายฟ้ากระจายไปทั่ว พลังสีดำอันแปลกประหลาดนั้นก็เอ่อทะลักไปทุกที่ เย่เทียนเฉินไม่ได้เปลี่ยนไปใช้วิชาพลังพิเศษวิชาอื่นเพียงเพราะเสี้ยวหย่วนหยุดยั้งการโจมตีของเขาได้ ยังคงใช้หมัดอัสนีสวรรค์โจมตีมุ่งสังหารไปเช่นเดิม เสี้ยวหย่วนก็โจมตีกลับมาเช่นเดียวกัน
ในตอนที่เย่เทียนเฉินโจมตีหมัดที่ 347 ออกไป ในที่สุดเสี้ยวหย่วนก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหว ถูกเย่เทียนเฉินซัดจนกระเด็นออกไป กระแทกลงบนภูเขาลูกใหญ่อย่างรุนแรง ทำให้ภูเขาถูกกระแทกจนสั่นสะท้านไม่หยุด หากไม่ใช่ว่ามีพลังมารนั้นคุ้มครองอยู่ เกรงว่าเสี้ยวหย่วนคงตายไปแล้ว
ตู้ม!
““คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าฉันเสี้ยวหย่วนจะต้องมาพ่ายแพ้อยู่ที่นี่ ฉันอดทนมาหลาย 10 ปี อีกนิดเดียวก็จะได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่และเคล็ดวิชาปราณกระบี่แล้ว เพราะเหตุใด ทำไม…” เสี้ยวหย่วนตะโกนขึ้นฟ้ายังไม่ยินยอมพร้อมใจ
“เพราะแกไม่ใช่ตัวแกเองแล้วไง!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“ฉัน…ฉันไม่ใช่ตัวฉันเองแล้วงั้นเหรอ?” เสี้ยวหย่วนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ฟื้นคืนสู่ความเยือกเย็นทันที คำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินสร้างผลกระทบให้เขาอย่างมาก
นับตั้งแต่วินาทีที่ตนได้เพลงกระบี่มารอำมหิตมา เสี้ยวหย่วนก็ลุ่มหลงในเพลงกระบี่สายมารนั้นโดยสิ้นเชิง นับวันก็ยิ่งไม่อาจถอนตัว แผนที่วางไว้หลายปีก็ค่อยๆ เป็นจริงไปทีละก้าว เดินไปสู่ความสำเร็จช้าๆ เพียงแต่เขากลับไม่รู้ตัวว่าเขาไม่ใช่ตัวตนของตัวเองนานแล้ว ถูกความปรารถนาควบคุม ถูกพลังมารนั้นควบคุม กลายเป็นเพียงซากศพเดินได้
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก ซัดหมัดโจมตีลงไป สำหรับคนชั่วช้าอย่างเสี้ยวหย่วน เขาจะไม่ออมมือในการฆ่าเด็ดขาด เสี้ยวหย่วนพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุดแล้ว จิตใจอันแน่วแน่ของเขาถูกเย่เทียนเฉินทำลายไปจนสิ้น การพ่ายแพ้ของคนคนหนึ่ง สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดไม่ใช่การแพ้ชนะในการต่อสู้ แต่เป็นการถอดใจ เมื่อความคิดที่จะเอาชนะพังทลาย คนผู้นั้นก็นับว่าใช้การไม่ได้แล้ว
ฟิ้ว! ตู้ม!
