เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 450 คนตระกูลเย่จะต้องถูกฆ่าให้หมด
“พ่อ…ช่วยพวกเราด้วย!”
“พ่อ…ผมไม่อยากตาย…”
เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วถูกนักฆ่าสองคนดึงออกไป ต่างตัวสั่นไปทั้งร่าง ทำได้เพียงขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด เย่มู่ไป๋ต้องไม่อยากตายแน่นอน ส่วนเย่เฮ่อกั๋วถึงแม้ภรรยาและลูกชายของตนจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่สำหรับเขาคนนี้ไม่สำคัญเทียบเท่ากับชีวิตของตน เขาเพิ่งจะอายุ 40 กว่าปี ยังสามารถแต่งภรรยาและให้กำเนิดลูกชายใหม่ได้
“หยุดมือ พวกแกทำการฆ่าสังหารตระกูลเย่ของฉันขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะออกไปจากเมืองหลวงไม่ได้หรือไง!” เย่หย่วนซานมองไปยังมือสังหารสี่คนแล้วเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน
มือสังหารที่เป็นหัวหน้ามองไปยังเย่หย่วนซาน เดิมทีพวกเขาได้รับคำสั่งให้มาฆ่าล้างตระกูลเย่ทั้งหมด ตอนนี้ที่ยังไว้ชีวิตคนกลุ่มนี้เพราะต้องการบีบบังคับเย่หย่วนซานให้บอกเบาะแสของเย่เทียนเฉิน มิฉะนั้นคงฆ่าทุกคนไปจนหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วกลัวความตายเช่นนี้ มือสังหารที่เป็นหัวหน้าคล้ายกับจะมองเห็นความหวัง เชื่อว่าจะต้องได้เบาะแสของเย่เทียนเฉินแน่นอน ขอเพียงรู้เบาะแสของเย่เทียนเฉิน พวกเขาก็จะฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เย่หย่วนซานก็จะไม่มีประโยชน์ให้ใช้งานอีกต่อไป
“กลัวเหรอ? หึ คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างพวกเราทำเรื่องอะไรไม่เคยหวาดกลัว ผู้อาวุโสเย่ ฉันจะบอกความจริงกับแก พวกเราต้องการเบาะแสของเย่เทียนเฉินหลานของแกเท่านั้น ขอเพียงแกบอกพวกเรามา พวกเรารับประกันว่าจะไม่ทำร้ายใครอีกแม้แต่คนเดียว!” มือสังหารที่เป็นหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเย่หย่วนซาน ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน โดยเฉพาะกับพวกชั่วช้าที่มีความแค้นกับประชาชนชาวจีนของพวกเราอย่างไม่อาจแก้ไข ต่อให้ฉันตายก็จะไม่ฟังคำพูดของพวกแก!” เย่หย่วนซานกล่าวอย่างดุดัน
เย่หย่วนซานเป็นชายชราที่มีศักดิ์ศรีคนหนึ่ง หากจะถามว่าเหตุใดก่อนหน้านี้จึงปฏิบัติกับครอบครัวเย่เทียนเฉินเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะเขาไม่มีหนทาง อายุมากแล้วยังต้องมาพบกับการต่อสู้แย่งชิงของลูกชายคนโตและลูกชายคนรอง เขาก็ทำได้เพียงหลับตาข้างลืมตาข้าง ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือก็เป็นเนื้อ ในตอนที่ลูกชายสองคนโจมตีเย่หงลูกคนที่สาม เขาก็ทำได้เพียงเลือกเช่นนี้ออกมา ไล่เย่หงออกจากบ้านเดิมตระกูลเย่ไปเสีย มิฉะนั้นเกรงว่าจะมีเรื่องราวกันต่อไปไม่จบไม่สิ้น เขาเองก็ทำเพื่อความกลมเกลียวสามัคคีของครอบครัวใหญ่ทั้งหมด
เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนกัน คนที่บีบบังคับข่มขู่พวกเขาก็คือสุนัขของประเทศชิบะ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่าประชาชนชาวจีนของพวกเรามีความแค้นลึกล้ำที่ไม่อาจแก้ไขกับประเทศชิบะ ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้พวกสุนัขของประเทศชิบะยังคงมีใจคิดร้ายกับประเทศจีนของพวกเรา ทุกคนควรจะสามัคคีร่วมมือกันต่อต้านศัตรูถึงจะถูก หากยอมร่วมมือกับประเทศชิบะ คุกเข่าร้องขอชีวิตพวกมัน ศักดิ์ศรีของประชาชนชาวจีนของพวกเราจะเอาไปไว้ที่ไหน? ความเคารพในตนเองของพวกเราจะเอาไปไว้ที่ไหน? คนเช่นนี้เทียบไม่ได้แม้กระทั่งสุนัขตัวหนึ่ง
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นผู้อาวุโสเย่ อย่ามาตำหนิที่ฉันไม่เกรงใจ…” มือสังหารที่เป็นหัวหน้าหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม ยกดาบสไตล์ชิบะในมือขึ้น
“อา…อย่า พ่อ พ่อครับ ช่วยพวกเราด้วย พ่อบอกพวกเขาไปเถอะ เดิมทีเย่เทียนเฉินก็เป็นลูกหลานอกตัญญู ก่อเรื่องไปทั่ว นำความอัปยศมากน้อยแค่ไหนมาให้ตระกูลเย่ของพวกเรา ตอนนี้ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย!” เย่มู่ไป๋เห็นมือสังหารที่เป็นหัวหน้ายกดาบเปื้อนเลือดในมือขึ้นก็ตกใจจนรีบขอร้องเย่หย่วนซานทั้งน้ำตา
“พ่อครับ…พ่อทนเห็นผมกับพี่ใหญ่ตายไปด้วยกันได้เหรอ? พวกเราเป็นลูกของพ่อ นี่มันเวลาไหนแล้ว พวกเราสองคนเทียบไม่ได้กับเย่เทียนเฉินคนเดียวเชียวเหรอ?” เย่เฮ่อกั๋วเองก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบตะโกนออกไป
เย่หย่วนซานมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้อย่างเย็นชา เขาไม่ได้กล่าวคำใด แต่ในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวดและโศกเศร้ามาก เขาย่อมไม่อยากเห็นลูกชายคนโตและลูกชายคนรองของตัวเองถูกฆ่า แต่ถ้าจะให้บอกเบาะแสของเย่เทียนเฉินผู้เป็นหลานชายออกไปเพราะเหตุนี้ นั่นยังจะนับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันอีกหรือ? ยังจะมีความรู้สึกของครอบครัวอยู่อีกหรือ? กระทั่งครอบครัวเดียวกันก็ยังขายออกไปได้ ความรุ่งโรจน์ของเขาเย่หย่วนซานจะต้องมาถูกทำลายลงที่นี่หรือ?
ที่สำคัญที่สุดก็คือเย่หย่วนซานที่เคยเป็นบุคคลระดับสูงของทางการย่อมมีใจรักชาติ หากต้องร่วมมือกับพวกชั่ว ยอมคุกเข่าให้พวกชั่วช้า ยังยากจะรับไหวยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“มู่ไป๋ เฮ่อกั๋ว นี่ไม่ใช่ว่าฉันเขาข้างเทียนเฉิน พวกแกจะไม่ยอมรับก็ได้ว่าเขาเป็นหลานชายของพวกแก จะไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนก็ได้ จะไม่มีความเคารพในตนเองแม้แต่น้อยก็ได้ แต่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหนก็อย่าได้ลืมว่าพวกแกเป็นคนจีน…” เย่หย่วนซานชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก่อนจะกล่าวเสียงดัง
“พ่อครับ ผมไม่อยากตาย ผมไม่อยากตาย…”
“พ่อครับ ช่วยพวกเราด้วย…อย่า ขอเพียงพวกแกไม่ฆ่าฉัน ฉันจะพาพวกแกไปหาเย่เทียนเฉิน!”
