เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 440 บ้านหลิงอวี่สวิ๋นออกเกิดเรื่องแล้ว!
“คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันหลายวัน ฝีมือของแกจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้!”
เฮยเมี่ยนรู้สึกได้ว่าตนเองโคจรพลังภายในร่างกายทั้งหมดแล้ว ในฝ่ามือทั้งสองมีลมปราณไหลเวียน แต่ก็ไม่สามารถผลักออกไปได้ ในใจรู้สึกตื่นตกใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเพิ่มพูนความสามารถได้มากมายขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สิบกว่าวันจริงๆ
“คุณระวังตัวให้ดี ผมบอกแล้วว่าผมจะอัดคุณให้ตาเขียว!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ไอ้หนู แกจะลำพองใจเกินไปแล้ว นี่มันไม่เข้ากับรสนิยมของฉัน ทุเรศจริง!” เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา
“ผมก็ไม่มีความชอบแบบนี้ ทำไมต้องทำตามรสนิยมของคุณด้วย คุณดูแลตัวเองให้ดีเถอะ…”
ในขณะที่พูด ฝ่ามือของเย่เทียนเฉินก็มีพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิโหมกระหน่ำ ไม่มีลูกเล่นอะไรทั้งสิ้น และไม่มีเคล็ดวิชาพลังพิเศษอื่นใดอีก ใช้พลังที่แข็งแกร่งนั้นกดดันเฮยเมี่ยนลงไป เฮยเมี่ยนถอยหลังไปไกลหลายสิบเมตร ในตอนนี้เอง เฮยเมี่ยนต้องการใช้พลังของตัวเองขวางไม่ให้เย่เทียนเฉินเข้ามา แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ เท้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น ไม่รู้ว่าตัวเองเหยียบพื้นหินจนแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้วมากเท่าไหร่ จินตนาการได้เลยว่าพลังที่ฝ่ามือทั้งสองของเย่เทียนเฉินมหาศาลขนาดไหน
ตู้ม!
หลังจากเสียงดังสนั่นผ่านไป เฮยเมี่ยนก็ทะยานถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทำให้เย่เทียนเฉินตามความเร็วของเขาไม่ทัน ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้กระบวนท่านี้ ฝ่ามือทั้งสองสูญเสียหลักค้ำยัน พลังพิเศษอันมหาศาลระเบิดออกมา เฮยเมี่ยนก็ถือโอกาสนี้หลบไปทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ
เย่เทียนเฉินรู้สึกนับถือเฮยเมี่ยนอยู่ในใจ ไม่เสียทีที่เป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ฝีมือความสามารถแข็งแกร่งมากจริงๆ ตนเองทะลวงพลังไปจนถึงขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะสามารถกดดันเฮยเมี่ยนได้ แต่หากคิดจะเอาชนะเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ขุนพลระดับทัพฟ้าของประเทศจีนไม่ผิดไปจากชื่อเสียงเล่าลือจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น ถูกเรียกขานว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนก็ไม่เกินไปแม้แต่น้อย
“แกแม่งไปโด๊ปยามารึไง? อยู่ดีๆ ก็แข็งแกร่งขนาดนี้เลย?” เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยวาจาหยาบคาย
“ไปกินยาเพิ่มความขาวมา ไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองดำเหมือนคุณจริงๆ ดำจนทำให้คนอื่นมองไม่เห็นตอนกลางคืน!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ไอ้หนูแก…รอก่อนเถอะ คำพูดที่ฉันเฮยเมี่ยนเคยพูด จะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด…”
เฮยเมี่ยนโกรธจนกลายเป็นหัวเราะ มาถึงตอนนี้เขาก็ค่อยๆ สงบลงแล้ว และคุ้นเคยกับคำพูดหยอกล้อของเย่เทียนเฉินแล้วด้วย สีหน้าเปลี่ยนไปจริงจังและเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินแล้ว ความกระหายการต่อสู้ในร่างกายนั้นกำลังเดือดพล่าน ในฐานะที่เป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ไม่ใช่ว่าเฮยเมี่ยนจะไม่เคยแพ้มาก่อน จะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มขุนพลระดับทัพฟ้า เพียงแต่ไม่เคยแพ้อย่างอนาถขนาดนี้ การดวลพลังเมื่อครู่นี้เห็นได้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง นี่ทำให้เฮยเมี่ยนรู้สึกโมโหอยู่บ้าง
ทันใดนั้นเอง บริเวณมือทั้งสองของเฮยเมี่ยนก็ปรากฏมีดขั้นมาสองเล่ม คมมีดเป็นสีดำเป็น มีดที่มีความแหลมคมเป็นอย่างมาก อาจเข้าใจว่าเป็นท่อนกระบองของเฮยเมี่ยนก็เป็นได้ มีความหนาเพียงแค่นิ้วหัวแม่มือ ด้านหน้าสุดไม่เรียบแต่มีลักษณะเป็นฟันเฟือง เย่เทียนเฉินมองไม่ออกว่าอาวุธนี้ใช้วัสดุใดทำขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าแปลกประหลาดมาก และดูเหมือนจะคุ้นเคยอยู่บ้าง
วิ้ง!
