เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 437 กระบี่เทพทั้งสามปรากฏพร้อมกัน
ฉัวะ!
เสียม๋อลงมือฟาดฟันกระบี่ไปยังเย่เทียนเฉิน เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่ง ทั้งสามต่างพากันตกตะลึง กลิ่นอายแห่งความตายเช่นนั้นสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เพลงกระบี่มารอำหมิตนี้ เมื่อถูกใช้ออกมาจากมือของเสียม๋อ พลังอำนาจแตกต่างไปราวฟ้ากับเหว ปราณกระบี่สีดำอันมโหฬารพุ่งเข้ามา พริบตาเดียวก็แยกเป็นสามสาย แยกโจมตีไปทางพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามคน
ตู้ม!
ตู้ม!
เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป หากพูดถึงความสามารถในตอนนี้ เย่เทียนเฉินทะลวงขอบเขตพลังพิเศษไปถึงระดับจักรพรรดิขั้นต้นแล้ว ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พลังต่อสู้ก็ไปถึงสภาวะสูงสุดและยังอยู่ในขอบเขตการต่อสู้ข้ามขั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ของเสียม๋อ เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้หลบ แต่ใช้กระบี่ไท่อาขวางเอาไว้ ทำให้ปราณกระบี่นั้นสลายไป
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินขวางอยู่เบื้องหน้าเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่ง ตอนที่ต่อสู้กับเสี้ยวหย่วนพวกเขาสองคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว จะขวางการโจมตีของเสียม๋อได้อย่างไร ตอนนี้คนเพียงคนเดียวที่มีความสามารถเพียงพอที่จะสู้กับเสียม๋อได้ก็คือเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินทำได้แค่ขวางการโจมตีเท่านั้น หากคิดจะฆ่าสังหารเสียม๋อ ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ยังคงไม่เพียงพอ
ถึงแม้เสียม๋อในตอนนี้จะไม่ใช่เสียม๋อเมื่อหลาย 100 ปีก่อน เป็นเพียงศพที่ถูกพลังมารควบคุม เท่ากับว่าหลงเหลือเพียงร่างกายว่างเปล่าเท่านั้น แต่พลังบ่มเพาะก็แข็งแกร่งห้าวหาญเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็อยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลาย หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินเพิ่งจะทะลวงพลังไปถึงระดับจักรพรรดิ พลังต่อสู้อยู่ในสภาวะสูงสุดและยังอยู่ในขอบเขตการต่อสู้ข้ามขั้น คงหยุดการโจมตีของเสียม๋อไม่ได้
“ศักยภาพไร้ขีดจำกัดแล้วยังมีกระบี่ดีๆ แบบนี้อีก ฉันไม่อยากฆ่าแกเลยจริงๆ!” เสียม๋อมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างเย็นชา
“แกแค่ไม่อยากฆ่าฉันตอนนี้ อยากทำให้ฉันเป็นเหมือนกับเสี้ยวหย่วน ถูกแกใส่พลังมารไปเพาะเลี้ยงในร่างกาย เมื่อถึงเวลาแกก็จะฆ่าฉันเหมือนที่ฆ่าเสี้ยวหย่วนแล้วเอาพลังของแกกลับไป ใช่หรือเปล่าล่ะ?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก
“คนบางคนถ้าฉลาดเกินไปก็จะอยู่ได้ไม่นาน…” ในดวงตาของเสียม๋อเต็มไปด้วยความอำมหิต มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“งั้นเหรอ? ฉันก็มีบางคำที่อยากจะบอกแก คนบางคนถ้าชั่วเกินไป โดยเฉพาะถ้ามาชั่วตอนแก่ก็จะอยู่ได้ไม่นาน…” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“รนหาที่ตาย!”
ซู่ม!
