เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 444 โอหัง ไม่ไว้หน้าแม้แต่พ่อตาเลยเหรอ
หลิงอวี่สวิ๋นกอดเย่เทียนเฉิน ร้องไห้ออกมา เย่เทียนเฉินตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้ขยับ ทำเพียงตบบ่าหลิงอวี่สวิ๋นเบาๆ มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นถึงจะทำให้หลิงอวี่สวิ๋นผ่อนคลายได้มากที่สุดและทำให้เธอสงบลงได้ การพูดหรือการกระทำใดล้วนเป็นเรื่องเกินความจำเป็น มีเพียงปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ออกมาถึงจะทำให้สงบจากเรื่องที่น่าตกใจได้
ส่วนเฮยเมี่ยนก็ยืนมองครู่หนึ่งแล้วจึงออกไปจากห้องผู้ป่วย พาเย่เทียนเฉินมาถึงที่นี่ก็นับว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว ท่านผู้นำสูงสุดพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและตระกูลหลิงมอบหมายให้เย่เทียนเฉินเป็นคนจัดการ ในเมื่อไอ้หนูนี่ดูถูกขุนพลระดับทัพฟ้า เช่นนั้นตนเองก็ไม่จำเป็นต้องหาเรื่อง
ในตอนนี้ เมื่อพ่อของหลิงอวี่สวิ๋นเห็นลูกสาวของตนกอดเย่เทียนเฉินแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไป รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ลูกสาวของตัวเองเป็นที่รักของพ่อไปชั่วชีวิต เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองโถมเข้าใส่อ้อมกอดของผู้ชายอื่น กระทั่งทะเลาะกับตนเองเพื่อผู้ชายคนนั้นก็รู้สึกโกรธจนทำให้ตนที่เป็นพ่อแทบจะกระอักเลือด โดยเฉพาะยิ่งลูกสาวคือหลิงอวี่สวิ๋นที่รู้ความและฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่เด็ก ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีปากมีเสียงอะไร แต่ครั้งนี้เพื่อเย่เทียนเฉินถึงกับเกือบตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูก จะให้หลิงเยว่มีความประทับใจที่ดีต่อเย่เทียนเฉินได้อย่างไร?
“อะแฮ่ม!” หลิงเยว่กระแอ่มไอออกมาดังๆ ทำให้หลิงอวี่สวิ๋นปล่อยมือทั้งสองออกจากเย่เทียนเฉิน บนใบหน้ายังคงมีน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ ดูแล้วก่อนหน้านี้คงร้องไห้หนักมาก ตอนนี้ก็ร้องไห้อีกครั้ง ทำให้ใบหน้าดูซีดเซียวไปมาก
เย่เทียนเฉินไม่ได้สนใจหลิงเยว่ การกระทำก่อนหน้านี้ของหลิงเยว่แสดงให้เห็นถึงท่าทีของหลิงเยว่แล้ว นั่นก็คือหลิงเยว่ดูถูกตนเอง ในเมื่อเขารู้สึกไม่ดีกับตน ตนก็ไม่จำเป็นต้องคบค้าสมาคมกับเขา หากจะกล่าวว่าต้องประจบประแจงพ่อตาในอนาคต เย่เทียนเฉินกลับไม่มีความคิดเช่นนี้ เขาไม่มีความคิดเช่นนี้อยู่เลยจริงๆ เขายังไม่ได้คบหากับหลิงอวี่สวิ๋น เพียงแต่เมื่อผู้หญิงคนนี้เกิดเรื่องเขาก็รู้สึกทนมองไม่ได้ เขามีความรู้สึกเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนิสัยของเย่เทียนเฉิน ต่อให้เป็นพ่อตาในอนาคต เขาก็ไม่ทำอะไรที่เป็นการลดศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่างมากก็ให้ความเคารพเท่านั้น มีมารยาทแล้วก็ต้องมีศักดิ์ศรีด้วย
“เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นี่ฉันมาดูเธอ เธออยู่ที่นี่จะปลอดภัย!” เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย เอ่ยกับหลิงอวี่สวิ๋น
“เทียนเฉิน คนพวกนั้นมันมันฆ่าน้องชายของฉัน แล้วยังมีย่าขู่ที่ถูกพวกมันฆ่าเพราะปกป้องพวกเรา…” ในขณะที่หลิงอวี่สวิ๋นพูดก็ดวงตาแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งอดไม่ไหว ร้องไห้ออกมา