วิ้ง!
เสียงสองเสียงดังขึ้นเบาๆ มือทั้งสองของเฮยเมี่ยนออกแรงเล็กน้อย บนมีดทรงกรวยที่มือทั้งสองของเขาถึงกับปรากฏประกายสีฟ้าอ่อนออกมา พลังภายในพุ่งทะยานออกมาในพริบตาจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ประกายแสงบนมีดทรงกรวยนั้นทำให้อากาศฉีกขาด ไม่มีการโจมตีใดๆ และไม่มีไอสังหารออกมา แต่ก็สามารถทำให้อากาศฉีกขาดได้แล้ว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าน่าหวาดกลัวมากจริงๆ เย่เทียนเฉินให้ความสำคัญกับมันขึ้นมา
“ระวังให้ดี อาจถึงชีวิตได้!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างเย็นชา
“โหดขนาดนี้คุณพูดเล่นพูดจริงเนี่ย? ได้ ผมจะเล่นเป็นเพื่อนคุณเอง!” เย่เทียนเฉินสะบัดมือขวาครั้งหนึ่ง ปรากฏกระบี่ไท่อาในมือขวาของเขา นี่คือกระบี่แห่งเดชานุภาพ ความสามารถของเฮยเมี่ยนควรค่าให้ใช้กระบี่ไท่อามาสู้กับเขาแล้ว ไม่นับว่าเป็นการใช้กระบี่เทพเสียเปล่า
“เป็นแกที่มายั่วยุฉันแท้ๆ ไม่ใช่รึไง?” เฮยเมี่ยนกล่าวเสียงต่ำอย่างรู้สึกทนไม่ไหว
“มาเถอะๆ ผมรู้ดีว่าคุณไม่สะดวกใจจะยอมรับ!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วส่ายหน้า
“กระบวนท่าเดียวตัดสินแพ้ชนะ ฉันขี้เกียจมาวุ่นวายกับไอ้หนูอย่างแกแล้ว ถ้าแกแพ้ก็ตามฉันไปพบท่านผู้นำซะดีๆ!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ได้ ในเมื่อคุณเปิดเผยตรงไปตรงมาขนาดนี้ ผมก็จะรับปากคุณ ถ้าผมชนะผมจะไม่ไปพบท่านผู้นำ ถ้าผมแพ้ผมจะกลับไปปิดประตูนอน!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“คำไหนคำนั้น…หือ? ไอ้หนูนี่แกหยอกล้อฉันเหรอ ดูซะ…”
ตอนนี้เฮยเมี่ยนโมโหขึ้นมาแล้ว ทุกครั้งที่จะให้เย่เทียนเฉินไปพบท่านผู้นำ เจ้าหนูนี่ก็มักจะทำทุกวิถีทางเพื่อผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับเขา เขาคงไม่ไปแน่ นี่ย่อมทำให้เฮยเมี่ยนที่เป็นขุนพลทัพฟ้าผู้มีใจซื่อสัตย์ภักดีต่อประเทศชาติและชาวประชารู้สึกไม่พอใจและเหยียดหยามมาก อดไม่ได้อยากอัดเจ้าหนูนี่ให้หน้าเละเป็นหมู
ความจริงเย่เทียนเฉินไม่อยากไปพบพวกท่านผู้นำจริงๆ และไม่ใช่ว่าต้องการจะหาเรื่องทุกครั้ง เนื่องจากเดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนของโลกใบนี้ ไม่มีทัศนคติในเรื่องของการทำตามคำสั่งใดๆ สิ่งที่เขาแสวงหาก็คือชีวิตสงบสุข ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องในประเทศ