เสียม๋อพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉินโดยตรง กระบี่มารในมือขวาเปล่งประกายสีแดงเลือด เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เขารู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้หากถอยก็จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย มีเพียงใช้พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งทำให้ชายชรายากลำบากจนต้องถอยหนีไปเท่านั้น มิฉะนั้นหากพวกเขาถอยหรือหนีไปในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องถูกตามฆ่าจนตายแน่นอน วิธีการเพียงหนึ่งเดียวก็คือสู้สุดชีวิต
“พวกเธอถอยไปซะ ให้ฉันสู้เอง!” เย่เทียนเฉินหันไปพูดกับเถียนปอกวงและตงฟางเมิ่ง
“ไอ้หนูแกอย่าได้ฝืนแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน…” เถียนปอกวงพูดอย่างร้อนรน
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำเป็นเท่นะ…” ตงฟางเมิ่งเองก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว เธอรู้ดีว่าเสียม๋อเบื้องหน้าแข็งแกร่งร้ายกาจขนาดไหน หากเย่เทียนเฉินไปต่อสู้คนเดียว เกรงว่าจะเป็นการส่งเขาไปหาที่ตายอย่างแท้จริง
“พวกเธอคนหนึ่งเป็นพี่น้องของฉัน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันยอมให้ตัวเองตายแต่ไม่อยากเห็นพวกเธอต้องตาย ถ้าเป็นแบบนั้นจะเสียใจยิ่งกว่าตัวเองตายซะอีก…”
หลังจากเย่เทียนเฉินพูดประโยคนี้จบก็ถือกระบี่ไท่อาพุ่งเข้าใส่เสียม๋อ เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งต่างก็ชะงักไป พวกเขารู้ดีว่าเย่เทียนเฉินพูดได้ถูกต้อง ด้วยสภาพของพวกเขาสองคนในตอนนี้ ต่อให้เข้าไปสู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียพลังการต่อสู้ไปมาก ทำได้เพียงกลายเป็นภาระของเย่เทียนเฉินเท่านั้น
เคร้ง!
กระบี่มารปะทะเข้ากับกระบี่ไท่อา เย่เทียนเฉินและเสียม๋อต่างก็กระเด็นถอยหลังไปหลายเมตร เสียม๋อมองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา อดไม่ได้ที่จะดวงตาเป็นประกาย พูดขึ้นว่า “กระบี่ไท่อา? หนึ่งกระบี่สิบเทพบรรพกาล แกถึงกับได้มาครอบครองหนึ่งเล่ม จะดีเกินไปแล้ว ดีจริงๆ กระบี่ไท่อาจะต้องเป็นของฉัน…”
“กลัวก็แต่ว่าแกจะไม่รอดมาเอาไปได้แล้ว!”
คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะจบ กระบี่ไท่อาก็ถูกฟาดฟันออกไปอย่างรุนแรง ในใจของเขาเองก็ตื่นตะลึง ความสามารถของเสียม๋อแข็งแกร่งจริงๆ เรียกได้ว่าเขาในตอนนี้อยู่ในสภาวะสูงสุดในทุกด้าน อีกทั้งยังมีกระบี่ไท่อาอยู่ในมือ สามารถฟาดฟันพลังแห่งเดชานุภาพออกไปได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เสียม๋อได้รับบาดเจ็บ เพลงกระบี่มารอำมหิตและกระบี่มารและร้ายกาจมากจริงๆ
ฉัวะ!
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินลงมือโจมตีก่อน ฟาดฟันกระบี่เข้ามา เสียม๋อก็ขมวดคิ้ว พลังต่อสู้ของเย่เทียนเฉินก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจแล้ว แต่นี่ถึงกับได้ครอบครองกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นหนึ่งในสิบกระบี่เทพบรรพกาล มากเพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามต้องใจเต้น แม้จะสัมผัสได้ว่าร่างกายนี้จะยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไหร่ แต่เสียม๋อก็ยังกัดฟันตวัดกระบี่มารออกไป
เคร้ง!
ฉัวะ!
ตู้ม!
ไหล่ของเสียม๋อถูกกระบี่ฟาดฟัน บาดแผลฉีกขาดไปถึงด้านหลัง เลือดสีดำพุ่งออกมา ดูแล้วน่าหวาดกลัวและอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก เขาเป็นศพไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าเน่าเปื่อยไปแค่ไหน กลิ่นเหม็นล้นทะลักออกมา จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยดวงตาอันแดงก่ำทั้งสอง ในตอนที่เห็นว่ามือซ้ายของเย่เทียนเฉินมีกระบี่ปรากฏขึ้นมาอีกหนึ่งเล่มก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันสั่นเทา “กระบี่…อวี๋…ฉาง?”