ในตอนที่เย่เทียนเฉินประทับหมัดอัสนีสวรรค์โจมตีไปยังเสี้ยวหย่วนอย่างรุนแรง ต้องการฆ่าเสี้ยวหย่วนให้ได้นั้นเอง ประกายกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งโจมตีมาจากบริเวณไกลออกไป พุ่งเข้าใส่หมัดอัสนีสวรรค์ของเย่เทียนเฉินโดยตรง ทำให้มันสลายไป เย่เทียนเฉินตกใจจนต้องขมวดคิ้ว เพลงกระบี่นี้อย่างน้อยก็พุ่งเข้ามาจากระยะหลายสิบลี้ แต่ยังคงมีพลังอำนาจเช่นนี้ อย่างน้อยผู้มาเยือนจะต้องมีพลังบ่มเพราะเหนือกว่าเสี้ยวหย่วนแน่นอน น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เพลงกระบี่ของพรรคท่องกระบี่เช่นเดียวกันแต่ยังร้ายกาจกว่ายอดฝีมือในระดับนักรบจอมราชันขั้นกลางอย่างเสี้ยวหย่วนมากนัก จากที่เย่เทียนเฉินคาดเดา ผู้มาเยือนจะต้องเป็นยอดฝีมือของพรรคท่องกระบี่ที่มาเพื่อช่วยเหลือเสี้ยวหย่วน ความสามารถควรจะอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลาย แข็งแกร่งมาก ด้วยพลังการบ่มเพาะในตอนนี้ของเขา เกรงว่าจะรับมือไม่ได้
หมัดของเขาไม่สามารถฆ่าเสี้ยวหย่วนได้ มีคนมาช่วยเหลือเสียก่อน แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ลงมืออีก ไม่ใช่ว่าเขากลัวว่าถ้าฆ่าเสี้ยวหย่วนไปแล้วจะมีความยุ่งยากอะไรหรือจะถูกพรรคท่องกระบี่ตามฆ่า แต่เขาอยากจะเห็นว่าคนที่มาช่วยเสี้ยวหย่วนจะร้ายกาจขนาดไหน เขาเพิ่งจะพัฒนาไปถึงขอบเขตพลังพิเศษในระดับจักรพรรดิ เอาชนะเสี้ยวหย่วนได้แล้วก็ควรจะประมือกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อประเมินพลังการต่อสู้ในตอนนี้ถึงจะถูก
เย่เทียนเฉินมีความคิดเช่นนี้จึงไม่ได้ลงมือโจมตีสังหารเสี้ยวหย่วนอีกในทันที แต่กลับหยุดรออยู่ที่เดิมอย่างเงียบสงบ รอผู้แข็งแกร่งที่มาช่วยเหลือเสี้ยวหย่วนคนนี้ปรากฏตัว
ตอนนี้เอง เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็ทะยานบินไปข้างกายเย่เทียนเฉิน พวกเขาก็เห็นว่ามีคนมาช่วยเหลือเสี้ยวหย่วน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ยอมลงมืออีกครั้ง ตอนนี้เถียนปอกวงต้องการลงมือแล้ว เดิมทีเขาก็เป็นคนที่เกลียดชังความชั่วอยู่แล้ว เสี้ยวหย่วนเป็นผู้ชายที่โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ ยังอันตรายกว่าหลี่ชิวสุ่ยที่ทุกคนรู้จักกันในนามปีศาจสาวซะอีก หากปล่อยเขาไว้จะต้องทำร้ายคนจำนวนมากแน่นอน
“พี่เถียน ไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะ เขากลายเป็นขยะไปแล้ว จะฆ่าหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกัน ผมอยากจะดูสักหน่อยว่าคนที่มาช่วยเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน…” เย่เทียนเฉินพูดหยุดเถียนปอกวงเอาไว้
เถียนปอกวงรู้สึกแปลกใจ เขากับตงฟางเมิ่งย่อมเห็นประกายกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหยุดหมัดอัสนีสวรรค์ของเย่เทียนเฉินเช่นเดียวกัน และรู้ว่าผู้ที่มาช่วยเหลือเสี้ยวหย่วนมีความสามารถแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าพวกเขาทุกคนแน่นอน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะยังมีความกล้าที่จะหยุดรอ ความกล้าของไอ้หนูนี่เรียกได้ว่าไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทำให้ผู้คนนับถือจริงๆ
“ไอ้น้องชาย แกกล้ามาก ขนาดฉันเถียนปอกวงก็ยังต้องนับถือ ได้ พี่ใหญ่จะรอเป็นเพื่อนแกเอง ฉันก็อยากจะเห็นว่าพรรคท่องกระบี่จะส่งคนแบบไหนมาช่วยเหลือคนประเภทนี้กันแน่!” เถียนปอกวงอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม
ตงฟางเมิ่งมองเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์ อยากจะอัดเจ้าหมอนี่แรงๆ สักครั้ง เมื่อครู่ยังปล่อยให้ตนกังวลจนแทบตาย ตอนนี้กลับมีอารมณ์พูดแบบนี้อีก ทำให้เธอเป็นห่วงเสียเปล่าจริงๆ