ที่เขาทำภารกิจสองครั้งก่อนหน้านี้ ประการแรกเพราะเกี่ยวข้องกับเขา ประการที่สองเพราะทางการให้ผลประโยชน์แก่เขา ประการที่สามเพราะท่านผู้นำสูงสุดและหยางอี้ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารเป็นคนที่ไม่เลว เป็นชายชราที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพ แต่เย่เทียนเฉินไม่อยากถูกพันธนาการด้วยคำสั่งของทางการ นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ แน่นอน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกรักชาติหรือจะไม่ยอมออกแรงเพื่อประเทศจีน จะอย่างไรฐานะของเขาในตอนนี้ก็คือเย่เทียนเฉิน มีบางเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมีความยุ่งยากน้อยลงได้ก็ให้มันน้อยลงเถอะ เขามีความคิดเช่นนี้เอง
เคร้ง!
เคร้ง!
หลังจากที่เย่เทียนเฉินฟาดฟันกระบี่ไท่อาออกไปจนเกิดเป็นปราณกระบี่ทำให้ปราณมีดที่ออกมาจากมีดสองเล่มของเฮยเมี่ยนสลายไป ในวินาทีนั้นเอง เฮยเมี่ยนก็พุ่งเข้ามารวดเร็วประดุจสายฟ้า เขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของกระบี่ในมือเย่เทียนเฉินแล้ว รู้ว่าต้องเข้าไปสู่ระยะประชิดจะดีกว่า
ฟิ้วๆ !
ดูเหมือนว่าเย่เทียนเฉินและเฮยเมี่ยนจะพุ่งเข้าหากันแทบจะพร้อมกัน ซัดกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปจนเกิดประกายแสงสว่างลุกโชน ร่างกายของเย่เทียนเฉินและเฮยเมี่ยนหยุดลง ตำแหน่งของพวกเขาสองคนสลับกัน หันหลังให้กัน ไม่ว่าใครก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เฮยเมี่ยนก็เก็บดาบทั้งสองที่อยู่ในมือกลับไป พูดด้วยท่าทีทอดถอนใจว่า
“ฉันแพ้แล้ว แต่ฉันหวังว่าแกจะไปพบท่านผู้นำกับฉัน!”
เย่เทียนเฉินเก็บกระบี่ไท่อากลับเข้าไปในช่องว่างภายในตัวของตน มองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นว่า
“ความจริงผมเห็นคุณเป็นเพื่อนมาโดยตลอด ขอบอกคุณตามตรง ผมไม่คิดอยากมีพันธนาการอะไร ไม่อยากรับภารกิจอะไรอีก มีกองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างกลุ่มขุนพลทัพฟ้าอย่างพวกคุณอยู่คงไม่ต้องการผมหรอก ไม่มีอะไรจำเป็นใช่หรือเปล่า?”
“เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแก ยิ่งไปกว่านั้นฉันเชื่อว่าถ้าแกได้พบคนคนนี้จะต้องไม่ปฏิเสธเธอแน่นอน จะต้องเลือกช่วยเธอแน่!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างจริงจัง
“เกี่ยวกับผมอีกแล้วเหรอ? ครั้งก่อนเรื่องของหานเจี๋ยผมก็ลงมือช่วยไปแล้ว ครั้งนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ? ดูเหมือนผมเย่เทียนเฉินจะไม่มีเพื่อนเยอะขนาดนั้นนะ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามอย่างจนใจ
“เกิดเรื่องกับตระกูลหลิง…” เฮยเมี่ยนมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ตระกูลหลิง? ตระกูลหลิงไหน? เกี่ยวอะไรกับผม?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินเฮยเมี่ยนก็มองเขาอย่างจนใจ บางครั้งก็คิดจริงๆ ว่าคำพูดของไอ้หนูนี่มีอะไรเชื่อได้บ้าง? เมื่อครู่ยังบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อน ต่อไปถ้าตนตกอยู่ในอันตราย เขาจะถามว่าใครคือเฮยเมี่ยนหรือเปล่า?