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไรหรอก อยู่รักษาตัวที่นี่ให้ดี เรื่องต่อไปนี้มอบให้ฉันจัดการเอง!” เย่เทียนเฉินมองหลิงอวี่สวิ๋นอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น
หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง สงบอารมณ์ของตนลง จากนั้นจึงหันไปมองพ่อของตนที่มีสีหน้าดำคล้ำ เอ่ยแนะนำกับเย่เทียนเฉินว่า “เทียนเฉิน นี่คือพ่อของฉัน…”
เดิมทีเมื่อได้ยินคำแนะนำของหลิงอวี่สวิ๋น หลิงเยว่คิดว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องทักทายกันบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ยังไม่มองเย่เทียนเฉินในแง่ดี คิดว่าชายหนุ่มที่อายุเพียง 20 ปีคนนี้ไปล่วงเกินคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ทั้งยังไม่มีความสามารถอะไร เพียงแค่ไม่อยากหักหน้าลูกสาวก็เท่านั้น
ไหนเลยจะรู้ว่า หลิงเยว่ยังไม่ทันเอ่ยปาก คำพูดของหลิงอวี่สวิ๋นยังไม่ทันพูดจบ เย่เทียนเฉินก็กล่าวขัดคำพูดของเธอว่า
“เอาล่ะอวี่สวิ๋น เธออยู่ที่นี่เถอะ รอฉันไปจัดการคนจากสำนักโฮคุชินอิตโตริวก่อนเธอก็จะปลอดภัยแล้ว!”
พูดจบเย่เทียนเฉินก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป ตอนนี้เอง หลิงเยว่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หยุด!”
เย่เทียนเฉินหยุดยืนอยู่บริเวณประตู หันกลับมามองหลิงเยว่ ใช้น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยถามว่า “คุณผู้ชายคนนี้มีอะไรเหรอ?”
“เทียนเฉิน…” หลิงอวี่สวิ๋นรู้สึกร้อนใจ ต้องการเอ่ยปากขัด แต่กลับเย่เทียนเฉินส่งสัญญาณมือให้หยุด ชั่วขณะนั้นจึงยืนชะงักอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี ด้านหนึ่งก็พ่ออีกด้านหนึ่งก็ผู้ชายที่ตนรัก พูดอะไรได้ยากจริงๆ
“แกคือเย่เทียนเฉินสินะ รู้หรือเปล่าว่าฉันคือใคร?” หลิงเยว่ถามอย่างไม่สบอารมณ์ เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะใช้ท่าทีเช่นนี้มาปฏิบัติกับเขา ต้องทราบว่าเขาหลิงเยว่เป็นผู้คุมหางเสือของตระกูลหลิง หากไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสตระกูลหลิงซึ่งคือพ่อของเขายังอยู่ ทั้งตระกูลหลิงก็ต้องทำตามคำพูดของตนเอง ในฐานะที่เป็นประธานสมาคมของชาวจีนโพ้นทะเล อีกทั้งตระกูลหลิงยังเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล ตำแหน่งของเขาหลิงเยว่จะสูงส่งขนาดไหนจินตนาการได้เลยทีเดียว ยังไม่เคยถูกชายหนุ่มคนหนึ่งมองข้ามแบบนี้ ย่อมต้องรู้สึกโกรธแน่นอน
“ผมก็คือเย่เทียนเฉิน ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร และไม่อยากรู้ด้วย ไม่ยินดีรู้จัก…” เย่เทียนเฉินไหวไหล่ พูดอย่างไม่ใส่ใจ
นี่ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินจงใจพูดแบบนี้เพื่อกระตุ้นให้หลิงเยว่โกรธ หรือเขาใช้ท่าทีเช่นนี้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเพราะหลิงเยว่ดูถูกตน หากต้องการเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้ความขัดแย้งและความไม่พอใจระหว่างผู้ชายทั้งสองคงเปลี่ยนไปแล้ว เย่เทียนเฉินไม่สนใจหลิงเยว่จริงๆ เขาจะมองตนเช่นไร จะมีท่าทีเช่นไรกับตน หรือเรียกได้ว่าความเป็นความตายของหลิงเยว่ เขาเย่เทียนเฉินไม่สนใจ และไม่คิดจะใส่ใจ ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงอวี่สวิ๋นเย่เทียนเฉินคงขี้เกียจมา!