ท้ายที่สุดเย่มู่ไป๋กับเย่เฮ่อกั๋วก็ยังตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง อยากจะยืนก็ยังยืนไม่ขึ้น พวกเขามองออกแล้วว่าเย่หย่วนซานมีความภูมิใจในความเป็นประชาชนชาวจีน ในตอนนี้จะไม่ยอมร่วมมือช่วยพวกเขาอย่างเด็ดขาด ตัวเลือกสุดท้ายของพวกเขาก็คือการช่วยเหลือตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจความเคารพในตัวเอง ไม่ต้องสนใจศักดิ์ศรีอะไร ไม่ต้องสนใจชื่อเสียงของตระกูลเย่ และยิ่งไม่ต้องสนใจว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นคนในตระกูลเย่หรือไม่ ยินดีขายออกไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสมีชีวิตของตน
ตอนนี้เอง มือสังหารที่เป็นหัวหน้าหัวเราะอย่างเย็นชา เขาคาดเดาได้แล้วว่าเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วเป็นพวกขี้ขลาด จะต้องพูดออกมาเพราะทนความหวาดกลัวต่อความตายไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ตอนแรกเขาจึงบีบบังคับเย่หย่วนซานเช่นนั้นเพื่อให้เย่หย่วนซานกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมา ให้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วรู้สึกสิ้นหวัง ให้รู้ว่าพ่อของตนจะไม่ยอมช่วยพวกเขาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองที่หวาดกลัวความตายจะต้องเลือกขายเย่เทียนเฉินออกมาแน่ จะต้องยอมพูดเบาะแสของเขาออกมาแน่
เพียงแต่สิ่งที่มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าไม่ทราบก็คือเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วไม่รู้เบาะแสของเย่เทียนเฉินโดยสิ้นเชิง ความจริงตอนที่พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวงก็เริ่มปฏิบัติการแล้ว ขณะที่ไปสังหารตระกูลหลิงก็ส่งคนมาลอบหาเบาะแสของเย่เทียนเฉิน ทั้งยังเคยติดต่อกับคุณชายใหญ่ด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่นิสัยของคุณชายใหญ่แปลกประหลาดมากและไม่ได้พูดคุยกันง่ายๆ ขนาดนั้น ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะหลอกใช้ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้รับข้อมูลใดแม้แต่น้อย ต้องทราบว่าคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาโจมตีเมืองหลวงในคราวนี้แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือการต่อสู้ มันสมองหรือความสามารถในการค้นหาตรวจสอบก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าในเวลาเพียงไม่กี่วันก็ออกค้นหาไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงแล้ว แต่ยังคงไม่เจอเบาะแสของเย่เทียนเฉิน ดังนั้นจึงได้มีการโจมตีทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจจะมีเบาะแสของเย่เทียนเฉินอยู่ ต้องการทราบเบาะแสที่แน่ชัดของเย่เทียนเฉิน
ฉัวะ!
ประกายดาบส่องสว่าง เลือดสดๆ จำนวนมากพุ่งกระฉูดเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋ว ทำให้ทั้งสองตกใจจนแทบสิ้นสติลงกับพื้น ในตอนที่พวกเขาหันไปมองพบว่าเย่เฉียนซวนถูกดาบฟันตั้งแต่ศีรษะถึงเอว เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมาไม่หยุด ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในความตายก่อนจะล้มลงพื้น เขาคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนกล้าฆ่าตนเองเช่นนี้ ตวัดดาบฆ่าเขาตามใจชอบ ความคิดเช่นนี้เป็นเพราะเมื่อก่อนเขาเห็นตนเองเป็นใหญ่
“เฉียนซวน เฉียนซวน…” เย่มู่ไป๋ตะโกนเสียงดัง แต่ลูกชายของเขาเย่เฉียนซวนได้ล้มลงไปจมกองเลือด ตายไปแล้ว