“ตระกูลหลิง หลิงอวี่สวิ๋น ตระกูลหลิงของพวกเธอเป็นตระกูลชาวจีนโพ้นทะเลที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่นอกประเทศ ครั้งนี้ต้องการย้ายจากประเทศ M กลับมาพัฒนาธุรกิจภายในประเทศจีน แกก็รู้ว่าประเทศ M เสียหน้าขนาดไหน ถ้าหากว่าตระกูลหลิงย้ายมา จะยังไงก็ต้องนำทุนมหาศาลเข้ามาในประเทศ ทำให้บุคคลระดับสูงของทางการให้ความสำคัญมาก แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิงจะเกิดเรื่องเร็วขนาดนี้ นอกจากหลิงอวี่สวิ๋นและพ่อของเธอที่หนีออกมาได้ คนตระกูลลิงทั้งหมดก็ตายไปแล้ว…” เฮยเมี่ยนพูดด้วยท่าทีจริงจัง
เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เขาคิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิงจะเกิดเรื่อง ความจริงหากพูดกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ เมื่อหลิงอวี่สวิ๋นเกิดเรื่องเขาก็ไม่อาจยืนมองอยู่เฉยๆ โดยไม่สนใจ ถึงแม้พ่อของหลิงอวี่สวิ๋นจะปฏิบัติกับเขาไม่ดี แต่อาศัยแค่การดูแลที่หลิงอวี่สวิ๋นมีต่อตนมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีความรู้สึกของเพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน เย่เทียนเฉินไม่อาจนั่งมองเฉยๆ โดยไม่สนใจได้ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มาก
“ใครเป็นคนทำ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริว…” เฮยเมี่ยนเอ่ยตอบ
“ทำไมเป็นพวกมันไปได้?” เย่เทียนเฉินรู้สึกสงสัย
“ความจริงคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวพุ่งเป้าไปที่แก แต่ก็ถูกบงการมาจากทางประเทศ M แกต้องรู้ว่าประเทศชิบะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของประเทศ M!” เฮยเมี่ยนเอ่ยปากพูด
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะชะงักไป ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร หรือเขาไม่คิดจะไปแล้ว? กระทั่งความเป็นความตายของหลิงอวี่สวิ๋นที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กก็ไม่สนใจหรือ? ต่อให้หลิงเยว่ซึ่งเป็นพ่อของหลิงอวี่สวิ๋นจะมองเย่เทียนเฉินไม่ดี กระทั่งส่งคนมาข่มขู่เขา เย่เทียนเฉินไม่พอใจในการกระทำของหลิงเยว่มากแค่ไหน แต่หลิงอวี่สวิ๋นจะทำอย่างไร? คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวบุกเข้ามาในเมืองหลวง จะต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน
“ไอ้หนูหมายความว่ายังไง? จะไปกับฉันหรือเปล่า?” เฮยเมี่ยนเอ่ยถาม
“รอฉันนอกคฤหาสน์!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
มุมปากของเฮยเมี่ยนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในใจรู้สึกนับถือเย่เทียนเฉินจริงๆ การต่อสู้เมื่อครู่นี้เขาลงมือเต็มที่แล้วแต่ก็ยังพ่ายแพ้ ความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มพูนจนแข็งแกร่งกว่าเขาโดยไม่รู้ตัว เฮยเมี่ยนเป็นชายที่เปิดเผยตรงไปตรงมา ถ้าหากคุณใช้ชื่อเสียงหรืออำนาจไปดึงดูดเขา เขาย่อมตอบแทนคุณด้วยหมัด แต่ถ้าหากคุณมีความสามารถอย่างแท้จริง เขาย่อมเลื่อมใสศรัทธา!
…………………….