“แก…โอหัง หยิ่งยโส หนุ่มๆ อย่างแกจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ได้รึไง? ดูแล้วฉันคงไม่อนุญาตให้อวี๋สวิ๋นของฉันคบหากับแก เอาตามนี้!” หลิงเยว่เอ่ยปากพูดด้วยความโกรธ
เย่เทียนเฉินมองหลิงเยว่แล้วจึงมองไปยังหลิงอวี่สวิ๋น เห็นว่าหลิงอวี่สวิ๋นมีท่าทางลำบากใจ เขาจินตนาการได้เลยว่าตอนที่อยู่ในตระกูลหลิงหลิงอวี่สวิ๋นจะต้องพบกับความอยุติธรรมอย่างไรบ้าง หลิงเยว่เป็นผู้คุมหางเสือของตระกูลหลิง ในฐานะที่เป็นผู้คุมหางเสือย่อมต้องมีอำนาจและความฉลาดเฉลียว เพียงแต่ก็ถูกผู้อื่นทำให้หลงทางได้ง่าย คิดไปว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องเป็นไปตามที่เขาพูด นี่ทำให้จิตใจที่เคารพตนเองของคนคนหนึ่งพองตัวอย่างบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดก็จะมีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามการชี้นิ้วสั่งของเขา คิดว่าตนพูดอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ฟังความเห็นของคนอื่นโดยสิ้นเชิง
“ผมไม่อยากพูดกับคุณจริงๆ แต่มีบางประโยคที่ผมจำเป็นต้องบอกคุณสักหน่อย ไม่ใช่ว่าผมโอหังหยิ่งยโสอะไร แต่ความปรารถนาที่จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างของคุณมันรุนแรงเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำตัวเป็นผู้ตัดสิน คุณคิดว่าทำได้หรือ? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? แล้วก็…เลิกใช้อายุมารังแกคนอื่นให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ…”
พูดจบเย่เทียนเฉินก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง หลิงเยว่โกรธจนแทบกระอักเลือด หลิงอวี่สวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี และคิดไม่ถึงว่าครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินได้พบพ่อของตนจะมีเรื่องจนกลายเป็นแบบนี้จึงทำได้เพียงเดินไปข้างเตียงผู้ป่วยของพ่อ
“ลูกเห็นหรือเปล่า? อวี่สวิ๋น ไม่ใช่ว่าพ่อมีอคติกับเย่เทียนเฉิน แต่เขาไม่มีมารยาทต่อผู้อาวุโสแม้แต่น้อย ยโสโอหังไม่เห็นหัวใคร ลูกรักคนแบบนี้จะมีความสุขเหรอ?” หลิงเยว่อดไม่ไหว พูดออกมาเสียงดัง
“พ่อคะ พ่ออย่าโกรธไปเลย พักผ่อนให้ดีเถอะ ไม่รู้ว่าพวกคุณปู่ที่อยู่ประเทศ M จะเป็นยังไงบ้าง!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างเป็นห่วง
หลิงเยว่ทอดถอนใจแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าการที่ตระกูลหลิงของตนจะย้ายกลับมาพัฒนาในประเทศจีนครั้งนี้จะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องมีอุปสรรคแน่นอน จะต้องมีอันตรายอยู่บ้าง แต่เขาก็ระวังทุกด้านแล้ว
ไหนเลยจะรู้ว่าประเทศ M จะโหดเหี้ยมขนาดนั้น ตัวเองไม่ได้ลงมือเอง แต่กลับจ้างวานพวกคนถ่อยจากประเทศชิบะ ลูกชายแท้ๆ ของเขาตายไปแล้ว ลูกน้องที่กลับประเทศมาด้วยกันกับเขาก็ตายไปแล้ว มีแค่เขากับลูกสาวที่รอดชีวิต ตัวเขาเองก็กลายเป็นคนพิการ ไม่รู้จริงๆ ว่าหลังจากนี้ตระกูลหลิงควรจะทำอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศ M ต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ คุณพ่อและภรรยาที่อยู่ในประเทศ M ก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรบ้าง นี่ทำให้หลิงเยว่กังวลที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีในหมู่พี่น้องของเขาก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการย้ายมาพัฒนาธุรกิจในประเทศจีน เขาเกิดเรื่องที่เมืองหลวง เกรงว่าพวกนั้นคงรู้แล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางประเทศ M จะเป็นอย่างไรบ้าง