เย่มู่ไป๋ตื่นตะลึงไปทั้งร่าง ลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของเขาตายไปแล้ว ก่อนหน้านี้หลายปีภรรยาของเขาป่วยสาหัสอย่างกะทันหันจนตายไปแล้ว ตอนนี้ลูกชายของเขาก็ตายไปแล้ว ชั่วขณะนั้นเย่มู่ไป๋ถึงรับรู้ได้ว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ขนาดไหน ยามปกติวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในตระกูล ในฐานะที่เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเย่เขาย่อมมีอำนาจมาก นอกจากเย่หย่วนซานแล้วไม่ว่าใครก็จะต้องฟังคำพูดของเขา เพียงแต่ตอนนี้เขากลับทำได้เพียงมองดูเย่เฉียนซวนลูกชายของตนเองตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ เขาถึงรู้ว่าตนไร้ประโยชน์จริงๆ
มือสังหารที่เป็นหัวหน้าไม่ได้พูดอะไรให้มากความ การที่เขาตวัดดาบฆ่าเย่เฉียนซวนในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะต้องการเหลือประโยชน์อันใดให้กับเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋ว แต่ต้องการข่มขู่พวกเขา ให้พวกเขารู้ว่าไม่ว่าใครก็ถูกฆ่าได้ พวกเขามีอำนาจควบคุมความตายอยู่ในมือ หากไม่พูดความจริงหรือไม่ซื่อสัตย์ก็จะต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้
“พูดมาเถอะ เสียเวลามากเกินไปแล้ว พวกเราไม่มีความอดทนขนาดนั้น!” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าเห็นพวกเย่หย่วนซานเป็นแพะไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง คิดจะฆ่าอย่างไรก็ฆ่าตามใจ
“พอแล้ว!” เย่หย่วนซานตะโกนเสียงดัง ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงจนหยุดชะงัก จะอย่างไรก็เป็นชายชราที่ผ่านคลื่นลมมามาก จะมากจะน้อยก็ยังพอมีบารมีอยู่บ้าง
“อ้อ? ผู้อาวุโสเย่คิดจะพูดแล้วเหรอ?” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าหัวเราะเย็นชา กล่าวถามอย่างขบขัน
เย่หย่วนซานหมุนตัวไป มองไปยังเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋ว มองไปยังศพของหลานชายทั้งสองและลูกสะใภ้ รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ชีวิตของทุกคนล้วนอยู่ในกำมือของมือสังหารทั้งสี่ ไม่มีใครมาช่วยพวกเขาได้ หากรอตำรวจมาถึงเกรงว่าทุกคนคงตายไปหมดแล้ว เขาไม่อาจเห็นลูกหลานตระกูลเย่ของตนตายไปต่อหน้าต่อตาได้อีก
“ฉันมีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว อย่าได้แตะต้องคนในตระกูลเย่ของฉันอีกแม้แต่คนเดียวแล้วฉันจะบอกพวกแก!” เย่หย่วนซานกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“ไม่มีปัญหา ฉันรับปากแก!” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“เย่เทียนเฉินไม่ได้อยู่ที่บ้านเดิมตระกูลเย่ บ้านของพวกเขาอยู่ที่ถนนตงกวน!” เย่หย่วนซานกัดฟันพูดออกมา
เมื่อมือสังหารผู้เป็นหัวหน้าได้ยินคำพูดของเย่หย่วนซานก็มองไปยังเย่หย่วนซานครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะกล่าวว่า “ดี ดีมาก ดีจริงๆ ขอบคุณผู้อาวุโสเย่ที่ให้ร่วมมือ…”
เย่มู่ไป๋กับเย่เฮ่อกั๋วทอดถอนใจ คนที่เหลือของตระกูลเย่ต่างก็ผ่อนคลาย ถึงแม้เย่เฉียนซวน เย่ฉีและมารดาของเขาจะตายไปแล้ว แต่อย่างน้อยพวกตนก็ไม่ต้องตายอีก การได้มีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด ต่อให้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วต้องสูญเสียลูกชายและภรรยา ในใจทั้งโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยว แต่พวกเขาก็เกือบจะตายไปแล้ว ตอนนี้จึงต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป ยังคงอดไม่ได้ที่จะเกิดความยินดีในใจ ทุกคนที่นี่มีเพียงเย่หย่วนซานที่มองไปยังมือสังหารผู้เป็นหัวหน้าอย่างเย็นชา เขาคาดเดาได้นานแล้วว่าเรื่องคงไม่ง่ายดายเช่นนั้น
“ฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ให้หมดแล้วพวกเราก็ไปได้!” ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ของตระกูลเย่ยังไม่ทันได้ดีใจมากเท่าไหร่ คำพูดอันโหดเหี้ยมเย็นชาไร้มนุษยธรรมของมือสังหารผู้เป็นหัวหน้าก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของทุกคน
……………………..