ในช่วงไม่กี่ลมหายใจ ชายชราหลังค่อมคนหนึ่งก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเย่เทียนเฉิน ชายชราคนนี้มีดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่ มองเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มจนตาหยี แล้วจึงมองไปยังเสี้ยวหย่วนที่ตอนนี้ถูกอัดจนบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสภาพที่เป็นครึ่งตาย เสี้ยวหย่วนสูญสิ้นความตั้งใจเด็ดเดี่ยวไปแล้ว เขาก็เหมือนกับขยะชิ้นหนึ่ง สายตาเหม่อลอย เอาแต่พึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ฉันไม่ใช่ตัวฉันเองแล้ว ฉันไม่ใช่ตัวฉันเองแล้ว…”
“เป็นแกที่ทำให้เสี้ยวหย่วนกลายเป็นแบบนี้เหรอ?” ชายชราองเย่เทียนเฉินราวกับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ถูกต้อง!” เย่เทียนเฉินเองก็ตอบไปอย่างเรียบเฉย
“ยอมรับก็ดีแล้ว พรรคท่องกระบี่ของฉันไม่เคยมีใครกล้ามารังแก ในเมื่อแกทำร้ายเสี้ยวหย่วนจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ฉันในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของพรรคท่องกระบี่ย่อมต้องทวงความยุติธรรมกลับมา หนุ่มน้อย แกมีศักยภาพไม่เลว ฉันไม่อยากจะฆ่าคนมีพรสวรรค์อย่างแก ถ้างั้นฉันจะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเป็นไง?” ชายชราพูดกับเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้ม
“เขาจะฆ่าผม ผมก็แค่ตอบโต้เท่านั้น นี่คือเหตุผลของพรรคท่องกระบี่ของคุณเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามเสียงเย็น
“ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อฉันมาแล้ว ได้เห็นภาพนี้แล้ว ชื่อเสียงของพรรคท่องกระบี่ของฉันจะไม่ยอมให้ใครรังแกง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้ เตรียมรับมือเถอะ!” ชายชราคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมลง คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะพูดจามีเหตุผได้ เดิมทีเขาคิดจะยืนอยู่ข้างเหตุผล แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้เดินในเส้นทางวรยุทธเช่นเขากล่าวจนกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย อาศัยบารมีรังแกผู้อื่น ไหนเลยจะรู้ว่าคำพูดของเย่เทียนเฉินจะทำลายเหตุผลของเขาจนสิ้น พลันนั้นจึงเกิดความคิดที่จะฆ่าขึ้นมาแล้ว
“ความหมายของคุณก็คือ ขอเพียงมีเรื่องที่จะทำลายชื่อเสียงของพรรคท่องกระบี่ ต่อให้เป็นความผิดของพรรคท่องกระบี่ก็จะเอาความให้ถึงที่สุดงั้นเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม
“แก…ไอ้เด็กเปรต แกอย่าได้มาเล่นลิ้นกับฉัน เตรียมตัวรับความตายไปซะ!” ในที่สุดชายชราผู้นั้นก็เผยนิสัยที่แท้จริงออกมา เผยความโหดเหี้ยมอำมหิตออกมา พลังลมปราณถูกรวบรวมไปที่ฝ่ามือขวา เตรียมจะโจมตีเย่เทียนเฉินให้ตายไปได้ทุกเมื่อ
ความจริงเย่เทียนเฉินมองออกนานแล้วว่าชายชราแห่งพรรคท่องกระบี่คนนี้ ดูผิวเผินคล้ายกับมีความเป็นธรรมและจิตใจดี ไม่เข้าข้างพรรคพวก แต่ความจริงล้วนเป็นสิ่งที่เสแสร้งออกมา คิดไม่ถึงว่าพอมาถึงก็กล่าววาจาเย่อหยิ่ง เกรงว่าภายภาคหน้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะทำลายชื่อเสียงของพรรคท่องกระบี่ของพวกเขาแล้ว เขาก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย นี่ไม่นับเป็นอะไรได้ เขาพูดแค่ว่าให้เย่เทียนเฉินรับมือเขากระบวนท่าเดียวเท่านั้น เขาเป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไปถึงขอบเขตนักรบจอมราชันขั้นปลายนานหลายปีแล้วด้วย ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสของพรรคท่องกระบี่มีเพลงกระบี่ลึกล้ำ ย่อมไม่อาจนำเสี้ยวหย่วนไปเทียบได้ กระบวนท่าหนึ่งของเขา หากเย่เทียนเฉินรับไป เกรงว่าคงจะลำบากมาก และเพราะเหตุนี้เขาจึงมั่นใจว่าจะฆ่าเย่เทียนเฉินได้ เขามีความมั่นใจในตนเองอย่างมาก มิฉะนั้นคงไม่สงบนิ่งเช่นนี้ พูดออกมาว่ากระบวนท่าเดียวเท่านั้น
“หึ พรรคท่องกระบี่ล้วนมีแต่คนถ่อยไร้ยางอายทั้งนั้น ตอนนี้เผยสีหน้าที่แท้จริงออกมาแล้วเหรอ? ไอ้แก่ไม่รู้จักตาย แกคิดจะฆ่าพี่น้องของฉัน ถามฉันเถียนปอกวงสักคำหรือยัง…” เถียนปอกวงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
………………………………….