“ไอ้แก่ วันนี้จะเป็นวันตายของแก!” เย่เทียนเฉินมือซ้ายถือกระบี่อวี๋ฉาง มือขวาถือกระบี่ไท่อา ซึ่งต่างก็เป็นหนึ่งในสิบกระบี่เทพบรรพกาล หลังจากที่ทะลวงขอบเขตไปถึงระดับจักรพรรดิแล้ว ตอนที่ใช้กระบี่สองเล่มนี้ก็รู้สึกชินมือมากขึ้น พลังอำนาจเพิ่มพูน แต่หากต้องการใช้พลังอำนาจทั้งหมดของกระบี่เทพทั้งสองเล่มออกมายังคงอีกยาวไกล
“ดีจริงๆ ดีมาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉันจะได้กระบี่อวี๋ฉางและกระบี่ไท่อามาครอบครอง ของที่แกได้พบก็จะกลายเป็นของของฉัน…อา!”
เสียม๋อกล่าวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ตะโกนด้วยสีหน้าอำมหิตราวกับเสียงวิญญาณกำลังกรีดร้อง ที่ปากมีเลือดสีดำพุ่งออกมา ในตอนที่เลือดสีดำนั้นพุ่งออกมา กระบี่มารในมือขวาก็ถูกกดลง ส่งเสียงดังชี่ๆ ออกมาคล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังเผาไหม้
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว กำกระบี่เทพในมือทั้งสอง อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียดยิ่งขึ้น หากพูดถึงความสามารถ เขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสียม๋อโดยเด็ดขาด หากไม่ใช่เพราะมีกระบี่เทพทั้งสองเล่มอย่างกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉาง เป็นไปได้มากว่าเขาคงไม่กล้าสู้กับเสียม๋อเช่นนี้ ถ้าไม่มีกระบี่เทพทั้งสองเล่มแล้วเข้าไปสู้ นับว่าเป็นการรนหาที่ตายจริงๆ สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจก็คือ เสียม๋อถึงกับรับกระบี่ไท่อาได้ ดูแล้วคงมีความสามารถในระดับสูง หากต้องการทำลายมันเป็นเรื่องที่ยากมาก
“เป็นแกบีบบังคับฉัน บีบบังคับให้ฉันต้องรีดเร้นพลังจนถึงขีดสุด ถึงแม้การทำแบบนี้จะเป็นการทำร้ายตัวฉันอย่างรุนแรง แต่หากทำให้ได้กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางมา ทุกสิ่งนี้ก็ย่อมคุ้มค่า…” คำพูดของเสียม๋อราวกับเสียงที่ดังออกมาจากนรกขุมที่เก้า ดังก้องอยู่ในอากาศ ระเบิดมปราณออกมาจากทั่วทั้งร่าง พริบตาเดียวก็พุ่งออกไปไกล เย่เทียนเฉินยกกระบี่ไท่อาในมือขวาขึ้นมาขวางไว้ในแนวขวาง มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกอัดจนกระเด็นออกไป
เหมือนกับที่เย่เทียนเฉินคาดเดา ตอนนี้เสียม๋อเป็นเพียงศพศพหนึ่งเท่านั้น เขาถูกพลังมารควบคุม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากการควบคุมของพลังมาร ส่วนตัวเสียม๋อที่แท้จริงตายไปหลาย 100 ปีแล้ว ร่างกายเน่าเปื่อยไปมาก หากไม่ใช่เพราะถูกพลังมารควบคุม เกรงว่าคงไม่มีศพหลงเหลืออยู่นานแล้ว พลังมารเช่นนี้ หากต้องการอยู่ต่อไปก็จะต้องใช้วิญญาณวิญญาณของคนเป็นมาหล่อเลี้ยง เสี้ยวหย่วนก็เป็นเครื่องสังเวยที่ใช้หล่อเลี้ยงเช่นเดียวกัน และเป็นเพราะเหตุนี้ เสียม๋อจึงไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้ มิฉะนั้นด้วยพลังบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ก็เป็นเหมือนกับที่เสียม๋อในพูดเองว่า หากเขาฝืนใช้พลังออกมาจะเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง กระทั่งอาจทำให้ศพถูกทำลาย เมื่อศพถูกทำลาย มันก็จะเสียที่สิงสู่และหายไปดั่งหมอกควัน มิฉะนั้นเสียม๋อคงไม่พูดจาไร้สาระเช่นนั้นกับพวกเย่เทียนเฉินทั้งสามคนแน่นอน คงลงมือฆ่าพวกเขาไปแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสาเหตุนี้
ฉัวะ!