“สรุปแล้วพ่อไม่อนุญาตให้ลูกไปมาหาสู่กับเย่เทียนเฉิน เขามีความสามารถอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของพวกคนถ่อยจากประเทศชิบะ แล้วก็ช่วยเหลือตระกูลหลิงของพวกเราไม่ได้ด้วย!” หลิงเยว่พูดอย่างดุดัน
หลิงอวี่สวิ๋นเห็นท่าทางเคร่งเครียดแบบนี้ของพ่อ อีกทั้งเขายังมีอาการบาดเจ็บสาหัสจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก เดิมทีการตายของน้องชายและย่าขู่ก็ทำให้เธอเสียใจมากแล้ว หากพ่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกคน เธอคงรับไม่ไหวจริงๆ จึงทำได้แค่เงียบไม่พูดอะไร แต่ในใจอธิฐานให้เย่เทียนเฉินกำจัดคนจากสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ ในส่วนลึกของจิตใจเธอยังคงเชื่อมั่นในตัวเย่เทียนเฉิน
หลังจากที่เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยจนไปจากอาคารบริการทางการแพทย์แล้ว เฮยเมี่ยนก็รอเขาอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินเดินออกมา เฮยเมี่ยนก็ถามด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “พูดคุยกับพ่อตาในอนาคตได้ไม่เลวเลยใช่ไหม? ดูสีหน้าของแกแล้วคงอารมณ์ดีมาก เขายกลูกสาวให้แกแล้วใช่หรือเปล่า?”
เฮยเมี่ยนย่อมจงใจพูดจาหยอกล้อเย่เทียนเฉิน ต้องการแก้แค้นที่ปกติตนถูกเย่เทียนเฉินล้อเลียน เย่เทียนเฉินมองเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นว่า
“อิจฉาเหรอ? คุณดำเกินไปเลยหาแฟนไม่ได้เหรอ?”
“ฉันจะหาแฟนไม่ได้หรือไง? ออกจะหล่อขนาดนี้!” เฮยเมี่ยนพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“หล่อมาก เพียงแต่ตอนกลางคืนแฟนของคุณคงมองไม่เห็นคุณ!” ในขณะที่พูดเย่เทียนเฉินก็เดินผ่านข้างกายเฮยเมี่ยนไป
“ไอ้หนู…ฉันดำก็ช่างเถอะ แต่ฉันแข็งแรง!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณแข็งแรงที่ไหนกัน สีหายหมดแล้ว…” เสียงของเย่เทียนเฉินดังแว่วมาเฮยเมี่ยนแทบทรุด
ตลอดทางเย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กำลังใคร่ครวญว่าจะต้องรีบจัดการคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นหลิงอวี่สวิ๋นก็จะยังมีอันตราย แต่คนกลุ่มนี้ซ่อนตัวได้ดีเยี่ยมเกินไป กระทั่งท่านผู้นำสูงสุดก็ไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ หากต้องรอให้พวกเขามาลงมือถึงที่ เกรงว่าคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกินไป
ถึงแม้ปากของเย่เทียนเฉินจะพูดออกมอย่างสบายๆ แต่ในใจก็ไม่ได้สบายไปด้วย สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งยอดฝีมือมามากมายขนาดนั้น กระทั่งย่าขู่ก็ถูกฆ่า ดูแล้วการที่ครั้งนี้พวกมันลงมือได้สะดวกราบรื่นแล้วยังปกปิดร่องรอยได้อย่างสิ้นเชิงคงจะมีคนคอยช่วยพวกเขาอยู่ลับหลังถึงจะถูก คนที่อยู่เบื้องหลังนี้จะเป็นใครกันแน่?
……………………………