เสียม๋อตวัดกระบี่ออกไป ตอนนี้เขากระตุ้นพลังของตนจนแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่เสียดายว่าร่างกายและกระดูกนี้จะสลายไปจนต้องมีจุดจบอยู่ที่การสลายกลายเป็นหมอกควัน ยังไงก็ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินและแย่งชิงกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางมาให้ได้ พลังล่อลวงของกระบี่เทพทั้งสองเล่มนี้มีมากเกินไปจริงๆ แม้ในยามฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะได้ครอบครองกระบี่เทพสองเล่ม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือระดับสูงมากน้อยแค่ไหนที่ตามหาไปทั่วทุกสารทิศเพื่อต้องการได้มาครอบครองเพียงเล่มเดียว นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่เย่เทียนเฉินกลับได้มาสองเล่ม เรียกได้ว่าวาสนาดีจริงๆ เพียงแต่หากในตอนที่เย่เทียนเฉินดึงกระบี่เซวียนหยวนออกมา เสียม๋อจะมีปฏิกิริยาและท่าทีแบบไหนกัน?
ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งโจมตีมา เย่เทียนเฉินเองก็ไม่ใช่คนโง่ในที่จะดึงดันเข้าไปสู้แลกชีวิตในตอนที่สู้ไม่ได้ รนหาที่ตายไปเรื่อยแบบนั้น มือทั้งสองจับกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางมาขวางไว้บริเวณหน้าอกเป็นรูปกากบาท รับปราณกระบี่มารที่ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีสายนั้น
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินถูกปราณกระบี่ซัดจนกระเด็น ที่ปากมีเลือดพุ่งออกมา เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งต่างก็ตกตะลึง รู้ว่าตอนนี้ความสามารถของเสียม๋อเป็นอะไรที่เย่เทียนเฉินอยากจะขวางได้ ต่างพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว คิดจะรับเย่เทียนเฉินไว้ ไหนเลยจะรู้ว่าในช่วงเวลาเป็นตาย เสียม๋อก็พุ่งเข้ามาด้วย มือซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บยื่นจับไปยังกระบี่ไท่อาที่มือขวาของเย่เทียนเฉิน
ซู่ม!
กระบี่ส่องประกาย เย่เทียนเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็ขวางเสียม๋อที่บ้าคลั่งเอาไว้ไม่ได้ แต่ในตอนที่กรงเล็บซ้ายของเสียม๋อจับถูกมือขวาของเย่เทียนเฉิน คิดจะแย่งชิงกระบี่ไท่อามานั้นเอง พลันมีประกายกระบี่อีกสายหนึ่งโจมตีมา ฟาดฟันมือซ้ายของเสียม๋อจนขาดสะบั้น เสียม๋อตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี รู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่อาจต่อต้านจึงรีบถอยหลังไป มองไปยังเหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินด้วยความตกใจหาใดเปรียบ พบว่าเหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินมีกระบี่ลอยอยู่เล่มหนึ่ง กระบี่นั้นราวกับไม่ได้เป็นสรรพสิ่งในผืนดินผืนฟ้าแห่งนี้ ตัวมันมีพลังที่ไม่อาจเข้าใจได้แผ่ออกมา
“กระบี่เซวียนหยวน…”
เสียม๋ออดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความตื่นตะลึง ชั่วขณะต่อมาก็พุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉินสุดชีวิต เย่เทียนเฉินในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งก็ไม่อาจรวมพลังต่อสู้ได้ ถ้าเสียม๋อต้องการฆ่าพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก การปรากฏของกระบี่เทพบรรพกาลทั้งสามเล่มทำให้เสียม๋อดวงตาแดงก่ำ ระเบิดพลังท่วมฟ้า
ฟ้าวๆๆ …
เพียงแต่น่าเสียดาย มือซ้ายของเสียม๋อที่ถูกปราณกระบี่ของกระบี่เซวียนหยวนตัดขาดกลายเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง การเคลื่อนไหวและพลังต่อสู้ก็ถูกจำกัด จนกระทั่งเขาพุ่งเข้ามา เถียนปอกวงก็ใช้เคล็ดวิชาเทพท่องระเบิดความเร็วสูงที่สุดพาเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งหนีไปแล้ว!
……………………………